ปีที่ 2 ฉบับที่ 820 ประจำวันจันทร์ที่ 11 เดือนตุลาคม พ.ศ. 2542 |
การทำหน้าที่รักษาการในตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ของพระภาวนาวิริยคุณ หรือ หลวงพ่อทัตตชีโว เริ่มแล้วเมื่อวันอาทิตย์ที่ 10 ตุลาคม 2542 ขณะที่พระราชภาวนาวิสุทธิ์ หรือหลวงพ่อธัมมชโย ยังอยู่ในอาการอาพาธเป็นไข้หวัดลงคอ
ผมต้องขออนุโมทนาเหล่ากัลยาณมิตร ที่ยังคงมีความศรัทธาต่อวัดพระธรรมกาย โดยเฉพาะวิชชาธรรมกาย แม้ตลอดระยะเวลากว่า 9 เดือน วัดแห่งนี้จะถูกโจมตีจากทั่วสารทิศ
การทำบุญปฏิบัติธรรมวันอาทิตย์ต้นเดือนนี้ ยังคงมีศิษย์ธรรมกายเรือนหมื่น มาร่วมใจกันดำเนินกิจกรรม ซ้ำยังมีพระภิกษุจากต่างวัด มาร่วมงานบุญตามปกติ
ขณะที่สื่อมวลชนพยายามเจาะประเด็นการรักษาการในตำแหน่งเจ้าอาวาส ของพระทัตตชีโว และก็พุ่งจับผิดถึงกรณีที่พระทัตตชีโว แม้จะอยู่ในตำแหน่งรักษาการเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายแล้วก็ตาม แต่พระทัตตชีโว ก็ไม่ได้นั่งในที่นั่งของพระธัมมชโย ระหว่างแสดงธรรม โปรดญาติโยม
เป้าหมายของสื่อมวลชน ส่อให้เห็นถึงเจตนาที่ว่า....
แม้พระธัมมชโย จะยินยอมพักตำแหน่ง เจ้าอาวาสชั่วคราว เพื่อไม่ให้พระสังฆาธิการต้องลำบากใจ กรณีกรมการศาสนาเข้าไปเจ้ากี้เจ้าการ ให้พระเถระพิจารณาว่า พระที่ตกเป็นผู้ต้องหาในคดีอาญาต้องพักตำแหน่งเจ้าอาวาสชั่วคราว
ซึ่งในความเป็นจริง ความเห็นข้างต้นนั้น เป็นอำนาจของพระผู้ปกครองเท่านั้นมีสิทธิ์ในการวินิจฉัยว่า หากพระที่ต้องคดี มีตำแหน่งปกครองสงฆ์อยู่นั้น จะสร้างความเสื่อมเสีย ให้กับพระพุทธสาสนาหรือไม่
หากเห็นว่า พระที่ต้องคดีอยู่ในตำแหน่งปกครองจะทำให้เกิดความเสื่อมเสีย เจ้าคณะตำบล เจ้าคณะอำเภอ หรือเจ้าคณะจังหวัด ก็จะพิจารณาสั่งพักตำแหน่งไว้ชั่วคราว จนกว่าคดีจะถึงที่สุด และถ้าปรากฏว่า ไม่มีความผิดก็สามารถกลับมารับตำแหน่งเจ้าอาวาสได้เหมือนเดิม
ขณะเดียวกัน พระผู้ปกครองก็มีสิทธิ์ที่จะไม่สั่งพัก ตำแหน่งเจ้าอาวาสก็ได้ หากเห็นว่า ไม่สร้างเสื่อมเสียให้กับพระพุทธศาสนา
ผมเคยบอกไปแล้วว่า เรื่องการสั่งพักตำแหน่งเจ้าอาวาส ไม่ใช่หน้าที่ของกรมการศาสนา ที่สำคัญกรมการศาสนา ไม่มีอำนาจที่จะไปวินิจฉัยแทนพระปกครอง
