ปีที่ 2 ฉบับที่ 845 ประจำวันศุกร์ที่ 5 เดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2542

วิวาทะ

จากใจจะขวบปีกรณีวัดพระธรรมกายไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอย่างที่คิด

สามวันที่ผ่านมา ผมได้เปิดพื้นที่แห่งนี้ เป็นเวทีแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับพระพุทธศาสนาอย่างกว้างขวางเกี่ยวกับเรื่อง วิชชาธรรมกาย ที่ปรากฏอยู่ในพระไตรปิฎก และอรรถกถา

เนื่องจากเห็นว่า เป็นความคิดเห็นที่ยืนอยู่บนข้อมูล หลักฐานที่สามารถที่ไปที่มาได้อย่างชัดเจนถูกต้องเกี่ยวกับ "ธรรมกาย"

อีกทั้งที่ผ่านมา "ธรรมกาย" ถูกนำไปวิพากษ์วิจารณ์ในที่สาธารณะมากมาย

โดยผู้ที่ออกมาวิจารณ์ ไม่มีความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับ "ธรรมกาย" อย่างแท้จริง

บ้างก็ออกมาวิจารณ์ตามกระแสแฟชั่น

บ้างก็ออกมาวิจารณ์ตามอารมณ์เจตนานอคติเอนเอียง

แม้บุคคลนั้น จะเป็นพระภิกษุสงฆ์ผู้คงแก่เรียนก็ตามที หลายรูปออกมาฟันธงลงไปเลยว่า ไอ้การเพ่งลูกแก้ว กำหนดศูนย์กลางกายเหนือสะดือขึ้นมา 2 นิ้ว ผิดเพี้ยน

ไม่ใช่หนทางดับทุกข์ กิเลสน้อยใหญ่ได้

ไม่ใช่วิชชาของพระพุทธเจ้า

สอนให้หลงติดยึดอยู่กับมโนภาพ ลมๆ แล้งๆ

บทความพิเศษที่ลงตีพิมพ์ก่อนนี้สามวัน คงพอเป็นแนวทางให้ผู้ที่มั่นคงในวิชชาธรรมกาย ได้เข้าใจในสิ่งที่ถูกต้อง และผู้ที่ไม่เข้าอาจได้เห็นแสงสว่างขึ้นมาบ้าง

การพูด หรือวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับพระพุทธศาสนา โดยเฉพาะการกำหนดเจาะจงลงไปที่ผู้ทรงศีล หรือพระภิกษุสงฆ์ เป็นเรื่องที่หมิ่นเหม่ ต่อคำว่า นรก และสวรรค์

ที่ผ่านมาใครจะมองผมว่า เป็นไอ้โง่ มืดบอด มากมีอวิชชาสั่งสมอยู่เต็มหัวก็ช่าง

บางท่าน แม้จะเคยร่วมงานบนถนนน้ำหมึกมาก่อน นอนด้วยกัน กินด้วยกันมา เมาเหมือนหมาหัวราน้ำ ก็ปฏิเสธที่จะใช้ชีวิตความเป็นเพื่อนสหายรักลงอย่างสิ้นเยื้อใย

หลายครั้งบทบาทหน้าที่ของผม ถูกสังคมมองภาพรวมไปว่า ปัจจัย หรือม่านสีม่วงเทาบังตา บดทับปัญญาของผม จนมืดมิด มองไม่เห็นดี ไม่รู้ชั่ว มองชั่วเป็นดี มองดีเป็นชั่ว ไปโน้น!

ผมไม่ถือโกรธ ผู้ที่มีความเห็นอย่างนั้นต่อผม

จะให้ผมโกรธไปได้อย่างไร เพราะสังคมส่วใหญ่กำลังยึดถือวัฒนธรรมดังกล่าว เป็นเรื่องปกติสามัญไปเสียแล้ว

แต่กรณีปัญหาวัดพระธรรมกาย ปัญหาพระราชภาวนาวิสุทธิ์ (พระธัมมชโย) ที่ผ่านมา อยากเรียนว่า รู้สึกเซ็งกับข้อกล่าวหามากมาย ร้อยแปดจริงๆ ครับ

ไม่รู้ว่าทำไมถึงมีเรื่องให้สังคมวิพากษ์วิจารณ์กันมากมายถึงเพียงนี้

แต่อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่เรื่องของการถอดใจ หรือพลิกลิ้นกลืนน้ำลาย กลับคำใดๆ ทั้งสิ้น

ยังคงยืนยันให้สังคมของเรา ยึดมั่นถือปฏิบัติตามกฎหมายบ้านเมือง

พระสงฆ์มีพระธรรมวินัยเป็นเครื่องขัดเกลากิเลสตัณหา อวิชชา

มีองค์กรที่ตราตั้งขึ้นตามกฎหมายดำเนินการควบคุมตรวจสอบหมู่สงฆ์ นั่นคือคณะกรรมการมหาเถรสมาคม หรือ มส.

