ปีที่ 2 ฉบับที่ 598 ประจำวันศุกร์ที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2542 แรม 12 ค่ำ เดือน 3 ปีเถาะ

หน้า 1

ท่ามกลาง ความสับสนต่อการกล่าวหาวัดพระธรรมกาย ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง การสอนพระธรรมคำสั่งสอน ที่ผิดไปจากพระพุทธเจ้า หรือการบริจาคทรัพย์สิน ของพุทธศาสนิกชน เพื่อสร้างมหาธรรมกายเจดีย์ จนถึงขณะนี้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ยังไม่สามารถหาข้อยุติใดได้ ขณะที่สื่อมวลชน ต่างหยิบยกข้อกล่าวหาใหม่ๆ มาโจมตีวัดอย่างต่อเนื่อง ซึ่งหลายเรื่องได้พิสูจน์แล้วว่า เป็นเรื่องเท็จ

“พิมพ์ไทย” ได้ประกาศจุดยืนในการเสนอข่าววัดพระธรรมกาย เพื่อหาทางออกให้กับวัด อย่างสร้างสรรค์โดยสันติวิธี มีเป้าหมายหลัก เพื่อปกป้องพระพุทธศาสนา ไม่ประสงค์อย่างยิ่ง ที่จะให้เรื่องวัดพระธรรมกาย กลายเป็นความแบ่งแยกให้หมู่สงฆ์ และพุทธศาสนิกชนด้วยกันเอง

กองบรรณาธิการ “พิมพ์ไทย” ได้พิจารณาความตั้งใจของ นายบูลย์สุข โฉมปรางค์ ซึ่งเป็นผู้ปฏิบัติธรรม กราบทูลนมัสการ สมเด็จพระสังฆราชสกลมหาสังฆปริณายก พระประธานมหาเถรสมาคมฯ เป็นหนทางสว่าง ในการคลี่คลายปัญหาที่เกิดขึ้น ทั้งที่ความจริง ไม่ประสงค์ให้พระองค์ ต้องระคายเคือง เบื้องพระยุคลบาทแม้แต่น้อย แต่สถาบันศาสนาเป็นเรื่องสำคัญ จึงจำเป็นยิ่ง ที่จะต้องทำให้ทุกอย่าง ยุติโดยเร็ว มีข้อความดังนี้

ข้าพระพุทธเจ้า นายบูลย์สุข โฉมปรางค์ อายุ 48 ปี พร้อมภรรยา บุตร-ธิดา และครอบครัว เป็นพุทธศาสนิกชน สืบต่อกันมานานกว่าร้อยปี มีโอกาสได้เข้าวัด บำเพ็ญทาน รักษาศีล เจริญภาวนา มาตั้งแต่จำความได้ เพราะติดตามคุณแม่ไปวัดทุกวันพระ จนเข้ามาศึกษาต่อในกรุงเทพฯ ไม่มีโอกาสได้ทำเช่นนั้นอีก อาจเป็นเพราะขาดกัลยาณมิตร ขาดเพื่อนในวัยเดียวกัน ที่รักการเข้าวัดทำบุญ

จนกระทั่ง ได้เห็นประกาศเชิญชวน อบรมธรรมทายาท ของศูนย์พุทธจักรปฏิบัติธรรม (วัดพระธรรมกาย) เมื่อปี 2515 จึงรีบสมัคร เข้ารับการอบรมทันที 2 สัปดาห์ ที่ได้ใช้ชีวิตร่วมกับเพื่อนๆ วัยใกล้เคียงกัน บำเพ็ญเพียรภาวนาอย่างหนัก ตอกย้ำอุดมการณ์ชาวพุทธ มุ่งความหลุดพ้น เข้าสู่พระนิพพาน ข้าพระพุทธเจ้ายังประทับใจ ในความทุ่มเทเสียสละ ของกลุ่มหนุ่มสาวรุ่นพี่ๆ ที่มุ่งในปณิธาน จะสืบทอด อายุพระพุทธศาสนา ให้ยั่งยืนนาน

