โดย...ริญา
ฉันได้พบกับ “เทอราพิ่น” (Terrapin) ครั้งแรก เมื่อย้ายไปอยู่กับ “พี่เมล” สามีที่บ้านชานเมืองแอตแลนต้า มลรัฐจอร์เจีย สหรัฐอเมริกา เมื่อแรกได้ยินชื่อ ก็พาลสงสัยเลยถามพี่เมลว่า “ทำไมตั้งชื่อแมว (แปลเป็นไทยแล้ว)ว่า เต่า”
พี่เมลหัวเราะ ก่อนตอบว่า “เทอราพิ่น ชอบนั่งหมอบคู้ หลังโก่ง ดูแล้วคล้ายเต่า” นั่นเป็นเหตุผลแรก แต่ยังมีอีกเหตุหนึ่งคือ วง Grateful Dead วงดนตรีวงโปรดของพี่เมล มีอัลบั้มชื่อ Terrapin Station พี่เมลเลยตั้งชื่อแมวตัวแรกว่า “เทอราพิ่น” ซะเลย
กว่าฉันจะได้มาคลุกคลีกับ เทอราพิ่น ก็เมื่อเธออายุประมาณ 13 ปีแล้ว เรียกว่าเข้าสู่ปัจฉิมวัยของแมว ฉันจึงตั้งอีกฉายาให้เธอเป็นภาษาไทยว่า คุณยายเต่า
คุณยายเต่า ของฉันมีขนยาว สีน้ำตาลเข้ม สลับเหลืองแก่ หางเป็นพวงฟู ชวนให้ฉันอยากเล่น อยากลูบไปตามขนยาวๆ นุ่มๆนั้นเหลือเกิน แต่ช้าก่อน คุณยายเต่า นั้นไม่ชอบเป็นมิตรกับคนแปลกหน้านัก สำหรับฉันผู้ย้ายเข้ามาอยู่ใหม่ ก็ถือว่าเป็นคนแปลกหน้าสำหรับเธอ ดังนั้น เธอจึงมองฉันด้วยใบหน้าเชิด หยิ่ง ตลอดอาทิตย์แรก ที่อยู่ด้วยกัน และเดินหนีทุกครั้งยามที่ฉันทำท่าจะแตะต้องตัว “หยิ่งซะเหลือเกินนะคุณยาย” ฉันคิดในใจ
พี่เมล เห็นแล้วอดรนทนไม่ไหว เลยมาบอกเทคนิคการได้ลูบตัวคุณยายเต่า วิธีคือ เอามือ ข้างหนึ่งให้เธอดม ส่วนอีกข้างหนึ่งก็ลูบตัว
ด้วยความอยากเล่นกับคุณยายเต่าเป็นกำลัง ฉันจึงดำเนินวิธีดังว่า ผลคือ...
“กรี๊ดดด...เทอราพิ่นกัดฉัน” มือข้างที่ยื่นไปให้ดมนั่นไง ตอนแรกก็ได้ผลดี คุณยายเต่า ก็ดมไปดมมา ปล่อยให้ฉันลูบเล่นเนื้อตัวได้ตามสบาย สักพักคงนึกขึ้นได้ เลยกัดหมับเข้าให้ที่นิ้ว แถมตบซ้ำอีกทีก่อนวิ่งหนี หลังจากนั้น ฉันแทบถอดใจไม่อยากเล่นกับคุณยายอีกเลย
หากแต่พี่เมล เล่าว่า ที่เทอราพิ่น เป็นแมวดุแบบนี้เพราะ สมัยก่อนพี่เมลอยู่บ้าน ในเมืองหลวง เวลาพี่เมลไปทำงาน เทอราพิ่น ก็จะออกไปวิ่งเล่นนอกบ้านบ้าง ซึ่งชีวิตนอกบ้านสำหรับแมวเมืองหลวง ก็โหด ไม่ต่างกับการที่คนอย่างเราๆผจญชีวิตในเมืองใหญ่นักหรอก สิ่งที่เทอราพิ่นพบจากโลกภายนอก ทำให้บุคลิกของเธอเป็นแมวที่ดุร้าย ไม่เช่นนั้นคงไม่เอาตัวรอดมาได้จนถึง 13 ปี แต่ถ้าเทอราพิ่น คุ้นเคยและชินกับฉันแล้ว เธอก็จะเแมวที่น่ารักมากตัวหนึ่งเลยเชียว
