ปีที่ 2 ฉบับที่ 844 ประจำวันพฤหัสบดีที่ 4 เดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2542

หน้า 1

ไพบูลย์อ้อนพระธัมมชโย มอบตัววัดมูล

ตร.เล่น "ผ่อง"

กรมศาสนามาแปลก อ้อนวอนพระธัมมชโย-พระทัตตชีโว ไปมอบตัวที่วัดมูลจินดารามเป็นวันที่ 10 พ.ย. อ่อยเหยื่อ เป็นผลดีต่อผู้กล่าวหา เอง ที่จะได้ชี้แจงเหตุผล เผยเตรียมรับมือ ทุกสถานการณ์ทั้งสถานที่และความสะอาดเรียบร้อย ด้านตำรวจยังทำคดีที่ดินเพชรบูรณ์ไม่เสร็จ คาด 10 พ.ย. ส่งสำนวนอัยการ เตรียมแจ้งข้อหา "ผ่อง เล่งอี้" อีก โดยประชุมกองปราบ วันที่ 8 พ.ย.

นายไพบูลย์ เสียงก้อง อธิบดีกรมการศาสนา กล่าวว่า เมื่อวานนี้ (3 พ.ย.) ได้รับรายงานจาก พระสุเมธาภรณ์ เจ้าอาวาสวัดมูลจินดาราม เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานีว่า ได้มีหนังสือ เรียกตัวให้พระธัมมชโย และ พระทัตตชีโว มารับทราบข้อกล่าวหาตามกฎนิคหกรรม ในวันที่ 10 พ.ย.2542 เวลา 13.20 น. ซึ่งกรมการศาสนา จะเป็นผู้ช่วยประสานงานช่วยเหลือ และอยากให้เหตุการณ์ในวันดังกล่าวเป็นไปด้วยความเรียบร้อย โดยจะจัดเตรียมการเรื่องทุกอย่างให้เหมือนวันที่ 6 ส.ค.ที่ผ่านมา

ส่วนเรื่องเงื่อนไขต่างๆ นั้น เป็นหน้าที่ของเจ้าคณะจังหวัดเป็นผู้กำหนด เป็นเรื่องความคิดเห็นของท่าน เราคงต้องรอว่า ทางพระธัมมชโยจะตอบมาว่าอย่างไร จะมาหรือไม่มา

นายไพบูลย์กล่าวต่อว่า จากที่มีกระแสข่าวว่า พระธัมมชโยจะไม่มาตามนัดนั้น ตนคิดว่า เราคงต้องรอดู อยากให้ทุกฝ่ายได้ปฏิบัติตามกฎนิคหกรรม เมื่อมีคำกล่าวหาดังกล่าวแจ้งไปแล้ว ผู้ที่ถูกกล่าวหา ควรจะมารับทราบข้อกล่าวหา เพราะเป็นประโยชน์กับตัวผู้ถูกกล่าวหาเอง เพราะสามารถตอบหรือชี้แจงเหตุผลโต้แย้งได้

อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมา กรมการศาสนา ได้ดำเนินการมาตลอด ทำให้กฎนิคหกรรมมีความชัดเจน และได้นำเสนอมส. ให้มีมติ จะเกิดความชัดเจนขึ้นแล้ว เพราะในขั้นตอนต่อไปคือ การปฏิบัติตามกฎนิคหกรรมที่มส.มีมติออกมาแล้ว เพียงแต่ปฏิบัติให้เป็นไปตามขั้นตอน ปัญหาทุกอย่างก็จะจบลง

ในวันที่ 10 พ.ย. ตนจะประสานงานกับทุกฝ่ายให้เรียบร้อย ให้การมารับฟังข้อกล่าวหาได้รับความสะดวกตามสมควร รวมทั้งสถานที่พิจารณา ก็จะจัดให้เหมาะสม กับการพิจารณา เช่นกัน

ด้านายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล รมว.ศึกษาธิการ กล่าวว่า ตนได้เชิญ นายไพบูลย์ เสียงก้อง รองอธิบดี กรมการศาสนา มาหารือเพื่อเตรียมแผนที่จะรับเหตุการณ์ในวันที่ 10 พ.ย. ซึ่งเรา ได้เตรียมตัวตั้งแต่แผนปฏิบัติในด้านความปลอดภัย ในเรื่องของสถานที่ การอำนวยความสะดวกต่างๆ ซึ่งตนได้ซักซ้อมความเข้าใจ รวมทั้งได้ประสานงาน กับทางสำนักงาน ตำรวจ แห่งชาติ ในการขอกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อมาอารักขาดูแลความสงบเรียบร้อย เหมือนแผนที่เคยปฏิบัติมาแล้ว เมื่อวันที่ 6 ส.ค.

