Jimmy Page เล่นกีต้าร์ตอนอายุ 15 ปี เพลงที่เป็นแรงบันดาลใจให้แก่คิดอยากจะเล่นกีต้าร์ก็คือ เพลง Baby Let's Play House ของ Elvis Presley จากนั้นแกก็มานั่งแกะเพลง Peggy Sue ของ Buddy Holly พอเพลงนี้ผ่านก็มาแกะเพลงของ Ricky Nelson เพื่อพัฒนาฝีมือ ศิลปินที่มีอิทธิพลต่อสไตล์การเล่นกีต้าร์ของแกมากที่สุดก็คือ Freddy King โดยเฉพาะเพลง I Love That Woman แกชอบมักๆ เพลงนี้โซโลกีต้าร์เพลินๆ ไปเรื่อยๆ ไม่รีบร้อน ร้องไปเสียงกีต้าร์ไล่คลอเคลียไป !
ย้อนกลับไปที่ปู่ Elvis Presley หน่อย เพลงยุคแรกๆ ของปู่ฟังแล้วหลับไม่ลงเพราะไม่เน้นเสียงหล่อ มีแต่เพลงมันส์ๆ เต้นระเบิดเถิดเทิง ลองฟังเพลง Breakheart Hotel ของปู่ดูก็ได้สไตล์ Rock N Roll พันธุ์แท้ ส่วน 3 Kings วงการกีต้าร์(ไฟฟ้า)บลูส์มี 3 คน คือ B.B.King, Albert King กับ Freddy King ถ้ามีตังส์ก็ต้องซื้อไปฟังเพลินๆ
พอ Page เล่นเก่ง(คงเก่งจริงๆ นะแหละ) ก็ตั้งวงเล็กๆ ขึ้นมา แล้วยึดอาชีพดนตรีไปเลย เคยร่วมบันทึกเสียงกับ Van Morrison ในนามวง Them ในฐานะมือกีต้าร์ แต่บางทีแกก็รับเป็นมือเบส กลอง คีย์บอร์ดให้กับวงนี้ อยากฟังแก่เล่นสมัยนั้นเป็นอย่างไรไปหาซื้อ CD วง Them ได้ แกเล่นกีต้าร์เพลง Gloria (Van Morrison ร้อง) , Here Comes The Night กับ Baby Please Don't go (เพลงนี้มีหลายเวอร์ชั่นมาก Cover ก็เยอะถือเป็นเพลง ครู มือกีต้าร์) นอกจากนี้ก็ร่วมทำบางเพลงกับ Joe Cocker, The Kinks, David Bowies,Billy Fury, Jackie de Shannon แม้แต่กับวง The Who ไม่แค่นั้นนะ Page ยังฝากฝีมือในฐานะโปรดิวเซอร์ด้วย ทำให้กับ Eric Clapton, John Mayall and Bluesbreakers
Led Zeppelin แปลว่า เรือเหาะ(โพยม)ตะกั่ว คนไทยรู้จักในนาม เรือเหาะมหาวินาศ เพราะอัลบั้มแรกชื่อวงกับชื่ออัลบั้มเป็นชื่อเดียวกัน มีภาพเรือเหาะชนเสาเหล็กไฟลุก คำว่า Lead ในภาษาอังกฤษมี 2 ความหมาย ความหมายแรกหมายถึง นำ(ผู้นำ) และอีกความหมายหนึ่ง คือ ตะกั่ว ถ้าแปลว่าตะกั่วฝรั่งออกเสียงว่า เล็ด แม้จะเขียนว่า Lead เข้าใจ๋ ? ด้วยเหตุที่ไหนๆ ก็อ่านว่า Led อยู่แล้วก็เลยตัดอักษรตัว A ออกไปเลย จึงเหลือแต่ Led กลายเป็น Led Zeppelin อัลบั้มแรกวางเมื่อปีเดือนมกราคม 1969 Lineup ประกอบด้วย John Bonham กลอง , Jimmy Page ลีดกีต้าร์ , John paul Jones, Robert Plant ร้อง แนวเพลงเป็น Blues-Rock ตามรสนิยมของคนอังกฤษนั่นล่ะค ร า บ ! แต่ก่อนจะมาลงตัวอย่างนี้เขาฟอร์มวง The New Yardbirds ขึ้นมาก่อน และออกงานในนามของวงนี้ ก่อนจะเปลี่ยนชื่อภายหลัง ตอนนั้นก็มี Chris Dreja จากวง The Yardbirds ตีกลองให้ แต่ได้ถอนตัวไปจึงมี John Bonham มาร่วมวง
