Mountain
วงนี้ในสายตาของป๋าถือว่าสุดยอดทั้งนักดนตรีและดนตรี แต่คนส่วนใหญ่ไม่รู้จัก คนที่รู้จักมักจะเป็นนักดนตรีอาชีพ
ที่รู้จักวงนี้เพราะเป็นวงฮาร์ดร็อคอเมริกัน และทหารอเมริกันพกแผ่นมาด้วย สถานีวิทยุในแคมป์เปิดให้ฟังบ่อย เพลงที่เปิดให้ฟังแล้วติดหูเลยก็เพลง Nantucket Sleighride, For Yasgur's Farm กับเพลง Mississippi Queen
ถ้าพวกเราเป็น ขาโจ๋ รุ่นใหม่ก็อยากจะแนะนำให้หา 3 เพลงนี้มาฟัง เพราะดนตรีเป็นสัญลักษณ์ของ Heavy-Hardrock แห่งยุคสมัยได้สบาย แถมบางเพลงออกสไตล์ร็อคใต้ชัดเจน
สมาชิกวงรุ่นก่อตั้งก็มี Leslie West มือกีตาร์ร่างบิ๊กแต่โซโลยิกๆ พร้อมกับร้องนำด้วย Felix Pappalardi เล่นเบสและร้อง Corky Laing กลอง กับ Steve Knight เล่นเปียโนกับออร์แกน ตอนหลังมีปรับเปลี่ยนสมาชิกบางคน
เพลง For Yasgur's Farm เป็นเพลงที่วงนี้แต่งให้ในโอกาสที่ได้ไปเล่นในมหกรรมคอนเสิร์ต Woodstock 1969 แต่ก็ประหลาดใจ เพราะดูในหนัง ดูในวิดีโอ ดูใน VCD ก็ไม่ยักมีวงนี้ เพลงออกไพเราะจะตาย สงสัยตอนถ่ายทำหนังมีปัญหากระมังเลยไม่ปรากฏในจอ ! หลังการแสดงมหกรรมคอนเสิร์ตเพื่อสันติภาพแล้วก็ออกแผ่น โดยชุดแรกออกเมื่อปี 1970 ชื่อ Climbing! เพลงที่ติดหูป๋าทั้งเพลง For Yasgur's Farm กับเพลง Mississippi Queen ก็มาจากอัลบั้มนี้
กับเพลง Mississippi Queen ก็มาจากอัลบั้มนี้
ปีถัดมา 1971 ออกมาอีก 2 ชุด ก็คือ Nantucket Sleighride กับ Flowers of Evil ปี 1972 ออก Mountain Live:The Road Goes Ever On และ ปี 1973 ได้ Jack Bruce มือเบสจากวง Cream มาร่วมวงด้วย ฝีมือเล่นเบสวงนี้ก็เลยเด่นหายห่วง ปี 1974 ปรับปรุงใหม่ได้ Allan Schwartzberg มาเล่นกลอง และได้ Robert Mann มาเลนคีย์บอร์ดแทนคนเก่า และได้ David Perry มาเล่นกีตาร์ด้วย แล้วในปีเดียวกันก็ได้ออกแผ่นมา 2 ชุด คือ Twin Peaks กับ Avalanche
ยุคสมัยนั้นพวกป๋าแกะเพลง For Yasgur's Farm มาเล่น วัยรุ่นพวกเดียวกันชอบมากและร้องกันได้ทุกคน คิดว่าเปิดให้ฟังสมัยนี้ก็น่าจะชอบนะ เพราะท่วงทำนองดนตรีดีมาก ลีดกีตาร์ก็สั้นๆ ฟังแล้วไพเราะหู
เพลง Nantucket Sleighride เป็นเพลงที่จัดว่าไพเราะมาก เป็นเพลงหนึ่งที่ อมตะ ในใจของป๋าเลยทีเดียว ขึ้นเพลงด้วยเสียงกีตาร์ เบส กลอง แล้วรับด้วยเสียงกีตาร์เมโลดี้อันเศร้าสร้อย เสียงร้องก็ยอดเยี่ยม ความจริงเบื้องหลังของอัลบั้ม Nantucket Sleighride ได้แรงบันดาลใจจากออกทัวร์คอนเสิร์ต ทำให้เพลงออกมาสไตล์ บัลลาด ชัดเจน
ตอนได้ยินเพลงนี้ครั้งแรกรู้สึกประทับใจแบบแปลกๆ เพราะท่วงทำนองและเสียงร้องช่างแตกต่างจากเพลงอื่นๆ เสียเหลือเกิน
