ภาพยนตร์เกาหลี Korean Movie Zone
Wanee (Kim Hee-Seon) และ Junah (Joo Jin-Mo) สองสาวหนุ่มวัย 27
ที่ใช้ชีวิตอยู่ร่วมชายคาเดียวกัน แต่ทั้งคู่ยังไม่ตกลงปลงใจที่จะแต่งงาน Wanee เป็น
นักวาดการ์ตูนโทรทัศน์ฝีมือดี ต่างกับ Junah ที่เป็นนักเขียนบทภาพยนตร์ ที่ยังไม่
ประสบความสำเร็จ เขากำลังพยายามพัฒนาผลงานของตน เพื่อเสนอขายให้กับสตูดิโอ
ยักษ์ใหญ่ ขณะที่ Wanee ต้องเข้าออฟฟิซทุกวันJunah กลับต้องอยู่เฝ้าบ้าน ทำทั้งงาน
เขียนบท และงานเก็บกวาดดูแลความสะอาดทุกห้อง ความรักของคนทั้งสองดำเนินไป
อย่างราบรื่น จนบางครั้งก็ดูราบเรียบเสียจนชวนให้สงสัยว่า ทั้งคู่รักกันจริงหรือไม่

"อิล มาเร" สถานที่ที่ความรักและความปวดร้าวจากความรัก ได้ก่อเกิดและยัง
คงอยู่ ชื่อหนังมาจากภาษาอิตาเลี่ยน ซึ่งมีความหมายถึง "ทะเล"
ในยุคที่ทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัว ดำเนินไปด้วยความเร็วสูง ทั้งจากเทคโนโลยี
อินเตอร์เน็ตและอีเมลล์ ความคิดเกี่ยวกับจดหมาย ตู้ไปรษณีย์ และรักแท้เป็นสิ่งที่ถูกละเลย
แต่ในห้วงลึก ทุกคนต่างปรารถนาที่จะหวนคืนสู่วันคืนในอดีต กระแสเห่อสหัสวรรษใหม่
หรือความตื่นตัวในเรื่องวิทยาศาสตร์ กลายเป็นสิ่งน่าเบื่อหน่ายสำหรับคนบางกลุ่ม และมีที
ท่าว่า คนกลุ่มนี้จะมีจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ "อิล มาเร" ได้ตอบสนองความต้องการใน
ส่วนลึก ที่อยากให้โลกกลับไปสู่วันเวลาที่เรียบง่ายอีกครั้ง...
ในภาพยนตร์ "อิล มาเร" เป็นจุดกำเนิดของเรื่องราวทั้งหมด เพราะมันคือ
บ้านชายทะเลของคู่รักคู่หนึ่งที่เข้ามาอาศัยในคนละช่วงเวลา มันเป็นสถานที่ที่ความรัก
ระหว่างซังฮุนและอันจู ก่อตัวและเติบโต... ในสถานที่จริง ณ เกาะคังหวาชายหาดเกิด
จากการพัดพา ของตะกอนทรายเป็นแนวยาว และสภาพภูมิอากาศที่ไม่สู้ดีนัก
ผู้กำกับ ลี ฮุนเซียง ใช้วิธีคำนวณองศาที่พระอาทิตย์ตกของแต่ละวัน เพื่อนำมา
จัดตะกอนตามชายหาด ให้ออกมาสวยงาม นี่คือการสร้างฉากในแต่ละวันของ "อิล มาเร"
ในตอนแรก ไม่มีใครเชื่อว่ามันได้ผล แต่เขาก็ได้พิสูจน์ให้เห็นว่า สิ่งที่ไม่มีทาง
เป็นไปได้ได้เกิดขึ้นแล้ว ความพยายามครั้งนี้ จะต้องได้รับการบันทึกไว้ ในประวัติศาสตร์
ภาพยนตร์เกาหลีว่า "อิล มาเร" คือหนังเรื่องแรก ที่สามารถถ่ายฉากชายหาดที่ปราศจาก
หมอกในเกาหลีได้สำเร็จ

