|
|||
เว็บไซท์ที่น่าสนใจ |
![]() ปล่อยเลี้ยงแบบธรรมชาติ (ไก่คุณสมหวัง)
การปล่อยให้ไก่ชนเดินเล่นในสนามหญ้าภายหลังการซ้อมจะช่วยให้กล้ามเนื้อคลายตัวดีขึ้น และนอกจากนี้ไก่ยังมีโอกาสจิกกินหญ้า แมลงหรือสัตว์ตัวเล็กๆได้ การปล่อยไก่นี้เป็นการคลายความเครียดของไก่ไปในตัว ทำให้ร่างกายเข้าที่เตรียมพร้อมที่จะชน หลังจากที่ซ้อมก่อนชนครบตามขั้นตอนแล้วให้พักไก่ ประมาณ 2 วัน ก่อนจะนำไก่ออกบ่อน ทั้งนี้เพื่อให้ไก่ได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ ขณะเดียวกันก็กราดน้ำไปตามปกติ แต่กราดแดดให้น้อยลง บำรุงยาและให้อาหารอย่างเต็มที่ จัดที่ให้นอนปราศจากสิ่งรบกวนต่างๆ ควรกางมุ้งให้ไก่นอนตอนกลางคืนเพื่อป้องกันยุง ที่นอนนั้นควรปูรองด้วยกระสอบป่านหรือพรม ไม่ควรให้ไก่นอนกับพื้นโดยตรง หมั่นทำความสะอาดพื้นที่นอนทุกวันเพื่อป้องกันโรคติดต่อ และป้องกันกลิ่นที่เกิดจากการขับถ่าย ในช่วงนี้ไก่ควรจะมีความสมบูรณ์เต็มที่ ผู้เลี้ยงสามารถสังเกตได้ง่ายๆ คือ ไก่จะตีปีกขันบ่อยๆ กรีดปีกไปมา ชอบบินขึ้นไปตีปีกขันยังที่สูง เช่น จอมสุ่ม ถ้าสังเกตจากผิวพรรณจะพบว่ามีสีแดง แสดงว่าเลือดผาดสมบูรณ์ดี นอกจากนี้ยังสังเกตได้จากมูลที่ไก่ขับถ่ายออกมา จะเป็นก้อน หักเป็นท่อน ไม่มีกากอาหารที่เหลือเป็นเม็ดข้าว ขี้มีสีเขียวเข้มเสมอกัน ระบบการย่อยอาหารทำงานได้เป็นอย่างดี( นายสงกรานต์ อภัยชา , สัมภาษณ์ : 14 มีนาคม 2545 ) สิ่งเหล่านี้ชี้ให้ผู้เลี้ยงมั่นใจว่าไก่มีความพร้อมที่จะต่อสู้ จึงนำออกบ่อนได้ จะเห็นว่าการเลี้ยงไก่ออกบ่อนมีหลักการเหมือนกับเลี้ยงนักมวยจะขึ้นเวทีต่อสู้ ใช้ทั้งศาสตร์และศิลป์มาผสมผสานกัน โดยมีจุดร่วมพอจะสรุปได้ดังนี้ 1. พักผ่อนให้เต็มที่ 2. กินอาหารที่ดี มีประโยชน์ 3. ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ไม่มากและไม่น้อยจนเกินไป 4. ขยันฟิตซ้อม ไม่ว่ากีฬาประเภทใด ควรปฏิบัติตามที่กล่าวมาแล้วนี้ โอกาสที่จะพบกับชัยชนะย่อมมีมาก และควรปฏิบัติเป็นประจำจนเป็นนิสัย จะเห็นว่าการฝึกซ้อมปล้ำนวมไก่นั้น เป็นการนำเอาหลักเวชศาสตร์การกีฬาเข้ามาจัดการเรื่องการออกกำลัง การฝึกซ้อม โภชนาการและการใช้สมุนไพรมาบำรุงเลี้ยงเพื่อให้ไก่แข็งแรง