มีพระเถระที่มีภูมิรู้ภูมิธรรม กำกับดูแล ที่สำคัญมีสมเด็จพระสังฆราช ทรงเป็นองค์ประธานอยู่

เรื่องลามกจกเปรต หากผิดเพี้ยนไปจากพระธรรมวินัยแล้ว ผมมั่นใจว่า พระเถระเหล่านั้น ท่านย่อมไม่ก้าวล่วงตัวแทนของพระศาสดาเอกโลกอย่างแน่นอน

อาจมีคำถามตามมาว่า อ้าว! แล้วทำไมที่ผ่านมาจึงเกิดกระวนการอุ้มพระธัมมชโย จนปัญหาธรรมกายยืดเยื้อมาเกือบขวบปี

หากพิจารณาอย่างรอบคอบ จะพบว่า ที่ผ่านมาการกล่าวหาพระธัมมชโยนั้น ดำเนินการถูกต้องตามพระธรรมวินัยหรือไม่ และดำเนินการถูกต้องตามหลักกฎหมายเพียงใด

ผมกล้ายืนยัน นอนยันเลยว่า ผู้ที่เกี่ยวข้องดำเนินการผิดพลาดข้ามขั้นตอนอยู่หลายกรณี ทั้งเรื่องกฎหมาย และพระธรรมวินัย

กรณีที่เด่นชัดก็คือ การกล่าวอ้างพระลิขิตสมเด็จพระสังฆราช ระบุว่า พระภิกษุถือครองที่ดินเป็นขอบตนเองให้ปาราชิก

พูดกันตรงๆ แฟร์ๆ ไม่ต้องเขิน และไม่ต้องกลัวคุก พระบัญชา หรือพระลิขิตของสมเด็จพระสังฆราช กฎมหาเถรสมาคม ว่าด้วยพระอำนาจของสมเด็จพระสังฆราช จะต้อง ไม่ขัดแย้ง กับกฎหมาย

ผมพูดแค่กรณีหลักๆ เพียงประเด็นเดียว เพราะเห็นว่า ภาพการดังกล่าวนั้นคาบเกี่ยวทั้งกฎหมายบ้านเมือง และพระธรรมวินัย

เพราะกฎหมายทางโลก แท้จริงได้ให้สิทธิอันชอบธรรมแด่พระภิกษุสงฆ์สามารถถือครองที่ดิน อีกทั้งยังสามารถโอนจ่ายแจก เฉกเช่นเดียวกับบุคคลทั่วไป

กรณีที่คาบเกี่ยวกับพระธรรมวินัย กล่าวคือ การอ้างพระลิขิต ซึ่งผมไม่ค่อยจะแน่ใจว่า สมเด็จพระสังฆราชจะทรงมีพระลิขิตที่นอกเหนือจากพระธรรมวินัย กล่าวคือ การปรับอาบัติ ปาราชิก พระภิกษุผู้ถือครองที่ดิน ซึ่งไม่เข้าข่ายอยู่ใน ปาราชิก 4 ตามพระธรรมวินัยแต่อย่างใด

อีกทั้งกรณีดังกล่าวไม่ได้เจาะจง และหรือจำกัดอยู่แต่มีผลบังคับใช้กับวัดพระธรรมกาย หรือพระธัมมชโยเท่านั้น หากแต่เป็นเรื่องของสังฆมณฑล คือ กระทบกระเทือน ไปยังหมู่สงฆ์ ที่มีที่ดินถือครองเป็นของตนเองทั่วประเทศไทย

ผมจึงไม่อาจปักใจเชื่อได้ว่า ภาพการที่เกิดขึ้น มีความโปร่งใสเพียงใด ในฐานะที่ผมเคยบวชเรียนอยู่ที่วัดบวรฯ ผมทราบดีว่า วัดบวรฯ เป็นอย่างไร โดยเฉพาะประมุขสงฆ์ สมเด็จ พระสังฆราช ที่ทรงมีเมตตาธิธรรมสูงส่ง

ข้อสงสัยเคลือบแคลงดังกล่าว กลับไม่ได้รับการตรวจสอบ จนกลายเป็นข้ออ้าง หรือคำถามในเวลาต่อมา

ต่อไปนี้แหละครับ กรณีธรรมกายกำลังจะเดินทางเข้าสู่กระบวนการปกติ ที่สังคมได้ช่วยกันคิดช่วยกันทำ กำหนดเป็นกลไกควบคุมสังคมให้อยู่ร่วมกันอย่างสันติสุข

ผมยังเชื่อว่า วัดพระธรรมกาย ไม่น่าจะมีอะไรปฏิเสธกระบวนการดังกล่าว

เพราะถือเป็นการพิสูจน์ความจริงอันยิ่ง ที่ทางวัดพระธรรมกายอ้างว่า ไม่ได้รับความเป็นธรรม ถูกกล่าวหา ใส่ร้ายป้ายสีมาโดยตลอด ทุกอย่างกำลังจะชัดเจนขึ้นแล้วครับ

โซตัส


[หน้าหลัก][หน้า1][วิวาทะ]