ปีที่ 2 ฉบับที่ 602 ประจำวันพุธที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2542 ขึ้น 3 ค่ำ เดือน 4 ปีเถาะ

วิวาทะ

จับผิดธรรมกาย

ทำลายพระพุทธศาสนา

วันนี้ ผมมีจดหมายของท่านผู้อ่าน ที่เขียนมาระบายความในใจ เกี่ยวกับเรื่องของการนำเสนอเรื่อง ของวัดพระธรรมกาย ผ่านทางสื่อต่างๆ ดังนี้

จดหมายฉบับนี้ ได้ตั้งใจเขียนถึงชาวพุทธ ผู้รักความเป็นธรรมทุกท่าน ตลอดเวลา 3 เดือนเศษมานี้ เราได้ยินได้ฟัง ทั้งได้อ่านข่าว จากสื่อต่างๆ ในส่วนที่เกี่ยวข้อง กับองค์กรทางพระพุทธศาสนา ล้วนโฟกัสเข้าหาวัดพระธรรมกาย แต่น่าเสียดาย ที่สื่อเหล่านั้น ไม่ได้จับแง่ดี มาเผยแผ่ให้ชาวพุทธ ได้รับรู้ เพื่อส่งเสริมศรัทธาให้เลื่อมใส ในคำสอนอันทรงคุณค่า ของพระบรมศาสดาของเรา กลับบิดเบือน การประพฤติ ปฏิบัติ ของพระภิกษุ-สามเณร อุบาสก-อุบาสิกา และสาธุชน ที่เลื่อมใสศรัทธา ในวัดพระธรรมกาย กล่าวใส่ร้ายป้ายสี ยุยงให้ชาวพุทธทั่วโลก จงเกลียดจงชัง ตั้งข้อหานานาสารพัด แถมด้วยการตัดสินโทษ เสร็จสรรพ แบบมัดมือชก ถ้ามีใครกระทำกับท่าน หรือคนที่ท่านรักบูชาบ้าง ท่านจะรู้สึกอย่างไร? โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากคนๆ นั้นเป็นผู้บริสุทธิ์

สังเกตกันบ้างหรือไม่ว่า การนำเสนอของสื่อต่างๆ เหล่านั้น กระทำเป็นขบวนการ สานรับกันต่อเนื่อง เป็นขั้นเป็นตอน เริ่มตั้งแต่ เปิดประเด็น - เน้นเรื่องความเชื่อ - เรื่องเงินๆ ทองๆ  - เรื่องสีกา - เรื่องหลักคำสอน - แล้ววกเข้าหาเจ้าอาวาส - ปล่อยข่าวทำลาย - มุ่งหมายจัดการกับ เจ้าอาวาส เป็นการสรุปปิดประเด็น - แล้วเล่นรื้อวัดหรือ ปิดสำนักกันไปเลย ถึงขึ้นปล่อยข่าว คอมมานโดเป็นร้อย บุกวัด ฯลฯ ในขั้นตอนเหล่านั้น จะต้องมีนักวิชาการ ทั้งที่เกี่ยวข้อง และไม่เกี่ยวข้อง รวมทั้งพระเถระ พระฉวยโอกาสระดับต่างๆ เข้ามาร่วม ขบวนการด้วย ไม่ว่า จะถูกหลอกหรือ รับจ้างวานมา หรือถูกใช้เป็นเครื่องมือก็ตาม เพราะไม่มีอะไร จะดูจริงจังเท่ากับ เอาพระผู้ใหญ่ ที่มีคนรู้จัก เคารพนับถือกันทั่วไป มาให้สัมภาษณ์ ทำลายเป้าหมาย ที่ตัวเองต้องการ ไม่ว่าด้วยวิธีการใดๆ ขอให้โค่นล้มวัดและ เจ้าอาวาสให้จงได้ อะไรเป็นแรงจูงใจ ให้กับสื่อเหล่านั้น? แถมบางครั้ง ยังพลิกแพลงเสนอข่าว ในด้านดี บ้างเล็กน้อย เพื่อกลบเกลื่อน เจตนาของตน อะไรคือ เจตนาของสื่อเหล่านั้น? ถ้าเพียงเพื่อการ ประกอบอาชีพค้าข่าว ทำไมไม่ทำข่าวจริง? ทำไมต้องบิดเบือน ขาวให้เป็นดำ? จรรยาบรรณ ของสื่อคืออะไร? มีหรือไม่? อยู่ที่ไหน?

