โครงการอวกาศสตาร์ดัสต์
(Stardust)
โครงการอวกาศสตาร์ดัสต์
(Stardust) หรือ "ละอองดาว"

คือ
โครงการที่จะส่งยานอวกาศในเดือนกุมภาพันธ์
2542 ไปยังดาวหางที่มีชื่อว่า วีล-ทู
(Wild-2)
โดยคาดว่าจะไปถึงในเดือนมกราคม
2547 วิธีส่งยานไปนั้น
จะใช้วิธีที่เรียกว่า Gravity Assist
คืออาศัยแรงเหวี่ยงจากสนามแรงโน้มถ่วงของโลกมาช่วยผ่อนแรง
ในรอบแรก
ตัวยานจะโคจรเวียนรอบโลก
เพื่ออาศัยแรงเหวี่ยงของโลกเหวี่ยงยานให้ขึ้นสู่วงโคจรที่ยืดออกกว้างขึ้นไป
จนวนรอบดวงอาทิตย์ได้ในเวลาสองปีครึ่ง
วงโคจรจะยืดออกไปไกลจนเข้าสู่วงโคจรของดาวหาง
วีล-ทู ได้ในปี พ.ศ. 2557
การทำเช่นนี้
ส่วนหนึ่งก็เพื่อเอาแรงโน้มถ่วงของโลกมาช่วยประหยัดเชื้อเพลิง
อีกสาเหตุหนึ่งก็คือ
ยานจะได้เข้าใกล้ดาวหางด้วยความเร็วไม่สูงเกินไปนัก
เพื่อจะจับละอองดาวอย่างละมุนละม่อม
ไม่ให้บอบช้ำนัก
จะได้เอามาศึกษาภายหลัง
หลังจากที่ใช้เวลาเดินทางเป็นเวลาห้าปี
ยานสตาร์ดัสต์จะไปวนโคจรรอบดาวหางสองรอบ
รอบแรกเป็นการบินผ่านไปถ่ายรูป
รอบหลังเพื่อเก็บฝุ่นดาวหางที่เพิ่งระเหิดหลุดจากส่วนหัว
หรือ โคม่า (coma) กลับมาศึกษา
นับว่าเป็นครั้งแรกในโลกที่เราจะเก็บละอองดาวจากตัวดาวหางและนำกลับมายังโลก
และนับเป็นโครงการอวกาศโครงการแรกที่มีเป้าหมายหลักเพื่อการศึกษาดาวหางโดยตรง
และยังมีผลพลอยได้อีก คือ
ยานสตาร์ดัสต์จะเก็บฝุ่นระหว่างดวงดาว
(interstellar dust)
จากอวกาศกลับมาพร้อมกันด้วย
-
-
ยานสตาร์ดัสต์นี้เป็นเพียงโครงการอวกาศที่สองที่เอาแอโรเจลมาใช้
หลังจากโครงการบุกเบิกดาวอังคารพาธไฟน์เดอร์
การจับละอองดาวมาศึกษานั้น
จะต้องการถนอมให้มันคงสภาพเดิม
ให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้
เมื่อละอองดาวที่ปะทะอะไรก็ตาม
ด้วยความเร็วสูงขนาดนั้นมันก็จะเกิดแรงต้านเหมือนเวลาที่เราปาลูกบอลใส่กำแพง
แรงต้านของกำแพงจะโยนให้ลูกบอลกระเด้งกลับ
แต่ของเล็ก ๆ แข็ง ๆ
ที่วิ่งด้วยความเร็วสูงอย่างละอองดาว
จะมีแรงต้านมากถึงกับทำให้โมเลกุลของมันปริแยกออก
และสลายตัวเป็นควันพลาสมาไปเลยก็เป็นได้
ดังนั้นสารที่จะเอามาจับละอองดาวนี้จะต้องไม่สะท้อนแรงต้านกลับมาใส่สะเก็ดละอองดาวจนเสียหาย
คือต้องหยุดมันได้
แต่ไม่ทำลายมันลงไป
- เมื่อเกิดฝนดาวตกสิงโตในเดือนพฤศจิกายน
2541 นั้น
องค์การนาซาได้ส่งบอลลูนพร้อมด้วยเครื่องมือเก็บละอองดาวขึ้นไป
โดยหวังจะเก็บละอองดาวมาบ้าง
แต่ก็หวังได้น้อยเต็มที
เนื่องจากบอลลูนจะลอยขึ้นไปได้แค่
30 กิโลเมตร
แต่สะเก็ดดาวจะเริ่มไหม้เมื่อเข้าสู่ชั้นบรรยากาศตั้งแต่ระดับ
120 กิโลเมตรมาแล้ว
แม้จะเก็บได้ (ซึ่งมีโอกาสแค่สิบเปอร์เซ็นต์เท่านั้น)
มันก็ไหม้ละลายไปมากแล้ว
แต่ก็ถือเป็นโอกาสดีที่จะได้ทำการทดสอบแอโรเจลไปจับละอองดาวหางเป็นครั้งแรก
เพื่อจะเป็นการซักซ้อมรับมือกับของจริงเมื่อยานสตาร์ดัสต์ไปจับของจริงจากดาวหางวีล-ทู
และส่งตัวอย่างกลับโลกในปี
พ.ศ. 2549