2) Woodstock 1969
งานมหกรรมดนตรี Woodstock ดนตรีและสันติภาพ มันยิ่งใหญ่จริงๆ ฟ่ะ ! มันทำให้โลกทั้งโลกตื่นตัวกันใหญ่ และกล่าวขานกันต่อเนื่องยาวนานหลายปี สมัยนั้นไม่มีใครเขาถ่ายทอดสดคอนเสิร์ตดนตรีให้ดูหรอก ความจริงสมัยนี้ก็ยังไม่มียกเว้นดนตรีลูกทุ่งตามห้างฯ บ้านเรา แม้แต่ออกข่าวทางโทรทัศน์ยังไม่ออกเลย ความยิ่งใหญ่ของมันบอกเล่าผ่านหนังสือพิมพ์ หนังสือเพลง รวมทั้งจากหนังบันทึกการแสดงสด ที่ตัดต่อแล้วเอามาฉายให้ดูกันทีหลัง
ก่อนมหกรรมดนตรีที่ยิ่งใหญ่ในประวัติศาสตร์โลกเกิดขึ้น สัญลักษณ์ของงานได้แพร่กันทั่วไป คือ นกพิราบเกาะบนคอกีตาร์พร้อมตัวอักษร Woodstock สะท้อนวัฒนธรรมฮิปปี้ และอีกสัญลักษณ์ที่ติดตลาดมาจนถึงทุกวันนี้ คือ เครื่องหมายสันติภาพ บ้างก็บอกว่าเป็นเครื่องหมายฮิปปี้ ความจริงมัน คือ เครื่องหมายหรือสัญลักษณ์ต่อต้านโครงการอาวุธนิวเคลียร์และอาวุธชีวภาพของอังกฤษ สัญลักษ์นี้ประดิษฐ์ขึ้นที่นั่นในปี 1958 โดยนาย Gerald Holtum และเผยแพร่ออกนอกเกาะอังกฤษในปี 1960
มหกรรมดนตรี Woodstock มีวัตถุประสงค์รณรงค์หรือเรียกร้องสันติภาพ เครื่องหมายนี้จึงได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย จะพบเห็นได้ทั้งที่เสื้อ กางเกง บนรถ ผนังกำแพง แผ่นปลิว และบังเอิญไปกันได้ดีกับปีที่จัดมหกรรมคอนเสิร์ต เพราะสัญลักษ์นี้คล้ายกับเอาตัวเลข 69 เอาตัวเลข 2 ตัวมารวมกันทำให้เห็นเป็นรูปวงกลมมีขีดผ่ากลางและมีแง่งฉีกออกมาด้านล่าง 2 แง่ง เลขสองตัวนี้มาจากเลขท้าย 2 ตัว เอ้ย ! มาจากเลขท้ายปี ค.ศ. 1969 ซึ่งเป็นปีจัดมหกรรมคอนเสิร์ตเพื่อสันติภาพนั่นเอง
มหกรรมดนตรี Woodstock จัดขึ้นที่ชุมชนเล็กๆ ชื่อวู้ดสต็อค เมืองบีเซิ้ล ( Bethel ) ห่างจากมหานครนิวยอร์คประมาณ 100 ไมล์ สถานที่จัดมีชื่อว่า ยัสเคอร์ ฟาร์ม ของนาย Max Yasgur ระหว่างวันที่ 15 18 สิงหาคม ค.ศ. 1969
ตอนแรกคณะผู้จัดคิดว่าจะมีผู้เข้ามาชมงานประมาณ 100,000 คน เอาเข้าจริงๆ มีคนมางานประมาณ 600,000 คน ทำให้มีคนเข้างานไม่ได้ ต้องเดินเที่ยวเตร็ดเตร่กระจัดกระจายตามรายทางและถอดใจกลับหลังหันประมาณ 200,000 คน รั้วกั้นไม่ต้องพูดถึงถูกย่ำจนราบพนาสูญ รถราติดเป็นแถวหนักกว่า คืนวินาศ ฝนตกหนักที่กรุงเทพฯเสียอีก ปกติขับรถจากนิวยอร์คถึงสถานที่จัดงานใช้เวลาแค่ 2 ชั่วโมง แต่วันงานต้องคูณไปอีก 10 นักดนตรีหลายคนต้องนั่ง ฮ. ไปลง บางทีอากาศดูเหมือนจะไม่เป็นใจ ทำให้ ฮ.บินไม่ได้ ต้องหาทางฝ่าด่านฝูงชนเข้าไป
ถ้าเป็นคนดูยังพอทน แต่เป็นนักดนตรีที่ต้องขึ้นเวทีนี่สิเป็นปัญหาใหญ่ อย่ากระนั้นเลย ว่าแล้วก็มีผู้หวังดีเจตนาดี ตัดสินใจยืมรถบรรทุกโดยไม่บอกเจ้าของขน Jimi Hendrix กับลูกวงที่ซ้อมเพลงไม่ถึงอาทิตย์ รวมทั้งสมาชิกวงดัง Crosby , Stills, Nash & Young ไปถึงหลังเวทีจนได้ ใครเจอ Nail Young ลองถามเรื่องนี้ดูก็ได้ว่าตื้นเต้นแค่ไหน ?
