ปีที่ 2 ฉบับที่ 842 ประจำวันอังคารที่ 2 เดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2542

สหัสวรรษที่ 3

บ้านกัลยาณมิตรหนึ่งแสนหลัง แสงสว่างหนึ่งแสนแรงเทียน

เมื่อตอนเด็กๆ ผมเคยเล่นจุดไฟด้วยแสงอาทิตย์ เราเอาให้ได้ที่ ถ้ามือเรานิ่งๆ พระอาทิตย์จะรวมแสงไปที่หญ้าแห้ง สักพักเดียว ท่ามกลางความตื่นเต้นของพวกเรา ซึ่งเป็นลูกเสือ ตัวน้อยๆ จะเห็นควันเริ่มลอยขึ้นมา พริบตาเดียวไฟก็จะลุกแล้ว เราก็ต้องรีบต่อไฟเอาไปใช้ประโยชน์ได้

เมื่อเราโตขึ้น เราเรียนวิทยาศาสตร์ เราก็รู้จักเรื่องไฟฟ้า ซึ่งเป็นแสงสว่างสมัยใหม่ ที่อีตาโธมัส แอลวา เอดิสัน แกคิดหลอดไฟเรืองแสง จนกลายเป็นแสงสว่างของโลกยุคใหม่ทุกวันนี้ แต่ก็สู้อีตาเจมส์ วัตต์ ไม่ได้ ที่คิดวิธีเรียกหน่วยวัดความแรงของแสง จนในที่สุดเราก็เอาชื่อแกมาเป็นหน่วยวัด เรียกว่า วัตต์

ถ้าใครเอาหลอดไฟมาพลิกดูทุกหลอด จะเขียนไว้ว่า 60 w ย่อมาจากคำว่า watt หรือวัตต์ จะเป็นกี่วัตต์ก็แล้วแต่ นั่นแหละครับ ชื่อของเจมส์ วัตต์ แต่คนไทยแน่กว่านั้น ไม่เรียกว่าวัตต์ แต่เรียกว่า แรงเทียน ถ้า 60 วัตต์ เท่ากับ 60 แรงเทียน หรือสว่างกี่ดวง ว่างั้นเถอะ

ครับ... ลองนึกภาพเวลาไฟดับ แล้วเราเอาเทียนมาจุดหลายๆ อัน แน่นอนย่อมสว่างกว่าเดเทียนดวงเดียว ยิ่งจุดเพิ่มเท่าไร บ้านก็ยิ่งสว่างมากขึ้นเพียงนั้น และถ้าทุกบ้านจุดพร้อมกัน นั่นก็คือความสว่างไสวสวยงามทั้งเมือง

คนที่นั่งสมาธิ เมื่อมาใหม่ๆ ก็มุ่งแสวงหาความสงบจิตใจ เพราะโลกมันยุ่งเหลือเกิน น่าจะมีที่พักใจที่สงบ ซึ่งก็ไม่มีที่ไหนดีกว่าที่วัด แต่พอมานั่งรวมกันมากๆ เข้า เห็นภาพก็ยิ่ง สบายตาสบายใจ บรรยากาศก็ยิ่งน่านั่งสมาธิ ยิ่งนั่งรวมกัน มีความรู้สึกว่านั่งสงบง่ายกว่านั่งเองคนเดียว เพราะนั่งคนเดียว บางทีก็ฟุ้งซ่าน เบื่อๆ เผลอๆ ง่วงนอนหลับไปเลย

คนหลายคน พอบอกนั่งวิปัสสนากัมมัฏฐาน ก็จะกลัว กลัวจะหลุดไปแล้ว กลับไม่ได้ กลายเป็นคนเสียสติไปโน่น และภาพหลอนนี้ก็หลอกคนไทยมานาน จนฝังใจ เพราะจะมีคำขู่ของ คนที่นั่งผิดนั่งถูก เป็นครู ชนิดไปเจอผีมาเอง แล้วกลัวผีตลอดชีวิต

คนที่อุตริและทำอะไรผิดทาง ทำอะไรโดยไม่มีครูนี่และ ที่ทำให้วิชาสมาธิ ซึ่งควรจะเป็นวิชาพื้นฐานของคนดีทุกคน กลายเป็นวิชาลึกลับ เป็นไสยศาสตร์น่ากลัว กลัวจะนั่งแล้วไม่เป็น มนุษย์ จะหนีโลก หลุดโลก ทำมาหากินไม่ได้ เพราะพวกนี้มักคิดเองทำเอง แสวงหาเอง ไม่มีครู

แต่วันนี้เมืองไทยกำลังพลิกโฉมใหม่ วิชาสมาธิกลายเป็นเรื่องธรรมดาชีวิต ทำได้ง่าย เป็นวิชาสมัยใหม่ เป็นวิชาจักรวาล เป็นแหล่งความรู้ใหม่ของมนุษย์ที่มหาศาล ยิ่งกว่าอินเตอร์เต็ต เป็นวิชาสำหรับคนสมัยใหม่ นักบริหาร ผู้นำ คนมีความรู้ คนเรียนเก่ง มหาเศรษฐี ไปจนถึงชาวบ้านธรรมดา ที่ไม่มีความรู้ แม้ยากจน แต่ไม่เข็ญใจ