ปัจจุบันวัดพระธรรมกาย เจริญรุ่งเรืองด้วย ศรัทธามหาชน เพราะสั่งสมความดี กันมานานกว่า 29 ปี จนเป็นที่รู้จักกันไปทั่วโลก ทั้งหลักพระธรรม คำสั่งสอนก็ดี หลักประพฤติ ปฏิบัติตน ทั้งของพระภิกษุ-สามเณร และสาธุชนก็ดี มีการนำปฏิเวธไปใช้ อย่างได้ผลกว้างขวางก็ดี การสร้างศาสนสถานอันยิ่งใหญ่ เพื่อบูชาคุณแห่งพระรัตนตรัยก็ดี ล้วนเป็นการเผยแผ่ และจรรโลงพระคุณ ของพระพุทธศาสนาให้รุ่งเรืองไพศาล ให้ยิ่งใหญ่ ไปตามวิสัยทัศน์ ของผู้มองการณ์ไกล หวังให้เป็นที่พึ่ง ที่ระลึกถึงพระรัตนตรัย ของสัตว์โลกทั้งหลาย ได้หันหน้าเข้าหากัน เลิกการมุ่งร้ายหมายขวัญ เอารัดเอาเปรียบ ทำลายล้าง ซึ่งกันและกัน จนก่อเกิดเป็นสงคราม ไปทั่วทุกหัวระแหง โดยที่รัฐบาลไม่ต้อง สูญเสีย งบประมาณ แม้สักแดงเดียว สื่อต่างๆ ที่มุ่งถล่มทำลายวัดก็เช่นเดียวกัน สื่อบางคน นักวิชาการบางท่าน นักเขียนบางคน พระบางรูป ผู้คนที่หลงเชื่อ ไปตามกระแสข่าว ยังไม่เคยไปวัดพระธรรมกายเลย แม้ซักครั้ง แล้วรู้ได้อย่างไร? เชื่อได้อย่างไร? กับบุคคลเหล่านี้ สื่อเหล่านี้ เขามีความ ปรารถนาดี กับชาวพุทธ แน่ละหรือ? เขานับถือศาสนาอะไร? มีหลักธรรมอยู่ในใจหรือไม่? เขากำลังยุยงชาวพุทธ ให้แตกแยกกันเอง ใช่หรือไม่?

สื่อต่างๆ ล้วนรู้ดีถึงสิทธิมนุษยชน เสรีภาพส่วนบุคคล โดยเฉพาะอย่างยิ่งใน เรื่องการนับถือศาสนา ตามบทบัญญัติ ของรัฐธรรมนูญ มาตรา 38 การพยายามกีดกัน ขัดขวาง ด้วยการเสนอข่าว ที่เป็นเท็จก็ดี ข่าวใส่ร้ายป้ายสีต่างๆ ก็ดี เราในฐานะชาวพุทธ ผู้เสียโอกาส ในการสร้างกุศล กับกิจกรรมต่างๆ ของวัดพระธรรมกาย เสียโอกาสในการชักชวนผู้คน ให้มาปฏิบัติธรรม ทำความดี ล้วนเป็นการขัดต่อ กฎหมายรัฐธรรมนูญ อันเป็นกฎหมายสูงสุด ของบ้านเมือง ดังนั้น ชาวพุทธทุกคน สามารถลุกขึ้นมา ฟ้องร้อง เรียกร้องความเป็นธรรม ให้กับตัวเอง เพื่อพิทักษ์ พระพุทธศาสนา ให้มั่นคงสืบไป แต่สื่อก็คือสื่อ มือถือสาก ปากถือศีล คงคาดการณ์กันได้ ความเลวร้าย - ขายง่ายกว่าความดี คนชั่วย่อมคุ้นเคย กับการทำความชั่ว จะให้กลับทำความดีนั้น แสนยาก ตรงข้ามกับคนดี ชาวพุทธที่ดียังมีอีกมาก อย่าสิ้นหวัง

โซตัส