ถ้าฟังอัลบั้มแรกดีๆ ก็จะทราบว่าแม้จะมาในแนวบลูส์ร็อค แต่บางเพลงก็ติดกลิ่น Heavy มาด้วย เพราะระบบเสียงใหม่เริ่มมีเข้ามาแล้ว ฟังได้จากเพลง "Communication Breakdown" กับเพลง Good Times Bad Times อัลบั้มแรกออกมาก็ดังสนั่นในบ้านเกิด แต่บ้านเราคนไม่ค่อยได้สนใจเท่าไหร่ ยกเว้นพวกเราที่ชอบแนว บาดๆ อย่างนี้อยู่แล้วก็รับเข้าเต็มเปา จำได้ว่าสถานีวิทยุแคมป์อุดรฯเปิดบ้างไม่เปิดบ้าง ไม่เหมือนเพลง The Rolling Stone เปิดบ่อยกว่า
เพล ง Good Times Bad Times ไตเติ้ลแทรกก็โชยกลิ่น Heavy ออกมาแล้ว จากเสียงกีต้าร์คมและหนักแน่นแม้นจังหวะจะช้า เพลงนี้ไม่ได้ละเลยเสียงเบสจากฝีมือของ John Paul Jones และกลองที่ John Bonham จิกกระเดืองยังกะมีกลองเบสสองตัว ฝีมือรีดกีต้าร์ของ Page ก็ไม่ต้องพูดถึงรื่นไหล
พอออกชุดที่ 2 พวกเขาก็ย้ายไปหากินที่สหรัฐอเมริกาและไปโด่งดังขึ้นที่นั่น จะว่าไปแล้ววงนี้มาดังจริงๆ เอาในปี 1971 ออกอัลบั้มชุดที่ 3 ดังชนิดว่าแผ่นยังไม่วางขายคนอเมริกันจองเพียบ ใช้เวลาสัปดาห์เดียวยอดขายทะลุ 1 ล้านแผ่น แต่เพลงกลับไม่ค่อย โดน เท่าไหร่ ขายดีเพราะ กระแส กำลังมาแรงมากกว่า และดูเหมือนจะตอบแทนแฟนๆ พวกเขาจึงได้สร้างสรรค์ผลงานชิ้นเยี่ยมขึ้นมาประดับโลกในชุดที่ 4 ซึ่งเยี่ยมยอดจริงๆ เป็นผลงาน อมตะ เลยทีเดียว ชุดที่ 3 ที่ขายดีกลับ จ๋อย ไปถนัด
ป๋ากว่าจะมีเพลงของวงนี้ก็ตอนมีเทปคาสเซ็ตออกขายแล้วและไม่เคยมีชุดแรกของ Led Zeppelin ด้วย ดีหน่อย เดี๋ยวนี้เก็บเป็น CD บางแผ่นได้จากที่กรุงเทพฯ บางแผ่นได้จากอังกฤษ กลับไปฟังที่ชุดแรกก็เยี่ยมจริงๆ และดูจะ ถูกคอ ด้วย เพราะเป็นเพลงฟังมากกว่าที่จะคิด แกะ มาเล่น ชุดแรกเพลงเด่นๆ ก็มี Good Times Bad Times, Black Mountain Side (กลิ่นอายดนตรีอินเดีย) , Communication Breakdown (ตัวตนเอง Led Zeppelin )
ชุดที่ 2 มาเลยเพลงแรก Riff ระดับตำนานวงการ Heavy- Hard Rock นั่นคือเพลง Whole Lotta Love เพลงนี้ทั้งนักดนตรี และมือสมัครเล่นแกะกันทั่วบ้านทั่วเมือง กีต้าร์พอไหวเพราะไม่มีกีต้าร์ของปลอม แอมป์ก็ไม่ปลอม แต่กลองนี่สิ ตียังไงก็ไม่เหมือน อ้อ ! เสียงร้อง แปดหลอด ด้วย หาคนร้องเหมือนได้ยากเหมือนกัน เพลงนี้วงโดนฟ้องหาว่าลอกเพลงเขามา จำไม่ได้ว่าใครแพ้ใครชนะ แต่จำได้ว่าท่วงทำนองร้องบางท่อนเหมือนเดี๊ย ! กับเพลง You Need Loving ของวง Small Faces