มีกำลังที่จะจู่โจมคู่ต่อสู้และขณะเดียวกันก็สามารถทนต่อการตีโต้ของคู่ต่อสู้ได้ นอกจากนั้นการจัดการด้านการออกกำลังกายนั้นเริ่มต้นด้วยใช้สิ่งแวดล้อมที่อยู่ใกล้ตัวมาใช้ให้เกิดประโยชน์แล้วพัฒนามาใช้เทคโนโลยี แสดงให้เห็นความสามารถในการผสานองค์ความรู้ ทักษะและเทคนิคด้านเกษตรกับเทคโนโลยี โดยพัฒนาบนพื้นฐานคุณค่าดั้งเดิมผสมผสานกับเทคโนโลยี จนกลายเป็นเทคโนโลยีชาวบ้าน เป็นวิธีการปฏิบัติที่ชาวบ้านได้มาจากประสบการณ์ในการแก้ปัญหา แสวงหาทางออก เพื่อปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงทางวัฒนธรรม ตามกาลเวลา สถานการณ์และสภาพแวดล้อม ซึ่งมีเงื่อนไขปัจจัยเฉพาะแตกต่างกันไป (สุจารี จันทรสุข, 2534 : 10 -11) 3.3.10.5 การเปรียบไก่และนำไก่เข้าชน เมื่อไก่ผ่านการปล้ำการซ้อมมาประมาณ 8- 10 ยก พร้อมกับมีการปรนที่ดีแล้วจะทำให้ไก่มีความพร้อมที่จะออกชน ซึ่งผู้เลี้ยงต้องอาศัยการสังเกตว่าไก่มีความพร้อมนั้นเริ่มตั้งแต่ไก่มีผิวพรรณแดง ขนเป็นมัน มีอาการคึกคะนองกรีดปีก ตีปีกขันบ่อยๆ เมื่อปล่อยออกจากสุ่มจะบินขึ้นจอมสุ่มตีปีกขัน และถ่ายมูลออกมาเป็นก้อนๆถูกย่อยอย่างละเอียดแสดงว่าไก่ตัวนั้นมีความสมบูรณ์เต็มที่พร้อมจะออกชน จากการสังเกตุอย่างมีส่วนร่วมในกิจกรรมการชนไก่โดยผู้วิจัยไปกับนายสถิตย์ หลวงนันท์ นายเพ็ชรผล พันธ์ผาง นายศุภกร ภูคำแสน นายสำเรียน เทพไกรวัลย์และ นายสงกรานต์ อภัยชา หลายๆครั้งพบว่า ในวันออกชนนั้นผู้เลี้ยงจะป้อนกล้วยให้ไก่กินประมาณครึ่งกระเพาะ แล้วนำไก่มาเช็ดหน้าเช็ดขนพอหมาดๆแล้วขังสุ่มไว้ จากนั้นก็จัดเตรียมสิ่งของสัมภาระต่างๆ เช่น มุ้งครอบ ผ้าปูพื้น กระเบื้อง กาต้มน้ำพร้อมกับสมุนไพรที่ใช้ต้มอาบ ใบพลูสด ใบคระไคร้ทั้งสดและแห้ง ใบหนาดแห้ง ยาและเวชภัณฑ์ต่างๆ เข็มสอยผ้า ด้าย ใบมีดโกน กล้วย แตง ข้าวเจ้าหุงสุก กระป๋องชุดรมควัน น้ำตาลและกระสอบป่านที่ใช้ปูรองพื้นตอนอาบน้ำ ตั่งนั่งกราดน้ำ เปลนอน ตลอดจนน้ำดื่ม ข้าวปลาอาหารและอื่นๆที่จำเป็นต้องนำไปด้วย จากนั้นผู้เลี้ยงไก่จะอาบน้ำแต่งตัวไว้รอเพื่อนๆที่นัดกันไว้ เพราะการชนไก่นั้นเป็นกิจกรรมที่ต้องช่วยกันหลายคนโดยแบ่งหน้าที่กันทำ ก่อนออกจากบ้านก็จะมีเคล็ดแล้วแต่ความเชื่อของแต่ละบุคคล