ดูหนัง Woodstock จะเห็นความเป็นไปในการจัดมหกรรมดนตรีครั้งนี้เป็นอย่างดี เมื่อหลายสิบปีมาแล้วมีวิดีโอเทปขายหรือให้เช่า นั่นดูเหมือนจะเป็นก๊อปปี้เดียวกันกับหนังที่เคยฉายในอดีต ความยาวหนังประมาณ 3 ชั่วโมง เดี๋ยวนี้ก็มีวิดีโอซีดีให้ดู อาจจะแตกต่างจากฉบับเดิมๆ แต่เนื้อหาเพียบเหมือนเดิม ใครไม่เคยเห็นฮิ้ปปี้แบบฉบับของแท้ดั้งเดิมเป็นยังไง ไปค้นหาดูกันได้ ดูแล้วฟังเพลงไปด้วยจะได้รสชาติอร่อยๆ ย้อนยุค
เกิดมาก็เพิ่งจะเคยเห็นตัวจริงเสียงจริง(จากในหนัง)ก็ในคราวนั้นนั่นนะแหละ Richie Havens ศิลปินคนแรกที่เล่นเปิดเวที เล่นกีต้าร์โปร่งเก่งแค่ไหนต้องไปหาดูกันเอาเอง คุณปู่จับคอร์ดกีต้าร์ง่ายๆ ใช้แค่ง่ามนิ้วโป้งกดทับไปที่สายบนของกีตาร์ ขยับไป ขยับมา ก็ได้เพลงนึงแล้ว เพลง Freedoms ไม่เห็นจะยากที่ไหน ทำให้นึกถึงวงพั๊งค์วัยรุ่นอังกฤษ The Sex PistOls ไอ้หนูแต่งตัวประหลาด แก่ประกาศว่า เฮียๆ คอยดูนะ พวกผมเล่นกีตาร์เป็นแค่ 3-4 คอร์ด จะดังให้ดู และก็ดังจริงๆ ดังเป็นบ้าเสียด้วยในหมู่วัยรุ่นและนักดนตรี แต่ไม่เท่าไหร่ในหมู่ชนทั่วไปในด้านเพลง แต่ในด้าน ตัวประหลาด ละก็ ดังสุดๆ ถูกหัวอนุรักษ์ต่อต้าน สังคมรังเกียจเด็กพั๊งค์ กลัวเยาวชนจะเอาอย่าง
นี่ก็ผ่านมาหลายสิบปีแล้ว ป๋าก็เห็นอังกฤษยิ่งใหญ่เหมือนเดิม ไปดื่มกาแฟที่ผับมาไม่กี่เดือนมานี้ก็ไม่เห็นสังคมอังกฤษบุบสลายที่ตรงไหน เอ้อ ! ร้าน Virgin Record ข้างวงเวียนเทพแห่งความรัก เขาเปิดขายซีดีตลอด 24 ชั่วโมงนะ แวะไปคุ้ยหาแผ่นได้ที่นั่น ยุโรปไปมาหลายประเทศ แผ่นถูกสุดก็ทีลอนดอนนี่หละ ราคาตั้งแต่ 270 บาทขึ้นไป ที่อื่นๆ แพง...โคตร !