ช่วงกลางเพลง มีเปลี่ยนจังหวะ ลีลาฟังแล้วเร้าใจเอามากๆ ช่วงลีดกีตาร์ก็หวานเศร้าสร้อย คิดว่าเพลงนี้ทำออกมาอย่างสมบูรณ์แบบและลงตัวจริงๆ เสียดายที่คนส่วนใหญ่ไม่รู้จัก วงไม่ติดอันดับเหมือนวงรุ่นพี่อื่นๆ แต่วงก็ดำรงชีพมาได้จนถึงทุกวันนี้ และปีที่แล้วยังออกทัวร์ที่อังกฤษด้วย
สมัยก่อนวงมืออาชีพบ้านเราก็มีวง Heavy Mountain ชอบเอาเพลงจากวง Mountain มาเล่น สงสัยชอบมากเลยเปลี่ยนชื่อวงจาก Javalin 5 มาเป็น Heavy Mountain ตอนนั้นเล่นประจำที่บาร์ โกลเด้น ฮอร์ส ใกล้ๆ ห้าแยกวงเวียนใหญ่นั่นแหละ วงนี้เขาเล่นสไตล์ฮาร์ดร็อคลูกเดียว ตอนหลังย้ายมาอยู่กรุงเทพฯ
ก็สมัยนั้นเพลงฮาร์ดร็อคกำลังเฟื่องสุดขีดที่จังหวัดอุดรธานี ไม่ว่าจะเป็น Led Zeppelin, Uriah Heep, Deep Purple, Pink Floyd,Grand Funk Railroad ไปจนถึง Black Sabbath วงนี้ก็เลยเลือกเดินในเส้นทางฮาร์ดร็อคเป็นสำคัญ
เพลงอื่นๆ ที่น่าฟังก็มี Never In My Life, Roll Over Beethover, The Animal Trainer And The Toad กับเพลง Crossroader
ความจริงน่าจะแกะเพลง Roll Over Beethover มาเล่นด้วนนะ เพราะ...มันส์ดี ! เวลาซ้อมคงจะมันน่าดู !!
Skid Row (blues-rock band)
เห็นชื่อวง Skid Row ก็อย่าเพิ่งไปนึกถึงวงที่ Bon Jovi นักร้องดังเป็นอดีตมือกีตาร์ของวงนะครับ เพราะวงนั้นมาจากนิว เจอร์ซี่และตั้งขึ้นในตอนหลังราวปี 1986 แต่ที่เราจะพูดถึงในคราวนี้เป็นวง Skid Row ที่เป็นวงแรกของ Gary Moore ต่างหาก และแน่นอนถือว่าเป็นวงฮาร์ดร็อคจากอังกฤษ
เราก็รู้จักชื่อเสียงการเล่นกีตาร์ของ Gary Moore ดี หลังจากเจ้าหมอนี่ได้เข้าร่วมวงกับ Thin Lizzy ตามที่ได้บอกกล่าวมาแล้ว
วง Skid Row วงนี้ได้รับอิทธิพลอย่างสูงจาก Peter Green มือกีตาร์ระดับ 1 ใน 6 แห่งยุค และผลงานได้เป็นที่ยอมรับจนกลายเป็นมือกีตาร์แทน Eric Clapton ในวง John Mayall Blue Breaker และตั้งวง The Fleetwood Mac ซึ่ง Gary Moore ชอบฝีไม้ลายมือของ Peter Green เอามากๆ ด้วย นอกจากนี้แล้ว Peter Green ได้แนะนำให้รู้จักกับบริษัทอัดแผ่นเสียง
วง Skid Row ของ Gary Moore มีผลงานเพลงออกมาเพียงอัลบั้มเดียว คือ อัลบั้ม Skid Row ในปี 1970 แนวเพลง Hard Rock Heavy Metal โดย Gary Moore เล่นกีตาร์และร้อง Bruce Brush Shiels เล่นเบส กับ Noel Bridgeman เล่นกลอง จากนั้นเข้าห้องอัดจัดทำแผ่น Long Play (แผ่นเสียงแผ่นใหญ่) ชื่อ 34 hours ( เพราะใช้เวลาในห้องอัดแค่ 34 ชั่วโมง ) แต่ Long Play แผ่นนี้ไม่ได้ออกวางขาย เพราะ Gary Moore กระโดดไปร่วมวงกับ Thin Lizzy เสียก่อน
เพลงชุดที่ไม่ได้ออกวางตลาดในตอนนั้น ตอนนี้ก็อาจจะหาฟังได้ถ้าค้นหาเพลงชุด Still Got The Blues ของ Gary Moore ได้ แผ่นออกมาในปี 1990
