ไก่ชน2002    ไก่ชนกับวัฒนธรรม   fighting_cocks  and culture  ไก่ชนกับวัฒนธรรม

ค้นหา:

วันอาทิตย์ที่ 7 มีนาคม 2547

คุณเข้าเยี่ยมชมคนที่

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

เว็บไซท์ที่น่าสนใจ
ไก่ชนพม่า
ซุ้ม ป.โชคชั
ตรีเพชรฟาร์มไก่ชน
ไก่ชนชลดา
ไก่ชนสยาม

ซุ้มขุนแผน
ผู้ใหญ่แสน
บ้านไก่ชน

ไก่ชน.คอม
thai.net/สุ่มไก่ 
บ้านไก่ไทย
ไก่ชนไทย
geocities/สุ่มไก่
thaicockfight.com
kaichon.com 
ไก่ป่าก๋อย

ซุ้มอ่างแก้ว
เสียงไก่ชน
ประดู่.คอม

ซุ้มวัฒนาไก่ชน
กรมปศุสัตว์
บุญเลี้ยงไก่ชน
เว็ปนครใหญ่ฟาร์ม

                              
  ปล่อยเลี้ยงแบบธรรมชาติ (ไก่คุณสมหวัง)

        วัฒนธรรมคืออะไร

        วัฒนธรรมเป็นสิ่งที่ผู้คนในสังคมได้ร่วมกันสร้างขึ้น  ร่วมกันพัฒนา  และปฏิบัติสืบทอดต่อกันมาถึงลูกหลาน  มีการเกิดใหม่  มีการดับไป  หากวัฒนธรรมใดที่สังคมเห็นว่าดีก็จะยึดถือปฏิบัติต่อ  หากวัฒนธรรมใดที่สังคมไม่ยอมรับวัฒนธรรมนั้นก็จะเลือนหายไป  เช่น  ในสังคมชนบทอีสานมีวัฒนธรรมข้าว  แสดงให้เห็นความสัมพันธ์ระหว่างข้าวกับคน  คนกับควาย  และประเพณีอื่น ๆ ที่เกิดจากอิทธิพลทางความเชื่อ  อันได้แก่ ฮีตสิบสอง  คองสิบสี่  เป็นต้น

         ไก่ชนเป็นผลแห่งวัฒนธรรมของสังคมเกษตรกรรม  คนปลูกข้าวเอาไว้กิน  คนเลี้ยงควายเอาไว้ใช้แรงงาน  และคนเลี้ยงไก่เอาจุดประสงค์หลักเอาไว้เป็นอาหาร  ชาวบ้านใช้ข้าวเศษตกในนาเมื่อฤดูเก็บเกี่ยวเลี้ยงไก่  หรืออาจใช้ครกมองตำข้าวซึ่งจะได้ทั้งข้าวสาร  ข้าวปลาย  รำและแกลบซึ่งไก่ที่เลี้ยงไว้ก็จะอาศัยครกมองเป็นที่หากินก็โตขึ้นได้  ด้วยเหตุนี้เองไก่จึงเป็นสัตว์ที่มีสัญชาติญาณแห่งการต่อสู้  ตัวชนะจะทำหน้าที่คุมฝูงได้ตัวเมียและอาหารเป็นรางวัล  จึงมีคนชอบนำไก่มาเลี้ยงชน

         การเลี้ยงไก่ชนยังไม่พบหลักฐานยืนยันว่ามีมาแต่เมื่อใด  แต่ปรากฏหลักฐานที่ปราสาทนครธมแห่งประเทศกัมพูชามีภาพสลักคนเล่นชนไก่  จึงสันนิฐานว่าในสมัยที่สร้างปราสาทนี้ก็คงมีการเล่นชนไก่ขึ้นแล้ว  ส่วนในประเทศไทยได้มีตุ๊กตาเสียกระบาลที่ขุดพบจากเตาเผาเมืองสวรรคโลกเป็นรูปคนอุ้มไก่ชน  จึงสันนิฐานว่าคงมีการเล่นไก่ชนมาตั้งแต่สมัยสุโขทัย  ส่วนกรุงศรีอยุธยาก็มีภาพวาดที่วัดสุวรรณดารามจังหวัดพระนครศรีอยุธยาเป็นภาพจิตรกรรมฝาผนังที่สมเด็จพระนเรศวรกำลังชนไก่กับมังสามเกียดและสมัยนี้มีการเล่นไก่ชนกันอย่างแพร่หลาย  หลักฐานเหล่านี้ก็พอจะยืนยันได้ว่าการชนไก่เป็นวัฒนธรรมหนึ่งที่มีมาพร้อมกับการสร้างบ้านแปลงเมืองในยุคต้น ๆ และสืบทอดเรื่อยมาจนปัจจุบัน  การคงอยู่ของวัฒนธรรมนี้ย่อมเป็นบทพิสูจน์ว่าไก่ชนย่อมอยู่คู่กับคนไทย

