สิว เป็นกัน เมื่ออายุเท่าใด...............
คำตอบ จากสถิติ
85% เป็นเมื่ออายุ 12-25 ปี 8% เป็นเมื่อ 25-34 ปี และ 3% เมื่ออายุ 35-44 ปี
ที่เหลืออีกเล็กน้อย เป็นตั้งแต่เกิด หรืออายุมากเมื่อวัยชรา วัยหนุ่มสาวนั้น
พอเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เมื่ออายุมาก ๆ อาจเกิดจากรูขุมขนอุดตัน จากการใช้สารบางอย่าง
มักเป็นเครื่องสำอาง หรือยาบางชนิด ที่ใช้ทา หรือรับประทาน แล้วทำให้เกิดสิว
อาจเกิดจากการใช้สบู่โฟมล้างหน้า หรือแชมพูสระผม ที่มีไขมันบางชนิด หรือสารบางอย่าง
สารเกิดฟองทำให้เกิดสิวก็ได้ ยิ่งถ้าคุณล้างบ่อย ๆ สิวกลับขึ้นหนักกว่าเดิม ดังนั้น
การเลือกใช้สารเกิดฟอง จึงต้องพิถีพิถัน แต่ทว่าคุณไม่มีความรู้เลย ดังนั้นแพทย์ผิวหนัง
จะเป็นผู้พิจารณาเลือกให้คุณ ครีมบำรุงผิวที่มีไขมัน ที่คุณใช้ทาก่อนนอน ที่คุณคิดว่าใช้แล้ว
จะสาวหรือสวยคงทน หลายชนิดในท้องตลาด ทำให้คุณเป็นสิว ดังนั้น คุณควรเลือกใช้ครีมบำรุงผิว
ชนิดไร้ไขมัน แม้แต่ครีมกันแดด ต้องเลือกใช้ชนิดไร้ไขมันด้วย แล้วคุณจะทราบได้อย่างไร
ว่ามีไขมัน หรือไม่มีไขมัน ยกตัวอย่างเช่น ครีมกันแดด ผู้เขียนลองสำรวจตลาดแล้ว
ครีมกันแดดชนิดไร้ไขมัน มีอยู่ไม่ถึง 5% ในท้องตลาด ถ้าคุณใช้เครื่องสำอางที่มีไขมัน
หรือครีมใด ๆ อยู่ คุณมีหวังเป็นสิว แม้ในวัยตกกระ
สิวหนุ่มสาวหายเองหรือไม่......
บางคนว่า สิวไม่ต้องรักษา เดี๋ยวมันก็หายเอง คำตอบก็จริงแค่10% แต่อีก 90% สิวไม่หายเอง บางคนลองใช้สมุนไพร ยาสีฟันทาสิวก็หาย หรือใช้เครื่องสำอางบางชนิด อาจหายได้ คุณจะลองดูก็ได้ เพราะอย่างไร การรักษาสิวต้องใช้เวลา ประมาณ 3 เดือน
คุณอาจคิดว่า อาหารทำให้เป็นสิวมากขึ้น เพราะสาเหตุกินชอกโกเล็ต 1 อัน สิวขึ้น 1 เม็ด.............. ใช่ สิวของคุณอาจเป็นเช่นนั้น แต่สิวของคนอื่น อีกหลายล้านคน ไม่ใช่อย่างที่คุณเป็น ดังนั้น คนที่เป็นสิว จะรับประทานอาหารอย่างไรก็ได้ บางคนอาจดื่มนม วันละ 3-4 แก้ว ในขณะที่รักษา แล้วสิวไม่หายสักที ให้ลดลงมาเหลือวันละ 1 แก้ว
หญิงสาวบางคนบอกว่า หนูเครียด สิวเลยขึ้นเต็มหน้า...........มันคงไม่เกี่ยวข้องกัน แต่ถ้าเป็นเต็มหน้า ทำให้คุณเครียดแน่นอน แถมบางคน ยังบีบสิวตัวเอง จนหน้าเปรอะไปหมด ดังนั้น การบีบสิว จึงเป็นสิ่งต้องห้าม ในการรักษาสิว เพราะสิวบางส่วน บีบออกไม่หมด ทำให้เกิดการลุกลามของสิว ไปยังบริเวณใกล้ ๆ
บางคน ขอไม่
รับประทานยาได้ไหม เพราะกลัวการแพ้ยา คำตอบก็ได้อีกเช่นกัน แต่สิวมักไม่หาย ขนาดรับประทานยาแล้ว
สิวยังไม่ใคร่หายเลย บางคนต้องใช้ยาราคาแพงมาก เช่น ยากลุ่มไวตามิน เอ คือ เรตินอยด์
จึงจะหาย บางคนดื้อยา อาจกล่าวหาว่า แพทย์เลี้ยงสิว (ไข้) หรือเปล่า................
