ปีที่ 2 ฉบับที่ 602 ประจำวันพุธที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2542 ขึ้น 3 ค่ำ เดือน 4 ปีเถาะ

หน้า 1

แฉมารต่างชาติ เดินเกมไม่หยุด

สลายไทย-สลายพระพุทธศาสนา

    "กลุ่มพุทธรักษา" เปิดเผยพฤติกรรมต่างชาติ จ้องทำลายพุทธ ใช้ระบบ "สังคมคนกินคน" นำหน้าด้วย วัฒนธรรมบริโภค แบบตัวใครตัวมัน ปลุกปั่นให้เกิดการล้มละลาย แล้วสลายชาติ ด้วยขบวนการ IMF เผยความยึดมั่น ในศาสนาพุทธ ของคนไทย เป็นตัวขัดขวาง อิทธิพลมืด ของต่างชาติ เตือนชาวพุทธอย่าเชื่อกระแสสื่อ หวั่นไทยซ้ำรอยอินโดนีเซีย ดินแดนแห่งชาวพุทธในอดีต เหลือเพียงซาก "บรมพุทโธ"

ด้าน "อาคม เอ่งฉ้วน" ยันยังไม่สามารถเอาผิด วัดพระธรรมกายได้ เพราะยังไม่มีผู้เสียหาย มาแจ้งความดำเนินคดี

มีหนังสือจาก "กลุ่มพุทธรักษา" ลงวันที่ 15 ก.พ. 2542 ใช้หัวข้อว่า "มารศาสนา" บรรยายถึงลีลาพญามาร ที่พยายามโค่นล้มพุทธศาสนา และวัดพระธรรมกาย เนื้อหาใจความน่าเชื่อถือพอสมควร เพราะเขียนด้วยความรู้ความเข้าใจ ไม่ได้โง่หลงงมงาย ลองอ่านกันดูนะครับ

หนังสือฉบับนี้ตั้งใจเขียนถึงชาวพุทธทั่วโลก ผู้รักความเป็นธรรมทุกท่าน เพราะธรรมะในพุทธศาสนา เป็นที่พึ่งได้จริง เป็นธรรมโดยแท้จริง ไม่มีความยุติธรรมใดยิ่งกว่า

สามสี่เดือนมานี้ พวกเราคงทราบข่าวคราวจากสารพัดสื่อ ที่มุ่งโจมตีทำลายวัดใหญ่แห่งหนึ่ง ซึ่งกำลังก่อสร้างวัตถุโหญ่โต มากมาย หลายท่านอาจรู้สึกรับไม่ได้ ในเรื่องการสร้างวัตถุดังกล่าว นี่อาจเป็นจุดอ่อนอย่างหนึ่งของชาวพุทธเรา ซึ่งรักสงบ รักสันโดษ เคร่งครัด ในพระธรรมคำสอน สืบต่อมาเนิ่นนาน

เราพอใจของเราอย่างนั้น ศาสนาพุทธ ซึ่งใครๆ ยอมรับกันทั่วโลกว่า ดีที่สุด แม้จะปฏิบัติได้ค่อนข้างยาก แต่ให้ผลดีจริง ถึงกระนั้น คนนับถือพุทธ กลับน้อยลงไปทุกวัน จนจะกลายเป็นลัทธิความเชื่ออยู่แล้ว

จุดอ่อนอีกประการหนึ่งคือ การยึดมั่นในความเชื่อของตน มองเห็นคนอื่น ผิดไปเสียหมด ซึ่งเป็นรอยร้าว ประจำสันดาน ชาวพุทธไทย ดังนั้น พอมีใครมาเปิดประเด็น ความขัดแย้งขึ้นมา ทันทีเราจะหันมาหํ้าหั่น ซึ่งกันและกัน อย่างรายการ ตามหาแก่นธรรมนี้ ประการหนึ่ง

อีกประการคือ การจ้องทำลายล้างของลัทธิศาสนาอื่น หรือระบบสังคมคนกินคน ที่กำลังกลืนกินประเทศต่างๆ อย่างช้าๆ นำหน้าด้วย วัฒนธรรมบริโภค ตัวใครตัวมัน ปลุกปั่นให้เกิดการล้มละลาย แล้วสลายชาติด้วย ขบวนการ IMF ความยึดมั่นใน ศาสนาพุทธของเรา เป็นตัวขัดขวาง อิทธิพลของเขา อย่างแน่นอน เพราะรากฐานทางวัฒนธรรม และความเชื่อทางศาสนา มันขัดแย้งกันอย่างสิ้นเชิง