การทำหนังสือของกรมการศาสนา ไปถึงเจ้าคณะตำบลนั้น เป็นเรื่องที่ล้ำเส้น และไม่ให้เกียรติพระเถระที่อยู่ในตำแหน่งปกครองสงฆ์
กรณีที่สื่อมวลชนพยายามจับผิดว่า พระทัตตชีโว ไม่ได้นั่งแสดงธรรมบนอาสนะของพระธรรมชโยนั้น สื่อมวลชนต้องการชี้นำให้สั่งคมเห็นว่า
พระทัตตชีโวไม่ได้มีอำนาจ
ในการทำหน้าที่รักษาการเจ้าอาวาสอย่างแท้จริงนั่นเอง
โดยส่วนตัวผมเห็นว่า ไม่น่าจะเป็นอย่างนั้น
ต้องเข้าใจว่า พระทัตตชีโวท่านรักษาการในตำแหน่งเจ้าอาวาส ท่านก็ต้องปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าวอย่างเต็มแรง เต็มสติปัญญา จะให้ขาดตกบกพร่องไปไม่ได้อย่างเด็ดขาด
ส่วนการที่ท่านไม่นั่งอาสนะของพระธัมมชโยนั้น คือการปฏิบัติที่พระท่านยึดถือเป็นข้อวัตรกันอยู่แล้ว ที่สำคัญ พระธัมมชโยนั้น พักตำแหน่งเจ้าอาวาสชั่วคราว ไม่ได้ถูกปลด
และต้องรอผลการพิจารณาคดีทางโลก ให้ถึงที่สุดอีกด้วย
ข้อวัตรที่พระทัตตชีโวปฏิบัติ ถือเป็นเรื่องที่ดีงามแล้ว
สื่อมวลชนจะเอาอารมณ์ของฆราวาสไปจับไม่ได้ โดยเฉพาะการเลื่อยขาเก้าอี้ ของเหล่าบรรดาข้าราชการประจำ ข้าราชการเมืองระดับบิ๊ก ที่นิยมทำกัน
พระสงฆ์ท่านมีศีล มีพระธรรมวินัย จะเอานิสัย หรือพฤติกรรมของคฤหัสถ์ไปใช้ไม่ได้
พูดถึงหลวงพ่อทัตตชีโว ตั้งแต่เขียนข่าวกรณีธรรมกาย ผมเคยเข้าไปกราบท่านครั้งหนึ่ง
มีโอกาสได้พูดคุยกับท่านพอสมควร
ยังจำได้ว่า ท่านยังแสดงธรรมให้ผมฟังว่า... ในโลกนี้ไม่มีใครดีที่สุด และเลวที่สุด
ท่านขยายความว่า... "คนที่สังคมเขาสรรเสริญว่าดีนั้น แท้จริงแล้ว บุคคลนั้นๆ มีความชั่วอยู่น้อย ส่วนคนที่สังคมเขาพากันรุมด่า ก่นประณามว่า เป็นไอ้สารเลวนั้น แท้จริงแล้ว บุคคลนั้นๆ มีความดีอยู่น้อยนั่นเอง..."
ถ้าดีก็หลุดพ้นเป็นพระอรหันต์ไปแล้ว
ตามประสาคนปากไว ผมถามออกไปตรงๆ ว่า แล้วผมจะตกนรกไหมครับ
หลวงพ่อทัตตชีโว เอาฝ่ามือฟาดโต๊ะดังปัง พร้อมกับพูดว่า ..."เอ็งมันจะตกไปได้อย่างไร ในเมื่อเอ็งช่วยปกป้องพระพุทธศาสนา ข้าก็ยังงงอยู่เหมือนกันว่า
ธรรมกายทำอะไรผิด มากมาย
ขนาดนั้น"....
วัดพระธรรมกายทำเรื่องใหญ่ นั่นคือการปลุกสติให้ชาวพุทธตื่นจากอบายมุขทั้งปวง
โซตัส