ปีที่ 2 ฉบับที่ 588 วันจันทร์ที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2542 แรม 1 ค่ำ เดือน 3 ปีเถาะ
โดย อ.เจริญ สุพร
เมื่อมนุษย์พูดถึงพระนิพพาน "อัตตา" และ "อนัตตา" สองคำที่อาจลบศักดิ์ศรีพระนิพพาน |
กองบรรณาธิการพิมพ์ไทย อุทิศหน้าหนังสือพิมพ์ตีพิมพ์บทความเครื่อง พระนิพพาน เป็น อนัตตา หรือ อัตตา (แท้) เพียงเพื่อให้นักวิชาการ ที่เป็นบัณฑิต ทางพระพุทธศาสนา ได้หยิบยกขึ้นมาศึกษา ด้วยจิตใจที่กว้างขวาง ไม่อยากให้ด่วนสรุป เข้าข้าง ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง โดยปราศจากการไตร่ตรอง
พระพุทธศาสนา เป็นทางร่มเย็น เป็นทางมุ่งสู่สันติสุข สำหรับทุกชีวิต ของมวลมนุษยชาติ วิวาทะ (ความขัดแย้ง) ที่เจือปนด้วย อารมณ์แห่งอคติ อันจะก่อให้เกิด ความแตกร้าว ห่างไกลต่อการสร้างสรรค์ ซึ่งไม่ใช่วิสัยของ พุทธศาสนิกชน น่าจะยุติลงได้แล้ว
ขอวิงวอนให้ผู้มีวาทะ จงหันหน้า เข้าปรึกษาหารือกัน ในที่รโหฐาน (ที่เฉพาะ) เพื่อหาข้อยุติ ดีกว่า จะไปพูดประจาน ความเห็นของตนเอง ทางสื่อสาธารณะ เพราะโดยวิถีทางนั้น คือการทำลายพระพุทธศาสนา ให้ย่อยยับสถานเดียว
ด้วยความห่วงใยอนาคตของ พระพุทธศาสนา ที่บอบช้ำมามากแล้ว จึงขอฝากความกังวลนี้ ไว้ให้ผู้เคลื่อนไหว ได้สำเหนียก นี้เป็นภารกิจของเรา
วันนี้สังคมไทยกำลังถูกท้าทาย ด้วยปัญหาร้อยแปด ที่รุมประดังเข้ามา จากทุกทิศทาง เท่ากับทดสอบว่า ในสถานการณ์เช่นนี้ จะไปตลอดรอดฝั่ง หรือจะล่มสลายลง อย่างไม่เป็นท่า
คนเป็นล้าน ถูกเลิกจ้างงาน อีกหลายล้าน กำลังอดอยากหิวโหย และอีกหลายสิบล้าน ไม่แน่ใจในชะตากรรม ของตนเอง ขาดความมั่นใจ
แม้แต่นักการเมือง ก็ยังขาดความมั่นใจ ในสถาบันศาสนา ขาดความมั่นใจในอนาคต ของประเทศชาติ ดูว่า อะไรมันมืดมน สับสนกันไปหมด สรุปก็คือ บ้านเมืองกำลังมีปัญหา และปัญหานี้ มันยิ่งใหญ่หนักหน่วง ในรอบร้อยปี หรือหลายร้อยปี จึงจะมีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้น
สภาวการณ์เช่นนี้ มีเรื่องเหลือเชื่อบังเกิดขึ้น จัดว่าเป็นเรื่องประหลาด แบบคาดคิดไม่ถึง ก็ไม่น่าจะผิด นั่นคือ มนุษย์หรือคนไทย
วันนี้มีวาทะกันเรื่อง พระนิพพาน! .