ชาวพุทธที่รักทุกท่าน ลองหันมองดูอดีต ทำใจให้เป็นกลาง ทุกครั้งที่เกิดคดีขึ้นมา กับพระเถระ เราจะรู้ได้จากการนำเสนอ ของสื่อต่างๆ ซึ่งจะเปิดประเด็นข่าว พาดหัวใหญ่โต เรื่องเล็กกลับทำเป็นเรื่องใหญ่ เรื่องความเชื่อความศรัทธา ของชาวบ้าน ถูกขยายประเด็น ให้เป็นเรื่องยาว ทำให้ขัดกับ หลักศาสนาบ้าง เอาเรื่องเงินๆ ทองๆ กับเรื่องสีกา ชักลากมาให้สัมพันธ์กับพระ ฉันท์ชู้สาว เพราะจับสึกได้ง่ายที่สุด จนเกิดเป็น ขบวนการนารีพิฆาตขึ้น และทำสำเร็จมาแล้ว นับครั้งไม่ถ้วน กับพระเถระ พระเกจิดังๆ หลายรูปในอดีต

จริงอยู่ ในสังคมพระ บางครั้งก็มีพระทุศีลอยู่บ้างเป็นธรรมดา แต่พระก็มีวิธีบริหารกำกับดูแล ในมหาเถรสมาคมดีอยู่แล้ว ใยจึงมีขบวนการ สึกพระเกิดขึ้นประสานกันอย่างเป็นขั้นตอน

มีหลายคดีที่ศาลฎีกาตัดสินแล้ว พระไม่มีความผิดตามกล่าวหา น่าเสียดาย ท่านถูกจับสึกเข้าคุก ตีตรวน ไปเรียบร้อยแล้ว ใครรับผิดชอบ กับความเสียหาย โดยเฉพาะที่เกิดกับ พุทธศาสนา ทางด้านบุคลากร การเผยแผ่ธรรมะ ใครได้ผลประโยชน์ แน่นอนว่า ศาสนาจะเจริญหรือเสื่อม ล้วนอยู่ที่ ชาวพุทธด้วยกันนี่แหละ

อย่าลืมพุทธบริษัท 4 เดี๋ยวนี้เหลือเพียง 3 คือ พระ อุบาสก อุบาสิกา เราจะปล่อยให้พระ เผชิญภัย และเผยแผ่ศาสนา ตามลำพังได้อย่างไรกัน

หันมาดูวัดพระธรรมกาย วัดพุทธที่ดูเหมือนจะใหญ่ที่สุดในโลก ในกิจกรรมสร้างสรรค์ต่างๆ จริงอยู่ อาจจะดูหวือหวา ท้าทายศรัทธา และปัญญา ของคนทั่วไป ไม่น้อย แต่คนที่ได้เข้าไป สัมผัสลึกๆ ตั้งใจปฏิบัติธรรม ฟังธรรม ติดตามดูพฤติกรรม อย่างใกล้ชิด จะมีคนเห็นด้วย ไม่เห็นด้วยมากมาย ตามรสนิยม ตามศรัทธา และระดับสติปัญญา ของแต่ละคน

น่าสังเกตว่า วัดนี้สามารถรวมคน ระดับหัวกะทิ ของประเทศ ไว้ได้มากที่สุด คนพวกนี้คงไม่โง่ อย่างแน่นอน และคงไม่ได้เข้าวัด เพราะหวังเอาประโยชน์ เรื่องเงิน ๆทองๆ แน่ ที่เป็นเช่นนั้น เพราะท่านเหล่านี้ ทุ่มเทในการทำบุญ จนคนขี้ตระหนี่ ต้องวิ่งหนี และโจมตีต่อต้าน ไม่ให้คนมาทำบุญวัดนี้ อีกด้วย

ระดับปัญญาชนและคนทั่วไป เข้าเป็นศิษย์วัด ศิษย์เจ้าอาวาส รองเจ้าอาวาส และพระระดับต่างๆ มากมาย นับวันมีแต่จะมากขึ้น เรื่อยๆ ยิ่งโดนสื่อตีมาก กลับยิ่งโตไว บวชคนได้ครั้งละเป็นแสน 2-3 แสน เป็นอัศจรรย์

เขาทำอะไรกันอยู่ และใครกำลังจะทำลายเขา แล้วเราชาวพุทธจะนิ่งดูดาย เหมือนในอดีตที่ผ่านๆ มาอีกหรือ