Styx
Styx เป็นชื่อแม่น้ำในตำนานกรีกที่กั้นระหว่างโลกกับเมืองบาดาล เด็กหนุ่มอเมริกันจากเมืองชิคาโกเอามาตั้งเป็นชื่อวง และโดยทั่วไปเรามักจะรู้จักเพลง Babe ของวงนี้ ซึ่งก็น่าเสียดาย เพราะฝีไม้ลายมือหนุ่มวงนี้ใช่ย่อย เสียงร้องก็มีเอกลักษณ์ คือเสียงสูงและก้องกังวาน แถมใช้เครื่องซินธีไซเซอร์พร้อมกับเสียง แฉ กังวานๆ เล่นดนตรีกันดังๆ ชัดๆ ไม่คลุมเครือ กับมีเพลงดีๆ ฟังไพเราะอีกตั้งหลายเพลง
บอกได้แต่ว่า โดนฟะ ! โดนจริงๆ
ถ้านักดนตรีรุ่นใหญ่ไม่ ติดหล่ม เพลงเก่าๆ ก็จะช่วยกระพือเพลงของวงนี้ได้มาก แต่ก็ไม่เคยได้ยินใครเอาเพลงของวงนี้มาเล่นเลย ทั้งๆ ที่วงใช่ว่าใหม่เพราะตั้งมาตั้งแต่ปี 1970
ก่อนหน้านี้มีสมาชิกแค่ 3 คน คือ Dennis De Young คีย์บอร์ด ร้อง ซินธีไซเซอร์ , John Panozzo กลอง เพอร์คัสชั่น ร้อง กับ Chuck Panozzo เบสและร้อง แล้วมาได้ John Curulewaki กีตาร์ ร้อง ซินธีไซเซอร์ มาร่วมเมื่อปี 1968 หลังตั้งเป็นวง Styx ในปี 1970 ก็ได้ James Young กีตาร์และร้องเพลงด้วยมาร่วม คราวนี้ครบ 5 คนเลย จากนั้นก็ออกแผ่นแต่ก็ไม่ติดหูคนฟัง ออกชุดที่ 2 ก็ยังไม่ติดหู จนกระทั่วเวลาผ่านไป 2-3 ปี เพลงออกชุดที่ 2 กลับดังเปรี้ยงปร้าง ! ติดตลาดขึ้นมา
นี่ก็นับว่า ปาฏิหาริย์ เหมือนกัน เพราะคนฟังมี ความรู้สึกช้า เสียเหลือเกิน จะว่าไปแล้วแนวเพลงออกมาฟังสบาย มัน ๆ ไปกันได้กับพวกวง Yes, Pink Floyd จากเกาะอังกฤษ
ยิ่งเปิดฟังตอนกลางคืน เครื่องเสียงดีๆ เปิดแอร์เย็นๆ หรี่ไฟสักเล็กน้อย เข้าท่าที่สุด เพราะพวกนี้ร้องเพลงกันทุกคน ไลน์กีตาร์ก็สุดยอดไม่ใช่เล่น ฝีมือเจ๋งจริงๆ
วงนี้เล่นดนตรีในแนวที่ตนอยากเล่น เพราะเล่นมันเกือบทุกประเภท ไม่ว่าจะ Hard Rock, Soft Rock, Progressive Rock, Punk Rock, Power Ballad หรือแม้แต่ Rock ธรรมดา
ปี 1972 ออกอัลบั้มแรกมีเพลงที่น่าสนใจ คือ เพลง Best Thing แต่ก็ไม่ค่อยจะมีใครมาสนใจ ออกชุดที่สอง คือ Styx 11 ก็ไม่มีใครรู้จักจนกระทั่งผ่านไปร่วม 3 ปีเพลง Lady เพิ่งจะมาดัง อย่างที่บอกตั้งแต่ตอนแรก จากนั้นชื่อเสียงของวงนี้ก็เป็นที่รู้จักกันทั่วไป พร้อมกับรู้จักเพลงดีๆ จาก แม่น้ำ สายนี้ อาทิ เพลง Babe ที่ออกเป็นแผ่น Single ในปี 1979
เพลงดังประกอบด้วย Lady ซึ่งเป็นเพลงดังเพลงแรกของพวกนี้ ตามด้วย The Best of Times, Lorellei,Too Much Time On My Hands,Babe, fooling Yourself ,Show Me The Way เพลงนี้คนละเพลงกับของ Peter frampton นะ
นี่ ! ยังมีอีกหลายเพลงล้วนไพเราะ ซึ้ง มันๆ น่าสนใจทั้งนั้น
ต้องหามาฟังเป็น ยาสามัญประจำบ้าน เสีย รับรองไม่ผิดหวังแน่
ไม่ว่าคุณจะเกลียดดนตรีประเภทนี้แค่ไหน คุณก็อาจจะรักมันได้ !!
