เรื่อง เพิ่งเจอครั้งแรก


	
			เมื่อประมาณซัก 2 ปี ก่อนที่ผมจะเข้ารับราชการ คือในตอนนั้นพูดง่าย ๆ
		ผมยังตกงานอยู่ภ็แล้วกัน ก็อาศัยข้าวพ่อแม่กินและ เทียวเตร่ไปตามประสาคน
		ว่างงาน บ้านผมอยู่ในอำเภอหนึ่งในจังหวัดนครราชสีมา เป็นบ้านหลังใหญ่
		และมีร้านค้าอีกหลังหนึ่ง

			บ้านหลังใหญ่ก็มีพักอยู่กันแค่ 3 คนคือผมกับพี่สาว และน้องชาย
		ส่วนที่ร้านค้านั้นพ่อแม่พักบ้านหลังใหญ่เป็นบ้านที่สร้างมานานแล้ว
		มีฝารอบขอบชิดดีหรอกครับ แต่ห้องนอนแค่ 2 ห้อง
		คือถ้าก้าวขึ้นบันไดพ้นประตูไปบนบ้านก็จะมองดูโล่งไปเลย
		ผมมันเป็นคนชอบเที่ยวและจะกลับเข้าบ้านก็ประมาณ 6 ทุ่มตี 1
		ทุกวันจึงอาสานอนข้างนอก ให้พี่สาวกับน้องชายนอนคนละห้องไป ที่ที่ผมนอนก็
		อาศัยตู้เสื้อผ้ากั้นแค่นั้นเอง แต่ผมก็ไม่เคยสังเกตซักทีว่าที่ที่ผมนอนทุกๆวันมันมี
		กระดานตกน้ำ มันอยู่ 2 แผ่นติดกัน ด้านบนจะมองไม่เห็นต้องมองจากใต้ถุนถึง
		จะเห็น ซึ่งมันตรงกับที่ผมนอนพอดี ทันทีที่ผมเห็นจึงไปเล่า
		ให้แม่ฟังแม่แกก็มาดูและ บอกว่าไม่เคยเห็นมันเป็นเช่นนี้มาก่อน
		แม่จึงบอกให้ผมย้ายไปนอนที่อื่นเดี๋ยวจะมีอะไรเกิด ขึ้น เพราะแม่ผมเป็นคน
		ที่เชื่อเรื่องพรรค์ยังงี้อยู่มากๆเหมือนกัน ผมจึงบอกแม่ไปว่าอะไรจะเกิดก็ให้มันเกิด 
		จะกลัวมันทำไม"ดีซิ มาให้เห็นจะได้ขอหวย" ผมพูดไปตามประสาของคนที่ไม่เคยเจอวันนั้น
		ผมกินข้าวเย็นเสร็จก็รีบอาบน้ำแต่งตัวออก จากบ้านเตร่ไปตามบ้านเพื่อนฝูง
		และวันนี้พิเศษหน่อย นั่งเล่นกีต้าร์กินเหล้า เคล้าเสียงเพลง ตอนแรกมี	
		ผมกับเพื่อน 2 คน แล้วเพื่อนคนอื่นๆก็ค่อยทยอยมากันเรื่อยๆ
		จากวงเล็กก็เลยกลายเป็นวงใหญ่ เหล้าหมดไปเกือบโหล ผมเองตาลายไปหมด
		ชักได้ที่ก็เลยกลับบ้านเพราะพวกเพื่อนก็แยกย้ายกันนอนหมดแล้ว ผมกลับถึงบ้าน
		ประมาณตี 2 เศษๆ พอถึงบ้านก็ผลักประตูเข้าไปได้เลยเพราะบ้านผมไม่ล็อคประตู
		เปิดไว้รอผมน่ะแหละครับ พอถึงที่นอนก็ล้มนอนแผละทั้งชุดเพราะความเมา
		แต่วันนั้นถึงจะเมาแค่ไหนแต่ผมนอนไม่หลับ จิตใจมันว้าวุ่นยังไงก็ไม่รู้