มีความตั้งใจจริง ที่จะสร้างวัดให้เป็นวัด สร้างพระให้เป็นพระ สร้างคนให้เป็นคนดี ตลอด 27 ปี ที่ข้าพระพุทธเจ้าเข้าวัดนี้มา มักหาโอกาสเหลียวหลัง ดูความเป็นมา เป็นไปของวัดอยู่เสมอๆ จนกระทั่งมีครอบครัว มีบุตร-ธิดา ก็ได้อาศัยวัดนี้ เป็นที่อบรมคุณธรรม ให้แก่ตน และครอบครัว ตลอดจนครอบครัว ของหมู่ญาติและมิตรสหาย ซึ่งได้ค่อยๆ ชักชวนกันเข้าวัดนี้ จนสถานที่คับแคบ ไม่พอรองรับสาธุชน มาประพฤติปฏิบัติธรรม จึงมีการขยับขยายพื้นที่ออกไป เป็นระยะๆ ซึ่งก็มีอุปสรรคบ้างเป็นธรรมดา

ข้าพระพุทธเจ้าได้พิจารณาดูวัด ที่มีอุดมการณ์เดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นวัดมหาธาตุ วัดบวรฯ วัดปากน้ำ ฯลฯ ล้วนมีสถานที่จำกัด ไม่อาจรองรับสาธุชนจำนวนมากๆ ได้ จะขยับขยายได้ลำบาก หรืออาจทำไม่ได้เลย สภาพความสงบภายในวัด ลดน้อยไปทุกวัน หาความสงัด เพื่อการปฏิบัติธรรมได้ยากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ

แม้การศึกษาพระปริยัติธรรม ดูจะเจริญก้าวหน้า แผ่ขยายออกไปกว้างไกล แต่ขาดธรรมปฏิบัติ ที่สมควรแก่ธรรม จะเกิดปฏิเวธ ที่ถูกต้องได้ยาก กรณีวัดพระธรรมกาย กำลังตกเป็นเป้าการทำลาย ของบุคคลบางกลุ่ม ซึ่งชาวพุทธบางท่าน พระบางรูป ให้ความร่วมมือ หรือตกเป็นเครื่องมือ

แม้ราชบัณฑิต เสฐียรพงษ์ ผู้ประกาศตนเป็นปราชญ์ ในพระพุทธศาสนาเอง ยังตั้งตนเป็นศัตรูกับวัด และแม้กับเถรสมาคมอย่างรุนแรง ในพฤติกรรมส่วนตัวอื่นๆ ล้วนไม่เหมาะสม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กับการเป็นครูบาอาจารย์ ของพระภิกษุ-สามเณร

ในสำนักเรียนทางพระพุทธศาสนา ซึ่งผู้สอนควรต้องเป็นต้นแบบ หรือแบบอย่างที่ดีงาม อย่างน้อยควรรักษาศีล 5 เป็นปกติ จะเอาเยี่ยงอย่าง ครูบาอาจารย์ในทางโลกนั้น ไม่สมควร ข้าพระพุทธเจ้า จึงใคร่ขอพระเมตตาต่อใต้ฝ่าพระบาท และคณะพระเดชพระคุณ พระมหาเถระในสมาคมฯ ได้กรุณาพิจารณาเรื่องนี้ ตลอดจนคู่กรณีท่านอื่นๆ ในคดีเกี่ยวกับ ความบริสุทธิ์ของวัดพระธรรมกาย ซึ่งกำลังเป็นศูนย์กลาง ของชาวพุทธทั่วโลก ในปัจจุบัน

ข้าพระพุทธเจ้าตลอดจนพุทธศาสนิกชน ผู้เข้าวัดและทำบุญ สร้างมหาธรรมกายเจดีย์ สภาธรรมกายสากล สำหรับเป็นศูนย์รวมใจ ของชาวพุทธทั่วโลก ประมาณ 1 ล้านคน ในการประพฤติปฏิบัติธรรมกัน ด้วยใจจริง

แต่สิ่งที่สังคมวิพากษ์วิจารณ์ เหมือนกับวัดพระธรรมกาย ชักชวนคนมาทำอาชญากรรมร้ายแรง ถึงกับพิพากษา ตัดสินโทษ ให้เราเป็นผู้ผิดมหันต์ ซึ่งข้าพระพุทธเจ้าและสมาชิกวัด ไม่สามารถยอมรับได้ ทั้งผู้กล่าวหาแต่ละท่าน ล้วนมีพฤติกรรม ไม่ชอบมาพากล เป็นส่วนใหญ่

จึงหวังในพระเมตตา ของใต้ฝ่าพระบาท และคณะสงฆ์ ได้โปรดพิจารณา ใคร่ครวญ ด้วยพระปรีชาญาณ อย่างรอบคอบ เพื่อตัดสิน ให้การเป็นคุณแก่ พระพุทธศาสนาสืบไป มิเช่นนั้นแล้ว พุทธศาสนิกชนส่วนใหญ่ จะไร้ที่พึ่งพาอาศัย ในการสร้างสม อบรมบารมี หรือหาก วัดพระธรรมกายต้องถูกแยกตัวออกไป จนเกิดเป็นสังฆเภทขึ้นมา ปัญหาก็จะยิ่งบานปลาย