โดยเฉพาะท่อนแรกๆ และท่อนท้ายที่ร้องว่า Woman
. you need
. l o v i n g
. ว่าไปแล้วสองวงนี้เหมือนเงากันและกัน ทั้งๆที่ไม่มีความเกี่ยวข้องกันเลย Small Faces เป็นวง Rock N Roll อังกฤษ แต่หลายต่อหลายเพลงมัน Hard Rock ชัดๆ ตั้งวงเมื่อปี 1965 คนส่วนใหญ่รู้จักเพลง Sha La La La Lee ต่อมาไปร่วมกับ Rod Stewart นักร้องกับ Ron Wood มือกีต้าร์เก่าของวง Jeff Be Beck Group ออกอัลบั้มในนามวง The Faces
เพลงของ Led Zeppelin ที่มือลีดกีต้าร์ชอบแกะเอาไว้ ฆ่า คู่แข่งก็คือ เพลง Heartbraker โซโลกีต้าร์ขึ้นช้าๆประกบเบสและกลอง ไม่คมและไม่ว่องไวเหมือน Alwin lee จาก Ten Year After แต่ฟังกลางๆ เพลงไปแล้วนี่สิ Jimmy Page โชว์โซโลได้สุดยอด โชว์โซโลกีต้าร์ล้วนๆ แบบไม่มีเสียงใดมาประกบ แกคงกะให้ผู้ชมใช้ตาดู หูฟัง เวลาแกออกคอนเสิร์ตเป็นแน่แท้
ในชุดเดียวกันมีเพลงที่นักดนตรีชอบอีก 2 เพลง คือ เพลง Living Loving Maid กับเพลง Moby Dick เพลงหลังมีไม่กี่วงที่จะเล่นเหมือน (แต่ก็พยายามจะเล่น) เพราะเป็นเพลงโชว์ Solo กลองของ John Bonham ทำนองเพลงนี้ เร้าใจ มาก เจ๋งทั้งกีต้าร์ เบส กลอง เคยดูในทีวีนานมาแล้วไม่รู้ไปแสดงสดที่ไหนเห็น John Bomham ใช้มือเปล่าตีกลองในบางช่วงด้วย
ชุดที่ 3 ฟัง ติดหู อยู่เพลงเดียว คือ เพลง Immigrant Song เพลงที่แหกปากร้อง อ่า อะ อา... อ๊า ! ไล่หลัง Riff กีต้าร์กับกลองแน่นๆ นั่นแหละ ! เพลงอื่นๆ เหมาะแก่การฟังเพลินๆ ไม่ชวนแกะเล่น อย่างเพลง Friend หรือ เพลง Since I've Been Loving You
ชุดที่ 4 ชุดนี้ต้องครอบครองเป็นเจ้าของให้ได้ เพราะมีเพลง ลื่อลั่นบันลือโลก หลายเพลง สงสัยคงถูกกดดันมาจากผลงานชุดที่ 3 ที่ขายดีแต่ ไม่สมใจยาก (ของคนฟัง) เลยบีบขมับเค้นสมองเอาของดีๆ ออกมาจนได้ พวกหมู่เฮาพอได้ฟังเพลงใหม่ก็ต้องคว้ามาแกะเล่น คือ เพลง Black Dog, Rock And Roll กับเพลง(มหากาฟย์) Stairway To Heaven แกะติดตรงไหนไม่ได้ก็ต้องไปซื้อ ดริ๊ง นั่งจ้องดูเฮียๆ V.I.P เขาเล่น (วงนี้ชอบเล่นเพลงของ Uriah Heep มั่ก ๆ) วงวัยรุ่นถ้าใครเล่น 3 เพลงนี้ไม่ได้ อย่าริอ่าน ขึ้นเวทีในงานประจำปีทุ่งศรีเมือง เพราะถือว่า มือยังไม่ถึง

Home
|