นางไข่ฟ้า (หมาเก้าหาง) (นิทานของชาวไทเขิน)
เมื่อก่อนมีเมือง ๆ หนึ่ง มีทุคคตะ (คนจนางไข่ฟ้า (หมาเก้าหาง) (นิทานของชาวไทเขิน)
เมื่อก่อนมีเมือง ๆ หนึ่ง มีทุคคตะ (คนจน) ๒ พ่อลูก ก่อนพ่อจะตายได้สั่งลูกว่า
ถ้าพ่อตายแล้วให้ เอาหัวพ่อไปด้วยไม่ว่าจะเดินทางไปที่ใด ต่อมาไม่นานผู้เป็นพ่อก็ตายฝ่ายลูกจึงเอากะโหลกของพ่อติดตัว
ไปด้วยทุกแห่ง ต่อมาไม่นานก็ออกจากบ้านไปอยู่ในป่า และปลูกกระท่อมในป่าแล้วเอากะโหลกของพ่อฝัง
ไว้ใต้กระท่อมนั้น ต่อมาก็ออกไปทำงานเกี่ยวข้าวมาขายทุกวัน
วันหนึ่งชายยากจนคนนั้นออกไปเกี่ยวข้าว ไปพบไข่ใบหนึ่งซึ่งใหญ่มากเห็นว่าประหลาดดี
จึงเก็บมา ไว้ในบ้าน ต่อมา ขณะที่เขาออกไปทำงาน ก็มีผู้หญิงสวยงามคนหนึ่งออกจากไข่นั้นมาทำงานหุงหาอาหาร
ไว้ให้เขา เมื่อเขากลับจากเกี่ยวคาก็มาพบอาหารก็จึงแปลกใจว่าใครมาทำอาหารไว้ให้ตน
จึงไม่กล้ากิน แต่กลิ่นของอาหารนั้นหอม เขาทนหิวไม่ได้จึงได้กินอาหารนั้นจนหมด
ต่อมาเขาแสร้งออกไปเกี่ยวหญ้าคา แล้วแอบกลับมาดู จึงมาพบหญิงสาวคนหนึ่งสวยมากกำลังทำอาหาร
เขาจึงถามว่านางมาจากที่ไหน เป็น ลูกของใคร หญิงสาวผู้นั้นจึงได้บอกว่านางนั้นได้ออกมาจากไข่ที่เขาเก็บจากป่ามาไว้ในบ้าน
ต่อมาทั้ง ๒ คนจึงได้เป็นผัวเมียกัน และที่บ้านของเขานั้นก็เลี้ยงหมา ๙ หางไว้หนึ่งตัว
ไม่นานเจ้าเมืองได้ทราบว่าเขามีเมียสวยจึงอยากได้ จึงได้เรียกตัวเขาไปพบในวังและสั่งให้เขา
ไปเอาไก่มาชนกัน โดยสัญญาว่าถ้าไก่ของชายผู้นั้นชนะก็จะยกเมืองให้ แต่ถ้าไก่เจ้าเมืองชนะเจ้าเมือง
จะยึดเมียของเขาเสีย เขาจึงตกลงแล้วก็กลับบ้านมานั่งคิดว่าจะทำอย่างไรดี ฝ่ายเมียเมื่อทราบเรื่องก็
เอาข้าวมาหว่านหน้าบ้าน ก็มีอีเห็นตัวหนึ่งมากินข้าว เมียเขาจึงได้เสกคาถาให้อีเห็นเป็นไก่แล้วบอกให้
ผัวเอาไปชนกับไก่เจ้าเมือง เขาจึงเดินทางไปชนไก่กับเจ้าเมือง ไก่ของเจ้าเมืองก็แพ้
แต่เจ้าเมืองไม่ ยอมยกเมืองให้ตามสัญญา แต่กลับบอกให้เขาเอาวัวมาชนกันอีก เขาจึงได้กลับมาบ้าน