Kiss
เราเคยเห็น David Bowie แต่งหน้าทาปากสไตล์ แกลมร็อค มาแล้ว นั่นเป็นคนอังกฤษ คราวนี้คนอเมริกันเล่นแต่งหน้าทาปากพลางตัว และมี ท่าประจำ ด้วย แถมมีฝีมือดนตรีดีอีกต่างหาก ก็เลยทำให้วง Kiss จากนิวยอร์คกลายเป็นวงดนตรีที่น่าสนใจขึ้นมา ส่วนแนวเพลงก็แน่นอนหละ ! จะเป็นอะไรไปไม่ได้ ต้องเป็น Hard Rock อยู่แล้ว
วงนี้จุดเริ่มต้นมาตั้งแต่ปี 1972 โดย Gene Simmons มือเบสกับ Paul Stanley มือกีตาร์ ลงประกาศรับสมัครคัดเลือกนักดนตรีในหนังสือ Rolling Stone แล้วก็ได้ Peter Criss มือกลองมาร่วมวง ตอนนั้นใช้ชื่อวงว่า Wicked Lester ถัดมาไม่กี่เดือนหรือราวเดือนมกราคม 1973 ก็ได้ Paul Ace Frehley มือกีตาร์มาร่วมวงด้วย เลยเปลี่ยนชื่อเสียใหม่เป็น Kiss เขาบอกว่าตัว SS ที่อยู่ท้ายคำนี้ ล้อ มาจากหน่วย SS ของนาซีเยอรมัน ดูลักษณะของตัวอักษร SS ก็ได้ เหมือนอักษรสัญลักษณ์ของหน่วยเอสเอสของนาซีไม่มีผิด ซึ่งก็ไม่น่าแปลกใจเพราะ Standley เป็นคนอเมริกันแต่เกิดที่เมืองไฮฟาประเทศอิสราเอล
มาคิดๆ ดูอักษร Ki ท่าจะมาจากคำว่า Kill ละกระมัง ถ้าเอาอักษรมาผสมกันคงจะหมายความวา Kill SS แน่นอน อันนี้คิดเล่นๆ นะ จริงๆ เป็นยังไงไม่รู้ !
จะว่าแล้วบ้านเกิดเมืองนอนของเจ้าหมอนี่ ป๋า เคยไปมาเมื่อกว่า 10 ปีที่แล้ว ตอนนั้นไปทดสอบรถยนต์ยี่ห้อ เปอร์โยต์ มีนักข่าวจากทั่วโลกไปทดสอบ เขาให้บินไปเจอกันที่ฝรั่งเศสแล้วจับเครื่องต่อไปอียิปต์ พอไปถึงเขาบรรยายสถานการณ์ให้ฟังที่โรงเก็บเครื่องบิน แล้วมอบกุญแจรถให้คนละคัน พร้อมกับให้แผนที่มาคนละแผ่น
เขามีรถยนต์ให้ทดสอบประมาณ 60 คัน ป๋า หยิบเอาเปอร์โยต์ 306 เกียร์ธรรมดาเป็นยานพาหนะ เรียกว่าต่างคนต่างขับ ใครอยากจะไปแวะที่ไหนตรงไหนก็ได้ แต่ต้องเจอกันที่เมืองท่าตาร์บา ริมอ่าวทะเลแดงภายในเย็นวันนั้น ระยะห่างประมาณ 200-300 กิโลเมตรเห็นจะได้
ความจริงแผ่นดินแถวนี้เคยเป็นของอียิปต์อยู่แล้ว แต่อิสราเอลตียึดเอามาได้สมัยสงคราม ยิว - อาหรับ 6 วัน ยึดเอาไว้หลายสิบปีเพิ่งจะคืนให้ประเทศอียิปต์ไม่นาน พวกเราก็ไปสัมผัสแล้ว
ตอนขับรถก็ปลอดภัยดีไม่มีอะไรน่าตื่นเต้น จะมาตื่นเต้นเอาก็เมื่อราว 3 ปีที่แล้ว เพราะโรงแรมฮิลล์ตันที่พวกเราไปพัก โดนลอบวางระเบิดตายไปหลายสิบคนเลยทีเดียว
โอกาสเดียวกันนั้นได้ขับรถเข้าไปในทะเลทรายประมาณ 200 กิโลเมตรก็ถึงหุบเขา โฮเล็บ ก็สถานที่ที่ โมเสต ได้รับบัญญัติ 10 ประการมาจากพระเจ้านั่นละครับ !
