เรื่อง เครื่องประหารกิลโยติน


	 
		กิลโยตินอุปกรณ์ประหารชีวิตนักโทษที่เรารู้จักกันดี เครื่องประหารชิ้นนี้ใช้บั่นคอนักโทษ 
		โดยหัวขวานนั้นมีน้ำหนัก30 กก.  และปล่อยลงมาจากเสาที่มีความสูง 5 เมตร ด้านล่างมีช่องขื่อคาสำหรับล็อคหัว
		นักโทษให้อยู่กับที่ วิธีประหารจะเริ่มจากดึงใบมีดให้ขึ้สู่ยอดเสาด้วยเชือกสองเส้นที่คล้องโยงกันไว้กับรอก
		ทองเหลืองสองตัว พอปล่อยเชือกใบมีดก็จะหล่นลงมาตัดคอนักโทษประหารทันทีคอนักโทษก็จะหล่นลงในตะกร้า
		ที่เตรียมไว้ ผู้ที่เป็นเพชฌฆาตประจำเครื่องประหาร ชื่อว่าชาร์ลส์ อองรี ซังซอง แต่ประชาชนส่วนใหญ่ไม่นิยม
		การประหารชีวิตโดยใช้กิลโยตินเพราะมันเร็วเกินไปไม่ทันเห็นความทรมานของนักโทษ และในยุคมืดแห่งฝรั่งเศส
		เกิดการปฏิวัติ  ทำให้จำนวนนักโทษมีมากขึ้นทำให้นายซังซองต้องทำหน้าที่อย่างฉับไว เขาสามารถตัดหัวนักโทษ
		ได้ถึง 22 หัว ภายในเวลา 36นาที ในช่วงเวลาสูงสุดนั้นเขาต้องใช้กิลโยตินบั่นคอนักโทษถึง 300 คน ติดต่อกัน 3 วัน
		ปริมาณเลือดที่ไหลออกมาทำให้แท่นปรหารนองไปด้วยเลือดจนกระทั่งนายซังซองและผู้ช่วยลื่นล้มหลายครั้ง
		และครั้งหนึ่งลูกชายของซังซอง แกเบรียลหกล้มลงกับพื้นบาดเจ็บสาหัสจมกองเลือดที่เนืองนองอยู่ ดังนั้นจึงได้มีการ
		สร้างราวไว้รอบแท่นประหารเพื่อให้เพชฌฆาตจับ ใต้แท่นประหารเป็นแอ่งโลหิตที่ไหลลงมาสะสมกลิ่นของมันจึงเหม็น
		สะอิดสะเอียน เมื่อโลหิตใหม่ไหลลงมาก็จะเอ่อนองและไหลออกไปตามถนนปูอิฐ ส่งกลิ่นคาวตลบอบอวลไปทั่ว
		โทษประหารนั้นจุดมุ่งหมายเพื่อให้คนอื่นกลัวเกรงและไม่กล้ากระทำผิดเอาเยี่ยงอย่าง