ปีที่ 2 ฉบับที่ 834 ประจำวันจันทร์ที่ 25 เดือนตุลาคม พ.ศ. 2542 |
วันมหาปวารณานั้น เป็นไปเพื่อการทำลายทิฏฐิมานะของหมู่สงฆ์
เมื่อวานเป็นวันสำคัญทางพระพุทธศาสนาวันหนึ่ง คือเป็นวันมหาปวารณา ปกติพระในพระพุทธศาสนาเถรวาท จะต้องลงฟังพระปาฏิโมกข์อุโบสถ ทุกๆ 15 วัน ไม่มีเว้นว่า ฝนจะตกแดดจะออก พระจะต้องนั่งฟังพระปาฏิโมกข์ในวันนั้นเสมอ
คือท่านลงไปฟังพระวินัยบัญญัติที่พระจะต้องจำให้ขึ้นใจ เพื่อจะได้ไม่ก้าวล่วง
พูดให้ฟังง่ายเข้าก็คือ พระท่านฟังปาฏิดมกข์ ก็เท่ากับไปนั่งทบทวนศีล 227 ข้อของท่านนั่นแหละครับ
พระพุทธเจ้าท่านห้ามอะไรบ้า อนุญาตอะไรให้ภิกษุสงฆ์ทำได้บ้าง เท่านี้จริงๆ
แต่มีข้อน่าคิดว่า วัดไหน เวลาไหนก็แล้วแต่ เวลาพระท่านลงฟังพระปาฏิโมกข์นั้น ประตูโบสถ์ปิดสนิทหมด ห้ามคนที่ไม่ใช่พระเข้าไปป้วนเปี้ยนเด็ดขาด
ตอนที่ผมเรียนนักธรรมตรี ช่วงเป็นพระใหม่อยู่นั้น พระอาจารย์สอนว่า ที่ทำเช่นนั้นกัน เพราะเคยมีฆราวาสฉวยโอกาสเข้าไปกล่าวตู่พระว่า ต้องอาบัติข้อนั้น ข้อนี้
พิธีกรรมการฟัง พระปาฏิโมกข์จะล่มเอา แล้วต้องเริ่มต้นใหม่
ผมไม่คิดอะไรมาก กระทั่งมาวันนี้ นึกดูคำสอนของอาจารย์พอจะมีน้ำหนักทีเดียว วเพราะเห็นคนหัวดำรำขวานเล่นงานพระฐานปฏิบัติผิดพระธรรมวินัยอยู่บ่อยๆ ทำเป็นว่า ข้าแน่ ข้าเก่ง พระก็พระเถอะ ข้าจะล่อให้ดู และจริงซะด้วย ล่อเข้าไปหลายรูป หลายดอกอย่างที่เห็น
จริยาของพระเกี่ยวกับวันปวารณานั้น ลองศึกษาดูเถอะครับ ช่างน่ารัก น่านำมาเป็นแบบอย่างในการดำเนินชีวิตจริงๆ
อย่างที่ผมเขียนไว้ตอนต้นว่า ทุกวันพระใหญ่ ตกราวๆ 15 วัน พระจะต้องลงโบสถ์ฟังพระปาฏิโมกข์ จะมียกเว้น 1 วันใน 1 ปี ก็วัน ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 11
หรือวันมหาปวารณา นี่แหละ หรือที่ชาวพุทธเรียกว่า "วันออกพรรษา" นั่นเอง
วันนี้งดครับ ไม่มีการสวด และการฟังพระปาฏิโมกข์ แต่พระทุกรูปก็จะต้องลงโบสถ์เหมือนวันฟังพระปาฏิโมกข์
พระไม่ว่าบวชใหม่ปีนี้ หรือว่าบวชมาหลายพรรษา แก่หงำเงอะ จนจำพรรษาตัวเองไม่ได้ ในวันนี้ท่านจะยอมกัน ตัดทิฏฐิมานะ ว่าข้าบวชนานกว่าเอ็ง ข้าเปรียญ 9 ประโยค
ข้าเป็น
เจ้าคุณชั้นธรรมเอ็งจะติติงข้าไม่ได้เด็ดขาด
ทิฏฐิของพระที่เป็นลูกของพระพุทธเจ้าจริงๆ จะไม่มีแบบนี้เด็ดขาดในวันนี้
เพราะอะไร?