กลับมาเวทีกลางแจ้งที่ยัสเคอร์ ฟาร์ม นักกีตาร์มือปีศาจ Alvin Lee วง Ten Year After โชว์เพลง Going Home ได้สุดยอด ฟังวันนี้ก็ไม่เบื่อแม้จะยาวกว่า 10 นาที แกขึ้นมาพูดอยู่ 2-3 คำ ฟาด...โลด โซโลกีตาร์ไฟแลบเสียงคมกริบ ดุดันอีกต่างหาก กลองกับเบสส์ไล่ตามหลัง , Roger Daltrey จากวง The Who โชว์เพลง My generation, We're Not Gonna Take It, วง Jefferson Airplane ขาใหญ่วงการไซคีเดลิครุ่นเก๋าก็ใช่ย่อย ขึ้นยืนยันความฮิตด้วยเพลง Saturday Afternoon/Won't You Try, Volunteers ฟังแล้วเท้าจะลอยพ้นพื้น หัวจะปักดิน !?
C.C.R. ( Creedence Clearwater Revival ) ก็มา Santana หลังโชว์เพลงที่นี่แล้วอีกไม่กี่เดือนก็ทำแผ่นเสียงชุดแรกออกมาขาย และกลายเป็นราชันย์แห่งละตินร็อคในทุกวันนี้ , Mountain ก็เล่นหลายเพลง วงนี้เป็นเจ้าของเพลง For Yasqur's Farm ที่เจ๋งทั้งท่วงทำนอง และโซโลกีต้าร์หวาน , Canned Heat เพลงเด่นที่โชว์ คือ เพลง Woodstock Boogie, สาวเจ้า Melanie โชว์เดี่ยวกีต้าร์และเสียงร้องสุดเซ็กซี่ด้วยเพลง My Beautiful People, หนึ่งในวงต้นแบบเพลงโฟลค์เพื่อชีวิตบ้านเรา Crosby, Stills, Nash & Young เล่นเพลง 4 + 20 (อะไรของแกฟ่ะ ?) เพลงประกอบหนัง Woodstock ก็เป็นฝีมือวงนี้ ชื่อเพลง Long time gone นุ่มนวลด้วยเสียงเบสคุม , นักร้องสาวโฟล์คเพื่อชีวิต Joan Baez ก็โชว์หลายเพลง รวมทั้ง Country Joe Mcdonald นักดนตรีเพื่อชีวิตแต่งเพลงต้านสงครามเวียดนามชื่อดังก็มากับเขาด้วย นักดนตรีระดับเก๋าส์ในวงการ Blues Rock ทุกวันนี้ อย่าง Joe Cocker, Johnny Winter ก็มา นักดนตรีบลูส์ คักๆ ก็มา อย่าง The Butterfield Blues Band และอีกหลายคนอีกหลายวง อาทิ John B. Sebastian, Ario Guthre, Sha na na อะ ! ไม่รู้วง จิ๊กโก๋ผมทาจาระบี มาได้งัย ? ดังก็ดังอยู่หรอก แต่ดูมันแปร่งๆ พิกลเพลงคนละสไตล์เลย !
นี่ไม่รวมวงปิดการแสดงอย่าง Jimi Hendrix นะ ปู่ Jimi Hendrix เด่นที่สุด ก็เลยแสดงฝีมือไว้หลายเพลง และต้องฟังเสียให้ได้คือ เพลง Star Spangled Banner (แปลว่าดาวและแถบ) กับ Purrple Haze เพลงเสียงโน๊ตกีต้าร์ประหลาดเหมือนเพี้ยน แต่ดังข้ามหลายทศวรรษ ซึ่งคงจะดังต่อไปจนกว่าพันธุ์ร็อคจะสูญพันธุ์ ความจริงแต่ละวงเล่นกันหลายเพลง แต่หนังออกฉายหรือทำแผ่นออกมาขาย ตัดเอาออกมาไม่ครบ
อ้อ ! แนะนำเป็นพิเศษคุณย่า Janis Joplin แกร้องและเต้นสุดเหวี่ยง ป๋าว่า ถ้าชอบปู่ Jimi Hendrix ก็น่าจะชอบย่า Janis Joplin ด้วย เพราะดังทั้งคู่แม้รายหลังจะร้องกับเต้นไม่ได้เล่นกีต้าร์ เธอเป็นคนขาวที่ร้องเพลงบลูส์ร็อคได้ถึงใจมาก เสียงงี้หายห่วง พูดๆ แล้วคิดถึงเธอคนนี้ ชอบท่าเต้นโหยงๆ ตามแนวดิ่งเหมือนแอฟริกัน ลีลาไม่เหมือนใคร การแต่งตัวเป็นแบบฉบับ ฮิ้ปปี๋ ของแท้ สวมยิปซีบูท กระโปรงยาว และคลุมไหล่

Home
|