		เหมือนมีใครมากวน นอนไปได้ประมาณซัก นาที
		ผมมีความรู้สึกว่ามีใครมาจับที่ข้อเท้า ตอนแรกผมไม่ได้คิดว่าเป็นมือ
		เพราะมันเย็นเหมือนน้ำแข็ง ผมร้อง"ฮื่อ" แล้วก็สะบัดเท้า แล้วก็ไม่มีอะไร
		แต่พอสักพัก ผมก็มีความรู้สึกเหมือนเก่าอีก คราวนี้จับที่เก่าและกดด้วย ผมจะขยับ
		เท้าหนีแต่ขยับไม่ได้มือที่จับเย็นมากและหนักน่าดู ผมจึงผงกหัวขี้นมองที่ปลายเท้าแทบช็อก
		ความเมาหายเป็นปลิดทิ้งเพราะที่นั่งอยู่ปลายเท้าผมนั้นเป็นใครก็ไม่รู้แต่งกายสีดำ
		ผมขาวยาวจนเกือบถึงข้อศอก ใบหน้าซีดขาว หนังติดกระดูกไม่มีเนื้อเลย มองผมเขม็ง
		เห็นแค่นั้นเอง ผมก็แผดเสียงร้องออกมาเต็มที่
		และยกขาอีกข้างฟาดลงเต็มเหนี่ยวที่ร่างนั้น คราวนี้เป็นโงเป็นกันละครับ
		ลุกได้ก็วิ่งท่าเดียวไม่รู้ว่าชนอะไรบ้างเสียงร้องและเสียงเอะอะโวยวายทำให้พี่สาวกับน้องผมตื่นด้วย
		เป็นอันว่าคืนทั้งคืนผมไม่ได้นอนเลย ต้องมาอาศัยนอนกับพ่อแม่ที่ร้านค้า
		ตอนเช้าผมรู้สึกปวดที่หน้าแข้ง และหัวก็รู้สึกจะบวม
		ก็คงเป็นเพราะผมเตะเจ้าปีศาจตนนั้นนั่นเอง มันคงหลบเลยไปฟัด
		กับขอบเตียงเข้าให้ สำหรับที่หัวก็คงจะเป็นตู้เสื้อผ้าซึ่งเป็นตู้ไม้
		เพราะตอนผมวิ่งออกมาผมรู้สึกว่าเหมือนผมชนกับอะไรสักอย่างเข้าเต็มที่เหมือนกัน
		ผมต้องอาศัยนอนกับพ่อแม่หลายวัน แม้ทางแม่จะนิมนต์พระมารดน้ำมนต์บ้านและ
		ทำพิธีตอกตะปูสะกดผมก็ยังไม่หายกลัวเพราะมันเป็นครั้งแรกจริงๆครับก่อนหน้าที่ผมจะเจอ
		พี่ชายผมก็เจอเข้าไปเหมือนกัน แต่เพียงยืนให้เห็น เพราะ
		พี่ชายผมเขาขึ้นไปบนบ้านคนเดียว พวกผมและพี่น้องนั่งดูทีวีอยู่ที่ร้านค้า
		พี่ชายผมเล่าให้ฟังว่า เห็นยืนอยู่ตรงเสากลางบ้าน ซึ่งเป็นที่เปิดสวิตช์ไฟ
		รูปร่างเหมือนที่ผมเล่าทุกอย่างพอพี่ชายผมจะเอื้อมไปเปิดสวิตช์ไฟมันก็มายืนให้เห็น
		พี่ชายผมเป็นคนไม่กลัวอะไรอยู่แล้ว เพราะอาศัยว่าเป็นทหาร
		ลูกปืนยังน่ากลัวกว่านี้อีก จึงเงื้อมมือจะต่อยมันก็หายไป
		ผมยังกลัวและโมโหพี่ชายผมอยู่ทุกวันนี้ไม่หายว่า....ทำไมถึงเพิ่งมาเล่า - โธ่โว้ย!