พระนิพพาน อันเป็นเป้าประสงค์สูงสุด ของพระพุทธศาสนา พระนิพพานซึ่งอยู่สูงเกินเอื้อม ของมวลมนุษย์ ผู้ตกอยู่ในวังวนแห่ง วัฏฏะ
วิวาทะดังกล่าวดังขึ้น เพียงแผ่วเบาในกำแพงวัด แต่สำหรับ นอกกำแพงวัดแล้ว ดังกระหึ่มยิ่งกว่า เสียงฟ้าเสียงพลุ มีการหยิบยก จัดเสวนา ตามสถาบันการศึกษา สมาคม และสถานที่เอกชนหลายแห่ง
การเสวนาได้ขยายผลไปตามสื่อต่างๆ ทั้งในหน้าหนังสือพิมพ์ วิทยุ ทีวี. กันอย่างกว้างขวาง ทำให้เกิด เป็นฝักเป็นฝ่าย แบบถือหางกัน อย่างเด่นชัด
ฝ่ายหนึ่งกางตำรา พูดอ้างลัทธิเถรวาท อ้างพระไตรปิฎก อ้างความเป็นมา ของสงฆ์ไทยว่า พระนิพพาน เป็น อนัตตา อีกฝ่ายหนึ่ง อ้างจากพระไตรปิฎก อ้างจากผล การลงมือปฏิบัติ จนประจักษ์กับตนเองว่า พระนิพพาน เป็น อัตตา
วิวาทะว่า พระนิพพาน เป็น อัตตา หรือ อนัตตา นั้น น่าจะมีข้อยุติอย่างสง่างาม ยอมรับกันได้ หรือยอมรับไม่ได้ แต่ก็อยู่กันได้ อย่างสันติ สมกับความเป็นพุทธศาสนิกชน จึงจะถูกต้อง
แต่วิวาทะของทั้งสองฝ่ายครั้งนี้ ขยายลุกลามออกไป อย่างไร้ทิศทาง เหมือนไฟลามทุ่ง ถึงขนาดว่า ขับไสไล่ส่ง ให้พ้นไปจาก พุทธจักร ฐานเป็น กบฎ
ฝ่ายที่เห็นว่า พระนิพพาน เป็น อนัตตา รุกเข้าสู่องค์กรสูงสุด ของสถาบันสงฆ์ นั้นคือ มส. มหาเถรสมาคม ยึดหน้า หนังสือพิมพ์ โจมตีมส. โจมตีเจ้าคณะภาค เจ้าคณะจังหวัด ฐานะปฏิบัติการล่าช้า ไม่ทันใจ กล่าวหาว่า เป็นพระผู้เฒ่า เอาแต่กิจนิมนต์ ไม่สนใจ กิจพระศาสนา แม้แต่ สมเด็จพระราชาคณะ องค์สมเด็จ พระสังฆราช ก็พลอยถูกจ้วงจาบไปด้วย ไม่ได้ยกเว้น
เมื่อองค์กรสูงสุดของสงฆ์ ยังมีท่าทีสงบเงียบอยู่ ดูเหมือนว่าฝ่ายที่เห็นว่า พระนิพพานเป็นอนัตตา มีความระทมทุกข์ทรมานใจเป็นอย่างยิ่ง จึงรุกเร้าเข้าสู่สายการเมืองให้บีบเข้าไปอีก
เท่านั้นยังไม่พอ ฝ่ายที่เห็นว่า พระนิพพานเป็นอนัตตา ได้ประสานเข้ากับมือปืนรับจ้าง ซึ่งอ้างตัวเอง เป็นแกนนำพุทธศาสนิกชน (บุคคลนี้รับจ็อบ เคลื่อนไหวทุกรูปแบบ) ได้แสดงบทบาทเก่าๆ ที่เอาแต่ได้ใส่ตัวถ่ายเดียว ไม่คำนึงถึง ความเสียหายส่วนรวม เป็นที่ตั้ง
จุดนี้เอง กองบรรณาธิการพิมพ์ไทย มองเห็นว่า เป็นอันตรายอย่างใหญ่หลวงต่อพระพุทธศาสนา ไม่สมกับคำประกาศที่ว่า ปกป้อง พระพุทธศาสนา แต่เป็นการทำลาย พระพุทธศาสนาโดยตรง หากขืนปล่อยให้ นักเคลื่อนไหวเหล่านี้ ดำเนินต่อไป แบบไม่รับผิดชอบ ทำนองตีงูให้กากิน พุทธจักรนี้ จะต้องลมสลายลง เพราะน้ำคำและ การดำเนินการของคนกลุ่มนี้
