แมงสี่หูห้าตา
นิทานเรื่อง "แมงสี่หูห้าตา" เป็นนิทานเรื่องหนึ่งที่แพร่หลายมาก เป็นที่รู้จักกันดี
ชาวบ้านที่เล่ามักบอกว่าเป็นเรื่องที่แสดงเหตุที่มาว่าทำไมผู้ชายจึงรักเมียน้อยมากกว่าเมียหลวง
คำว่า "แมง" นอกจากจะใช้เป็นคำนำหน้าสัตว์เล็ก ๆ แล้ว ยังใช้เป็นคำนำหน้าสัตว์ใหญ่
ๆ ในเชิงตลกขบขันได้อีกด้วย "แมงสี่หูห้าตา" เป็นสัตว์ใหญ่คล้ายหมี มี
หู ๔ หู มีตา ๕ ตา ในความเป็นจริงไม่ปรากฎสัตว์ประเภทนี้ในโลก แต่มีเรื่องเล่าในล้านนามาแต่โบราณกาล
และมีการบันทึกในรูปแบบของวรรณกรรมลายลักษณ์ในเอกสารประเภทใบลาน ซึ่งมีปรากฎให้พบเห็นตามวัดโดยทั่วไป
ตัวอย่างของเรื่องนี้ได้เนื้อความจากคัมภีร์ใบลานชื่อ "ธัมม์สี่หูห้าตา"
ของวัดแช่ช้าง ตำบลแช่ช้าง อำเภอสันกำแพง จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งจารด้วยอักษรธรรมล้านนา
จำนวน ๑ ผูก (๖๑ หน้าลาน) ผู้จารคือ "พิมมสารภิกขุ" เมื่อจุลศักราช ๑๒๗๖
(พ.ศ.๒๔๕๗) ความในคัมภีร์ดังกล่าว กล่าวถึงเรื่องแมงสี่หูห้าตา โดยสังเขปดังนี้
มีเมือง ๆ หนึ่งชี่อเมือง ๆ หนึ่งชื่อเมือง "พันธุมติ" กษัตริย์ผู้ครองเมืองชื่อ
"ท้าวพันธุมติ" ซึ่งมีมเหสีอยู่ ๗ องค์ ทิศเหนือของเมืองนี้มีครอบครัวหนึ่งมีสามพ่อแม่ลูกอาศัยอยู่
สองสามีภรรยาเป็นยาจกมีบุตรชายคนเดียว เมื่อบุตรมีอายุ ๗ ขอบ มารดาสิ้นชีวิตลง
ต่อมาเมื่ออายุ ๑๑ ขวบ บิดาก็สิ้นชีวิต ก่อนสิ้นใจได้สั่งเสียว่าให้เอาศพฝังไว้ใกล้
ๆ กระท่อม นานเข้าศีรษะของบิดาก็จะหลุด ให้นำเอาศีรษะไปสักการะบูชาทุกค่ำเช้าถ้าอายุครบ
๑๖ ปี ให้ผู้ศีรษะนั้นลากไปสู่นครพันธุมติ ซึ่งมีภูเขาอยู่ หากศีรษะไปติดข้องที่ใดให้ทำแร้วเป็นกับดักสัตว์ที่นั้น
เมื่อบิดาสิ้นชีวิตบุตรชายได้ฝังศพไว้ใกล้กระท่อมแล้วไปขออาศัยอยู่กับลุงซึ่งเป็นนายจ่าบ้าน
โดยอาศัยเลี้ยงวัวหาฟืนให้เป็นสิ่งตอบแทน จนอายุได้ ๑๖ ปี จึงได้ทำตามที่บิดาสั่งไว้โดยลากศีรษะบิดาไปสู่นครพันธุมติจนไปถึงภูเขา
เมื่อลากศีรษะขึ้นภูเขาไปจนถึงถ้ำแห่งหนึ่งศีรษะไปติดข้องอยู่ปากค้ำ จึงทำแร้วดักสัตว์ใหญ่
ณ ที่นั้นแล้วกลับบ้าน
รุ่งเช้าเขาไปดูแร้วที่ดังไว้ ปรากฎว่ามีสัตว์ใหญ่ติดอยู่ สัตว์นั้นรูปร่างคล้ายหมีมีหูสี่หู
มีดวงตาห้าดวง เขาได้ตัดเอาเถาวัลย์ผูกสัตว์นั้นนำกลับมาบ้าน แล้วหาสิ่งกำบังอย่างมิดชิด
จากนั้นไปหาหญ้าและใบไม้มาให้กิน สัตว์สี่หูห้าตาไม่ยอมกินเอาแต่นอนหลับ ตกกลางคืนเขาก่อไฟผิง
บังเอิญสะเก็ดถ่ายไฟกระเด็นออกนอกกองไฟ แมงสี่หูห้าตาก็กินถ่ายไฟเป็นอาหาร เมื่อเขาเห็นดังนั้นจึงหาฟืนมาเผาแล้วเอาถ่ายไฟให้กินเป็นจำนวนมาก
รุ่งเช้าแมงสี่หูห้าตาถ่ายมูลออกมาเป็นทองคำ เมื่อรู้ว่าแมงสี่หูห้าตากินถ่ายไฟแล้วถ่ายเป็นทอง
เขาจึงหาถ่านไฟให้กินเรื่อย ๆ แมงสี่หูห้าตาก็ถ่ายออกเป็นทองคำจำนวนมากเขานำทองที่ได้ไปฝังไว้ทุกวัน
กล่าวถึงท้าวพันธุมติผู้ครองครมีราชธิดาองค์หนึ่งชื่อ "สิมมา" อายุได้
