Bloodrock
ในปี 1970 ท่ามกลางกระแสต่อต้านการส่งทหารอเมริกันไปทำสงครามในเวียดนาม เพลงของวงดนตรีฮาร์ดร็อคจากอเมริกันวง Bloodrock ก็โด่งดังขึ้นมา
D.O.A มีท่วงทำนองเพลงเนิบนาบ เสียงร้อง และคลอเสียงคล้ายเพลงเล่านิทาน เพลงนี้เป็น Single
เดียวของวงที่ดังในหมู่ทหารอเมริกัน เนื้อหาเพลงเล่าเรื่องความเจ็บปวดและสภาพทุลักทุเลของคนบาดเจ็บอาการปางตาย เป็นเพลงของผู้รอดชีวิตจากเครื่องบินระเบิด พระเจ้าและสวรรค์ช่วยบอกฉันทีเถอะ ฉันควรจะปลิดชีพตัวเองอย่างไร ฉันเจ็บปวดเสียเหลือเกิน....ฉันจำได้ ฉันบินของฉันอยู่ดีๆ ก็โดนสอยร่วง เนื้อหาแต่ละถ้อยกระทงความเข้าถึงความรู้สึกของทหารจีไออย่างทะลุปรุโปร่ง ทำให้เพลงนี้ได้รับความนิยมอย่างมากในสนามรบเวียดนาม แต่ป๋าก็ไม่เคยได้ยินวงไหนแกะเพลงนี้มาเล่นเลย เพราะคิดว่าคนส่วนใหญ่จะรู้จักเพลง Jessica มากกว่า ขึ้นเพลงไม่เหมือนใคร ฟังดูสนุกสนานไปกันได้ดีกับเพลงฮิตทั่วๆ ไป แต่เพลงนี้อยู่ในอัลบั้มชุดที่ 4 ของวง ซึ่งได้ปรับแนวดนตรีจากฮาร์ดร็อคมาเป็น Prog หรือ โปรเกสซิพร็อคแล้ว คล้ายกับแนวดนตรีของวง Jethro Tull หรือวง Todd Rundgren
Bloodrock ในยุค 1969 1970 เป็นวงดนตรีฮาร์ดร็อค มีสไตล์การเล่นไม่ต่างจากวง Black Sabbath กับวง Steppenwolf เพลงของวงนี้ในช่วงนั้นก็มีเพลงที่คนรู้จักพอสมควร อาทิ "Whiskey Vengeance", "Gotta Find a Way", "Double-Cross", "Dier Not a Lover", "Erosion", and "American Burn." แต่ขอบอก ! ก่อนจะหาแผ่น CD วงนี้ได้ต้องใช้ความพยายามอยู่หลายปี หาได้ยากจริง ๆ
วงนี้มาจากมลรัฐเท็กซัส ก่อตั้งวงเมื่อปี 1969 แต่มาเป็นที่รู้จักกันเมื่อออกแผ่นซิงเกิ้ลในปี 1970 และต้องบันทึกไว้ว่า คนที่ค้นพบวงนี้ก็คือวง Grand Funk Railroad นั่นเอง สมาชิกวงประกอบด้วย Jim Rutledge กลองและร้อง Lee Pickens ลีดกีตาร์และร้อง Nick Taylor กีต้าร์และร้อง Eddie Grundy เบสและร้อง Stevie Hill เล่นคีย์บอร์ดและร้องเช่นเดียวกัน ตอนหลังมีเปลี่ยนสมาชิกวงไปบางคน คือ Jim Rutledge ออก โดยมี Warren Ham มาเล่นแทน ส่วนผลงานเพลงมี 5 อัลบั้ม ออกปีละหนึ่งอัลบั้มเท่านั้น เห็นว่าเมื่อ 2005 ก็เคย รียูเนียน เหมือนกัน ในเดือนมีนาคมโดยจัดคอนเสิร์ตขึ้นที่ดัลลาส มลรัฐเท็กซัสนั่นเอง
