Prhom
บทสัมภาษณ์เด็ดๆของ  พี่ปุ้ม ตาวัน  (พงษ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา)จากหนังสือ    Overdrive music magazine    ของ อ.ปรารถนา อรุณรังษี ฉบับที่ 28 เห็นว่ามีประโยชน์ต่อทุกๆคนที่ต้องการเป็นเซียนด้านดนตรี อ่านรายละเอียดด้านล่างครับ
Q:  พูดถึงเรื่องการฝึกฝน
เครื่องดนตรีประเภทคีย์บอร์ดนั้น ค่อนข้างกว้างกว่าเครื่องดนตรีชนิดอื่น
อย่างเราพูดว่า การเล่นกีตาร์ นอกจากจะชำนาญพื้นฐานแล้ว ยังต้องมาพูดถึงเรื่องของแนวดนตรีอีก
หมายถึงการทำงานในแบบโปรดิวเซอร์นี่ แน่นอนว่าจำเป็นที่จะต้องสมามารถเล่นหรือเข้าใจแนวดนตรีที่หลากหลาย
แต่กับคีย์บอร์ด นอกจากจะต้องเข้าใจเรื่องดนตรีแล้ว ยังต้องคิดถึงปัญหาที่ว่าเสียงคีย์บอร์ดแต่ละประเภท
อย่างเปียโน ซินท์ นั้นจะใช้กับดนตรีแต่ละแนวอย่างไรด้วย ตรงนี้มีวิธีการศึกษาและฝึกฝนอย่างไร
ปุ้ม:  ผมขอพูดถึงแนวเพลงก่อน หลายคนมีความคิดว่า
ถ้าจะเป็นนักดนตรีร็อคก็ต้องฝึกดนตรีร็อค อยากเป็นแจ๊ส ก็ต้องฝึกแจ๊ส หรือเราฝึกดนตรีแจ๊สมาแล้วก็ต้องเล่นกับวงแจ๊สเสมอ  
กับนักดนตรีฝรั่ง แน่นอนในเรื่องพื้นฐานทุกแห่งก็คงต้องสอน โมสาร์ท บีโทเฟน
คือสอนคลาสสิคคอลก่อน หลังจากนั้นก็ต้องไปแตกย่อยเอง ความเป็นทฤษฎีมันอยู่บนพื้นฐานเดียวกัน
แต่สไตล์มันเป็นอีกเรื่อง อย่างนักดนตรีที่เรียนจบแจ๊สมาคนหนึ่ง บางทีเค้าอาจจะไปเล่นกับวงร็อค
ซึ่งนักดนตรีส่วนใหญ่อาจจะศึกษามาทางร็อค ก็ทำให้สีสันของวงออกไปทางร็อคมากกว่าแจ๊ส
นั่นหมายความว่า ย่อมมีอิทธิพล ทำให้นักดนตรีแจ๊สรับเอาสไตล์ร็อคโดยไม่รู้ตัว
แต่ยังไงงานของวงก็ย่อมมีสีสันของแจ๊สมาเจืออยู่บ้าง แต่ถ้านักดนตรีแจ๊สคนนี้ออกจากวงไปและได้นักดนตรีสไตล์อื่นเข้ามาแทนที่
เราก็จะพบว่าสีสันของวงเปลี่ยนไป ผมหมายถึงว่าเมื่อเราจะเริ่มเล่นดนตรี ไม่ว่าเราจะมีอิทธิพลมาจากใหนก็ตาม
มันไม่ได้เป็นสิ่งที่จำกัดทิศทางของคุณ แต่ยังไงผมว่า ถ้าเรามุ่งมั่นจะทำอะไรสักอย่างหนึ่ง
ขอให้ทำในสิ่งนั้นให้ดีที่สุดก่อนน่าจะเป็นทางที่ดีที่สุด พอคุณทำความเข้าใจในสิ่งที่คุณคิด