มานั่งคิด ฝ่ายเมีย ก็มาถาม พอทราบเรื่องก็บอกว่าจะช่วยเหลือ แล้วนางจึงไปจับเสือในป่าแล้วเสกคาถาให้เป็นวัวแล้วนำ
มาให้ผัวนางไปชนกับวัวเจ้าเมือง ปรากฏว่าวัวของเจ้าเมืองก็แพ้ เจ้าเมืองก็ไม่ยอม
แต่กลับบอกให้เขา เอาช้างมาชน เขาจึงกลับบ้านมานั่งคิด ฝ่ายเมียก็มาช่วยโดยไปเอาฤาษีตนหนึ่งมาเสกเป็นช้างและให้ผัว
ของนางนำไปชนกับช้างเจ้าเมือง ช้างของเจ้าเมืองก็แพ้ เจ้าเมืองจึงบอกว่าอีก ๗ วันจะยกเมืองให้
ต่อมาใกล้จะถึง ๗ วัน เจ้าเมืองก็สร้างกลองใบใหญ่ขึ้นใบหนึ่ง และให้คนไปอยู่ในกลองแล้วใช้คน
นำไปหาเขาที่บ้านโดยบอกว่าเจ้าเมืองจะมีงานจึงได้เอากลองมาฝากไว้ แท้ที่จริงแล้วเจ้าเมืองนั้นอยาก
จะสืบดูว่าเขามีของวิเศษอะไรจึงชนะเจ้าเมืองทุกอย่าง ตกตอนดึกมา สองผัวเมียจึงพูดคุยกัน
ฝ่ายเมีย บอกเขาว่าห้ามกินไข่ทุกชนิด เพราะว่าจะทำให้นางไม่สบายและจะอยู่ไม่ได้ในเมืองมนุษย์
จะต้องกลับไป อยู่ที่เมืองของนางบนสวรรค์ เมื่อคนที่อยู่ในกลองได้ยินเช่นนั้นจึงนำเรื่องไปเล่าให้เจ้าเมือง
เจ้าเมือง จึงจัดงานเลี้ยงขึ้นแล้วใช้คนไปเรียกผัวของนางมา พอผัวของนางมาถึงงานเลี้ยง
ก็พบว่าอาหารทุกอย่าง ประกอบด้วยไข่ทั้งหมด เขาจึงนึกถึงคำบอกของเมียจึงไม่กินอาหาร
เจ้าเมืองจึงโกรธ บอกว่าถ้าเขา ไม่กินแล้วก็จะถูกฆ่า เขาจึงกลัวจึงหยิบกินเพียง
๒-๓ คำ ซึ่งก็เพียงพอที่ฝ่ายเมียซึ่งอยู่ทางบ้านจะปวดหัว จนอยู่ต่อไปไม่ได้ จึงต้องกลับไปบนสวรรค์
แต่ก่อนจะกลับก็ได้ฝากแหวนวิเศษของนางไว้ให้ผัวโดยฝากไว้ กับหมา ๙ หางของนาง พอเขากลับมาถึงบ้านไม่พบเมียก็จึงเสียใจนัก
หมา ๙ หางจึงบอกว่าไม่ต้อง เสียใจ ตนจะช่วยพาไปหาเมียแล้วจึงเอาแหวนนั้นให้เขา
หมา ๙ หางจึงพาเขาเดินทางมาถึงฝั่งน้ำแห่งหนึ่ง ก่อนจะข้ามน้ำ หมาได้สั่งเขาว่า
ถ้าตนตดขึ้น ก็จงอย่าหัวเราะ เพราะว่าถ้าหัวเราะแล้วหางมันจะหลุด แล้วจึงให้เขาเกาะหางหมาเดินทางข้ามแม่น้ำ
หมาก็ตดเขาก็หัวเราะ จึงทำให้หางหมาขาด เขาก็จับอีกหางหนึ่ง และหางหมาขาดถึง ๘
ครั้งจึงข้ามน้ำ ได้สำเร็จ ทำให้หมาเหลือหางเดียวมาจนทุกวันนี้
