ตำนานพระจันทน์

 

ตำนานพระจันทน์ หรือตำนานการสร้างพระพุทธรูปด้วยไม้จันทน์ สรุปความจากจากต้นฉบับของวัดทรายมูล ต.ทรายมูล อ.สันกำแพง เชียงใหม่ จารเมื่อ พ.ศ.๒๔๕๒ ในธัมม์หรือคัมภีร์ดังกล่าวประกอบตำนานของพระจันทน์ พระสิงห์และพระแก้ว รวม ๓ เรื่อง ด้วยกัน เรื่องมีอยู่ว่า
ครั้งที่พระเจ้าปเสนทิโกสล ทรงคิดที่จะสร้างพระพุทธรูปเพื่อเป็นตัวแทนพระพุทธเจ้าเมื่อเสด็จปรินิพพานแล้ว จึงขออนุญาตจากพระพุทธเจ้า เมื่อได้รับอนุญาตจึงให้ราชทูตไปเอาไม้แก่นจันทน์จากพญาสุวัณณพรหมา แล้วให้ช่างแกะสลักเป็นพระพุทธรูปสูง ๖ องคุลี หน้าตักกว้าง ๒๐ ศอกองคุลี บ่ากว้าง ๒๖ องคุลีกับครึ่งนิ้วมือ มีน้ำหนัก ๘๐๐๐ เสร็จแล้วก็นำไปให้พระพุทธเจ้าทอดพระเนตร แล้วถวายทานอาหารและน้ำแก่พระพุทธเจ้า ครั้งนั้นพระพุทธเจ้าจึงเทศนาอานิสงส์การสร้างพระพุทธรูปโปรดแก่พญาปเสนธิโกสล
เมื่อพระพุทธเจ้าปรินิพพานและพญาปเสนธิโกสลสวรรคตแล้ว ราชบุตรของพญาปเสนทิโกสลชื่อวิตตุภะก็ได้ครองราชย์แทน พญาสุวัณณพรหมาก็ส่งราชทูตมาขอพระจันทน์ พญาวิตตุภะจึงให้สร้างพระพุทธรูปแก่นจันทน์อีก ๒ องค์ให้เหมือนกับองค์แรก แล้ววางไว้สองข้างของพระองค์แรก จากนั้นให้ราชทูตของพระสุวัณณพรหมาเลือกไป ๑ องค์เมื่อได้แล้วก็นำไปถวายพญาสุวัณณพรหมา
พระจันทน์อยู่เมืองสุวัณณพรหมาได้ ๑๐๐๐ ปีจนเมืองนี้แพ้ศึก ลูกพญาสุวรรณพรหมาคืออาทิตยราชกุมาร จึงเอาพระจันทน์ไปไว้ที่เมืองแช่ตา ส่วนจันทนราชกุมารก็เอาพระธาตุพระพุทธเจ้าไปไว้ที่ลำปาง ต่อมาเมืองแช่ตาเกิดการโกลาหล มหาเถรเจ้าตนหนึ่งจึงนำพระจันทน์นี้ไปถวายพญาคำแดงๆ ก็รับไว้ได้ ๑๕ ปี ลูกพญาตนหนึ่งชื่อ ท้าวตาแหวนมาขอพระจันทน์ ซึ่งลูกพญาคำแดงก็ให้ไป พระจันทน์อยู่ที่เมืองท้าวตาแหวนได้ ๑๐ ปี ก็ถูกมหาเถรชื่อ สิโวหะ ขโมยไปไว้ที่บ้านพุกามซึ่งอยู่ในเมืองแช่ตา ฝากไว้กับพรานป่าผู้หนึ่งได้ ๗๓ ปี ต่อมาปู่โมไปทำศึกที่เมืองแช่ตาก็จึงเอาไปไว้ยังบึงหนองบัวที่เมืองพะเยา อยู่ได้ ๖๐ ปี เมื่อพญาสุทธิศิลป์รู้ถึงความศักดิ์สิทธิ์ของพระจันทน์จึงได้นำไปไว้ที่วัดป่าแดงหลวงดอนชัยอยู่นาน ๖ เดือน ต่อมา พญาติโลกราชก็ให้มหาธรรมเสนาไปเอาพระจันทน์มาไว้ยังเชียงใหม่โดยผ่านเมืองน่าน เมืองแพร่ เมืองหริภุญชัย แล้วจึงนำมาไว้ที่วัดอโสการามซึ่งอยู่ทางทิศใต้ของเมืองเชียงใหม่ เมื่อท้าวยอดเชียงรายได้ครองเมืองพะเยาก็ขอพระจันทน์คืนไปอีก แต่พอถึงสมัยพญาแก้วๆ ก็ถวายพระจันทน์แก่พระเมืองแก้วเมืองเชียงใหม่ ซึ่งได้นำไปไว้ยังวัดศรีภูมิ แล้วย้ายไปวัดบุพพาราม เพื่อให้แขกชาวใต้ได้สักการะบูชากัน