อยากจะขอแนะนำให้ สาวกฮาร์ดร็อค ไปหา CD มาฟังเสียให้ได้ เพลงที่อยากจะแนะนำให้ฟังเป็นพิเศษก็คือ เพลง Gotta Find a Way กับเพลง Castle Of Thoughts เพราะนี่เป็นแบบฉบับฮาร์ดร็อครุ่นเก๋าของแท้ ความจริงทั้งแผ่นมีเอกลักษณ์ของแต่ละเพลง รับรองไม่ผิดหวังแน่ ฟังแล้วจะรู้ว่าฝีมือเขาเยี่ยมจริงๆ และไม่เสียหลายที่ Grand Funk Railroad แนะนำให้โลกได้รู้จัก
Free
ช่วงต้นยุค 70's ทุกคลื่นวิทยุจะเปิดเพลงของวง Free สลับกับวงดนตรีวงอื่นๆ ในยุคสมัย เพลงที่ได้รับความนิยมสูงระดับฮิตเพลงหนึ่งก็คือ เพลง All Right Now และเพลงนี้ก็ได้รับแผ่นเสียงทองคำด้วย แนวเพลงออกไปทางป๊อปร็อค ท่วงทำนองกระชับและร้องง่าย ฟังติดหูตั้งแต่ช่วง Intro เพลง และช่วงที่คนไทยติดใจเป็นพิเศษจนร้องกันเล่นๆ ว่า ไอ เซย์ เด เฮ ก็มาจากเพลงนี้นั่นแหละ ซึ่งนอกจากเพลง All Right Now แล้ว เพลง wishing Well ของวงนี้ที่ออกวางตลาดในปี 1972 ก็ฮิตติดอันดับเช่นกัน
ก่อตั้งวงมาตั้งแต่ 19 เมษายน 1968 ตอนนั้น Andy Fraser มือเบสอายุเพิ่งจะ 15 ปี มี Paul Rodgers เป็นนักร้องนำ Paul Kossoff มือกีต้าร์ลีด และ Simon Kirke เป็นมือกลองให้ วงนี้อายุน้อยๆกันทั้งนี้ คือ ราว 15-17 ปี แต่ก็ได้เล่นประจำที่ Nag's Head pub ในกรุงลอนดอน และปลายปีเดียวกันได้ออกอัลบั้มแรก Tons of Sobs แต่ได้เอาออกมาจำหน่ายในปีถัดมา นักร้องได้มาร่วมวงนี้ก็เพราะ Paul Kossoff กับ Simon Kirke ไปเที่ยวที่ผับอื่น ได้เห็น Paul Rodgers ขึ้นร้องเพลงแล้วชอบใจเลยเชิญมาตั้งวง Free ด้วยกัน ส่วน Andy Fraser แม้จะอายุยังน้อยแต่ก็มีประสบการณ์เล่นดนตรีกับเจ้าพ่อเพลงบลูส์ในอังกฤษ John Mayall & the Bluesbreakers มาแล้ว
วงนี้ออกอัลบั้มมาหลายอัลบั้ม แต่มาดังเอาเมื่อปี 1970 ด้วยเพลง All Right Now และคว้าแผ่นเสียงทองคำไป เพลงดังจากวงนี้ในปี 1970 ก็มีเพลงอื่นๆ ด้วย อาทิ Don't Say You Love Me, Be My Friend, My Brother Jake, Mr.Big, The Stealer , Fire And Water (เพลงนี้น่าสนใจมาก แม้จะไม่ใช่เป็นเพลงดังที่สุด แต่ก็เล่นสไตล์ฮาร์ดร็อค เพียงแต่ว่าจังหวะช้าไปนิด) หลังจากนั้น 2 ปี ก็มีเพลงดังขึ้นติดอันดับอีก อาทิ Wishing Well, Travelling Man ส่วนอัลบั้มเก่าปี 1968 ที่ดังก็มีเพลง The Hunter เป็นต้น เพลงนี้โซโลกีต้าร์ไฟแลบหายห่วง แต่ออกกลิ่นอายเพลงบลูส์ร็อคชัดเจน