เช่น นายสงกรานต์ อภัยชาจะแต่งตัวโดยเลือกเสื้อผ้าที่ใส่ก็จะเป็นชุดที่หมาน(นำโชค) ที่เคยใส่ไปชนไก่แล้วได้ชัยชนะกลับมา นายสถิตย์ หลวงนันท์ จะมีการบอกเล่ากับเจ้าที่เจ้าทางให้ได้ชัยชนะกลับมาแล้วจะมีการปลง(เลี้ยงเจ้าที่) นายเพ็ชรผล พันธ์ผางจะหงายสุ่มที่เคยขังไก่ตัวที่จะนำออกชน นายสำเรียน เทพไกรวัลย์จะบอกกล่าวกับเจ้าแม่ธรณีเมื่อบอกกล่าวเสร็จจะหยิบดินมาแตะที่หัวและเดือยไก่ทั้งสองข้าง เป็นต้น ในวันอาทิตย์ที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2545 ผู้วิจัยได้ออกเก็บข้อมูลภาคสนามโดยการสังเกตและการเข้าร่วมกิจกรรมการชนไก่ การเข้าร่วมกิจกรรมชนไก่ครั้งนี้มิใช่ครั้งแรกแต่อยากนำมายกตัวอย่างเพราะเป็นครั้งที่ตื่นเต้นและประทับใจผู้วิจัยมากที่สุด ในครั้งนี้ผู้วิจัยได้ร่วมกับ นายสงกรานต์ อภัยชา นายประสาน สีดาคาน พร้อมกับเพื่อนของนายสงกรานต์ที่มาจากบ้านหนองกระหนวน ตำบลท่าพระ อำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น อีก 2 คน และยังมี นางวิลัย อภัยชา ซึ่งเป็นภรรยาของนายสงกรานต์และลูกชายวัยหนุ่มฉกรรจ์อีก 2 คน ของ นายสงกรานต์ โดยจุดหมาย คือ สนามตลาดนัด ก.ไก่ บ้านพรสวรรค์ ตำบลบ้านเป็ด อำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น โดยนำเอาไก่ชนชื่อ ไอ้จิ้งหรีด ซึ่งมีพิกัดน้ำหนัก 2.6 กิโลกรัมออกชนในวันนั้น จิ้งหรีดเป็นไก่สายพันธุ์ไทย เคยชนที่สนามชุมแพชนะมา 1 ครั้ง ในกลางยกสอง วงเงินเดิมพัน 5,500 บาท วันนี้ต้องการชนในราคาเดิมพันไม่ต่ำกว่า 22,000 บาท เมื่อถึงบ่อนหรือสนามชนไก่ก็เลือกสถานที่ร่มรื่น สะอาดและคิดว่าปลอดภัยที่จะนำไก่ขังสุ่มไว้พร้อมกับเอามุ้งครอบเพื่อป้องกันการวางยาไก่ รอเวลาให้กรรมการสนามประกาศให้นำไก่เข้ามาเปรียบกันเพื่อหาคู่ชน ตลาดนัด ก. ไก่ ตั้งอยู่ที่ถนนเลี่ยงเมืองเชื่อมระหว่างถนนมิตรภาพมาจากจังหวัดนครราชสีมากับจังหวัดอุดรธานีผ่านบริเวณบ้านกุดกว้าง ตำบลท่าพระตัดกับถนนมะลิวัลย์ ทางไปอำเภอชุมแพ หากมาจากจังหวัดนครราชสีมาเลี้ยงซ้ายเข้าถนนเลี่ยงเมือง จะผ่านสี่แยกไฟแดงถนนเลี่ยงเมืองตัดผ่านกับถนนเหล่านาดี (ทางไปอำเภอมัญจาคีรี) ตรงไปตามถนนเลี่ยงเมืองอีกประมาณ 