ปีที่ 2 ฉบับที่ 838 ประจำวันศุกร์ที่ 29 เดือนตุลาคม พ.ศ. 2542 |
บทบาทของสื่อมวลชนกับ "วาสนา เพิ่มลาภ" ต่อกรณีธรรมกาย?
วานนี้มีผู้สื่อข่าวคนหนึ่งพยายามเหลือเกินที่จะยุงยงให้
คุณวาสนา เพิ่มลาภ
ฟ้องร้องหนังสือพิมพ์พิมพ์ไทย
สังเกตจากการตั้งคำถาม ที่ชี้นำ
และถากถางแหล่งข่าวกลายๆ ก็พอจะ
เข้าใจ ความต้องการ
และสติปัญญาของนักข่าวคนนั้นได้ระดับหนึ่ง
น่าเห็นใจคุณวาสนา เพิ่มลาภ
ในฐานะหัวหน้าชุดพนักงานสอบสวนกรณีวัดพระธรรมกายเป็นอย่างยิ่ง
ต้องยอมรับว่า คดีวัดพระธรรมกาย
เป็นคดีที่ประชาชนทั้งประเทศติดตามความเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา
โดยเฉพาะสื่อมวลชน
ที่หนักกว่านั้นคือ
การคาดหวังผลลัพธ์ของปัญหาต่างๆ
ที่เกิดขึ้นไว้เบ็ดเสร็จเรียบร้อยแล้ว
แม้ว่ากระบวนการพิจารณาทางตุลาการ
และกระบวนการพิจารณาของคณะสงฆ์
ยังไม่ได้ตัดสินชี้ผิดชี้ถูกออกมาก็ตาม
แต่สังคมพากันตัดสินพิพากษาไปแล้วว่า
วัดพระธรรมกาย
ไม่มีความดีงามแม้แต่น้อย
พระราชภาวนาวิสุทธิ์
หรือพระธัมมชโย เจ้าอาวาส
ปาราชิกจากความเป็นพระไปนานแล้ว
นี่คือภาพการณ์ที่เกิดขึ้น !
ทำไมผมถึงต้องพูดประเด็นที่คาบเกี่ยวกับ
คุณวาสนา ก็เพราะว่า
วานนี้คุณวาสนา
ถูกนักข่าวคนหนึ่ง
ตั้งคำถามแบบกำปั้นทุบดิน
อ้างถึงหนังสือพิมพ์พิมพ์ไทย
หมิ่นประมาท เจ้าพนักงานสอบสวน
รับสินบนล้มคดี
สิ้นคำถามดังกล่าว
ทำให้คุณวาสนา
ระบายความในใจออกมาให้สื่อมวลชนฟังพอสมควร
และย่อมเป็นเรื่องที่ไม่สบอารมณ์สำหรับคุณวาสนาอย่างแน่นอน
ในฐานะผู้รับผิดชอบ
คดีกรณีธรรมกาย
ในฐานะบุคคลที่ประชาชนคาดหวังจากการสืบสวน
ส่งสำนวน
ฟ้องเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย
แรงเสียดทานที่เกิดขึ้น
แม้คุณวาสนาจะพูดอยู่เสมอว่า
ไม่รู้สึกหนักใจกับคดีดังกล่าวก็ตาม
แต่ตรงข้ามผมเชื่อว่า
ยังมีประชาชนส่วนหนึ่ง
อย่างน้อยก็ผมล่ะคนหนึ่งที่เห็นใจคุณวาสนา
เป็นอย่างมาก
คุณวาสนายืนยันถึงเกียรติภูมิศักดิ์ของตัวเอง
และยังการันตีด้วยว่า
ลูกน้องของเขาตั้งแต่ระดับบนยันระดับล่าง
ไม่มีพฤติกรรมเสื่อมทรามเช่นนั้นเด็ดขาด
ทุกอย่างต้องดำเนินการ
ไปตามกฎหมาย
ผมอยากจะขออนุญาตท้าวความถึง
กรณีมีบุคคลลึกลับ
อ้างตนเป็นคุณทวี สอดส่อง
ซึ่งเป็นเจ้าพนักงานสอบสวนทีมเดียวกับคุณวาสนา