        จากการทฤษฎีวิวัฒนาการทางสังคมของ   อัลวิน   ทอฟฟ์เลอร์   (Alvin  Toffler) ที่เสนอไว้ในหนังสือคลื่นลูกที่  3 หรือ  The third  wave  ว่าในโลกของเรามีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ๆ ทางสังคม คือยุคแรกเป็นยุคปฏิวัติเกษตรกรรม ซึงเป็นสังคมดั้งเดิมของมนุษย์  ผู้คนดำรงชีพด้วยการล่าสัตว์  ต่อมาได้พัฒนาตัวเองมาเป็นสังคมเกษตรกรรมพออยู่พอกิน  มีการแลกเปลี่ยนซึ่งกันและกันและสุดท้ายกลายมาเป็นสังคมเกษตรกรรมเพื่อขายแลกเปลี่ยนเป็นเงินตรา  ยุคที่สองเป็นยุคปฏิวัติ  อุตสาหกรรมที่มุ่งใช้พลังงานจากเครื่องจักรกลแทนแรงงานมนุษย์และสัตว์  ทำให้เกิดการผลิตด้านปริมาณอย่างมหาศาล  (Mass  Production)  ทรัพยากรธรรมชาติถูกทำลายอย่างมากมาย  ยุคที่สาม  คือ  ยุคปฏิวัติข้อมูลข่าวสาร  เกิดการขยายตัวของการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ  มุ่งแสวงหาข้อมูลข่าวสารในด้านต่างๆ  เพื่อชิงความได้เปรียบทางด้านเศรษฐกิจ  การเมือง  การทหาร ฯลฯ  (Aivin  toffier ,1980. อ้างถึงใน  เอกวิทย์ ณ ถลาง, 2534 : 87 - 88)  ซึ่งการเปลี่ยนแปลงในยุคแรกมาถึงยุคที่สองนั้นเป็นการเปลี่ยนแปลงช้าๆ      ส่วนการเปลี่ยนแปลงจากยุคที่สองมาเป็นยุคที่สามจนกระทั่งมาถึงยุคปัจจุบันนี้เป็นการเปลี่ยนแปลงแบบก้าวกระโดด  ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางสังคมและวัฒนธรรมอย่างรวดเร็ว

        เวลาแห่งจุดเปลี่ยนผ่านทางวัฒนธรรมปัจจุบันนี้สั้นมากจนแทบไม่มีเวลาทบทวนว่าวัฒนธรรมใดควรรับหรือไม่ควรรับ  การถ่ายเททดแทนของวัฒนธรรมใหม่กลืนกลบวัฒนธรรมเก่าจนมองไม่เห็นเงาแห่งอดีตของตัวเอง  ทั้งสองอย่างนี้เป็นสิ่งหน้ากลัวมากของสังคมชนบทไทยในปัจจุบัน   การพัฒนาที่สร้างปัญหามาตลอดก็คือ  รัฐมักเอาชาวบ้านเป็นคำตอบมากกว่าเป็นตัวตั้ง    ความเจริญทางด้านวัตถุถูกยัดเยียดให้กับสังคมในระดับหมู่บ้าน  ทุกคนต่างยิ้มรับกับของใหม่ที่ได้มา  อยากดู  อยากรู้  อยากเห็นกับสิ่งใหม่ ๆ เป็นวัฒนธรรมใหม่  ที่ถูกทดแทนจนวิถีเก่าถูกทำลายลงไป  ในที่สุดชาวบ้านจะมองไม่เห็นรากเหง้าของตัวเอง  ลืมความเป็นตัวเอง  จนต่อ ๆ ไปคิดว่าของเดิมที่เคยปฏิบัติต่อๆ กันมานั้นล้าสมัย  บางคนอายแม้ชาติกำเนิดของตัวเอง  ดังจะเห็นตัวอย่างทุกวันนี้วัยรุ่นรู้จักดอกกุกลาบในวันวาเลนไทม์มากกว่าดอกบัววันเข้าพรรษา  โรงสีข้าวแทนครกมองตำข้าว  เครื่องยนต์แทนแรงงานควาย  เพียงเพื่อเหตุแห่งความประหยัดทางด้านเวลา  และความสะดวกสะบาย  นอกจะทำลายวิถีเดิมให้แย่ลงไปอีกแล้วยังส่งเสริมให้ชาวบ้านเสพความฟุ่มเฟือย  สังคมชาวบ้านที่เคยพึ่งตัวเงกลับเป็นสังคมที่ต้องพึ่งคนอื่น