แล้วคุณจะก้าวไปทางใหน มันก็คงไม่ใช่ปัญหา ขอให้ศึกษาในรายละเอียดของมันให้ลึก
ทำความเข้าใจให้ชัดเจน และเมื่อคิดว่าไม่มีอะไรที่เราสงสัยอยู่แล้ว จะหันไปทำอย่างอื่น
อย่างแหกมรรคาก็ทำได้เลย /........../ผมคิดว่าถ้าเราได้เรียนรู้ทำความเข้าใจในครรลองของคีย์บอร์ด
รวมถึงแตกฉานทางทฤษฎีดนตรีด้วย มันไม่ยากที่จะศึกษาดนตรีสไตล์อื่นๆ เพราะเราไม่จำเป็นที่จะต้องเริ่มบทหนึ่งใหม่เลย
อย่างเช่นง่ายๆกับการทำความเข้าใจว่า ถ้าปกติเราจะเล่นเป็นคู่สองไมเนอร์
แต่ถ้าเป็นพวกโมเดิร์นแจ๊ส เขาจะเล่นอีกแบบ แต่ถ้าเป็นอีกสไตล์เขาก็จะเล่นอีกแบบหนึ่ง
นี่คือแนวทางการศึกษาดนตรีแต่ละแนวที่ผมทำมา นั่นคือ เราสามารถสังเกตสิ่งเหล่านี้จากการวิเคราะห์กระบวนการต่างๆ
ไม่ว่าจะเป็นการดำเนินแนวประสาน โปรเกรสชั่นของคอร์ด สังเกตความแตกต่างระหว่างสิ่งที่เราเล่นกับสิ่งที่คนเหล่านั้นทำในสไตล์ที่เราต้องการศึกษา
แล้วเราจะพบคำตอบเอง นอกจากนี้ การฟังเพลงหลากหลายสไตล์จะช่วยในเรื่องพวกนี้ได้มาก
และลึกลงไปถึงขั้นที่หลายๆคนคิดว่าไม่น่าจะเกี่ยว คือผมจะศึกษาความเป็นตัวตนของนักดนตรีที่ผมต้องการศึกษาด้วย
เช่น ประวัติของนักดนตรีคนนั้น อย่างน้อยเราต้องรู้ว่า ดนตรีบลูส์เกิดได้อย่างไร
จะช่วยให้เราเข้าใจได้อีกระดับหนึ่งมากกว่าที่จะนั่งวิเคราะห์ในเชิงทฤษฎีอย่างเดียว
การศึกษาบลูส์ คงไม่ใช่แค่การเอาโปรเกรสชั่นมากาง เอาโน้ตมากางแล้ววิเคราะห์ว่ามันเกิดอะไรขึ้น
ที่คอร์ดนั้นก็การเคลื่อนที่แนวประสานแบบนี้ แทนที่เราจะวิเคราะห์แบบนี้
เราน่าจะศึกษาที่มาของมันด้วย คุณรู้จัก  โรเบิร์ต
จอห์สัน  มั้ย เค้ามีความเป็นอยู่อย่างไร เคยได้ยินเรื่อง  
Cross road   รึเปล่า สิ่งเหล่านีมันมีส่วนช่วยให้เราเข้าใกล้ดนตรีบลูส์มากขึ้น................
เป็นไงครับ ที่พี่ปุ้มได้ให้สัมภาษณ์ คิดว่าหลายคนคงเกิดไอเดียดีๆนะครับ อยากรู้รายละเอียดมากกว่านี้ ก็คงต้องเสียตังค์ซื้อมาอ่านแล้วล่ะ
ผมหวังว่าทุกคนคงมีความสุขกับชีวิตและดนตรีในสังคมเบี้ยวๆ อย่างน้อย เสียงเพลงก็ไม่เคยทำร้ายใคร นอกจากจะเปิดดังเกินไป จนชาวบ้านเขารำคาญนะครับ ขอบคุณที่ทนอ่าน
 
|