หลังจากนั้น ฉันจึงเกิดความมุมานะ ที่จะเอาชนะใจแมวตัวนี้ให้ได้ ยามเล่นกับเธอ ฉันจะระแวดระวังเป็นอย่างดี คอยสังเกตจังหวะ ชักมือหลบให้ทันก่อนจะโดนกัด หรือโดนตบ แรกๆ ก็ได้แผลเกือบทุกครั้ง แต่หลังๆ เหอๆๆๆ คุณยายแมวไม่ได้แอ้มฉันหรอกค่ะ
แล้วความพยายามของฉันก็เป็นผลสำเร็จ ฉันสามารถทำให้คุณยายแมวเป็นมิตร และรักฉันได้ ด้วยความเชื่อที่ว่า คุณยายเต่าของฉัน ฟังภาษาคนรู้เรื่อง ทุกครั้งยามที่ฉันลูบเล่น ฉันก็จะพูดเสมอว่า ฉันรักเธอ แล้วก็ให้เวลาเล่นกับเธอ จำได้ว่าครั้งแรกที่ได้ยินเสียงคุณยายเต่าหายใจฮึมฮำอย่างเป็นสุขนั้น ฉันดีใจจนร้องเรียกพี่เมลให้มาฟัง
“นานๆ เทอร่าพิ่น จะส่งเสียงฮืมฮำแบบนี้นะ นี่แสดงว่าเธอชอบคุณแล้วล่ะ” พี่เมลบอกฉัน
หลังจากนั้นมา เทอร่าพิ่น จะเป็นฝ่ายเดินเข้ามาหาฉันเอง ยามต้องการให้ฉันลูบตัว แล้วก็จะเดินวนเวียนถูลำตัวไปกับขาฉัน พร้อมหายใจส่งเสียงครืด...คราด... ฮึมฮำ อันเป็นวิธีแสดงออกของแมว บอกว่ามันมีความสุข
อีกสิ่งหนึ่งที่ฉันเรียนรู้คือ คุณยายเต่า ชอบเล่นต่อสู้มาก เวลาที่คุณยายอยากเล่นขึ้นมา เธอก็จะวิ่งเข้ามาสะกิดขาฉัน แบให้เจ็บๆนิดหน่อย (ตามประสาแมวซาดิสม์) จกานั้นก็จะทิ้งตัวลงบนพื้น สองขาหน้าตั้งการ์ด คล้ายเตรียมชกมวย สะบัดอุ้งเท้าเล็กน้อย อวดเล็บยาวที่พร้อมจะข่วนคู่ต่อสู้ทุกเมื่อ เพื่อความสุขของแมว ฉันจึงต้องลงสนามสู้กับเธอทุกครั้ง ชกเล่นๆล่อให้คุณยายชกกลับ ดึงหางบ้าง เอาเท้าแหย่ตรงก้นบ้าง แต่ทุกอย่างต้องทำด้วยความเร็ว ไม่เช่นนั้น...ได้มีแผลออกจากสังเวียน (ซึ่งแอนตาซิล คงไม่มาจ่ายค่าทำแผลแน่)
คุณยายเต่าของฉัน เป็นแมวยอดนักสู้นะ ไม่เกรงกลัวใครหน้าไหนทั้งสิ้น แม้วัยจะล่วงเลย และเปิดเผยให้เห็นความชราภาพทุกครั้งยาม เธอก้าวเดินขึ้นบันได คุณยายจะก้าวช้าๆ ไปทีละขั้น ทีละขั้น ต่างกับแมววัยรุ่นตัวอื่นๆที่วิ่งแซงหน้าคุณยายขึ้นบันได ก่อให้คุณยายอารมณ์เสียทุกครั้ง ยามโดนแมวตัวอื่นตัดหน้า