๑๖ ปี มีรูปโฉมงดงามเป็นที่หมายปองของบรรดากษัตริย์หัวเมืองต่าง ๆ และมีหลายเมืองต่างส่งเครื่องราชบรรณาการมาถวายเพื่อขอราชธิดาไปเป็นมเหสี
ท้าวพันธุมติรู้สึกลำบากใจ จึงหาทางออกโดยกำหนดเงื่อนไขไว้ว่าหากเจ้าเมืองใดสามารถสร้างลำคำ
(รางน้ำทองคำ) ตั้งแต่เมืองของตนมาถึงวังของราชธิดาได้ ก็จะยกราชธิดาให้เจ้าเมืองนั้น
เงื่อนไขนี้ไม่มีเจ้าเมืองใดสามารถทำได้
ฝ่ายชายกำพร้าผู้ยากไร้ได้ทราบข่าว จึงไปขอให้ลุงไปทูลราชธิดาของท้าวพันธุมติ ส่วนลุงก็ได้แต่เวทนา
วันหนึ่งมีพ่อค้าชาวจีนฮ่อกลุ่มหนึ่งมาพักแรมที่บ้านชายนั้น เขาจึงว่าจ้างให้พ่อค้าเหล่านั้นสร้างลินคำตั้งแต่บ้านจนไปถึงวังของราชธิดาสิมมาจนสำเร็จภายในคืนเดียว
รุ่งเช้าท้าวพันธุมติเห็นลินคำเป็นอัศจรรย์ ก็ให้เสนาอำมาตย์ติดตามไปดู เมื่อพบว่าเจ้าของเป็นใครจึงจัดขบวนแห่ไปรับเอาชายเข็ญใจไปเป็นราชบุตรเขย
เมื่ออภิเษกให้เป็นคู่ครองราชธิดาสิมมาแล้ว จึงไต่ถามว่าได้ทองคำมาอย่างไร เขาจึงเล่าเรื่องแมงสี่หูห้าตาให้ฟัง
ท้าวพันธุมติจึงให้เสนาไปขุดทองในสวนมาไว้ในพระคลังให้หมดและให้ราชบุตรเขยไปนำแมงสี่หูห้าตามา
เขาก็ไปจูงเอามาแต่เมื่อจูงมาชาวเมืองต่างมามุงดู แมงสี่หูห้าตาก็ตกใจวิ่งหนีกลับไปอยู่ถ้ำตามเดิม
ท้าวพันธุมติก็ให้ตามเอามาอีก คราวนี้ชาวเมืองต่างมามุงดูเป็นจำนวนมากขึ้น แม่สี่หูห้าตาก็ยิ่งตกใจวิ่งหนีไปอีก
ท้าวพันธุมติเห็นดังนั้น จึงวิ่งไล่ตามจับจนเลยเข้าไปในถ้ำ ครั้งนี้หินถล่มลงปิดปากถ้ำไว้
โดยที่เสนาวิ่งตามไม่ทันทำให้ท้าวพันธุมติถูกขังอยุ่ในถ้ำกับแมงสี่หูห้าตา
ท้าวพันธุมติถูกขังอยู่ในถ้ำเป็นเวลาหลายวันเพราะไม่มีทางออก มีเพียงรูเล็ก ๆ โดยใช้ตาข้างเดียวแนบส่องดูภายนอกได้เท่านั้น
ท้าวพันธุมติคิดในใจว่าตนคงต้องตายในถ้ำนี้แน่นอน คงไม่มีโอกาสอยู่กับมเหสีอีก
จึงสั่งเสนาไปตามมเหสีทั้งเจ็ดมา เมื่อมเหสีมาแล้วพระองค์จึงขอให้เปิดผ้าถุงให้ดูเป็นครั้งสุดท้ายก่อนตาย
มเหสีตั้งแต่ลำดับที่ ๑ ถึง ๖ ไม่ยอมเปิดผ้าถุงเพราะความอาย แต่มเหสีองค์ที่เจ็ดรู้สึกเห็นใจ
จึงยอมเปิดผ้าถุงให้ดู ทันใดนั้นถ้ำอดหัวเราะไม่ได้ก็ระเบิดหัวเราะออกมา ปากถ้ำจึงเปิด
พระยาพันธุมติได้โอกาสจึงวิ่งหนีออกมาได้
เมื่อกลับถึงเมือง ท้าวพันธุมติได้อภิเษกให้บุตรเขยเป็นกษัตริย์ครองเมืองแทน จนถึงอายุขัยพระองค์ก็ถึงแก่พิราลัย
บุตรเขยผู้เป็นกษัตริย์ได้ครองเมืองโดยธรรม และได้สร้างโรงทานถึง ๖ หลัง เพื่อให้ทานแก่ยาจกคนยากไร้
จากนั้นได้เทศนาสั่งสอนเสนาอำมาตย์และชาวเมืองให้ตั้งอยู่ในธรรม ชาวเมืองพันธุมติก็ดำรงชีพตามวิสัยอย่างสงบสุข
เรื่องราวที่มเหสีองค์เล็กเปิดผ้าถุงให้ท้าวพันธุมติดูเป็นเหตุให้สามีทั้งหลายรักเมียน้อยมากกว่าเมียหลวง
และถ้ำดังกล่าวได้ชื่อว่า "ถ้ำยุบ" ตั้งแต่นั้นมา ความตอนนี้ในคัมภีร์กล่าวว่า
"ส่วนถ้ำอันนั้น ก็ได้ชื่อว่าถ้ำยุบว่าอั้น ตราบต่อเท้าเถิงกาละบัดนี้แล ส่วนท้าวพระยาทังหลายก็ลวดรักเมียปลายเหลือกว่าเมียเค้าตราบต่อเท้าเถิงกาละบัดนี้แล"