ฝ่ายหมาก็เจ็บปวดมากเพราะหางขาดและเดินทางมากับเขาได้ไม่นานก็ตาย เขาจึงนำศพหมาเดิน
ทางต่อไป มีแมลงวันตัวหนึ่งมาขอกินเนื้อหมา เขาก็ให้แมลงวันกิน แมลงวันจึงช่วยแนะนำทางเขาจนถึง
เขตเมืองของกา แมลงวันก็บอกว่าตนเดินทางต่อไปไม่ได้แล้ว และบอกว่าถ้าเมื่อใดที่ต้องการให้มันช่วย
แล้วก็จงอธิษฐานถึงมัน เขาจึงเข้าไปในเขตเมืองของกา กามาพบเขาและขอกินเนื้อหมาอีก
เขาก็จึงให้ กากิน กาจึงนำทางมาจนหมดเขตเมืองของกาถึงเขตของอีแร้ง กาก็ได้สั่งเขาอย่างเดียวกับแมลงวัน
พอ เข้าเขตอีแร้ง ๆ ก็ขอเขากินเนื้อหมาอีก เขาก็ให้กินและอีแร้งก็กินจนหมด ต่อมาอีแร้งก็ไปส่งเขาจนหมด
เขตเมืองของอีแร้ง เขาจึงเดินทางไปเรื่อย ๆ เขารู้สึกกลัวจึงไปนอนบนต้นไม้แห่งหนึ่งซึ่งใหญ่ที่สุด
ต่อมามีนก ๒ ตัวผัวเมียเป็นนกที่ใหญ่มากสามารถบินถึงชั้นฟ้าได้ ซึ่งชื่อว่านกอะจ๊ะเลเล(หัสดีลิงค์)
บินมาเกาะที่ต้นไม้นั้นและได้คุยกันว่า วันนี้กินอิ่มแล้วพรุ่งนี้จะกินอะไรอีก
ฝ่ายนกที่เป็นผัวจึงบอกว่า พรุ่งนี้ จะไปกินช้างที่เมืองจุมปอน(อุทุมพร) เขาจึงได้รู้ว่าเมียตนอยู่เมืองจุมปอน
เขาจึงแอบเข้าไปซ่อนตัวอยู่ ในหางปั่วนก(หางนกเส้นโต) รุ่งเช้านกก็บินไปยังเมืองจุมปอน
และก็บินลงไปจะไปกินช้างที่ตาย เขาจึง หล่นตกลงมาจากขนนกแล้วก็เดินไปเรื่อย ๆ มาจนถึงท่าน้ำแห่งหนึ่ง
พอดีทางเมืองนั้นจะทำพิธีอาบน้ำนาง ไข่ฟ้าซึ่งเป็นเมียของเขาและเป็นลูกสาวของเจ้าเมืองและใช้คนใช้มาหาบน้ำที่ฝั่งแม่น้ำนั้น
คนใช้จึงได้มา พบกับเขาที่นั่น เขาจึงถามว่านางหาบน้ำไปทำไม คนใช้ก็บอกว่าตักไปให้ลูกสาวเจ้าเมืองอาบ
เขาจึง ช่วยนางยกหาบน้ำใส่บ่าแล้วแอบถอดแหวนใส่ลงในหาบน้ำ
พอนางคนใช้หาบน้ำมาถึงในวังแล้วไปเทให้ลูกสาวเจ้าเมืองอาบ แหวนจึงได้วิ่งเข้าสวมนิ้วมือของ
ลูกสาวเจ้าเมืองจึงทำให้ลูกสาวเจ้าเมืองหรือนางไข่ฟ้ารู้ว่าผัวของนางมาตาม นางจึงถามคนใช้ว่าตักน้ำ
ที่ไหนมา คนใช้ก็เลยเล่าให้ฟังว่าพบชายคนหนึ่งอยู่ที่ท่าน้ำ นางจึงบอกให้พ่อแม่ว่าผัวนางมาตาม
พ่อแม่ นางจึงให้ทหารไปตามเขามา แล้วไม่ให้เห็นนาง แล้วจึงจัดงานและให้นางคนใช้อีก