แพทย์ไม่มีวันเลี้ยงสิว (ไข้) เพราะอยากให้คนที่เป็นสิวหายทั้งนั้น เพียงแต่คุณดื้อยา
และแพทย์บางคนอาจไม่รู้ เพราะผู้ที่รักษาสิวไม่ใช่แพทย์ผิวหนังก็มีแยะ แพทย์ผิวหนังคงต้องรู้ดี
และรีบเปลี่ยนยารักษา สิวจึงจะหาย
ควรล้างหน้าวันละกี่ครั้งดี.................
ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาพของใบหน้าของคุณว่า
มันแค่ไหน ถ้าหน้าแห้ง บางคนล้างวันละ 2 ครั้ง ถ้าผิวหน้าปกติ ล้างวันละ 3 ครั้ง
ถ้าเป็นมาก วันละ 4 ครั้ง ถามว่า ล้างวันละ 4 ครั้ง แต่หน้ายังมันอยู่ จะให้ทำอย่างไร
แพทย์อาจให้ยาลดความมันบนใบหน้า อาจเป็นยารับประทาน ข้อเสียคือ ราคาแพง และต้องรับประทานนาน
แถมมีโรคแทรกซ้อนอีกเล็กน้อย ยาลดกรดในกระเพาะบางตัว ยาฆ่าเชื้อรา ยาปลูกผมก็มีฤทธิ์เช่นกัน
ส่วนยาทา เพิ่งค้นพบไม่กี่ตัว ยังอยู่ในระหว่างการวิจัยเป็นส่วนใหญ่ ยาทาราคาถูก
เป็นพวกสารอลูมิเนียม ก็พอใช้ได้ บางคนใช้ยาทาสิว ชนิดที่เป็นรูปเจล เช่นเจลฟอกสิว
หรือ เจลกรดไวตามินเอ ก็ทำให้หน้าแห้งได้ ลองใช้ดู ถ้าไม่ดี ค่อยๆลองทายาตัวใหม่
เช่น สารเอลลูไบออล กรดแกมม่าไลโนเลอิก เรตินัลดิไฮด์ ซึ่งในเร็วๆนี้ คงจะมีขายในท้องตลาด
ยาทาถึงจะดีอย่างไร ก็สู้สารเรตินอยด์ชนิดรับประทานไม่ได้ และหน้าอาจแห้งมากในบางคน
ต้องมีการปรับระดับของยา ให้พอดี
สิวหัวช้าง (เม็ดใหญ่ ๆ ขนาด 1-2 ซม.) รักษาอย่างไร...............
ต้องดูว่า
ใหญ่แค่ไหน ลองใช้ยาฉีดอาจยุบ ถ้าไม่ยุบใช้ใบมีดกรีด ไม่เจ็บ ถ้ากลัวเจ็บใช้ยาชา
ซึ่งเจ็บเท่ากัน คือเจ็บเวลาเข็มแทง ตอนฉีดยาชา แล้วใส่ผ้ากอสเล็ก ๆ เอาไว้ 1-2
วัน แล้วเอาออก
พอสิวหาย หน้ายังเป็นรอยดำๆ เต็มหน้า.............
การรักษาใช้ กรดไวตามินเอ หรือตัวยาผสมพิเศษ ของกรดดอกไม้ ซึ่งอยู่ในกลุ่มซีเอชเอ (CHA) ทารอยดำต่างๆ จะหายไปใน 2-3 เดือน ไม่ต้องใช้ยาทาฝ้า รอยแผลเป็นตื้นๆ ใช้การลอกหน้าด้วยกรด บลูพีลหรือ ทีซีเอ ซึ่งดีกว่ากรดผลไม้ ทำเดือนละครั้งใน1ปี ผิวจะสวยขึ้นมาก ถ้ามีรอยแบบซ่อมจิ้ม ใช้กรดเข้มข้นจี้ หลุมจะตื้นขึ้น ถ้าแผล