วิชาที่คนรวย คนจน คนจบปริญญาเอก กับคนไม่ได้เรียนหนังสือ มีสิทธิเสมอภาคเท่าเทียมกันหมด และเมืองไทยเป็นตลาดวิชาที่มีมากที่สุดในโลก มีถึงกว่า 40 วิธี แบ่งเป็นสำนักเรียน แบ่งเป็นครูบาอาจารย์แล้วแต่ใครจะชอบใครจะศรัทธา แต่เป้าหมายสุดท้ายเหมือนกันหมด

นั่นคือ การสร้างพลังแห่งจิตใจให้สงบสันติ มีความสุข เกิดภูมิปัญญาอันเป็นแสงสว่างไสว ทำให้เกิดพลังแห่งเมตตาธรรม ความรักแด่เพื่อนร่วมโลก เกิดกัลยาณมิตรในหัวใจ เกิดความ รู้สึกอยากให้โลกสดใส เกิดพลังแห่งการสร้างความดีร่วมกัน สร้างสังคมที่ดีงาม ประเทศที่ดีงาม โลกที่ดีงาม เพื่อจักรวาลใหม่ที่เต็มไปด้วยความดีงาม อันนำไปสู่ความสุขอันนิรันดร์

และนี่เองคือสิ่งที่ผมชื่นชมมากที่สุด เมื่อได้สัมผัสแนวความคิดเรื่องบ้านกัลยาณมิตร ช่างเป็นความคิดที่มองการณ์ไกล แก้ปัญหาถูกจุด และมาในช่วงจังหวะที่สังคมไทย กำลัง แสวงหาเป็นอย่างยิ่ง

เพราะบ้านคือศูนย์รวมแห่งจิตใจ บ้านคือที่กำเนิด ที่ให้ความอบอุ่น บ้านคือหัวใจของคนทุกคน ไม่ว่าจะยากดีมีจนอย่างไร รวยแค่ไหน ถ้าบ้านดี สังคมก็ดี ถ้าบ้านไม่ปกติสุข บ้าน ขาดความอบอุ่น บ้านไม่รักสามัคคี่ บ้านเต็มไปด้วยเสียงทะเลาะเบาะแว้ง เสียงด่าทอ เสียงตะโกน เหมือนที่ผมเคยได้ยิน คุณยายจันทร์ของเรา สอนแม่บ้านคนหนึ่งน้ำตาคลอ "บ้าน... ถ้าไม่เย็น ก็ไม่มีใครกลับบ้านหรอกนะลูกเอ๊ย อย่าไปโทษใครเลย"

นโยบายทำบ้านให้ร่มเย็นเป็นสุข เย็นด้วยเสียงสวดมนต์เย็นไพเราะจับใจ สงบด้วยภาพของคนทุกคนในบ้านมารวมกันด้วยความรัก ภาพที่พ่อแม่ลูก คุณปู่คุณย่า คุณตาคุณยาย นั่ง สมาธิ พร้อมกันในบ้าน กิจกรรมเดียว ที่สามารถทำร่วมกันได้ทั้งบ้าน แทนที่จะนั่งดูทีวีฆ่าเวลา เสียเวลาเพลินๆ ไปวันๆ.... ครับ สักอาทิตย์ละครั้งก็ยังดี

นี่คือภาพอันยิ่งใหญ่ ที่แก้สังคมไทยที่ถูกจุดที่สุด คือ คือย้อนกลับไปเริ่มต้นใหม่ที่บ้าน ทำให้บ้านกลายเป็นวัด กลายเป็นทั้งโรงเรียนหลังน้อยๆ โดยมีธรรมะของพระพุทธเจ้า เป็นตัว เชื่อมและซักล้างขัดเกลาจิตใจ ทำให้มีแสงสว่างแห่งความหวังของสังคม แผ่กระจายออกไป

ครับ.... จากดวงประทีปน้อยๆ ในใจที่ถูกจัดให้สว่างขึ้นในบ้าน จากหนึ่งหลังเป็นร้อยหลัง เป็นพันหลัง เป็นหมื่นหลัง และเป็นแสนหลัง หรือในอนาคตเป็นล้านหลัง

พลังแห่งความรักและปรารถนาดี พลังแห่งเมตตาธรรมนี่แหละครับ คือกระแสใหม่สังคมที่จะเป็นการรวมพลังจิตที่ส่งออกไปสู้กับกระแสบาป กระแสไร้ศีลธรรม กระแสจิตวิปริต ของ สังคม ที่กำลังไหลบ่าท่วมท้นประเทศไทยทุกหย่อมหญ้า

บ้านกัลยาณมิตร บ้านแห่งสมาธิ บ้านแห่งความอบอุ่นร่มเย็น บ้านแห่งธรรมะ จำนวนหนึ่งแสนหลัง คือเป้าหมายการสร้างสันติสุขให้สังคมไทยในสหัสวรรษใหม่ บ้านที่แสดงความกล้า หาญในการที่จะเป็นผู้นำสังคมแห่งการกระทำความดีโดยไม่หวั่นไหว

ยิ่งถ้าเราชวนเพื่อนฝูง วงศ์ญาติให้ช่วยกันทำได้ นี่แหละครับ คือของขวัญอันวิเศษที่สุด ที่เราจะช่วยกันสร้างถวายให้ในหลวง เนื่องในวโรกาส ครบ 72 พรรษาครับ ขอให้สว่างไสว ทุกบ้านนะครับ

สิงห์ขาว


[หน้าหลัก][หน้า1][สหัสวรรษ]