๖ คนมาแต่งตัวให้ เหมือนนางไข่ฟ้าแล้วใช้ผ้าม่านปิดหน้าแล้วให้เขาไปเลือกว่าใครเป็นเมียของเขา
โดยเอาแหวนของนาง ออกเสีย ฝ่ายชายผู้เป็นผัวของนางก็อธิษฐานให้แมลงวันมาช่วย แมลงวันจึงบินมาเกาะที่มือของนาง
เขา จึงชี้ตัวนางได้ถูกต้อง ฝ่ายเจ้าเมืองผู้เป็นพ่อตาก็ไม่เชื่อจึงให้ใช้ผ้าม่านปิดแล้วให้นางทั้ง
๗ ยื่นนิ้วออกมา คนละนิ้ว แล้วจึงให้เขาเลือกชี้ว่านิ้วไหนเป็นของนางไข่ฟ้า ชายผู้เป็นสามีจึงอธิษฐานให้แมลงวันมาช่วย
แมลงวันจึงมาเกาะที่นิ้วนาง ทำให้ชี้ได้ถูก เจ้าเมืองจึงเชื่อและยกรองเท้าวิเศษที่ใส่แล้วเหาะได้ให้ด้วย
จากนั้นเขากับเมียจึงเหาะลงมาที่กระท่อมเขาและได้มาฆ่าเจ้าเมืองที่โกงเขาถึง ๓
ครั้ง ๓ ครา แล้วเอาไฟเผาเมืองไหม้หมด ต่อมาจึงได้สร้างเมืองขึ้นใหม่ และทั้ง ๒
คนได้ครองเมืองนั้นสืบมา
หมายเหตุ นิทานเรื่องนี้ ตรงกับเรื่อง นางไข่พราง และสุพรหมโมกขกุมารชาดก และยังมีบางตอนที่คล้ายกับเรื่องพระสุธนหรือนางมโนห์รา
จาก ด้วยปัญญาและความรัก นิทานของชาวไทยวน นิทานของชาวไทลื้อ นิทานของชาว ไทใหญ่
นิทานของชาวไทเขิน
น) ๒ พ่อลูก ก่อนพ่อจะตายได้สั่งลูกว่า ถ้าพ่อตายแล้วให้ เอาหัวพ่อไปด้วยไม่ว่าจะเดินทางไปที่ใด
ต่อมาไม่นานผู้เป็นพ่อก็ตายฝ่ายลูกจึงเอากะโหลกของพ่อติดตัว ไปด้วยทุกแห่ง ต่อมาไม่นานก็ออกจากบ้านไปอยู่ในป่า
และปลูกกระท่อมในป่าแล้วเอากะโหลกของพ่อฝัง ไว้ใต้กระท่อมนั้น ต่อมาก็ออกไปทำงานเกี่ยวข้าวมาขายทุกวัน
วันหนึ่งชายยากจนคนนั้นออกไปเกี่ยวข้าว ไปพบไข่ใบหนึ่งซึ่งใหญ่มากเห็นว่าประหลาดดี
จึงเก็บมา ไว้ในบ้าน ต่อมา ขณะที่เขาออกไปทำงาน ก็มีผู้หญิงสวยงามคนหนึ่งออกจากไข่นั้นมาทำงานหุงหาอาหาร
ไว้ให้เขา เมื่อเขากลับจากเกี่ยวคาก็มาพบอาหารก็จึงแปลกใจว่าใครมาทำอาหารไว้ให้ตน
จึงไม่กล้ากิน แต่กลิ่นของอาหารนั้นหอม เขาทนหิวไม่ได้จึงได้กินอาหารนั้นจนหมด
ต่อมาเขาแสร้งออกไปเกี่ยวหญ้าคา แล้วแอบกลับมาดู จึงมาพบหญิงสาวคนหนึ่งสวยมากกำลังทำอาหาร