800 เมตรก็จะถึงปากทางเข้าสนามชนไก่ตลาดนัด ก. ไก่ เลี้ยวซ้ายเข้าไปอีก 500 เมตรก็จะเป็นบริเวณของสนาม รอบนอกของสนามจะเป็นอาคารชั่วคราวมุงด้วยพลาสติกสานโปร่งและหญ้าคาใช้เป็นที่จอดรถยนต์ ส่วนอาณาเขตที่เป็นสนามชนไก่ล้อมรอบด้วยลวดหนามมีประตูเข้า 2 ประตู มีอาคารด้านทิศเหนือสำหรับพักไก่โดยแบ่งออกเป็นสัดส่วนกันไม่ให้คนที่ไม่มีส่วนร่วมเข้าไปรบกวน ถัดมาเป็นอาคารรูปตัววาย (Y) เป็นที่เปรียบไก่ แบ่งเป็นสองซีก คือ ซีกตะวันตกและตะวันออกกั้นด้วยคานเหล็ก ให้เจ้าของไก่นำไก่ไปเปรียบกันที่ด้านใน ผู้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องดูอยู่ด้านนอก ส่วนอาคารกลางเปิดโล่งมีขนาดใหญ่ที่สุดเป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัส ครอบคลุมพื้นที่กว่า 400 ตารางเมตร มีสังเวียนมีเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 6 เมตร อยู่ตรงกลางล้อมรอบด้วยอัฒจันทร์ บรรจุคนได้เกือบพันคน เป็นรูปวงกลมสูงขึ้นเป็นชั้นๆ โดยชั้นในสุดอยู่ล่างสุดติดกับขอบสังเวียนเป็นชั้นที่ต้องซื้อบัตรผ่านประตูเข้าไปในราคาที่นั่งละ 100 บาท ชั้นบนสุดสามารถเดินรอบได้ ไม่ต้องจ่ายค่าบัตรผ่านประตูมีบันไดทางขึ้นอยู่ข้างนอกอัฒจันทร์ แต่ชั้นนี้ไม่มีที่ให้นั่งต้องยืนดูเท่านั้น มีพัดลมรอบๆสังเวียนเพื่อคลายความร้อนให้กับผู้ชม และมีโคมไฟขนาดใหญ่แขวนลงมาจากเพดานอาคารตรงตำแหน่งกลางสังเวียนเพื่อช่วยเพิ่มแสงสว่าง และใต้โคมไฟจะมีตะขอสำหรับห้อยถังน้ำที่จัดไว้ให้กรรมการล้างขาไก่ก่อนลงสังเวียน และนาฬิกาจับเวลาแขวนอยู่ด้วย ส่วนพื้นที่รอบๆอัฒจันทร์ด้านทิศเหนือทำเป็นห้องประชาสัมพันธ์ ห้องเก็บวัสดุ ทางเดินและแบ่งเป็นล็อกสำหรับตั้งกรงตาข่ายให้เกษตรกรขังไก่ที่นำมาจำหน่าย พร้อมกับจัดให้มีสังเวียนสำหรับประลองเชิงไก่ของเกษตรกรหนึ่งที่ ส่วนทิศตะวันตกเป็นร้านค้าจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่มจำนวน 7 ร้าน ด้านตะวันออกเป็นที่จำหน่ายเวชภัณฑ์และอุปกรณ์สำหรับไก่ชนและสังเวียนนอก 2 ที่ ด้านทิศใต้เป็นสังเวียนนอก 3 ที่ส่วนอาคารทางด้านทิศไต้จัดให้เป็นที่พักไก่อย่างเป็นสัดส่วนกั้นเป็นห้องๆ และมีห้องน้ำอยู่ทางด้านตะวันตก |
||
|