        ไก่ชนในบริบททางสังคมยุคปัจจุบันถูกมองว่าเป็นการทารุณสัตว์อันเป็นการสวมแว่นแห่งโลกาภิวัติมองสังคมไทยโดยเอาศิวิไลซ์เซชันมาเป็นมาตรวัด  การเอากรอบทางวัฒนธรรมตะวันตกมาขีดเส้นให้สังคมไทยตัองตามไปและเป็นไปตามมาตรที่เขากำหนดย่อมเหมือนการอัดกรอบพระที่เอาพระกับกรอบคนละรูปแบบมาอัดเข้าด้วยกันย่อมทำไม่ได้  หรือทำได้ชิ้นงานก็ไม่สวย  ดังจะเห็นขยะทางสังคมอันเป็นผลแห่งการผสมทางวัฒนธรรมอยู่ดาษดื่น  แนวโน้มสังคมชนบทหันมาพัฒนาวัตถุมากขึ้นแต่ก่อปัญหาทางสังคมตามขึ้นมาเป็นเงา

         โจทย์สองข้อที่ต่างกันเป็นไปไม่ได้ที่จะใช้คำตอบเดียวกัน วัฒนธรรมตะวันตกกับวัฒนธรรมที่ต่างกันมาตั้งแต่รากเหง้าจนถึงปลายยอด  แล้วจะนำมาเป็นมาตรวัดข้ามวัฒนธรรมกันได้อย่างไร  ซึ่งกระวัฒนธรรมตะวันตกนั้นได้พัฒนา  และเติบโตมาจากวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี  เป็นวัฒธรรมที่พัฒนา  และเติบโตอย่างรวดเร็ว  เน้นการบริโภคและส่งออก  ส่งเสริมเสพเทคโนโลยี  และมีความพึงพอใจกับวัตถุธรรมก่อให้เกิดสังคมทุนนิยม  บริโภคนิยมและอำนาจนิยม  จึงทำให้เกิดการทำลายสิ่งแวดล้อมตามมา  ส่วนวัฒนธรรมตะวันออกนั้น  มีรากฐานจากการเกษตรเป็นหลัก  ดำรงชีวิตด้วยการพึ่งพาอาศัยกันและกัน  รักษาห่วงแหนทรัพยากรธรรมชาติ  และปรับตัวกับธรรมชาติอย่างกลมกลืน  สำนึกในคุณค่าของสิ่งแวดล้อม  และแสวงหาความสงบสุขทางใจครองชีวิตด้วยสมถะ  ไม่ยึดมั่นทางวัตถุ  เป็นสังคมพออยู่พอกิน  ทั้งสองวัฒนธรรมมีความแตกต่างกันทุกขั้นตอนและกระบวนการ  ดังนั้นการมองไก่ชนในวัฒนธรรมตะวันตกจึงเป็นสิ่งไม่ถูกต้อง

        ปกติแล้วมนุษย์ดำรงชีพอยู่ท่ามกลางสิ่งแวดล้อมในลักษณะใดก็จะมีการปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตให้กลมกลืนกับสิ่งนั้น  นั้นคือ  สิ่งแวดล้อมมีผลต่อวิถีชีวิต  ทำให้มนุษย์เกิดความคิดเกิดภูมิปัญญาที่จะปรับตัวเข้ากับสิ่งแวดล้อมที่เป็นอยู่ได้อย่างปกติสุขซึ่งนำไปสู้การสร้างสรรค์วัฒนธรรม  และมีวัฒธรรมเป็นฐานรากก่อให้เกิดสังคมที่ดีตามมาเมื่อสังคมมีระบบระเบียบแล้วก็จะมีส่วนผลักดันให้เกิดสิ่งแวดล้อมของสังคมนั้นให้ดีขึ้น

        กระแสโลกาภิวัตินั้นโหมมาแรงและเร็วแทบจะกลบกลืนทุกอย่างให้เลือนหาย  ด้วยเป็นวัฒนธรรมที่ได้รับการส่งเสริมจากระบบทุนนิยม  เป็นวัฒนธรรมมหาอำนาจจึงถูกมองว่าเป็นอินเตอร์ที่อะไรก็ดูดีไปหมด  การรับวัฒนธรรมก็อาจรับได้โดยง่ายโดยที่มิทันต้องคิดถึงประโยชน์และโทษภัย  แต่การเลี้ยงไก่ชนก็ไม่เพียงเป็นวัฒนธรรมแต่เป็นการบรีดดิ้ง  ทำให้เรามีพันธุกรรมไก่ที่หลากหลาย  มีความโดดเด่นอยู่หลาย ๆ อย่างที่ไก่ต่างชาติไม่มี  การทารุนสัตว์เป็นข้อหาที่โยนให้แต่ไก่ชนไทย  ขณะที่ในโลกนี้มีหลายแห่ง  หลายอย่างที่เข้าข่าย

ตายอยู่ข้างถนน  ก็ไม่น่าจะเอามาตรของตัวเองไปใช้กับคนอื่น........เพราะมันเป็นการรังแกทางวัฒนธรรม                      
 

กลับหน้าหลัก
กลับหน้าบทความวิชาการ

 

                                                             
ปรับปรุงข้อมูลล่าสุด
08/03/2547 18:05:05