มีหน้าที่รับผิดชอบกรณีธรรมกาย
เช่นกัน
โทรศัพท์เข้าไปข่มขู่รองเจ้าอาวาส
พระทัตตชีโว รีดเงิน
โดยอ้างว่าจะล้มคดีให้
การออกมาเปิดเผยของพระทัตตชีโว
ถูกมองว่า วัดเจ้าเล่ห์
สมภารเจ้าเล่ห์
คิดแบล็กเมล์เจ้าพนักงานสอบสวน
แต่ทางวัดออกมาแถลงการณ์ยืนยันหนักแน่นว่า
วัดไม่เชื่อว่า
พนักงานสอบสวนจะมีพฤติกรรมเช่นนั้น
จึงขอแจ้งความไว้เป็นหลักฐาน
จนแล้วจนรอด
ความจริงก็ปรากฏออกมา
เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ
สามารถจับชายผู้ต้องสงสัยได้คนหนึ่ง
ขยายผลไปจนรู้แน่ชัด
ว่าชายคนนี้เป็นผู้ที่แอบอ้าง
คุณทวี สอดส่อง โทรศัพท์ เข้าไป
ข่มขู่รีดเงินวัดพระธรรมกายจริง
ตลอดระยะเวลาการเฝ้าสังเกตพฤติกรรมของชายผู้ต้องสงสัย
เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ดักฟังโทรศัพท์ของชายลึกลับผู้นี้มาโดยตลอด
พอเรื่องสินบนวัดพระธรรมกายเงียบ
บุรุษลึกลับผู้นี้
กลับหาญกล้าไม่เกรงกลัวกฎหมาย
โทรศัพท์ติดต่อเข้าไปยับบ้านตระกูลธรรมรัตนะ
โดยใช่เล่ห์กลเดิมๆ
อ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ
จะช่วยวิ่งเต้นล้มคดี
คุณห้างทอง ธรรมวัฒนะ
เรื่องนี้ต้องพิจารณากันให้ละเอียดถี่ถ้วน
ผู้ที่เป็นสื่อมวลชน
อย่าสักเอาแต่ความมันสะใจเข้าว่า
"เสี้ยมเขาควายให้ชนกัน"
สังคมทุกวันนี้สับสนยุ่งเหยิงพอดูอยู่แล้ว
สื่อมวลชน
มีหน้าที่เสนอความจริงทุกแง่มุมให้สังคม
ประชาชนได้รับรู้
ทว่าสื่อมวลชนไม่มีหน้าที่เป็นผู้พิพากษาตัดสินแทนกระบวนการตุลาการ
หรือกฎระเบียบของสังคมนั้นๆ
โดยเฉพาะการนำเสนอข่าว
เพื่อนำไปสู่ความขัดแย้ง แตกแยก
มองเห็นเรื่องของความสมัครสมานสามัคคี
เป็นเรื่องที่น่าเบื่อหน่าย
ตรงข้ามกลับมองเห็นการทะเลาะเบาะแว้ง
เป็น อาหารจานโปรด
เป็นข่าวเด็ดข่าวดัง
สร้างความร่ำรวย
ให้กับสำนักพิมพ์ของตัวเอง
ทุกอย่างมีบทลงโทษของมันอยู่แล้ว
ทางธรรมก็มีกฎแห่งกรรม
ทางโลกก็มีกระบวนการยุติธรรม
ฉะนั้นไม่ต้องเร่งรีบ
หรือวิตกกังวลจนเกินไป
กรรมเป็นเครื่องชี้เจตนา
ช้างตายทั้งตัว
โลกยุคโลกาภิวัตน์
คงไม่มีใครกล้า หรือทะลึ่ง "เอาใบบัวไปปิด"
แม้จะโชคดี หาใบบัวขนาดใหญ่
คลุมช้างมิดทั้งตัว
แต่ความจริงก็คือความจริง
กลิ่นเน่าเหม็น
มีหรือที่จะไม่โชย เข้าไป
เตะจมูกให้ผู้คนที่หลับใหล
พลอยคลื่นเหียนอาเจียน
โซตัส