อีกอย่างหนึ่ง ฝ่ายที่เห็นว่า พระนิพพานเป็น อนัตตา นั้นมีการนำเสนอในรูปบทความ ลงตีพิมพ์ตาม หน้าหนังสือพิมพ์ต่างๆ มามากต่อมากแล้ว และยังได้มีการเสวนาอภิปราย ตามสถานที่ต่างๆ หลายแห่ง จึงเห็นสมควรนำเสนอความเห็น ฝ่ายที่เห็นว่า พระนิพพาน เป็น อัตตา ลงตีพิมพ์ในหน้าหนังสือพิมพ์ พิมพ์ไทย แบบอัตตาศึกษา
ประกาศไว้ให้ชัดเจนตรงนี้ว่า กองบรรณาธิการ พิมพ์ไทย จะคงไว้ซึ่งความเที่ยงตรง ไม่เอนเอียงว่าฝ่ายใดถูกฝายใดผิด
ขอวิงวอนต่อท่านบัณฑิต ทางพระพุทธศาสนา โปรดทรงไว้ซึ่ง อุเบกขาธรรม ทำใจให้กว้างๆ ปราศจากอคติ เปิดรับฟังความเห็น โดยถือว่า เป็นวิชาการ
ก่อนที่จะนำเข้าสู่พระนิพพานเป็นอัตตานั้น ขอตั้งปัญหาถามก่อนว่า พระนิพพาน มีจริงไหม? .
ถ้ามีแบบสูญสิ้นทุกสิ่งทุกอย่างที่กล่าวว่า นิพพานัง ปรมัง สูญญัง กระนั้นหรือ..?
มีแบบสูญสิ้นเพียงกิเลส แต่เกินโวหารที่มนุษย์จะพึงกล่าวถึงกระนั้นหรือ..?
มีความบริสุทธิ์หมดจดสัมผัสได้ด้วยใจอันบริสุทธิ์หมดจดของผู้เป็นอเสขะกระนั้นหรือ..?
เมื่อพระนิพพานมีจริง สถานภาพของพระนิพพาน ควรจะเรียกว่า อัตตา หรือ อนัตตา
ขอเรียนไว้ก่อนว่า พระนิพพานจะเป็นอัตตา หรืออนัตตา ก็ตาม คำสองคำนี้ จะไม่สามารถลดศักดิ์ศรี ของพระนิพพานลงได้ พระนิพพาน ยังคงเป็นพระนิพพานต่อไป
อัตตา เป็น วจนะ เป็นคำเรียก เป็นคำศัพท์ที่เรียกสภาวจิต ของผู้ปฏิบัติที่เป็นอเสขะ
ดังนั้นพระนิพพานจะเป็นอัตตาหรืออนัตตานั้น อยู่สูงเกินคำที่จะกล่าว
อนาคาริก ผู้ทรงศีลหนักทางปริยัติ กางตำราเล่มเดียว ออกมาอ้าง แต่ห่างไกล การประพฤติปฏิบัติธรรม อย่างอุกฤษฎ์ ก็ยังไม่สมควร ที่จะออกมากล่าว
ยิ่งฆราวาสวิสัย ศีลเพียงห้าข้อ ยังด่างพร้อย รักษาไม่ได้ แม้แต่ศีลข้อที่ห้า ไม่สมควรอย่างยิ่ง ที่จะนำของสูงคือ พระนิพพาน ขึ้นมากล่าวอ้างยืนยันว่าเป็น อัตตา หรือ อนัตตา
ต่อไปนี้เป็นทัศนะหนึ่งที่ยืนยันว่า . พระนิพพานเป็นอัตตา เป็นอัตตาแบบพุทธ ไม่ใช่พราหมณ์
โดย..อาจารย์เจริญ สุพร
หมายเหตุ พิมพ์ไทย จะนำเสนอเรื่องพระนิพพานเป็น อัตตา ฤา อนัตตา เพื่อจรรโลงพระพุทธศาสนาให้สืบต่อไป ท่านสาธุชน พุทธศาสนิกชนที่ใฝ่รู้ของสูง โปรดติดตามได้ทุกวันนับแต่นี้ไป