สำหรับเรื่องราวในภาพยนตร์ My Sassy Girl เริ่มขึ้นในคืนวันหนึ่ง เมื่อหนุ่ม
'Gyunwoo' ได้ไปพบกับหญิงสาวคนหนึ่งโดยบังเอิญ ที่สถานีรถไฟใต้ดิน ซึ่งเหตุการณ์
อันไม่ธรรมดามากมาย ที่มาบรรจุอยู่ในภาพยนตร์เรื่องนี้ จะให้ผู้ชมได้รู้สึกถึงความตลกขบขัน
และสนุกสนานอย่างเต็มที่ และแม้จะเป็นที่รับรู้กันดีว่า เรื่องราวของภาพยนตร์ มีต้นกำเนิดมา
จากความเป็นวรรณกรรมอินเตอร์เน็ต (internet literature) ก็ตาม ทว่าสิ่งที่ช่วยผลักดัน
ให้เรื่องราวของภาพยนตร์ ดำเนินไปอย่างมีรสชาติ ก็คือการพรรณนาถึงความรู้สึกนึกคิด
อันบริสุทธิ์ผ่องใสไร้จริตมารยา ของหนุ่มสาวยุคใหม่ ผ่านมุมมองสำนึกแห่งวัยเยาว์อันสดใส
และนำมาซึ่งอารมณ์เบิกบานเปี่ยมชีวิตชีวา
กล่าวได้ว่าภาพยนตร์ My Sassy Girl เป็นภาพยนตร์วัยรุ่น ที่นำเสนอให้ผู้ชม
ได้สัมผัสกับพฤติกรรมแปลกๆ และการใช้ภาษาที่ไม่ธรรมดา ของวัยรุ่นยุคปัจจุบัน ผ่าน
วัฒนธรรมไซเบอร์ที่เรียกกันว่า 'yub-gi' และการเปิดเผยความรู้สึกนึกคิด อย่างบริสุทธิ์ใจข
องหนุ่มสาวยุคใหม่ ภายใต้วิถีทางการดำเนินชีวิต ในโลกที่เต็มไปด้วยความสับสนวุ่นวาย อันเกี่ยว
เนื่องไปถึงประเด็นปัญหา ที่หนุ่มสาวในยุคปัจจุบันต้องเผชิญ อย่างเลี่ยงไม่ได้ ไม่เพียงเท่านั้น
ภาพยนตร์เรื่องนี้ ยังได้นำเสนอมุมมองอันรอบด้านต่อโลก ผ่านแนวคิดเกี่ยวกับความรักอีกด้วย
ภาพยนตร์เรื่อง My Sassy Girl กำกับโดย Kwak Jae-Yong ที่เคยมีผลงาน
การกำกับภาพยนตร์เรื่องแรกคือ A Sketch of a Rainy Day ซึ่งเป็นที่รู้จักและจดจำของ
ผู้ชม ก็ด้วยความโดดเด่น ทางด้านการเลือกใช้ดนตรีประกอบที่นุ่มนวล และการถ่ายภาพที่
ประณีตงดงาม และหลังจากที่ห่างหายจากวงการภาพยนตร์ไปนานหลายปี เขาก็กลับมานั่ง
เก้าอี้ผู้กำกับภาพยนตร์อีกครั้ง กับภาพยนตร์เรื่อง My Sassy Girl นอกจากนี้เขายังเป็น
ผู้เขียนบทภาพยนตร์เรื่องนี้อีกด้วย โดยเขาได้นำเสนอภาพของคนหนุ่มสาว ที่เต็มไปด้วย
ความกระฉับกระเฉง ซึ่งการเปลี่ยนรูปแบบของถ้อยคำบนหน้ากระดาษ ที่เต็มเปี่ยมไปด้วย
พลัง และอารมณ์ละเอียดอ่อน ให้ออกมาเป็นภาพนั้น เขาได้กำหนดให้ต้องมีการตีความ
เรื่องราวความรักของหนุ่มสาวในยุคสมัยปัจจุบันนี้ ออกมาอย่างเต็มไปด้วยอารมณ์อันสดใส
รื่นเริง ขณะเดียวกันก็ต้องดูอบอุ่นด้วย

เอื้อเฟื้อภาพและข้อมูล pingbook.com