และแล้วเลือดนักสู้ของคุณยายเต่า ก็แผ่ซ่านสำแดงให้เราและแมวรุ่นตัวอื่นๆในบ้านได้ประจักษ์ เมื่อวันหนึ่งหมาพันธุ์พิทท์บูล เทอร์เรีย ที่ขึ้นชื่อว่าดุร้าย หลุดออกมาจากบ้านหลังหนึ่งในย่านที่เราอยู่ ฉันไม่รู้ว่ามันมาจากทิศไหน เห็นก็เมื่อมันกระโจนพรวดขึ้นมาที่ระเบียงหลังบ้าน มุ่งตรงมาที่ประตูบานเลื่อนที่เปิดแง้มไว้ มันเอาหน้าดันประตูเห่ากรรโชกอย่างดุร้าย หมายจะกระโจนเข้ามาในบ้านให้ได้ ซึ่งตรงหน้ามันขณะนั้น มีแมวแก่ตัวหนึ่ง กำลังขู่ฝ่อๆกลับไป อย่างไม่เกรงกลัว เท้าหน้าของคุณยายเต่าสะบัด อวดกรงเล็บพร้อมสู้เต็มที่
ฉันซึ่งนั่งอยู่ที่เก้าอี้ ไม่ห่างประตูนัก ตกใจร้องกรี๊ดลั่นบ้าน ถลันรีบไปปิดประตูก่อนที่เจ้าพิทท์บูลจะหลุดเข้ามาขย้ำแมวของฉันจมเขี้ยว ในนาทีระทึกใจ ฉันมองดูคุณยายเต่าแล้วให้รู้สึกทึ่ง ในขณะที่แมวตัวอื่นในบ้านต่างพากันโกยอ้าว เผ่นหนีไปไม่รู้ทิศรู้ทาง แต่คุณยายเต่าของฉันปักหลักยืนขู่ฝอดๆ เตรียมสู้กับหมาที่ตัวสูงใหญ่กว่ามันหลายเท่านัก ดวงยังดีหรอกนะ คุณยายเต่าที่มันไม่หลุดเข้ามาในบ้าน ไม่อย่างนั้น เธอคงเหลือแต่ชื่อ
ล่วงเลยมาถึงวัย 15 ปี คุณยายเต่า ก็มีอันได้ย้ายบ้านตามเรามาอยู่ที่มลรัฐเคนตั๊กกี้ คุณยายเต่า ปรับตัวเข้ากับสถานที่ใหม่ได้ดี คงเพราะคุ้นกับการย้ายบ้านอยู่เรื่อยๆ แต่แล้ว 5 เดือนต่อมาในบ้านใหม่ คุณยายเต่าอารมณ์กลับเปลี่ยน เริ่มจากไม่ชอบขี้หน้า ลูกแมว 2 ตัวใหม่ ที่ฉันกับพี่เมลเก็บมาเลี้ยง คุณยายเต่าจะขู่ฝอดๆทุกครั้งยามเจ้าลูกแมวพี่น้องคู่นี้ เดินผ่าน เธอจะพอใจหากเจ้าสองตัวนี้ จ้องมองเธอ ในที่สุด คุณยายเต่าจึงอพยพตัวเองไปอยู่ระเบียงหลังบ้าน ไม่ยอมเข้ามานอนในบ้านอีกเลย แม้เราจะพยายามรั้งให้เธออยู่ แต่ทุกครั้งที่เราอุ้มคุณยายเต่าเข้าบ้าน เธอจะวิ่งไปที่ประตูแล้วร้อง แง้วๆ มองหน้าเราให้เปิดประตู ปล่อยเธออกไปข้างนอก
เราสองคนจึงต้องยินยอมตามใจ ทุกวันเราจะไม่ลืมว่า เราต้องออกไปเล่นกับคุณยายเต่า ออกไปคุยด้วย เอาอาหารไปให้ ซึ่งคุณยายเต่าจะแสดงความดีใจออกมาอย่างเห็นได้ชัด เริ่มจากวิ่งถลาเข้ามาหา พร้อมร้องแง้วๆทักทาย เราสองคนรู้ว่า เธอเหงา คิดถึงเรา แต่เธอก็หวาดระแวงเกินว่าจะทนอยู่ ในบ้านได้
