เรื่อง ลางสังหรณ์
.....เรื่องของประสาทสัมผัสที่ 6 เป็นเรื่องที่หลายคนให้ความเชื่อถือ โดยเฉพาะผู้ที่ได้ประสบกับเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องจริง ๆ ซึ่งบางครั้งเราก็เรียกปรากฏการณ์นี้ว่า "ลางสังหรณ์" ..... "ลางสังหรณ์" ที่เกิดกับบางคนนั้น ส่วนใหญ่มักจะเกี่ยวข้องกับเรื่องที่ทุกคน ไม่ปราถนาจะให้เกิดขึ้น โดยเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวข้องกับเรื่องของ ความตายและที่แปลกคือ มักจะเกิดกับผู้ที่ใกล้ชิดสนิทสนมกับผู้ที่จะเกิดอันตราย หรือเสียชีวิตหลังจากลางสังหรณ์นั้นเกิดขึ้นไม่นาน โดยลางสังหรณ์นั้นอาจจะเกิด ได้กับทั้งผู้ที่มีประสาทสัมผัสที่ 6 โดยธรรมชาติอยู่แล้ว หรืออาจจะเกิดในลักษณะแบบเฉพาะกิจ กล่าวคือ เกิดขึ้นกับเหตุการณ์ใดเหตุการณ์หนึ่งกับบุคคลใดบุคคลหนึ่ง โดยเฉพาะเพียงเท่านั้น ก็เป็นไปได้ทั้งสิ้น ผู้เขียนเองก็เคยประสบกับลางสังหรณ์มาเช่นกัน เป็นเรื่องที่เกิดเมื่อครั้งที่ผู้เขียนยังเรียนอยู่เพียงชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 และแม้เวลาจะผ่านมาค่อนข้างนานแล้ว แต่ผู้เขียนก็ยังจำเหตุการณ์นี้ได้อยู่อย่างชัดเจน ช่วงเหตุการณ์นี้ ครอบครัวของผู้เขียนอาศัยอยู่ในตึกแถวที่เรียกว่า "ทาวน์เฮาส์" หรือ "อาคารพาณิชย์" ขนาด 2 ชั้น ชั้นล่างจะแบ่งออกเป็น 2 ส่วน ตอนหน้าเป็นพื้นที่โล่งจัดไว้เป็นห้องรับแขก ส่วนตอนหลังถูก จัดไว้เป็นห้องครัว เพดานของชั้นล่างนี้จะ ค่อนข้างสูงทำให้อากาศถ่ายเทได้สะดวก จึงทำให้ไม่ค่อย รู้สึกร้อนโดยเฉพาะในช่วงฤดูร้อน หรือเวลากลางวันที่แดดแรงมาก ๆ ผู้เขียนจำได้ว่าที่เพดานของ ส่วนที่จัดไว้เป็นห้องรับแขก จะมีโคมไฟที่ทำจาก เปลือกหอยซึ่งพ่อของ ผู้เขียนซื้อมา จากภูเก็ตแขวนเอาไว้ ส่วนประตูหน้าบ้านจะเป็นประตูเหล็กที่ดึงลากชักปิดได้ ซึ่งตามปกติเวลา กลางวันก็จะเปิดโล่งเอาไว้ตลอด หลังจากที่ครอบครัว ของผู้เขียนย้ายเข้ามาอาศัยที่บ้านหลังนี้ได้ประมาณ 2-3 ปีอย่างสงบสุข .....เช้าวันหนึ่งก็เกิดเหตุการณ์ที่ผู้เขียนคิดว่าน่าจะเป็นลางบอกเหตุหรือลางสังหรณ์ ที่บอกถึงเหตุการณ์ร้ายที่กำลังจะเกิดขึ้นกับครอบครัวของผู้เขียนเอง เพราะในเช้าวันนั้น มีแมลงวันหัวเขียว ซึ่งมีขนาดใหญ่มาก บินมาจากแห่งหนตำบลใด ก็ไม่รู้ เพราะบ้านของผู้เขียนก็ไม่ได้ตั้งอยู่ติดกับกองขยะอะไรเลย บินเข้ามาเกาะที่บริเวณโคมไฟเปลือก หอยที่แขวนอยู่ในห้องรับแขกเป็นฝูงใหญ่ มองดูทั้งหน้ากลัวและหน้าขยะแขยงไปด้วย จนต้องใช้ไม้กวาดหยากไย่ ซึ่งมีด้ามไม้กวาดยาวถึงเพดานมาปัดไล่ แต่ก็แปลกตรง ที่ไล่แล้วก็ไม่ยอมไป