ตอนไปต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ยังคงอยู่ และโบสถ์โปรเตสแตนท์ เซ็นต์ แคธเทอรีน ยังคงอยู่ ในโบสถ์มีภาษาอาหรับโบราณและภาษาอังกฤษโบราณเขียนไว้
ห้ามมิให้ผู้ใดทำลายสถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ มีการลงนามไว้เรียบร้อย แต่จำไม่ได้ว่าเป็นประมุขรุ่นใด
นี่คงเป็น คาถา สำคัญที่ทำให้สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ยังคงอยู่ แม้เวลาจะผ่านมาแล้วนับพันปีแล้วก็ตาม
อ้าว ! กลับมาเรื่องดนตรีต่อ !!
เดือนตุลาคมปี 1973 วง Kiss ก็เริ่มอัดแผ่นเสียงเพื่อออกอัลบั้มแรก แต่กว่าจะเสร็จและวางตลาดได้ก็ราวเดือนกุมภาพันธ์ปีถัดมา โดยใช้ชื่อวงเป็นชื่ออัลบั้ม พร้อมกับออกทัวร์ด้วย ผลงานแม้จะ โปรโมท อย่างหนักก็ไม่ทำให้เพลงติดชาร์ดต้นๆ ได้ แต่อย่างน้อยคนก็รู้จักเพลง Nothin' to Lose, Firehouse กับเพลง Black Diamond ตอนออกเพลงพวกนี้ พวก Kiss ก็สวมชุดเอกลักษณ์กับแต่งหน้าทาปากพรางตากันแล้ว ซึ่งก็นับว่าเป็นจุดสนเด่นให้คนสนใจได้เป็นอย่างดี เพราะแม้คนจะไม่รู้จักเพลง ก็รู้จักว่าพวกนี้ คือ Kiss ช่วงปลายปีก็ปล่อยอัลบั้มที่ 2 Hotter Than Hell แต่ก็แป๊ก...เหมือนเดิม แม้จะหยิบเอาเพลงเด่น Let Me Go, Rock n' Roll มาทำ Single ก็ไม่ช่วยอะไรได้
ผ่านมาปี 1975 นั่นแหละ เพลงจากวงนี้ถึงติดตลาดคนฟัง คือ ชุด Dressed To Kill ก็มีเพลง C'Mon And Love Me กับเพลง Rock And Roll All Nite เป็นเพลงฮิตจากวงนี้
จากนั้นก็ผลิตผลงานออกมาอย่างต่อเนื่อง และออกทัวร์คอนเสิร์ตเป็นระยะ จนกลายเป็นวง Hard rock Hits ขวัญใจวัยสะรุ่นอเมริกันไป
จะว่าไปแล้วพวกเราก็ได้แต่ฟังเฉยๆ เช่นเคย ไม่เคยคิดจะแกะเพลงวงนี้มาเล่น
ทุกวันนี้ก็ถือว่า Kiss เป็นวงหนึ่งในขบวนการฮาร์ดร็อค มีแฟนรู้จักกันทั่วโลก บ้านเราก็คงจะมีแฟนอยู่ไม่น้อย แต่แฟนคงไม่หนาแน่นเหมือนกับวงอมตะอย่าง Led Zeppelin, Deep Purple,UFO
ถ้ามีสตางค์ก็น่าจะซื้อหาไปฟังบ้าง ถ้าสตางค์ไม่มาก ก็เก็บเอาไว้ซื้อทีหลังก็ได้ เพราะถ้าไม่ฟังก็ไม่ถือว่า ตกยุครุ่นเก๋า เพราะเพลงเจ๋งๆ จากวงนี้จะมาช่วงยุค 80's แล้ว

Home
|