เรื่อง ผีโค้งเขาจันทร์



		.....ท่านอาจจะเคยได้ยินกับความเฮี้ยนของโค้งเขาจันทร์
		ซึ่งอยู่ในเขตของอำเภอมวกเหล็ก จังหวัดสระบุรี
		ซึ่งตอนนั้นยังเป็นทางสองเลนคือทางรถวิ่งสวนกัน
		และเป็นทางลงเขาถ้าหากมาจากโคราช และเป็นทางขึ้นเขาถ้ามาจากสระบุรี
		มักจะเกิดอุบัติเหตุขึ้นช่วงที่เป็นทางโค้งกลางมอ
		และจะมีผู้เสียชีวิตเป็นประจำ เพราะรถเบรคไม่อยู่
		ถึงแม้ว่าเดี๋ยวนี้จะเป็นเลนเดียว ก็ยังมีอุบัติเหตุเป็นบางครั้งบางคราว
		.....และเรื่องที่ข้าพเจ้าจะเล่าให้ฟังนี้เป็นเรื่องจริงที่เกิดกับข้าพเจ้าเอง
		ในปี 2502 ในขณะนั้นข้าพเจ้าได้เรียนหนังสือภาคค่ำ
		คือเป็นนักศึกษาผู้ใหญ่เรียนตั้งแต่ 19.00 - 21.00 น.
		เป็นประจำซึ่งการเรียนนี้ข้าพเจ้าต้องปั่นจักกรยานไปเอง
		และมีเพื่อนไปเรียนด้วยกันอีก 3 คน มีจักรยานไปคนละคัน
		และส่วนมากหลังจากเลิกเรียนแล้ว จะยังไม่กลับกันจะหาที่เที่ยวตามงานต่างๆ
		ตามประสาวัยรุ่นในยุคนั้น
		ไม่ว่าจะมีงานที่ไหนจะเห็นพวกข้าพเจ้าที่งานคือถ้าระยะไม่เกิน 10 ก.ม.
		พวกข้าพเจ้าจะปั่นจักรยานไปเอง
		.....และเมื่อถึงที่งานพวกเราจะแยกย้ายกัน เมื่อเจอสาวๆ
		และจะนัดกันกลับเวลาประมาณ 03.00 น. เป็นประจำพวกเราเที่ยวกันอยู่ประมาณ 3
		ปีไม่มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นจนถึงปี 2522 เป็นเดือนอะไรข้าพเจ้าจำไม่ได้
		มีงานซึ่งห่างจากโรงเรียนที่ข้าพเจ้าเรียนประมาณ 10 ก.ม.
		ซึ่งเป็นวัดติดกับถนนมิตรภาพเป็นงานฉลองรูปปั้นเจ้าแม่กวนอิม
		พวกข้าพเจ้าหลังจากเลิกเรยนแล้วได้นัดหมายกันว่าหลังจากไปถึงงานแล้วให้แยกย้ายกันเหมือนเดิม
		จะมาเจอกันเวลา 03.00 น. ถ้าเกินนี้ให้พวกที่มาก่อนกลับได้เลย
		โดยปกติข้าพเจ้าเป็นคนที่กลับทีหลังเสมอ
		เพราะคุยสาวเพลินประจำเพราะไม่มีนาฬิกาเลิกจากคุยสาวแล้วจ้าพเจ้าก็ออกมาที่
		ประตูวัดถามคนในงานว่าเวลาเท่าไร
		เขาบอกว่า 04.00 น . พวกเพื่อนๆ ได้กลับกันหมดแล้ว ข้าพเจ้าจึงต้องกลับคนเดียว
		หลังจากปั่นจักรยานมาได้ประมาณ 3 ก.ม. ก็มีคนเดินลงจากโค้งเขาจันทร์
		ปกติข้าพเจ้าจะไม่ใช่คนกลัวผี
		....แต่เมื่อคนนั้นเดินมาห่างจากข้าพเจ้าประมาณ 5 เมตร จึงรู้ว่าเป็นผู้ชาย
		แต่ให้ตายเถอะครับ จากแสงไฟของรถจักรยานชายคนนั้นเต็มไปด้วยเลือดไม่มีแขน
		ชายคนนั้นยังแสยะยิ้มให้ผม
		ผมจึงตกใจหมดสติและฟื้นขึ้นมาหลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงนำผมส่งโรงพยาบาล
		และรุ่งขึ้นข้าาพเจ้ายังได้ทราบข่าวว่าที่โค้งนั้นมีสิบล้อชนคนตายและผู้ที่ตายนั้นแขนขาดทั้งสองข้าง
		ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ข้าพเจ้าไม่กล้าเที่ยวอีกเลย
		


กลับหน้าหลัก<<<