หากในวันดังกล่าว พระธัมมชโยไม่มา ก็ต้องแจ้งให้เจ้าคณะจังหวัดทราบล่วงหน้า ถ้าไม่มาก็จะเข้าสู่กระบวนการทางศาลสงฆ์ทันที โดยจะส่งเรื่องให้ผู้พิจารณาขั้นต้น ซึ่งมีพระพรหม โมลี เจ้าคณะภาค 1 เป็นประธาน และมีเจ้าคณะจังหวัดเป็นกรรมการ ซึ่งคณะกรรมการชุดนี้มี 3 รูป

หากทางวัดพระธรรมกาย มีหนังสือแจ้งกลับมา อย่างเป็นทางการว่า ป่วยมาไม่ได้ ก็จะให้โอกาส แต่ถ้าไม่มาโดยไม่มีเหตุผล ก็คงจะต้องดำเนินการต่อไป ส่วนเรื่องที่กลัวว่า ใบรับรอง แพทย์จะจริงหรือไม่นั้น เมื่อเขาส่งใบรับรองแพทย์มาว่าป่วย เราก็คงต้องให้เกียรติ แต่ทั้งนี้ ก็เป็นหน้าที่ของกรมการศาสนา จะต้องตรวจสอบข้อเท็จจริง

ส่วนเรื่องของกัลยาณมิตร ที่จะมาทำให้เกิดความวุ่นวายนั้น ทางกระทรวงศึกษาฯ ได้เตรียมแผนต่างๆ ไว้แล้ว เพื่อป้องกันเหตุการณ์ที่อาจเกิดขึ้น โดยได้ประสานกับสำนักงาน ตำรวจ แห่งชาติแล้ว และตนอยากจะเรียนให้กัลยาณมิคนทั้งหลายทราบว่า เราต้องการทำความจริงให้ปรากฏ กระทรวงฯ และกรมการศาสนา ให้โอกาสกับทุกคนเหมือนกัน เมื่อมีผู้ถูกกล่าวหา ซึ่งยังไม่มีใครตัดสินได้ว่า ผู้ถูกกล่าวหาผิดตามที่ถูกกล่าวหาหรือไม่ เพราะสิ่งที่ดีที่สุด คือ มาพิสูจน์ตัวเอง ให้กระบวนการทางโลกซึ่งมีศาลยุติธรรม ในกระบวนการทางสงฆ์ ก็มี ศาลสงฆ์ให้ความยุติธรรม เราควรเคารพกติกาสังคม

ที่กองปรราบปราม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.ท.วาสนา เพิ่มลาภ หัวหน้าพนักงานสอบสวนคดีวัดพระธรรมกาย กล่าวว่า ได้มีการร้องขอจากฝ่ายผู้ต้องหาว่า หากจะมีการแจ้ง ข้อกล่าว หา ใดเพิ่มเติม กับพระธัมมชโย และผู้ที่เกี่ยวข้องนั้น ขอให้ทางพนักงานสอบสวน รวบรวมทำให้เสร็จในครั้งเดียว ซึ่งทางพนักงานสอบสวน ได้รับฟังความคิดเห็นไว้

ถ้ากรณีใดสามารถรวมกัน เช่น เรื่องการเงิน 10-20 ราย ก็จะดำเนินการรวมในสำนวนเดียวกัน แต่การทำเช่นนี้ จะทำให้การดำเนินการล่าช้ากว่าที่ผ่านมา แต่ในบางเรื่องนั้น เช่นการ ฉ้อโกง ประชาชน ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับการยักยอกทรัพย์ทางพนักงานสอบสวน คงจะทำไม่ได้ เนื่องจากว่า จะเป็นปัญหาในทางปฏิบัติของอัยการ ในการพิจารณาสั่งฟ้อง

