ปีที่ 2 ฉบับที่ 683 ประจำวันอาทิตย์ที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2542

เจาะคน เจาะข่าว

ธรรมกาย...ชิตังเม

ธัมมชโยถูกฟ้องสองข้อหา   เรื่องแหกตาทั้งนั้นท่านอย่าหลง

ไม่น่ากลัวแม้แต่น้อยจงมั่นคง   เมื่อจบลงแล้วค่อยร้องชิตังเม

แหล่งข่าวเจาะคนเจาะข่าวเปิดแถลงแจงสี่เบี้ย ว่าด้วยเรื่อง ทิศทางของวัดธรรมกาย ที่มีผู้สอบถามกันมามากมายเหลือเกินช่วงนี้ เราเลย ขอแถลงให้ทราบกันโดยถ้วนหน้าคือ ตอนนี้เราชนะแล้ว ชนะแบบเบ็ดเสร็จซะด้วย อยากรู้ชนะยังไง เชิญอ่านต่อได้เลย

กรี๊ง...โทรศัพท์ Hot Line เข้ามายังกองบก.ตั้งแต่เช้ายันดึก ส่วนใหญ่จะถามคำถามเดียวกันหมดเลยคือ

มันฟ้องหลวงพ่อธัมมชโยแล้ว จะทำยังไงกันต่อไป?

ก็ "นั่งยิ้ม" ดูซิท่านผู้ชม! จะไปทำอะไรได้ล่ะตอนนี้ ทุกอย่างก็ต้องว่ากันด้วยกระบวนการตามกฎหมาย

แฮ่ๆ เราขอแถลงด้วยความภาคภูมิใจว่า เมื่อเข้ากระบวนการตามกฎหมายแล้ว ก็ถือว่าทุกอย่าง "เข้าทาง" ของเราทั้งหมด

เพราะเมื่อก่อนนี้ พวกไอ้เถียน มันเล่นตั้ง "ศาลเตี้ย" ศาลเถื่อนข้างถนน พิพากษาซะหลวงพ่อธัมมชโย กลายเป็นตัวอะไรไปแล้วก็ไม่รู้

สาธารณชนที่เขาไม่ทราบความจริง เขาก็ว่า วัดธรรมกาย "เลว" โดยเชื่อกระแสสื่อ หรือ "ศาลเตี้ย" เพียงอย่างเดียว ซึ่งมันไม่ถูกต้องด้วยกฎ กติกา และมรรยาท ด้วยประการทั้งพวง

ก็พี่เล่นกล่าวหาเอง ด่าเอง และตัดสินเอง ตัดสินกันกลางอากาศ ตัดสินกันหน้าด้านๆ ยัดเยียดข้อหาว่า พระธัมมชโยต้องอาบัติปาราชิก ทั้งๆ ที่ไม่มีพยานหลักฐานแม้แต่ชิ้นเดียว

มันหน้าด้านขนาดไหน ท่านผู้ชมลงใช้ฝ่าเท้าตรองดูเองก็แล้วกัน

เมื่อมาถึงวันนี้ มติมหาเถรสมาคม ท่านตัดสินให้มาเล่นกันในระบบ โดยไม่สนใจเสียงขู่ตะคอกของ "ศาลเตี้ย" พวกไอ้เถียน มันก็ "หน้าแหก" ไปตามระเบียบ

ฮ่าๆ.. ด่าฟรี ไม่มีผล แถมถูกสาธุชนรุมประนามสาบแช่งว่า คำพูดของพวกมันมีค่าเพียงแค่ "ลมที่ผาย" เข้าไปอีก

เออ...มันก็แปลกดีนะ ที่คน "ตด" ทางปากก็ได้ด้วย สงสัยต้องเชิญ กินเนสต์ บุคส์ มาทำสารคดี และบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ ให้คนเห็น เป็นอัศจรรย์ ดีไม่ดีเรื่องนี้จะดังยิ่งกว่า "อัศจรรย์ตะวันแก้ว" ซะอีกแนะ

มาเข้าเรื่องกันต่อ เมื่อ "ศาลเตี้ย" ถูกมติมหาเถรสมาคมถล่มพังพาบไปแล้ว จากนี้ต่อไปเราก็ไม่ต้องไปฟังเสีย "อลัชชีโฉด" และ "เสียงผายลม" ของไอ้พวกไม่หวังดีต่อศาสนา