ความมุ่งร้ายต่อพระพุทธศาสนา ก็จะเติบกล้ายิ่งขึ้น สังคมพุทธที่เคยสงบสุขมาเนิ่นนาน จะถูกคนพาลเข้าครอบงำ จนกลายเป็นมิจฉาทิฏฐิไปสิ้น ข้าพระพุทธเจ้าและพุทธศาสนิกชนทั้งปวง ล้วนฝากความหวังครั้งยิ่งใหญ่นี้ ไว้กับใต้ฝ่าพระบาท และพระเดชพระคุณ พระมหาเถรานุเถระในมหาสมาคม อย่างใจจดใจจ่อ แทบมิเป็นอันประกอบสัมมาอาชีพ ถึงกระนั้น ข้าพระพุทธเจ้า และพุทธศาสนิกชน ทั้งหลาย ใคร่ขอเป็นกำลังใจ แด่ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทและคณะสงฆ์ ในการตัดสินพระทัย ชี้หนทางออก ที่ถูกที่ควร ในการเลือกปฏิบัติ อันเหมาะสม และเพื่อเป็นการสืบอายุ พระพุทธศาสนา ได้อย่างสมพระเกียรติยศ แห่งพระบรมศาสดาของเรา ตลอดไปชั่วกาลนาน

ควรมิควรแล้วแต่จะโปรดพิจารณา ข้าพระพุทธเจ้า ขอกราบแทบพระบาท ของพระเดชพระคุณ ใต้ฝ่าพระบาทเป็นอย่างยิ่ง กราบทูลนมัสการ ด้วยความเคารพยิ่ง

ลงชื่อ นายบูลย์สุข โฉมปรางค์

ทางด้าน นายอาคม เอ่งฉ้วน รมช.ศึกษาฯ ให้สัมภาษณ์ เมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ ว่า ได้พูดคุยกับที่ปรึกษา คณะกรรมาธิการการศาสนา ศิลปและวัฒนธรรมแล้ว ซึ่งบอกว่า มีหลักฐานข้อมูลใหม่ เกี่ยวกับวัดพระธรรมกาย ตนจึงได้บอกให้รวบรวมข้อมูลที่ได้ทั้งหมด และทำเป็น ข้อสังเกต เพื่อส่งไปยังสภาผู้แทนราษฎร พิจารณาว่า จะส่งต่อให้รัฐบาล หรือกรมการศาสนา พิจารณาหรือไม่ แต่คณะกรรมาธิการ การศาสนา ไม่มีหน้าที่ตัดสินว่า วัดพระธรรมกายทำถูกหรือผิด คาดว่า สัปดาห์หน้า คณะกรรมาธิการคงจะสรุปผลได้ จากนั้น เมื่อตนได้ข้อมูลเหล่านี้ จากสภาฯ ส่งมาให้ จะนำเสนอพระพรหมโมลี เจ้าคณะภาค 1 และถวายสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชสกล มหาสังฆปริณายก และจะได้เข้าพบกับ พระพรหมโมลี ทุกสัปดาห์ เพื่อพูดคุยกันถึงข้อมูลต่างๆ ที่ได้มาทั้งหมด

นายอาคม ยังกล่าวถึง การยกร่าง พ.ร.บ. การอุปถัมภ์และ คุ้มครองพระพุทธศาสนา ที่กรมการศาสนา กำลังเร่งพิจารณา เป็นรายมาตรา เพื่อให้มีผลบังคับใช้   ซึ่งออกตามรัฐธรรมนูญ และกฎหมายนี้ จะให้องค์การปกครองท้องถิ่น เข้าไปมีบทบาทดูแลวัดมากขึ้น มีคณะกรรมการระดับชาติ มีนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน มีบทลงโทษสำหรับพระที่ต้องปาราชิกแล้ว ต้องถูกดำเนินคดีทางอาญาด้วย ทั้งนี้เพื่อคุ้มครองพระพุทธศาสนา ไม่ให้ใครมาแอบอ้าง หาผลประโยชน์ ซึ่งคาดว่า ร่างฉบับนี้ จะเสร็จพร้อมส่งให้รัฐบาล พิจารณาได้ ในเดือนมีนาคม ก่อนนำเข้าพิจารณาในสภาผู้แทนราษฎร