สำหรับการดำเนินการที่ทางพนักงานสอบสวน จะดำเนินการต่อไปภายหลังจากที่ได้แจ้งข้อกล่าวหากับพระธัมมชโย กรณีที่ดินจังหวัดเพชรบูรณ์ไปแล้วนั้น ก็จะทำให้ในส่วน ที่เหลือ ทั้งหมด โดยเฉพาะการออกหมายเรียกพยานผู้รับเช็คจากทางวัดพระธรรมกาย มาสอบปากคำ ซึ่งในส่วนที่พยานที่เกี่ยวข้องบางราย ได้เข้าให้ปากคำบ้างแล้ว

ส่วนที่เหลือเช่น นางสงบ ปัญญาตรง ทางพนักงานก็ได้ออกหมายเรียก เพื่อมาให้ปากคำเรียบร้อยแล้ว แต่ถ้านางสงบยังไม่เข้าพบพนักงานสอบสวนอีก ก็จะต้องชี้แจงเหตุผล ให้กับ พนักงาน สอบสวนทราบ

นอกจากนี้ ในเรื่องที่ยังดำเนินการล่าช้าอยู่ โดยเฉพาะกรณีที่ดิน จ.เพชรบูรณ์ ตอนนี้ กำลังเร่งรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อรายงานต่อ ผบ.ตร.ต่อไป อย่างช้า ในวันที่ 10 พ.ย. และจะนำ สรุปสำนวนคดีนี้ ส่งให้พนักงานสอบสวน จะพิจารณาสอบสวนเพิ่มเติม ในกรณีของนายผ่อง เล่งอี้ อดีตอธิบดีกรมป่าไม้ ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการซื้อขายที่ดิน จ.เพชรบูรณ์ด้วย โดย ทางพนักงานสอบสวน จะร่วมประชุมเพื่อพิจารณาว่า นายผ่องมีพฤติกรรมเป็นความผิดหรือไม่ และผิดอย่างไร ในวันที่ 8 พ.ย.นี้ เวลา 16.00 น. ที่กองปราบปราม

ส่วนในกรณีที่พนักงานสอบสวน ได้ทำหนังสือถึงกรมการศาสนา เพื่อขอความร่วมมือในการระงับการปิดบัญชีของวัดพระธรรมกาย แต่ทางวัดได้ดำเนินการไปแล้ว และเปิด บัญชี เพียงแค่ 3 บัญชีนั้น เรื่องการปิดบัญชีต่างๆ ทางวัดพระธรรมกาย ได้ชี้แจงว่า เพื่อความสะดวกในการเบิกจ่ายของทางวัด และเพื่อให้เกิดความถูกต้องตามระเบียบของกรมการศาสนา

แต่ทั้งนี้ ถ้าหากพนักงานสอบสวนพบภายหลังว่า มีการนำเงินที่เบิกออกมาไปใช้ในภารกิจที่ไม่ใช่กิจของวัด หรือไม่ได้นำไปฝากในบัญชีที่วัดเปิดไว้ ทางพนักงานสอบสวน ก็สามารถ ดำเนินคดีได้ แต่ตนเห็นว่า ทางวัดคงไม่กระทำเช่นนั้น

สำหรับการสอบสวนที่ทางอัยการ ได้สั่งการให้ทำการรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติมนั้น ทางพนักงานสอบสวนกำลังดำเนินการในส่วนของ นายเทอดชาติ ศรีนพรัตน์ ผู้ต้องหา ใน ข้อหาปลอมแปลงเอกสาร กรณีที่ดิน จ.ชลบุรี ที่จะต้องสอบปากคำพยานเพิ่มเติม และรอรวบรวมเอกสารอีกบางส่วน

นอกจากนี้ ยังมีการสอบปากคำ คณะกรรมาธิการการศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรมบางท่าน ในเรื่องการถูกข่มขู่วางระเบิด ซึ่งในเรื่องนี้ ถ้าพนักงานสอบสวนปากคำเสร็จ ก็จะนำส่งต่อ อัยการ จากนั้น ก็จะเป็นดุลพินิจของทางอัยการว่า ในเรื่องนี้ จะมีผลต่อการอนุมัติประกันตัวผู้ต้องหาหรือไม่


[หน้าหลัก][หน้า1]