เขาจึงถามว่านางมาจากที่ไหน เป็น ลูกของใคร หญิงสาวผู้นั้นจึงได้บอกว่านางนั้นได้ออกมาจากไข่ที่เขาเก็บจากป่ามาไว้ในบ้าน
ต่อมาทั้ง ๒ คนจึงได้เป็นผัวเมียกัน และที่บ้านของเขานั้นก็เลี้ยงหมา ๙ หางไว้หนึ่งตัว
ไม่นานเจ้าเมืองได้ทราบว่าเขามีเมียสวยจึงอยากได้ จึงได้เรียกตัวเขาไปพบในวังและสั่งให้เขา
ไปเอาไก่มาชนกัน โดยสัญญาว่าถ้าไก่ของชายผู้นั้นชนะก็จะยกเมืองให้ แต่ถ้าไก่เจ้าเมืองชนะเจ้าเมือง
จะยึดเมียของเขาเสีย เขาจึงตกลงแล้วก็กลับบ้านมานั่งคิดว่าจะทำอย่างไรดี ฝ่ายเมียเมื่อทราบเรื่องก็
เอาข้าวมาหว่านหน้าบ้าน ก็มีอีเห็นตัวหนึ่งมากินข้าว เมียเขาจึงได้เสกคาถาให้อีเห็นเป็นไก่แล้วบอกให้
ผัวเอาไปชนกับไก่เจ้าเมือง เขาจึงเดินทางไปชนไก่กับเจ้าเมือง ไก่ของเจ้าเมืองก็แพ้
แต่เจ้าเมืองไม่ ยอมยกเมืองให้ตามสัญญา แต่กลับบอกให้เขาเอาวัวมาชนกันอีก เขาจึงได้กลับมาบ้าน
มานั่งคิด ฝ่ายเมีย ก็มาถาม พอทราบเรื่องก็บอกว่าจะช่วยเหลือ แล้วนางจึงไปจับเสือในป่าแล้วเสกคาถาให้เป็นวัวแล้วนำ
มาให้ผัวนางไปชนกับวัวเจ้าเมือง ปรากฏว่าวัวของเจ้าเมืองก็แพ้ เจ้าเมืองก็ไม่ยอม
แต่กลับบอกให้เขา เอาช้างมาชน เขาจึงกลับบ้านมานั่งคิด ฝ่ายเมียก็มาช่วยโดยไปเอาฤาษีตนหนึ่งมาเสกเป็นช้างและให้ผัว
ของนางนำไปชนกับช้างเจ้าเมือง ช้างของเจ้าเมืองก็แพ้ เจ้าเมืองจึงบอกว่าอีก ๗ วันจะยกเมืองให้
ต่อมาใกล้จะถึง ๗ วัน เจ้าเมืองก็สร้างกลองใบใหญ่ขึ้นใบหนึ่ง และให้คนไปอยู่ในกลองแล้วใช้คน
นำไปหาเขาที่บ้านโดยบอกว่าเจ้าเมืองจะมีงานจึงได้เอากลองมาฝากไว้ แท้ที่จริงแล้วเจ้าเมืองนั้นอยาก
จะสืบดูว่าเขามีของวิเศษอะไรจึงชนะเจ้าเมืองทุกอย่าง ตกตอนดึกมา สองผัวเมียจึงพูดคุยกัน
ฝ่ายเมีย บอกเขาว่าห้ามกินไข่ทุกชนิด เพราะว่าจะทำให้นางไม่สบายและจะอยู่ไม่ได้ในเมืองมนุษย์
จะต้องกลับไป อยู่ที่เมืองของนางบนสวรรค์ เมื่อคนที่อยู่ในกลองได้ยินเช่นนั้นจึงนำเรื่องไปเล่าให้เจ้าเมือง
เจ้าเมือง จึงจัดงานเลี้ยงขึ้นแล้วใช้คนไปเรียกผัวของนางมา พอผัวของนางมาถึงงานเลี้ยง