วง Free มีอันต้องเปลี่ยนแปลงสมาชิกวง เพราะ Andy Fraser มือเบสลาออกกะทันหันระหว่างจะไปเปิดการแสดงที่ประเทศญี่ปุ่น เลยคว้าเอา Tetsu มือเบสชาวญี่ปุ่นมาเป็นสมาชิกวงแทน วงการดนตรีอังกฤษสมัยนั้นยอมรับนับถือว่า Andy Fraser มีฝีไม้ลายมือเล่นเบสได้เยี่ยมพอๆ กับ Jack Bruce เลยทีเดียว
สมัยนี้พอหยิบเพลงเก่าของวง Free มาเปิดฟังสลับกับวง Badcompany ฟังแล้วกลมกลืนกันดีทีเดียว เพราะหลังวงฟรีแตกจริงๆ ก็ตั้งวง Bad company ขึ้นมาใหม่นั่นเอง โดยมีร้องนำคนเดียวกันคือ Pual Rodgers แต่บางเพลงก็ให้ Mick Ralphs ผู้มาจากวง Mott The Hoople เป็นคนร้อง สมาชิกอื่นมีเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมบ้าง คือ Simon Kirks ยังอยู่ แต่มือเบสมาใหม่ คือ Boz Burrell คนนี้เป็นมือเบสเก่าจากวง King Crimson ครับ ! Santana
ยุคสมัยที่ทหารจีไอเต็มเมืองอุดรฯ จะพบว่า ทุก 1 ใน 10 เพลงที่เปิดจะเป็นเพลงของ Santana และในความเป็นจริงจะพบว่า วงดนตรีส่วนใหญ่จะเล่นเพลง Samba Pa Ti เป็นเพลงเปิดวง ซึ่งนั่นหมายถึงว่าบ้านเราได้รับเอาแนวเพลงละตินอเมริกันเข้ามาในหัวใจแล้ว
จริงๆ แล้วยุคทหารจีไอเต็มเมืองอุดรฯน่าจะเป็นยุคของฮาร์ดร็อค แต่ก็ไม่เป็นไร เมื่อจังหวะและท่วงทำนองเข้ากันได้ดีกับคนบ้านเรา จึงไม่แปลกที่จะยอมรับเอาแนวเพลงนี้มาโดยดุษฏี
คอเพลงแนวร็อคประทับใจในลีลาการเล่นของวง Santana มาตั้งแต่พวกนี้ได้แสดงในงานมหกรรมดนตรี Woodstock ในปี 1969 เราได้เห็นฝีไม้ลายมือโซโลกีต้าร์ของ Carlos Santana ในเพลง "Soul Sacrifice" และยอมรับว่าเป็นราชาเพลงแนวละตินร็อคไปเลยทีเดียว ซึ่งในยุคสมัยเดียวกันคนที่เล่นเพลงแนวนี้ก็มีวง War หรือไม่ก็วง Gypsy Kings วงดังจากฝรั่งเศส
ถ้าฟังแต่ละเพลงและแยกแยะก็จะพบว่า ไม่เสมอไปที่วงนี้จะเล่นดนตรีในแนวละตินร็อค เพราะมีหลายต่อหลายเพลงเป็นจังหวะ Salsa, Rock, Blues หรือแม้แต่เพลงแนว Jazz fusion
Carlos Santana สมัยเด็กๆ พ่อเป็นนักดนตรีไวโอลิน เขาจึงได้รับการเสี้ยมสอนให้เป็นนักไวโอลิน แต่ราวอายุ 8 ขวบได้หันมาสนใจการเล่นกีต้าร์ ตระกูลนี้เดิมอยู่ในเม็กซิโก ต่อมาเมื่อเขาอายุได้ 13 ปี ได้ย้ายเข้ามาอยู่ที่ Sanfrancisco มลรัฐแคลิฟลอเนีย
