ปีที่ 2 ฉบับที่ 593 วันอาทิตย์ที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2542 แรม 7 ค่ำ เดือน 3 ปีเถาะ
อกอีแป้นแตก "บวชชี" ผิดกม. |
ยุคนี้ น่าจะถือว่าเป็นยุคพิสดารที่สุดก็ว่าได้ คนพร้อมใจกันทำบุญออกข่าวทีวีหน่อยเดียว สื่อมวลชน ทั้งสิ่งพิมพ์และทีวีบางค่าย ทำท่าเอาเป็นเอาตาย คล้ายกับว่าการทำบุญเป็นอาชญากร จนกระทั่ง หลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ต้องตั้งกรรมการ สอบพนักงานในองค์กร ของตัวเองเป็นการใหญ่
วิปริต...คำนี้น่าจะเป็นคำที่ถูกต้องที่สุด
ตอนนี้มีเรื่องใหม่เกิดอีกแล้ว เด็กแค่ 10 คน บวชชีที่วัดพระธรรมกาย ก็ออกข่าวว่า วัดพระธรรมกาย หลอกลวงเด็ก ทำให้เด็กเสียอนาคต อนาคตมืดมน จนขนาดพ่อของเด็ดที่มียศสูงถึง นายพล ต้องออกมาโวยวายผ่านทางหน้าหนังสือพิมพ์
จริงๆ แล้ว คนที่เป็นพ่อเด็ก ทำไมไม่ถามเด็กดูล่ะว่า ทำไมลูกถึงต้องบวชชีอยู่วัด ไม่กลับมาอยู่บ้าน ลูกของท่านนายพล อาจจะมีคำตอบ ที่น่าสนใจก็เป็นได้
ถ้าหากเด็กบอกวา พระ บังคับให้บวช ท่านนายพลพ่อเด็ก ก็อาจจะเอาผิดกับพระได้
เท่าที่ดูข่าวแล้ว ในฐานะที่เป็นสื่อมวลชนเหมือนกัน ขอบอกเลยว่า ข่าวแบบนี้เขาเรียกว่า เต้า เพราะเรื่องในครอบครัวระหว่างพ่อกับลูก จริงๆ แก้ไขปัญหากันได้เองอยู่แล้ว ไม่ต้องให้หนังสือพิมพ์ช่วยแก้ปัญหาให้หรอก
นางสาวยุพยงค์ สุรกิจบรรหาร ลูกศิษย์วัดพระธรรมกายเล่าว่า เด็กที่บวชชีที่วัดตอนนี้มีอยู่แค่ 11 คน แต่ไม่ได้เรียกว่าแม่ชี ที่วัดเรียก เด็กเหล่านี้ว่า เข้าโครงการอภิญญา ซึ่งเด็กทั้งหมด ที่เข้าโครงการล้วนสมัครใจที่จะโกนหัวโกนคิ้ว ถือศีล 8 ด้วยตนเองทั้งนั้น
เด็กส่วนใหญ่ เป็นลูกคนรวยทั้งสิ้น มีตระกูลดังๆ หลายตระกูลด้วยกัน ได้แก่ ตระกูลบุญสูง ตระกูลงานทวี ตระกูลต้นสกุล เป็นต้น
ที่เด็กสมัครใจบวช เพราะเขาบอกเองว่า เบื่อโลก เขาเห็นภัยในวัฏฏสงสาร และเชื่อมั่นในคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า อีกทั้งเด็กเหล่านี้มุ่งหวังธรรมะชั้นสูง เพื่อพ้นไปจากกรงกิเลส ที่กักขังมนุษย์ไว้ไม่ให้เข้าถึงพุทธธรรม จึงได้สละตัวบวชดังกล่าว และการบวชเด็ก ก็ต้องได้รับอนุญาต จากบิดามารดาแล้ว ไม่อย่างนั้นทางวัดจะไม่บวชให้ ไม่ทราบว่า สื่อมวลชนเอาเรื่องนี้ ไปโจมตีทำไม ไม่เห็นมีประโยชน์อะไรเลย ลูกศิษย์วัดพระธรรมกายกล่าว
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ผลการศึกษา ปัญหาวัดพระธรรมกาย ของ นายสุวัฒน์ เงินฉ่ำ รองปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ที่เสนอไปยัง พระพรหมโมลี เมื่อวันที่ 4 ก.พ. ที่ผ่านมา ได้แยกปัญหาเป็น 8 ประเด็น ด้วยกันคือ
คำสอนว่า นิพพานเป็นอัตตา หรือเที่ยง มีตัวตน ของวัดพระธรรมกาย แตกต่างจากข้อมูลทางวิชาการ ที่บอกว่า นิพพานเป็นอนัตตา ไม่ใช่ตัวตน
เรื่องการขายปาฎิหาริย์ คือเรื่องที่เผยแพร่ปรากฏการณ์อัศจรรย์ตะวันแก้ว และการออกหนังสือพระมหาสิริราชธาตุ
การระดมทุน โดยเฉพาะเรื่องการสร้างพระธรรมกาย 1 ล้านองค์ ราคาองค์ละ 1 หมื่นบาท มีการใช้ระบบขายตรงมาดำเนินการ
การครอบครองที่ดินของวัด และเจ้าอาวาส โดยที่ดินของวัดพระธรรมกาย มี 196 ไร่ ของมูลนิธิธรรมกาย มี 2,300 ไร่ และยังมีที่ดินในชื่อเจ้าอาวาสอีกหลายแห่ง เช่น เชียงใหม่ และพิจิตร
การรับบริจาค และการใช้จ่ายเงินของวัด โดยแยกเป็น 2 บัญชี ของวัดพระธรรมกาย 1 บัญชี และของมูลนิธิธรรมกายอีก 1 บัญชี
การสร้างมหาธรรมกายเจดีย์ โดยใช้งบประมาณ 3 หมื่นล้านบาท ซึ่งวัดทำเพื่อเป็นสมบัติของประเทศ และชาวพุทธทั่วโลก การสร้างไม่ได้ใช้งบประมาณของรัฐ เป็นเงินบริจาคของประชาชน และจะเร่งสร้างให้เสร็จในปี 2543
ปัญหาที่วัดมีส่วนเกี่ยวข้องกับการประกอบธุรกิจต่างๆ ซึ่งจากการตรวจสอบของกรมทะเบียนการค้า เห็นว่ายังไม่มีหลักฐานแน่ชัด
การสร้างพระพุทธรูปของวัด เป็นรูปแบบของ ธรรมกาย โดยเฉพาะ เป็นพระพุทธรูปปางสมาธิ มองเผินๆ คล้ายสวมเสื้อยืดคอกลม
อย่างไรก็ตาม พระเถระหนึ่งในกรรมการเถรสมาคม ได้เปิดเผยกับ พิมพ์ไทย ว่า ประเด็นที่ กระทรวงศึกษาธิการ เสนอมาเหล่านี้ ทางเถรสมาคมได้ตรวจสอบแล้ว ไม่เห็นว่ามีความผิดแต่ประการใด เมื่อมีผู้สื่อข่าวมาสอบถามทางเถรสมาคม จึงได้ตอบไปว่า ยังไม่ได้อ่านรายงาน