ระบบรวมไฟฟ้า | ||||
การประหยัดไฟฟ้าที่เกี่ยวกับระบบรวมในโรงงานด้วยการปรับปรุงตัวประกอบโหลด ( Load factor ) ในโรงงานให้สูงขึ้น โดยวิธีใดวิธีหนึ่งนั่นเอง ซึ่งจะทำให้โรงงานสามารถประหยัดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานลงได้ นอกจากนี้ยังช่วยให้การวางแผนผลิตพลังงานไฟฟ้าของประเทศมีประสิทธิดียิ่งขึ้น วิธีการดำเนินการศึกษาตัวประกอบโหลด ( Load factor ) แบ่งออกเป็น 3 ขั้นตอนดังต่อไปนี้
1. พิจารณาโครงสร้างตัวประกอบโหลด ตัวประกอบโหลด ( Load factor ) = [จำนวนกิโลวัตต์ ชั่วโมง] / [ กิโลวัตต์สูงสุด x จำนวนชั่วโมงในเดือนนั้น ] x 100 % พิจารณาสมการตัวประกอบโหลดจะเห็นว่าตัวแปรที่ทำให้เปอร์เซ็นต์ตัวประกอบโหลดสูงหรือต่ำจะมีอยู่สองตัว คือจำนวนหน่วยพลังงานไฟฟ้าที่ใช้ (กิโลวัตต์ ชั่วโมง ) และจำนวนกิโลวัตต์สูงสุดหรือความต้องการกำลังไฟฟ้าสูงสุด ( Peak demand) ดังนั้นเราสามารถที่จะเพิ่มค่าตัวประกอบโหลดให้สูงขึ้นได้ 2 วิธีคือ
2. วิเคราะห์อัตราค่าไฟฟ้ากับตัวประกอบโหลด การวิเคราะห์อัตราค่าไฟฟ้าที่นำมาเป็นตัวอย่างนี้จะใช้อัตราค่าไฟฟ้าประเภทที่ 3.1 กิจการขนาดกลาง ( 30 1,999 กิโลวัตต์ ) ซึ่งมีปริมาณการใช้พลังงานไฟฟ้าเฉลี่ย 3 เดือนสุดท้ายไม่เกิน 355,000 หน่วยต่อเดือน ที่ระดับแรงดันไฟฟ้าระหว่าง 12 24 กิโลโวลท์ เท่านั้น ทั้งนี้เพื่อเป็นข้อมูลในการพิจารณาถึงค่าใช้จ่ายด้านพลังงานไฟฟ้าว่ามีสาเหตุมาจากอะไรและสามารถลดค่าใช้จ่ายพลังงานไฟฟ้าได้อย่างไร จากการพิจารณาความสัมพันธ์ของตัวประกอบโหลดต่อราคาค่าไฟฟ้าเฉลี่ย จะเห็นว่าตัวประกอบโหลดมีอิทธิพลต่อราคาค่าไฟฟ้าสูงมาก เราลองมาพิจารณาจากตารางข้างล่างนี้ ราคาค่าไฟฟ้าเฉลี่ยกับค่าตัวประกอบโหลด ( Load factor ) ของกิจการขนาดกลาง
จะเห็นว่ายิ่งค่าตัวประกอบโหลดมีค่าสูงขึ้นเท่าไร ค่าไฟฟ้าเฉลี่ยต่อหน่วยยิ่งต่ำลงเท่านั้น ดังนั้นถ้าทุกโรงงานสามารถปรับปรุงค่าตัวประกอบโหลดให้สูงขึ้นได้ ก็จะสามารถลดค่าใช้จ่ายค่าพลังงานลงได้ ซึ่งจะทำให้ต้นทุนในการผลิตต่ำลงอีกด้วย 3. แนวทางวิธีการปรับปรุงตัวประกอบโหลด ตามหลักการประหยัดโดยทั่วไปแล้ว ช่วงเวลาที่คาดว่าจะมีการใช้พลังงานไฟฟ้าสูงสุด ( Peak demand ) ควรจะมีไฟสัญญาณบอกว่า อุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าสิ่งไหนที่ไม่จำเป็นหรืออาจมีความจำเป็นไม่มาก ก็ควรจะตัดหรือหยุดการใช้งานชั่วคราว จนกว่าช่วงเวลาดังกล่าวได้ผ่านไปจึงจะเปิดใช้ตามลำดับก่อนหลัง ไม่ควรตั้งเป้าหมายความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงเกินขอบเขตความจำเป็น การแก้ไขในหลักการใหญ่ๆ จึงน่ามาจากการวางแผนและกำหนดอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าที่เป็นปัจจัยสำคัญเอาไว้ก่อน ควรกำหนดเวลาการทำงานและกรรมวิธีการต่างๆ ให้แน่นอน เช่น การใช้เวลามากๆ ในการ Start Motor ขนาดใหญ่ๆ และการใช้ความร้อนสูงๆ จากเตาไฟฟ้า ในขณะที่มีช่วงเวลาความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงสุดนั้น จะต้องหลีกเลี่ยงให้มากที่สุดหรือกำหนดเวลาการทำงานของเครื่องจักรให้ทำงานในตอนกลางคืน หรือวันหยุด โดยพิจารณาถึงความจำเป็นมากน้อยของเครื่องจักรที่จะใช้งาน เช่น เครื่องเจียร เครื่องขัด ปั๊มน้ำ เครื่องผสมตลอดจนขบวนการทำความร้อนต่างๆ เช่น การเผาหลอดโลหะ การเคลือบ การอบแห้ง และการอบความร้อน เป็นต้น เราพอจะสรุปวิธีการและแนวทางในการดำเนินการได้ดังนี้
ที่มา : เอกสารเผยแพร่เรื่อง ข้อแนะนำการประหยัดไฟฟ้าในโรงงานอุตสหกรรม , สำนักกำกับและอนุรักษ์พลังงาน, กรมพัฒนาและส่งเสริมพลังงาน |