ปี 1966 Tom Frazier นักกีต้าร์มือดีได้รวบรวมนักดนตรีเพื่อตั้งวงใหม่ โดยให้ชื่อว่า Santana Blues Band ซึ่งสมาชิกวงประกอบด้วย Carlos Santana เป็นมือกีต้าร์และร้อง Mike Carabello เล่นเพอร์คัสชั่น มี Rod Harper เล่นกลอง Gus Rodrigues เบส และ Gregg Rolie เล่นออร์แกนและร้อง แต่วงนี้มาฉายแสงเจิดจรัสเอาหลังการแสดงที่ Woodstock แล้ว โดยในปีเดียวกันได้ออกอัลบั้ม Santana ซึ่งสมาชิกวงในคราวนี้ประกออบด้วย Carlos Santana มือกีต้าร์ลีด Gregg Rolie คีย์บอร์ดและร้อง (ตอนหลัง Rolie ลาออกไปทำร้านอาหารกับพ่อและเป็นคนร่วมก่อตั้งวง Journey) Dabid Brown กีต้าร์เบส Michael Shrieve กลอง Michael Carabello เล่นเพอร์คัสชั่น และยังมี Jose Chepito Areas เล่นเพอร์คัสชั่นอีกคน
อัลบั้ม Santana มีเพลง Evil Ways ขึ้นไปติดชาร์ตอันดับสี่ในวงการหน้าปัดวิทยุอังกฤษ และปีถัดมาคือ 1970 ได้ออกอัลบั้ม Abraxas และอัลบั้มนี้ทำให้ชื่อเสียงของวงกลายเป็นวงดนตรี อมตะ ไป เพราะมีเพลงอย่าง Black Magic Woman และเพลง Oye Como Va ช่วยกวาดยอดขายกว่า 4 ล้านแผ่นในระยะเวลาอันสั้น จากนั้นผลิตผลงานเพลงออกมาเรื่อยๆ และฮ็อตฮิตติดยุคเสมอ แม้กระทั่งในยุคหลัง Supernatural ของ Santana ก็คว้ารางวัลไปมากมาย ซึ่งชุดนี้ดังสุดๆ ก็เพลง Smooth ที่คว้าเอา Rob Thomas มาร้องให้นั่นเอง ชุดนี้มีนักร้องนักดนตรีดังๆ มาร่วมมากมายอาทิ Bobby Martin , Rob Thomas of Matchbox 20 , Eric Clapton , Lauryn Hill , Wyclef Jean , Manaเป็นต้น
สำหรับป๋าแล้วถือว่า Carlos Santana เป็มมือกีต้าร์คนหนึ่งในดวงใจเลยทีเดียว เพราะเสียงกีต้าร์ก็เป็นเอกลักษณ์ ท่วงทำนองโซโลก็เป็นเอกลักษณ์ หวานละมัยแต่แฝงความคมเฉียบ ได้ยินแค่เสียงกีต้าร์ก็รู้แล้วว่า นั่นฝีมือของเขาหล่ะ Carlos Santana
เพลงที่นักดนตรีมักจะแกะเพลงมาเล่นก็คือ Samba Pa Ti, Black Magic Woman, Oye Como Va, Evil Ways , Jingo,Persuasion, Se a cabo เพลงในยุคหลังๆ ก็เยี่ยม แค่คัดเยี่ยมๆ คงไม่ต่ำกว่า 30 เพลงเลยทีเดียว
อาทิ No One To Depend On, Europa, Dance Sister Dance ,Some Where In Heaven, Make Somebody Happy, Gypsy The Nile, Holld On, Oxun, Let me Inside,Shango,Changes, E Papa Re, Searchin,Over and Over, Tales Of Kilimanjaro, American Gypsy, I love You Much Too Much, Brightest Star, Hannibal, Winning

Home
|