ถ้าปล่อยให้วัดระดับนี้พัง อีกซักกี่สิบปี จึงจะมีวัดที่มีอุดมการณ์ยิ่งใหญ่ ที่สามารถสร้างวัดให้เป็นวัด สร้างพระให้เป็นพระ สร้างคนดี ให้แก่สังคม ได้อย่างเป็นรูปธรรม และขยายผลออกไปทั่วโลก

29 ปี แห่งความเป็นมา และเป็นไปของวัดนี้ นับว่าสั่งสมบารมีมาไม่น้อย ความดีแม้ทำเพียงน้อย มีชีวิตอยู่วันเดียว ยังมีค่ากว่าอยู่เป็นร้อยปี ที่ไม่ได้ทำอะไรเลย ยิ่งถ้าได้ทำดี เพื่อพระพุทธศาสนา รักษาไว้ให้ลูกหลาน คนรุ่นหลังๆ ได้ภูมิใจ ในพ่อแม่ ปู่ย่าตายายของเขา ที่ได้รักษามรดก ทางพุทธศาสนาให้ไว้ เป็นที่พึ่งทางใจ ได้ฝึกฝนอบรมตน ให้พ้นภัยพิบัติต่างๆ นานา

ดูเอาเถิด ตัวอย่างที่เห็นชัด อินโดนีเซีย ดินแดนแห่งชาวพุทธในอดีต เหลือเพียงซากบรมพุทโธ

หรือชาวพุทธไทย จะเหลือไว้แค่ซากธรรมกายเจดีย์

เรามีสิทธิ์เลือก ที่สำคัญต้องเลือกตั้งแต่บัดนี้ จะเลือกเชื่อสื่อที่มุ่งทำลายวัด ทำลายพระศาสนา หรือเชื่อวัดพระธรรมกาย

ลองเสียสละเวลาสักครั้ง ไปตรวจสอบความจริงด้วยตนเอง วันอาทิตย์ใดก็ได้ วันมาฆบูชายิ่งดีใหญ่ ชวนเพื่อนหมู่ญาติ ไปดูด้วยตาตนเอง สักครั้ง แล้วค่อยตัดสินใจเชื่อใคร คงไม่สายเกินไป ที่จะได้ทำอะไร เพื่อชาวพุทธด้วยกันบ้าง!!!

โปรดสังเกต และติดตาม ความไม่ชอบมาพากล ของสื่อ และหนังสือพิมพ์บางฉบับ ที่พยายามจะลาก พระเถระผู้ทรงศีลบริสุทธิ์ ให้ลงมา แปดเปื้อนคาวโลกีย์ กับบรรดาสีกา ที่สมมติกันเอาเอง อย่างย่ามใจ เพราะพยายามมานาน เท่าไหร่ ก็ไม่สำเร็จ สมใจเสียที

จำต้องใช้เทคนิคตัดต่อภาพสกปรกโสมม สร้างภาพ สร้างฉาก ปากคนยิ่งยาวกว่าปากกา ตามประสาคนพาล ที่คุ้นเคยอยู่กับอาจม ทำลายด้วยลมปาก ยังไม่พอ ต้องล่อด้วยเทคโนโลยี ของผีห่าซาตาน มันจึงจะซ่านถึงใจ ถึงตอนนั้น ก็ตัวใครตัวมันละนะ ระวังโนติส จากชาวพุทธ ทั้งประเทศ ก็แล้วกัน

ด้าน นายอาคม เอ่งฉ้วน รมช.ศึกษาธิการ กล่าวถึงกรณีกองบัญชาการ ตำรวจภูธร ภาค 1 ได้เชิญ พระอดิศักดิ์ วิริยสักโก ผู้ที่เคยร่วมก่อตั้ง วัดพระธรรมกาย ไปให้ข้อมูลเกี่ยวกับวัด อย่างละเอียด ถ้าข้อมูลที่พระอดิศักดิ์ ชี้แจงกับตำรวจเกี่ยวกับ พระธรรมวินัย จนถึงขั้นทำให้ เจ้าอาวาส ถึงขั้นปาราชิกได้ ก็ยินดีรับข้อมูล เพื่อนำถวาย พระพรหมโมลี เจ้าคณะภาค 1

โดยในสัปดาห์นี้ จะเข้าพบพระพรหมโมลี เพื่อพูดคุยถึงข้อมูลที่มีอยู่ในขณะนี้ ว่าจะดำเนินการอย่างไรได้บ้าง อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ ยังไม่มีเจ้าทุกข์ กล่าวหาวัดพระธรรมกาย ว่ากระทำการฉ้อโกงหรือ หลอกลวงใดๆ ตำรวจจึงยังไม่สามาถ ดำเนินคดีกับวัดได้