นอกจากมีเสียง "ปุ๋ง ปุ๋ง" ที่ไม่ไพเราะแล้ว ยังมีกลิ่นเหม็น รบกวนอายตนะของเราให้เศร้าหมองอีกตะหาก

แม้ว่าความเศร้าหมองทางอายตนะจะเป็น "อนัตตา" หรือทนอยู่ไม่ได้ก็ตาม แต่ถ้าเกิดขึ้นแล้วกว่าจะหายไป มันก็ต้องใช้เวลาเหมือนกัน ดังนั้น อย่าไปดูไฟฟังมันให้เสียความรู้สึกดีกว่า

ต่อไปก็คงต้องลุ้นกันว่า ข้อหาที่หลวงพ่อธัมมชโย ถูกใส่ความนั้น มีมูลความจริงมากน้อยแค่ไหน เพราะเท่าที่ทราบตอนนี้พยานหลักฐาน "อ่อนเหลือเกิน"

ถ้าเป็นคดีทางโลก "อัยการ" สั่งไม่ฟ้องไปแล้ว

ว่ากันให้เห็นทีละเรื่องก็ได้ อย่างกรณีที่ดินของ ป้าสาลี่ เพชรชูดี นั้น ปรากฏว่า จริงๆ น่ะ ป้าสาลี่ฟาดค่าที่ดินจากวัดไปแล้ว 4 ล้านบาท (ไม่รวมค่าโอนอีก 5 แสน)

ที่ยังยึกยักเป็นคดีกันอยู่ตอนนี้ก็คือ ป้าสาลี่แกอยากได้เงินเพิ่มอีก 4 ล้าน เป็นค่ารื้อถอนบ้านออกจากที่ดิน แต่ทางวัดไม่ให้ ก็เลยต้องมา ฟ้องร้องกันแบบที่เห็น

ดูกันตามเนื้อผ้าว่ากันตามกฎหมายแล้ว กรณีเรื่องที่ดินทางวัดผิดยากมาก เพราะว่ามีการโอนกันถูกต้องตามกฎหมายทุกขั้นตอน ไม่มีใคร เอาปืนไปจี้ให้ป้าสาลี่ โอนที่ให้แต่ประการใด

สรุปเอาเป็นว่า เรื่องนี้ "ความโลภ" เป็นเหตุ ก็แค่นั้นเอง

เรื่องต่อมาก็คือ การอวดอุตริมนุษสธรรม ซึ่งตามที่เสี่ยมาณพ พลไพลินทร์ ผู้เชี่ยวชาญกรมการศาสนายื่นคำร้องนั้นปรากฏว่า ยื่นแบบ หลวมๆ เหมือนกัน เพราะมีเวลาทำงานน้อยต้องเร่งฟ้องให้เร็วตามกระแสสื่อ

ดังนั้นการฟ้องร้องประเด็นนี้ เสี่ยมาณพ เลยยื่นหนังสือ "พระแท้" และเทปคำสอนของวัดธรรมกายบางส่วน ให้กับเจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี ไว้เป็นหลักฐานการพิจารณาคดี

หลักฐานมากมายขนาดนี้ แถมไม่ได้มีการสรุปประเด็นให้ชัดเจนว่า ปาราชิกตรงไหน อย่างไร ทางผู้พิจารณาคดี เขาก็ต้องเจาะหา ประเด็น เอง

กว่าจะพิจารณาตามพยานหลักฐานที่ได้มาทั้งหมดเสร็จสิ้น คาดว่าจะใช้เวลาพิจารณาประมาณ 50 ปี สืบพยานอีกหลายพันปาก ซึ่งกว่าจะถึง ตอนนั้น ทั้งท่านทั้งเราคงกลับบ้านเก่ากันหมดแล้ว

เอาเป็นว่าถูกยื่นฟ้องเที่ยวนี้ "ก็ยังไม่มีอะไรในกอไผ่" เหมือนเดิม

ถ้าใครยังร้อง "ชิตังเม" ไม่เป็น จะหัดร้องกันตอนนี้ยังไม่สาย ธัมมชโย....ไชโย....

[หน้าหลัก] [หน้า1][วิวาทะ][ปุจฉา][เจาะคน]