ตำนานผีปอบ4



	              		    เรื่องของปอบนี้จะลงความเห็นว่าเกิดจาก "ความเชื่อ" หรือความงมงายไร้สาระเอาเสียเลยก็ 
		คงไม่ได้   เพราะเรื่องราวประหลาด ๆ   เกี่ยวกับผีปอบยังเคยปรากฎกับพระอริยสงฆ์  เช่น หลวงปู่ดู่พรหม  
		ปัญโญ  วัดสะแก จังหวัดพระนครศรีอยุธยามาแล้ว

			กล่าวคือ มีหมอผีไสยเวท  ชาวเวียงจันน์คนหนึ่งมาที่วัดสะแก   มานมัสการหลวงปู่ดู่  บอกท่าน
		ว่าตนมีวิชาดีเป็น    วิชาบิดไส้   บิดฟัน   ต้องการมอบวิชานี้ให้แก่ท่านเป็นการเฉพาะเพราะเห็นว่าไม่มีใคร
		รับถ่ายทอดวิชาเหล่านี้ได้   แล้วก็มอบคัมภีร์โบราณให้ผูกหนึ่ง   หลวงปู่ดูดเห็นว่าเป็นวิชาแปลก    ก็รับไว้
		โดยเสียค่าครูให้เป็นธรรมเนียม  เมื่อได้คัมภีร์นั้นมาแล้ว   หลวงปู่ก็ไม่ได้เปิดดูหรือให้ความสนใจเป็นพิเศษ
		ท่านนำไปวางไว้ที่โต๊ะหมู่บูชา และก็ลืม ๆ ไป   ส่วนหมอผีไสยเวทชาวลาวยังไม่กลับไปทันที   หากนอนพักค้าง
		คืนที่วัดสะแกต่อ   2 - 3   วัน

			คืนนั้น.....   หลวงปู่ดู่เกิดฝันประหลาด   ฝันว่าท่านออกไปหากินคล้าย ๆ    กับเป็นปอบและไปกิน
		ควายชาวบ้าน     ซึ่งอยู่ในตำบลใกล้เคียง     เช้าวันรุ่งขึ้นท่านก็ยังไม่ฉุกคิดอะไร   กระทั่งล่วงเข้าคืนที่สอง   
		ขณะที่หลวงปู่นอนหลับ ท่านก็ฝันในลักษณะเดียวกันอีก    คือ     ออกไปกินไส้ควายของชาวบ้านที่อยู่ในละ
		แวกใกล้  ๆ 

			เช้าวันรุ่งขึ้น   ก็ได้มีชาวบ้านมาหาหลวงปู่ดู่    เล่าถวายต่อท่านว่า     เมื่อคืนนี้ควายของเขาตาย 
		กะทันหันโดยหาสาเหตุไม่พบ    อีกทั้งลักษณะการตาย     มีสภาพน่ากลัวหลายอย่าง        หลวงปู่สอบถามว่า
		ตั้งบ้านเรือน   อยู่อาศัยที่ใด   ชาวบ้านก็กราบเรียนให้ท่านทราบ  คราวนี้   หลวงปู่ดู่ถึงกับสะดุ้ง   เพราะที่อยู่
		ของชาวบ้านคนนั้นตรงกันกับบ้านที่ท่านฝันว่าไปกินไส้ควายมานั่นเอง หลวงปู่ดู่คิดว่า "อ้ายลาวไสยเวทคนนี้
		เห็นทีจะเอาวิชาชั่วร้ายมามอบให้ท่านเป็น ถึงได้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น   หากท่านเกิดฝันไปกินคนเข้า อาจ
		ทำให้ใครต่อใครตายได้และวิชาที่ท่านรับมาเห็นทีจะเป็นวิชาปอบ     ดังนั้นหลวงปู่ดู่จึงได้นำคัมภีร์ตำรา เอามา
		เผาไฟ  

			ลาวหมอผีรู้ว่าหลวงดู่เผาวิชาตำรามันทิ้ง     มันก็แสดงท่าโกรธเคืองไม่ใช่น้อย ตอนจากวัดกลับ
		ถิ่นเดิมของมัน  มันไม่ยอมมาบอกกล่าวกราบลา     แม้แต่คำเดียว  และนับแต่นั้นก็ไม่หวนหลับมาที่วัดสะแก   
		อีกเลย

			จากเรื่องนี้     แสดงให้เห็นว่าอิทธฤทธิ์ของไสยเวทมนต์ดำนั้นมีจริง  มีความเข้มขลังแสดงผล
		ให้ประจักษ์ได้จริง ๆ   แต่เป็นทางวิชาทางเลวร้าย    เพราะมีเจตนาเพื่อเบียดเบียนทำร้ายผู้อื่นให้ได้รับความ
		เดือดร้อน  หรืออาจถึงขั้นทำอันตรายจนถึงแก่ชีวิต  พระคุณเจ้าหลวงปู่ดู่กล่าวถึงวิชาไสยศาสตร์นี้ว่า  
		 "พวกที่เรียน ของเหล่านี้ เขาปรารถนาอเวจีเป็นที่พึ่งทั้งนั้น"
	

				ข้อมูลจาก http://www.oocities.org/lokrenlap/


กลับหน้าหลัก<<<