ก็พบว่าอาหารทุกอย่าง ประกอบด้วยไข่ทั้งหมด เขาจึงนึกถึงคำบอกของเมียจึงไม่กินอาหาร
เจ้าเมืองจึงโกรธ บอกว่าถ้าเขา ไม่กินแล้วก็จะถูกฆ่า เขาจึงกลัวจึงหยิบกินเพียง
๒-๓ คำ ซึ่งก็เพียงพอที่ฝ่ายเมียซึ่งอยู่ทางบ้านจะปวดหัว จนอยู่ต่อไปไม่ได้ จึงต้องกลับไปบนสวรรค์
แต่ก่อนจะกลับก็ได้ฝากแหวนวิเศษของนางไว้ให้ผัวโดยฝากไว้ กับหมา ๙ หางของนาง พอเขากลับมาถึงบ้านไม่พบเมียก็จึงเสียใจนัก
หมา ๙ หางจึงบอกว่าไม่ต้อง เสียใจ ตนจะช่วยพาไปหาเมียแล้วจึงเอาแหวนนั้นให้เขา
หมา ๙ หางจึงพาเขาเดินทางมาถึงฝั่งน้ำแห่งหนึ่ง ก่อนจะข้ามน้ำ หมาได้สั่งเขาว่า
ถ้าตนตดขึ้น ก็จงอย่าหัวเราะ เพราะว่าถ้าหัวเราะแล้วหางมันจะหลุด แล้วจึงให้เขาเกาะหางหมาเดินทางข้ามแม่น้ำ
หมาก็ตดเขาก็หัวเราะ จึงทำให้หางหมาขาด เขาก็จับอีกหางหนึ่ง และหางหมาขาดถึง ๘
ครั้งจึงข้ามน้ำ ได้สำเร็จ ทำให้หมาเหลือหางเดียวมาจนทุกวันนี้
ฝ่ายหมาก็เจ็บปวดมากเพราะหางขาดและเดินทางมากับเขาได้ไม่นานก็ตาย เขาจึงนำศพหมาเดิน
ทางต่อไป มีแมลงวันตัวหนึ่งมาขอกินเนื้อหมา เขาก็ให้แมลงวันกิน แมลงวันจึงช่วยแนะนำทางเขาจนถึง
เขตเมืองของกา แมลงวันก็บอกว่าตนเดินทางต่อไปไม่ได้แล้ว และบอกว่าถ้าเมื่อใดที่ต้องการให้มันช่วย
แล้วก็จงอธิษฐานถึงมัน เขาจึงเข้าไปในเขตเมืองของกา กามาพบเขาและขอกินเนื้อหมาอีก
เขาก็จึงให้ กากิน กาจึงนำทางมาจนหมดเขตเมืองของกาถึงเขตของอีแร้ง กาก็ได้สั่งเขาอย่างเดียวกับแมลงวัน
พอ เข้าเขตอีแร้ง ๆ ก็ขอเขากินเนื้อหมาอีก เขาก็ให้กินและอีแร้งก็กินจนหมด ต่อมาอีแร้งก็ไปส่งเขาจนหมด
เขตเมืองของอีแร้ง เขาจึงเดินทางไปเรื่อย ๆ เขารู้สึกกลัวจึงไปนอนบนต้นไม้แห่งหนึ่งซึ่งใหญ่ที่สุด
ต่อมามีนก ๒ ตัวผัวเมียเป็นนกที่ใหญ่มากสามารถบินถึงชั้นฟ้าได้ ซึ่งชื่อว่านกอะจ๊ะเลเล(หัสดีลิงค์)
บินมาเกาะที่ต้นไม้นั้นและได้คุยกันว่า วันนี้กินอิ่มแล้วพรุ่งนี้จะกินอะไรอีก
ฝ่ายนกที่เป็นผัวจึงบอกว่า พรุ่งนี้ จะไปกินช้างที่เมืองจุมปอน(อุทุมพร) เขาจึงได้รู้ว่าเมียตนอยู่เมืองจุมปอน
