เรื่อง แม่ย่านางเรือ
.....เรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้ เป็นเรื่องเกี่ยวกับความเชื่อของกลุ่มคนบางกลุ่ม ท่านผู้อ่านโปรดใช้วิจารณญาณในการ ตัดสินใจว่า ควรเชื่อมากน้อยเพียงใด ..... เกือบ 20 ปีแล้วที่ครอบครัวดิฉันมีอาชีพทำประมงอยู่ที่จังหวัดสงขลา ซึ่งอยู่ติดชายฝั่งทะเลด้านตะวันออก ของอ่าวไทย ประมาณ 10 กว่าปีแล้ว เป็นช่วงที่กิจการ ของครอบครัว รุ่งเรืองมากจน ต้องต่อเรือเพิ่มขึ้นอีกหลายลำ ซึ่งลำหนึง ๆนั้นก็มูลค่าเป็นล้านบาท ทำให้ต้องมีการตรวจสอบ ดูแลการต่อเรือด้วย และหนึ่งใน หลายลำนั้นได้สั่งต่อไว้ที่อู่เรือคลองด่าน จังหวัดสมุทรปราการ ขณะ นั้นเป็นช่วงเวลาที่พอดีกับคุณพ่อ-คุณแม่นำน้องชาย ซึ่งหูพิการมาตรวจรักษาที่โรงพยาบาลรามาธิบดี ก่อนกลับก็ได้แวะไปดูความคืบหน้าของการต่อเรือลำนี้ เมื่อไปถึงคุณพ่อเห็นเรือและไม้ที่ใช้ต่อก็กล่าวขึ้นมาว่า "ไม่ได้มาดูเลยไม่รู้ว่าเอาไม้ที่เป็นตาไม้มาใช้ต่อเรือด้วย อย่างนี้จะทำให้มีรอยแตกได้ในตอนหลัง" เนืองจากปกติแล้วการต่อเรือจะใช้ไม้เนื้อแข็ง เช่น ไม้ตะเคียน และจะไม่ใช้ไม้ส่วนที่เป็น ตาไม้ในการต่อเรือ เพราะเกรงว่าอาจจะเกิด รอยแตกตรงจุดที่เป็นตาไม้แล้ว ทำให้เกิดปัญหาเรือรั่วในภายหลังได้ ส่วนคุณแม่เมื่อได้ยินคุณพ่อกล่าวก็เอ่ยเสริมขึ้นว่า "ไม่รู้เอาไม้บ้า ๆ อะไรมาใส่ให้" หลังจากที่ได้ตรวจ ดูเรือสักพักหนึ่งก็เดินทางกลับ ทางที่จะเดินกลับไปขึ้นรถ เป็นทางเดียวกับทาง เข้า ซึ่งเป็นทางที่จะต้องเดินผ่านสะพานไม้ที่สามารถเดินได้ทีละคนเท่านั้น คุณพ่อพร้อมน้องชาย ก็เดินล่วงหน้าไปก่อน ส่วนคุณแม่เดินตามหลังมา ช่วงจังหวะหนึ่ง คุณแม่พลาดก้าวเดินไปเหยียบแผ่นไม้ แผ่นหนึ่งซึ่งตะปูที่ตอกไว้หลุดออกไป ทำให้แผ่นไม้แผ่นนั้นตีกระดกขึ้นมา จะด้วยสาเหตุบังเอิญหรือสาเหตุอันใดก็ไม่ทราบ ไม้แผ่นนั้นก็ตีโดนปากคุณแม่พอดีอย่างเต็มแรง คุณพ่อตกใจมาก เพราะช่วงเวลาที่เกิดเหตุนั้นเป็นเวลาเที่ยงวัน อากาศค่อน ข้างร้อนทำให้เลือกออกมาก ขึ้น รวมทั้งเหงือกของคุณแม่ก็ยังหลุดห้อยออกมาด้วย ตัวคุณแม่เองหลังจากโดนแผ่นไม้ตีปาก แล้วยังยืนงงกับเหตุการณ์นั้นอยู่ และยังไม่รู้สึกเจ็บ แผลเพราะยังมีอาการชาตรงบริเวณที่โดนตี เมื่อคุณพ่อได้สติจึงรีบนำคุณแม่ไปส่งคลีนิคใกล้ ๆ ก่อน ซึ่งแพทย์หญิงที่ประจำอยู่ เห็นสภาพคุณแม่ที่มี เหงือกหลุดห้อยและมีเลือด ออกมากก็ยังตกใจ แพทย์จึงรีบห้ามเลือด และดันเหงือกให้กลับ เข้าที่ พร้อมกับใช้ลวดมัดเอาไว้ก่อน กระทั่งคุณแม่กลับถึงบ้านก็ได้มารักษา ตัวต่อที่ โรงพยาบาลหาดใหญ่ และต้องรับประทานแต่อาหารอ่อนจนกระทั่งหายดี แต่ผลจากเหตุการณ์นั้นก็ทำให้ ฟันของคุณแม่ไม่สบกันเมื่อหุบปาก ตอนนั้นฉันเองยังเด็กมาก แต่ก็ยังจำได้ว่าปากของคุณแม่บวม จนดูน่ากลัวมาก คุณแม่เองก็ยังคิดว่า ตอนนั้นท่านอาจจะไม่รอดแล้วเพราะเลือดออกมาก และก็คิดว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นเพียงอุบัติเหตุเท่านั้น ต่อมา เรือลำดังกล่าวก็ต่อเสร็จและล่องเรือจากอู่กลับมาเทียบท่า รอการทำพิธีบูชาแม่ย่านางเรือ ตามความเชื่อของชาวประมงก่อนจะนำเรือที่ผ่านพิธีแล้วออกไปหาปลาต่อไป พิธีนี้เรียกว่า พิธีทำขวัญเรือ ซึ่งผู้ทำพิธีให้กับเรือลำนี้ชื่อ หมอเขียน .....หลังจากทำพิธีแล้วหมอเขียนได้บอก กับครอบครัวฉันว่า แม่ย่านางเรือลำนี้เป็นถึงระดับเจ้าแม่ ชอบของบูชาเป็น พวกข้าวเหนียวขาว หรือข้าวเหนียวเหลือง แต่ต้องปูฝ้าขาวก่อนจะวางของบูชา รวมทั้งต้องบูชาท่านให้ดี ๆ แล้วท่านจะให้คุณ .....คุณแม่มาทราบภายหลังว่าไม้ที่นำมาต่อเรือลำนี้เป็นไม้ตะเคียนทอง และเป็นที่น่าแปลกว่า เรือลำนี้ก็ไม่เคยมีปัญหาเช่นเรือลำอื่นที่ต่อมาพร้อม ๆ กัน ไม่ว่าจะเป็นปัญหาเรือรั่ว เรือจม หรือถูก ประเทศเพื่อนบ้านจับกุม หรือถูกโจรสลัดปล้นสะดม เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น .....แม้ว่าคุณแม่จะไม่ทราบเหตุที่คุณแม่ต้องบาดเจ็บนั้นเป็นเพียงอุบัติเหตุบังเอิญ หรือเกิดจากการกล่าวลบหลู่โดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ แล้วได้รับการตักเตือนกลับมา แต่ก็เป็น เหตุการณ์ที่คุณแม่ยังจำได้แม่นยำไม่ลืมเลือนเลย และเรื่องเช่นนี้ไม่เชื่อก็อย่าหลบหลู่จริงไหมค่ะ