ประวัติความเป็นมาของแมว
ถ้าเริ่มพูดถึงตำนานของแมว คงต้องเริ่มกันตั้งแต่สมัยไดโนเสาร์ครองโลกโน่นเลย
นักชีววิทยาค้นพบว่า บรรพบุรุษของแมว
ถือกำเนิดขึ้นกว่า 50 ล้านปีมาแล้ว เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมและกินเนื้อ
เป็นอาหารเหมือนแมวสมัยนี้ เรียกว่า Miacis และได้
วิวัฒนาการมาเรื่อย ๆ จนเริ่มมีลักษณะคล้ายแมวในปัจจุบันเมื่อ 10 ล้านปีก่อน
มีขนาดและรูปร่างใกล้เคียงกับแมวป่ามีเขี้ยว
ขนาดใหญ่เรียกว่า Dinistis แต่ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ไม่ใช่ต้นตระกูลของแมวบ้าน
ที่เลี้ยงกันเป็นเพียงสายพันธุ์หนึ่งสัตว์ตระกูลนี้
เท่านั้นต้นตระกูลของแมวบ้านจริง ๆ นั้นแยกออกมาจากตระกูลของเสือไซบีเรียน
และต้นตระกูลของแมวพื้นเมืองต่าง ๆ ใน
ปัจจุบันสายพันธุ์แมวถูกรวบรวมไว้ถึง 36 ตระกูล 51 ชนิด (รวมทั้งสิงโตและเสือชนิดต่าง ๆ ด้วย)
ต่อมาก็ถึงยุคอียิปต์โบราณ
ยุคนี้ถือว่าเป็นยุคที่รุ่งเรืองที่สุดของแมว เริ่มเมื่อประมาณ 4000 กว่าปีก่อน
พวกชาวนาได้นำแมวป่า หรือเรียกได้ว่าเป็นแมวพื้น
เมืองของอียิปต์ มาฝึกให้เชื่องเพื่อใช้จับหนูในโรงนาคงจะเป็นเพราะหนู
ในโรงนาหมดไปก็ทำให้ผลิตผล และพืชพันธุ์ได้รับความเสีย
หายน้อยลงประชาชนก็มีอาหารอุดมสมบูรณ์และไม่มีโรคที่เกิดเนื่องมาจากหนูอีกด้วย
ชาวอียิปต์โบราณจึงนับถือแมวเป็นสัตว์เทพเจ้า
และเริ่มนับถือเทพเจ้าองค์หนึ่งคือ"เทพีบาสต์"มีตัวเป็นคนแต่หัวเป็นแมวเป็น
เทพเจ้าแห่งความรักและความอุดมสมบูรณ์และมีถิ่น
อยู่ที่เมืองบูบาสติสนอกจากชาวอียิปต์โบราณจะใช้แมวจับหนูในโรงนาแล้ว
ยังใช้จับหนูบนเรือสินค้าอีกด้วยตรงจุดนี้เลยเกิดความเชื่อ
ว่าเมื่อเรือเทียบท่าแมวก็ลงจากเรือแต่ไม่ได้กลับไปขึ้นเรือจึงทำให้แมวแพร่ขยายพันธุ์ไปทั่วโลก
ชาวอียิปต์โบราณนี้นับถือแมวจนถึงขนาดแมวในบ้านตายยังต้องนำไปทำมัมมี่เลย
(มัมมี่คนนั้นจะทำก็ต่อเมื่อเป็นศพของพวกขุนนาง
และกษัตริย์เท่านั้น)ยังพอหาดูได้ที่พิพิธภัณฑ์ในประเทศอังกฤษ และถึงคราวที่อียิปต์โบราณล่มสลาย
ในเมื่อแมวเป็นสัตว์เทพเจ้า
ของชาวอียิปต์โบราณ และมีกฎว่าใครฆ่าแมวก็จะต้องถูกลงโทษอย่างหนัก พวกที่ต้องการยึดครอง
อาณาจักรอียิปต์โบราณจึงใช้วิธีชั่วร้าย
"อุ้มแมวไปรบ"แล้วทหารอียิปต์จะสู้ได้อย่างไร(เป็นส่วนหนึ่งของการรบไม่ใช่อียิปต์ล่มเพราะแมว)
แต่ถึงอียิปต์โบราณจะล่มสลายไป
ชาวอียิปต์ในสมัยนั้นก็ยังนับถือบูชาแมวเหมือนเดิมขนาดชาวโรมันบางคน
(สมัยนั้นโรมันปกครองอียิปต์)ฆ่าแมวยังถูกพวกอียิปต์ลงโทษประหารเลย
หลังจากอียิปต์โบราณล่มสลายไปนานแล้วเริ่มเข้าสู่ยุคกลางในยุโรปมีความเชื่อเรื่องแม่มด
และความชั่วร้ายต่างๆ
ชาวยุโรปในยุคนี้กล่าวหาว่าแมวเป็นสัตว์เลี้ยงของแม่มด (โดยเฉพาะแมวดำ)
ดังนั้นใครเลี้ยงแมวผู้นั้นจะถูก
ประณามว่าเป็นแม่มดร้าย ยิ่งเป็นคนแก่เลี้ยงแมวยิ่งแล้วใหญ่ พวกนี้มักโดนเผาเป็น
เป็นทั้งแมวทั้งคนในที่สุดความเชื่อเหล่านี้ทำให้แมวในยุโรปเริ่มลดน้อยลงไปเรื่อย
กาฬโรคก็เลยระบาดหนักในแถบยุโรปยุคนั้นตายซะอยากฆ่าแมวทำไมล่ะในยุคใกล้ๆกันนี้
ในแถบเอเชียอย่างญี่ปุ่นและจีนเริ่มเลี้ยงแมวมากขึ้น
จากเดิมที่เคยเลี้ยงอยู่แล้ว และที่ญี่ปุ่นก็ยังใช้แมวเป็นสัญลักษณ์นำโชคจะเห็นได้จาก"แมวกวัก"
ที่ใช้กันทั่วไปตามร้านค้าจะใช้กวักลูกค้าหรือกวักเงินก็แล้วแต่
ท่าทางของแมวกวักตัวนั้นและจีนก็เชื่อว่าแมวเป็นสัตว์นำโชคเช่นกันที่เขาว่า
แมวเป็นสัตว์นำโชคเพราะว่าแมวจะเข้ามาอยู่ในบ้านเราก็ต่อเมื่อมันพอใจที่จะอยู่
เมื่อมันมาอยู่แล้วเจ้าของก็มักจะมีโชคลาภเข้ามา ในไทยเองก็นิยมเลี้ยงแมว
มาตั้งแต่สมัยสุโขทัยโน่นแล้วล่ะ เลี้ยงไว้เพื่อใช้จับหนูเหมือนกับชาวอียิปต์
จนมีตำราแมวให้คุณให้โทษ ซึ่งใครเขียนขึ้นเมื่อไรก็ไม่ทราบและยังมีคำพูดที่ว่า
หากใครฆ่าแมว1ตัว เท่ากับฆ่าเณร 1องค์

Home