ปีที่ 2 ฉบับที่ 598 ประจำวันศุกร์ที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2542 แรม 12 ค่ำ เดือน 3 ปีเถาะ
เจาะคน เจาะข่าว
ศาสนาพุทธ ที่มีพระพุทธเจ้าเป็นองค์ศาสดา ตั้งมากว่าสองพันปี โดยมีเป้าหมายชัดแจ้ง ในการที่สอนให้คนเป็นคนดี
พระพุทธองค์ ทรงประกาศคำสอนครั้งแรกด้วยอริยสัจสี่
โดยการประกาศทุกข์เป็นตัวแรก... ว่าด้วยทุกคนเกิดมาต้องมีทุกข์
ไม่ว่าจะเกิด แก่ เจ็บ หรือตาย ล้วนแต่เป็นทุกข์ทั้งนั้น
นี่หัวใจของศาสนาพุทธอยู่ตรงนี้
ทำยังไงคือจะทำให้คนเป็นคนดี เพื่อพ้นทุกข์ นี่คือโจทย์
ต้องขอขอบคุณบรรพบุรุษของเรา ที่ยึดเอาศาสนาพุทธ เป็นศาสนาหลักประจำชาติไทย คนไทยจึงได้อยู่กันอย่างอบอุ่น และราบรื่นตลอดมา
เมื่อมีโจทย์ ว่าทำยังไงคนจึงจะเป็นคนดี เพื่อการหลุดพ้นทุกข์
เรื่องอย่างนี้ต้องศึกษา มีการอบรม และให้เข้าซึ้งในพระธรรมอันเป็นคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า
การที่จะให้เข้าซึ้งในพระธรรมมีหลายรูปแบบ
จะบวชก็ได้
จะศึกษาแล้วน้อมนำเอาไปปฏิบัติด้วยตนเองก็ได้
หรือไปตามสถานที่ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น วัด-สถานวิปัสสนา-หรือป่า ขุนเขาต่างๆ ก็ย่อมได้ ถ้าตรงนั้นทำให้คนเป็นคนดี
สรุปว่า ใครก็แล้วแต่ที่ต้องการเป็นคนดี... ไปหาสถานที่อบรมตนเองเป็นอันใช้ได้
แหล่งข่าวเจาะคน-เจาะข่าว แถลงการโช้ะเช้ะ ฉับไว ตามสไตล์วัยสะรุ่นต่อไปว่า...
แต่...มันมีเหตุการณ์ที่สร้างความตลกระดับโลก นั่นคือ...
คนเขาจะไปบวช ไปหาที่สงบเพื่อทำวิปัสสนา สร้างศีล สมาธิ และปัญญาให้เกิดแก่ตัวเอง
เขา หรือ เธอ จะบวชเป็นพระ เป็นเถร เป็นชี เป็นภิกษุณี เป็นสามเณร เป็นสามเณรี หรือเป็นอะไร มันก็เรื่องของเขา
ก้อ... คนเขาต้องการจะทำดี เป็นคนดี หาของดีใส่ตัว อันเป็นไปตามแนวคำสอนของพระพุทธเจ้า
ทำไม และ ทำไม พวกผีเปรต ต้องแหกร้องก้องปฐพี ว่ามันไม่ถูก มันไม่ต้อง อย่างนั้นอย่างนี้
มันเรื่องอะไรกันวะเนี่ย
บอกแล้วว่า คนเขาจะไปดี
แปลกชิบโป้ง....!!
ไอ้ที...ตามเธค-ตามบาร์ แหล่งมั่วสุมอบายมุขนานาชนิด เด็กเล็กไปเสียผู้คนกันเท่าไหร่-เท่าไหร่ ไม่แหกตาดูกันมั่ง
ตามผับ-ตามเล้าจ์ เด็กสาวๆ เสพยาอี-ยาบ้า เต็มหูเต็มตา กลับไม่สน
แต่...คนที่เขาจะเข้าวัด-เข้าวา เพื่อให้ตนเองหลุดพ้นบ่วงทั้งหลายแหล่
แน่ะ...กลับไปยุ่งกับเขา
ตำรวจน่ะตัวดี...ผสมกับนักข่าวสายมารต่างๆ
รู้ตัวไว้ด้วยว่า นรกจะกินกระบาล โอ้ย ยิ่งพูดยิ่งเหนื่อยโว้ย
แหล่งข่าวเจาะคน-เจาะข่าว กล่าวปิดท้ายอย่างไม่เป็นสับปะรดหมาขลุ่ยต่อไปว่า...
ศาสนาเป็นเรื่องละเอียดอ่อน
เพราะฉะนั้นคนหยาบๆ อย่าได้ไปแตะต้องเป็นอันขาด
ธรรมะของพระพุทธเจ้าไม่มีอิทธิฤทธิ์
ไม่มีปลัดขิก ไม่มียันต์ ไม่มีสัก ไม่มีนะหน้าทอง ไม่มีสาลิกาลิ้นทอง ไม่มีการทำให้ผัว-เมีย เขาดีกัน หรือเลิกกัน สิ่งที่กล่าวมานั้นมันเป็นเดรัจฉานวิชา
รัฐมนตรีบางคนที่ถือนโยบายทางศาสนา ต้องระวังให้จงหนัก
ดูแลเรื่องนี้.... ต้องแยกแยะดี-ชั่ว ให้ออก ไม่ใช่เที่ยวเต้นตูมตามกันไปตามกระแส
เดี๋ยวก็จับปลัดขิกมาห้อยคอ...ซะหรอก
โง่...ดีนัก !!
แล้วยังอยากจะเป็นรัฐมนตรีอีก !!