เพราะรูปแบบของภิกษุสงฆ์ที่พระพุทธเจ้าทรงประทานไวนั้น สุดยอดเกินจะพรรณนา
ทุกคนเกิดมาในโลกนี้ ยิ่งเป็นปุถุชนยิ่งแล้วใหญ่ ทำอะไรจะมีผิดมีพลาดเป็นของธรรมดาเสมอ
ดังนั้น เพื่อความบริสุทธิ์ผ่องใสในชีวิตพรหมจรรย์ของภิกษุสงฆ์ เพื่อความสามัคคีในหมู่สงฆ์ และเพื่อความมั่นคงแห่งศาสนจักร พิธีปวารณา
จึงเป็นสิ่งสำคัญ และจำเป็น
สำหรับพระสงฆ์
พิธีมหาปวารณาก็ง่ายครับ ขึ้นต้นกล่าวเป็นภาษาบาลีว่า สังฆัม ภันเต ปวาเรมิฯ ท่านขอรับโปรดสงสารผมเถอะ หากเห็นกระผมทำผิด หรือได้ยินว่า กระผมทำผิดพระธรรมวินัย จงตักเตือนผมได้เลยนะขอรับ
ในโลกนี้ มีสังคมมนุษย์ที่ไหน จะวางมาตรฐานได้ดีเท่าสังคมพระในพระพุทธศาสนานี้ ไม่มีอีกแล้ว
ช่วงที่ผมเป็นหนุ่มกระเตาะ ตอนนั้นเสนาบดีในวันนี้หลายคน กำลังหลบๆ ซ่อนๆ ตัวอยู่ตามเชิงป่าชายเขา ชูประเด็นว่า ลัทธิคอมฯ ดีอย่างโง้นอย่างนี้ ขนาดตัวเองยังยอมให้วิพากษ์
ผมก็ว่ามันโก้ดี แต่ไม่ถึงขนาดจะหลงใหลอย่างที่พวกป่าเขาเยินยอ หรือเห็นดีเห็นงามกัน
พอมาวันนี้ จึงได้รู้ว่า ไอ้คอมมิวนิสต์นี่ มันขโมยของดีเราไปใช้นี่หว่า และรู้ต่อไปอีกว่า คนพวกนี้ฉวยโอกาสเก่งมากๆ อะไรที่จะเข้าตาชาวบ้านอะไรที่คนหมู่มาก
หรือคนเสียงดังเป็น สื่อว่าดี เป็นฉวยโอกาสเป็นพระเอกทันที พวกนี้จับเส้นจับกระแสเก่ง เป็นใคร หน้าตาเป็นอย่างไร รู้กันอยู่แล้ว
ไหนๆ ก็ไหนๆ ช่วงเข้าพรรษาหลายคนมีปณิธาน และตั้งสัจจาธิษฐาน จะทำความดีตลอดเข้าพรรษา ไม่ทำชั่วทำเลว
นี่ก็ออกพรรษากันแล้วในวันนี้ หลายคนน่าอนุโมทนาจริงๆ เพราะทำความดีต่อไปอีก คืองดอบายมุขต่อไปอีกอย่างไม่มีกำหนด
ต้องได้อย่างนี้ซิ จึงจะเป็นสาธุชนชั้นหนึ่ง
แต่ก็มีหลายท่านที่ยังอ่อนแอ ดวดเหล้าสุมหัวอยู่แต่แหล่งอบายมุข ทนเปรี้ยวปากไม่ไหว ต้องแวะเวียนเข้าไป ดื่มและกินอย่างตายอดตายอยาก
ไม่ว่ากัน วันนี้ท่านอ่อนแอ แต่พรุ่งนี้ท่านอาจเข้มแข็ง คนเรานั้น ชั่วๆ ที ดีๆ หน มีให้เห็นเสมอ ขอให้ท่านจงเป็นอย่างนั้นเถิด
วันมหาปวารณา ทั้งพระและกัลยาณมิตรผู้มีศีล 5 ศีล 8 และศีล 227 ข้อ พิจารณากันเอาเอง
คำพูดที่งดงามของผู้ทรงศีล ไม่จำเป็นต้องเสกสรรค์ปั้นแต่งอะไรให้มากความ ขอเพียงเป็นเพราะความสัตย์นั้น คืออาวุธของนักพรต
พระคือเนื้อนาบุญของชาวพุทธ การอุ้มชูหมู่สงฆ์ต้องนำผู้ที่มีความต้องเข้าใจคำว่าเนื้อนาบุญคืออะไร ต้องเข้าใจอีกด้วยว่า คำว่าวัด นั้นคืออะไร
สำหรับผม คำว่า "วัด" คือแหล่งเพาะบ่มศีล ทาน บารมี โดยมีพระภิกษุเป็นผู้ชี้นำ เป็นเขตแดนแห่งความเมตตา เปิดกว้างให้สาธุชน เข้าไปสั่งสมความดี เป็นที่ที่ละความโลภ ความโกรธ ความหลง และอวิชชาทั้งหลายทั้งปวง
โซตัส