เวลาที่เราเดินเล่นบริเวณนอกบ้าน คุณยายเต่าจะเดินตามเราตลอด ผิดวิสัยแมวทั่วไป เราพูดกันเล่นๆว่า คุณยายเต่าของเรา ทำตัวยังกับหมาชอบเดินตามเจ้าของ
คุณยายเต่า ใช้ชีวิตอยู่นอกบ้าน อยู่นานเป็นเดือน กระทั่งเย็นวันหนึ่ง มองไปที่ระเบียงบ้านแล้วเราไม่เห็นคุณยายเต่านั่งเล่นอยู่เหมือนเคย ฉันออกร้องตามหาก็ไม่เห็นวี่แวว พี่เมลบอกว่า ไม่เป็นไรหรอก คงไปนอนเล่นที่ไหนสักแห่ง เดี่ยวพรุ่งนี้เช้าก็กลับ เรารออยู่การกลับมาของคุณยายเต่า อยู่ 3 วัน ก็ไม่มีวี่แวว ทุกเย็นเราจะออกตามหาและร้องเรียก คุณยายเต่า ก็ไม่ปรากฏตัวมาให้เห็นเลย
แล้วค่ำวันเสาร์ ขณะที่ฉันงีบหลับที่โซฟา รู้สึกตัวตื่นเมื่อพี่เมลมานั่งข้างๆ แล้วบอกว่า “เจอเทอร่าพิ่นแล้ว” ฉันควรจะดีใจเมื่อได้ยิน หากแต่เสียงพี่เมลเศร้าเหลือเกิน แล้วพี่เมลก็กอดฉัน แล้วร้องไห้
“เทอราพิ่น นอนอยู่ตรงทุ่งหญ้าหน้าบ้านเรานี่เอง เราเดินผ่านไป แต่เราไม่รู้ ฉันเห็นหมาแถวๆนั้นเดินไปดม แล้วเดินหนี เลยไปดู แล้วก็เห็นเทอราพิ่น สภาพเขายังอยู่ดีนะ ไม่ได้โดนสัตว์อะไรทำร้าย คงจะถึงคราวสิ้นอายุขัยของเขาแล้ว”
ถึงแม้จะรู้กันอยู่แล้วว่า เทอราพิ่น คงจะอยู่กับเราอีกไม่นาน ด้วยวัยที่มากขึ้น แต่ฉันก็ไม่อยากเชื่อเลยว่า วันนั้นจะมาถึงเร็วอย่างนี้ เมื่อบ่ายวันอาทิตย์ก่อนหน้าที่คุณยายเต่าของฉันจะหายไป ฉันกับพี่เมลออกมาปลูกดอกไม้หน้าบ้าน ฉันเห็นคุณยายเต่าไปนั่งเล่นอยู่ระเบียงของเพื่อนบ้าน ฉันจึงร้องเรียก คุณยายเต่าเห็นฉันจึงรีบวิ่งมาหาร้องแง้วๆทักทายอย่างเคย แล้วเดินตามฉันมานั่งดูพี่เมลปลูกดอกไม้ด้วยกัน วันนั้นฉันถ่ายรูปคุณยายเต่า เก็บไว้ พี่เมลยังชมว่ารูปสวย ไม่คิดว่า จะเป็นรูปสุดท้าย ที่ฉันจะได้ถ่ายเก็บไว้
คืนนั้น ฉันเอาโหลดรูป เทอราพิ่น หรือคุณยายเต่า ของฉันขึ้นหน้าจอคอมพิวเตอร์ เพื่อเป็นการไว้อาลัยแก่แมวตัวหนึ่งที่รับรู้และตอบสนองความรักของฉันที่มีให้
ฉันเดินออกจากห้องทำงาน ลงไปข้างล่างสักพัก เดินกลับขึ้นมาอีกครั้ง ฉันเห็น พี่เมล สามีของฉัน นั่งมองรูปเทอราพิ่น แล้วร้องไห้...เพียงแค่ 2 ปี ที่ฉันได้คลุกคลีกับเทอราพิ่น ฉันยังคิดถึงและอาลัยอาวรณ์เหลือเกิน แต่พี่เมลกับเทอราพิ่นนั้นยาวนานถึง 15 ปี ฉันจึงไม่แปลกใจเลยกับภาพที่เห็นตรงหน้า