เขาจึงแอบเข้าไปซ่อนตัวอยู่ ในหางปั่วนก(หางนกเส้นโต) รุ่งเช้านกก็บินไปยังเมืองจุมปอน
และก็บินลงไปจะไปกินช้างที่ตาย เขาจึง หล่นตกลงมาจากขนนกแล้วก็เดินไปเรื่อย ๆ มาจนถึงท่าน้ำแห่งหนึ่ง
พอดีทางเมืองนั้นจะทำพิธีอาบน้ำนาง ไข่ฟ้าซึ่งเป็นเมียของเขาและเป็นลูกสาวของเจ้าเมืองและใช้คนใช้มาหาบน้ำที่ฝั่งแม่น้ำนั้น
คนใช้จึงได้มา พบกับเขาที่นั่น เขาจึงถามว่านางหาบน้ำไปทำไม คนใช้ก็บอกว่าตักไปให้ลูกสาวเจ้าเมืองอาบ
เขาจึง ช่วยนางยกหาบน้ำใส่บ่าแล้วแอบถอดแหวนใส่ลงในหาบน้ำ
พอนางคนใช้หาบน้ำมาถึงในวังแล้วไปเทให้ลูกสาวเจ้าเมืองอาบ แหวนจึงได้วิ่งเข้าสวมนิ้วมือของ
ลูกสาวเจ้าเมืองจึงทำให้ลูกสาวเจ้าเมืองหรือนางไข่ฟ้ารู้ว่าผัวของนางมาตาม นางจึงถามคนใช้ว่าตักน้ำ
ที่ไหนมา คนใช้ก็เลยเล่าให้ฟังว่าพบชายคนหนึ่งอยู่ที่ท่าน้ำ นางจึงบอกให้พ่อแม่ว่าผัวนางมาตาม
พ่อแม่ นางจึงให้ทหารไปตามเขามา แล้วไม่ให้เห็นนาง แล้วจึงจัดงานและให้นางคนใช้อีก
๖ คนมาแต่งตัวให้ เหมือนนางไข่ฟ้าแล้วใช้ผ้าม่านปิดหน้าแล้วให้เขาไปเลือกว่าใครเป็นเมียของเขา
โดยเอาแหวนของนาง ออกเสีย ฝ่ายชายผู้เป็นผัวของนางก็อธิษฐานให้แมลงวันมาช่วย แมลงวันจึงบินมาเกาะที่มือของนาง
เขา จึงชี้ตัวนางได้ถูกต้อง ฝ่ายเจ้าเมืองผู้เป็นพ่อตาก็ไม่เชื่อจึงให้ใช้ผ้าม่านปิดแล้วให้นางทั้ง
๗ ยื่นนิ้วออกมา คนละนิ้ว แล้วจึงให้เขาเลือกชี้ว่านิ้วไหนเป็นของนางไข่ฟ้า ชายผู้เป็นสามีจึงอธิษฐานให้แมลงวันมาช่วย
แมลงวันจึงมาเกาะที่นิ้วนาง ทำให้ชี้ได้ถูก เจ้าเมืองจึงเชื่อและยกรองเท้าวิเศษที่ใส่แล้วเหาะได้ให้ด้วย
จากนั้นเขากับเมียจึงเหาะลงมาที่กระท่อมเขาและได้มาฆ่าเจ้าเมืองที่โกงเขาถึง ๓
ครั้ง ๓ ครา แล้วเอาไฟเผาเมืองไหม้หมด ต่อมาจึงได้สร้างเมืองขึ้นใหม่ และทั้ง ๒
คนได้ครองเมืองนั้นสืบมา
หมายเหตุ นิทานเรื่องนี้ ตรงกับเรื่อง นางไข่พราง และสุพรหมโมกขกุมารชาดก และยังมีบางตอนที่คล้ายกับเรื่องพระสุธนหรือนางมโนห์รา
จาก ด้วยปัญญาและความรัก นิทานของชาวไทยวน นิทานของชาวไทลื้อ นิทานของชาว ไทใหญ่
นิทานของชาวไทเขิน