ถึงไปก็ไปไม่นานก็บินกลับมาใหม่จนคนที่ไล่เหนื่อยต้องหยุดไล่และทำเป็นไม่สนใจไปเอง ตัวผู้เขียนเมื่อเห็นดังนั้นก็ขึ้นไปบอก คุณย่าที่กำลัง แต่งตัวอยู่ชั้นบนของบ้านแต่ระหว่างที่กำลังขึ้นไปก็เห็นแมลงวันหัวเขียวตัวหนึ่ง บินมาเกาะที่ราวบันไดใกล้ที่มือของผู้เขียนวางอยู่ แล้วแมลงวัน ตัวนี้ก็ถ่าย อุจจาระออกมา ผู้เขียนก็เลยตะโกนบอกย่าถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ย่าของผู้เขียนเมื่อได้ฟังก็รู้สึกแปลกใจถึงกับเอ่ยปากว่า มีอะไรเกิดขึ้นหรือเปล่า แต่ก็สนใจอยู่ได้ไม่นาน ปู่และย่าของผู้เขียน ก็ออกไปธุระกับเพื่อนนักธุรกิจ ที่เดินทางมาจากภูเก็ต ในช่วงนั้นครอบครัวของผู้เขียนเพิ่งเริ่มสร้างฐานะ จึงยังไม่มีรถยนต์ส่วนตัว ปู่และย่าพร้อมด้วยเพื่อน ของท่านก็เลยนั่งรถ โดยสารที่คล้ายรถสองแถวทั่วไปแต่เล็กกว่า ซึ่งเป็นรถรับจ้าง ต่อมาในช่วงสายของเช้าวันนั้น หลังจากที่ปู่และย่าออกไปได้สักพักใหญ่ แมลงวันหัวเขียว ก็ได้ทยอยบินออกไปจากบ้าน เหลืออยู่เพียงไม่กี่ตัว ในช่วงนั้นเองก็มีคนมาบอกว่าปู่โดนยิงในรถโดยสาร ตอนนี้อยู่ที่โรงพยาบาล ตอนนั้นผู้เขียนยังเด็กมาก ได้ยินข่าวก็รู้สึกงง ๆ ว่าเกิดอะไรขึ้น เมื่อพ่อรู้ข่าวก็สั่งให้ผู้เขียน กับพี่เลี้ยงไปบอกให้ป้าที่อยู่ต่างอำเภอทราบ ส่วนพ่อกับอาผู้ชายก็รีบไปดูอาการปู่ที่โรงพยาบาล เมื่อผู้เขียนไปถึงโรงพยาบาล ย่าผู้เขียนกำลังสับสนว่าเกิด จากอะไร เพราะปู่เป็นคนสนุกสนานไม่มีศัตรูที่ไหน แต่ทำไมถึงโดนยิง ซึ่งผลจากการสืบสวนของตำรวจในเวลาต่อมา ทราบว่า สาเหตุที่ถูกยิงนั้น เพราะคนร้ายตั้งใจจะยิง เพื่อนปู่ที่มา จากภูเก็ตซึ่งนั่งรถไปด้วยกัน ไม่ได้ตั้งใจจะยิงปู่ แต่กระสุนบังเอิญพลาดมาโดนท้องปู่ ทะลุผ่านตับ เสียเลือดมาก แม้พ่อกับอาที่มี เลือดกรุ๊ปเดียวกันจะ พยายามบริจาคเลือด ให้เท่าไหร่ก็ไม่พอ เพราะเลือดที่เข้าไปก็ออกจากตับเข้าไปอยู่ในช่องท้องหมด ปู่ทนพิษบาดแผลอยู่ได้ไม่นานนักก็จาก พวกเราไปอย่าง ไม่มีวันกลับ ครอบครัวของผู้เขียนได้นำศพของปู่มาตั้งสวดไว้ที่บ้าน โดยนำโลงศพมาตั้งตรงส่วนที่เป็นห้องรับแขกใต้โคมไฟเปลือกหอยที่แมลงวันกลุ่มนั้นมาเกาะ ซึ่งเป็น เหตุบังเอิญที่น่าจะประหลาดอยู่สักหน่อย ครอบครัวผู้เขียนตอนนั้นลืมเรื่องแมลงวันไปเลย มารำลึกได้หลังจากเสร็จงานเผาศพปู่ซึ่งต้องรีบเผาหลังจากที่ตั้งสวดศพไว้เพียง 7 วัน เนื่องจากถือว่าเป็นการเสียชีวิตแบบไม่ปกตินัก หรือที่เรียกว่า "ตายโหง" ย่าของผู้เขียนเสียใจมากที่ต้องเสียปู่ไปอย่างปัจจุบันทันด่วน แม้จะมีเหตุการณ์ บางอย่างมาบอก เตือนล่วงหน้าแล้วก็ตาม...