ปีที่ 2 ฉบับที่ 846 ประจำวันเสาร์ที่ 6 เดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2542

สหัสวรรษที่ 3

เกมมหาโหดของผู้มีอำนาจ ศึกศาสนาเพื่อรักษาฐานอำนาจ

ผมเห็นภาพพ่อค้าวัตถุโบราณจีนในปักกิ่ง กำลังเอาผ้าหุ้มพระพุทธรูปองค์ใหญ่ เพื่อเตรียมย้ายไปเก็บไว้ต้อนรับกฎหมายใหม่ของรัฐบาลจีนแดง ที่เพิ่งผ่านสภาเมื่อสองสามวันนี้ เป็น ภาพที่ชาวพุทธไม่อยากเห็น เพราะยุคการปราบปรามศาสนา และศรัทธาต่างๆ กำลังจะกลับเข้ามาครองเมืองจีนอีก

หลังจากที่ทำใจดีปล่อยให้เกิดเสรีภาพตามหลักสากล ซึ่งขัดกับความเชื่อของลัทธิคอมมิวนิสต์อย่างร้ายแรง เพราะคอมมิวนิสต์นั้นถือว่า ศาสนาเป็นยาเสพติดและเป็นพิษต่อ การปกครอง แบบเผด็จการ ทำให้การล้างสมองไม่ได้ผล

ในยุคที่ประเทศไทยถูกระบายสีเป็นสีชมพูแถวอีสาน เป็นเป้าหมายที่จะต้องถูกซิวให้กลายเป็นประเทศสีแดงตามเพื่อบ้านล้อมรอบ ทั้งพม่า ลาว เขมร และเวียดนาม เมื่อไม่นานมานี้เอง เป้าหมายสำคัญที่ถูกจ้องถล่มมาตลอด คือ พุทธศาสนาในเมืองไทย

เพราะไม่เพียงแต่จะเป็นหนึ่งในสีของธงไตรรงค์ของประเทศไทย หลักยึดของชฃาติที่ทำให้ประเทศไทยยืนหยัดต่อสู้ลัทธิจักรวรรดินิยมของชาติตะวันตกมาได้ ตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา จนถึงปัจจุบัน แต่ยังเป็นขวัญและที่ยึดของประชาชนชาวไทยทั้งชาติ ที่แทรกซึมเข้าไปอยู่ในจิตใจจนกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน ประเพณีอันดีงาม คุณธรรมในจิตใจ จนยุค หนึ่ง ได้ชื่อว่า สยามเมืองยิ้ม

เพราะจิตใจอันดีงามของคนไทยนี้เอง วันนี้ขบวนการคิดร้ายต่อศาสนา จึงได้กำเริบเสิบสานขึ้นอีกครั้ง เพราะมองว่า พุทธศาสนาเป็นศาสนาที่ไม่เคยสู้ใคร ได้แต่หนีลูกเดียว อามิตตา พุทธ แล้วยกมือไหว้ให้คนที่คิดร้าย

แม้แต่ผมจะเชื่อตามข้อมูลของทางราชการว่า บัดนี้ขบวนการคิดร้ายต่อประเทศไทย ได้สิ้นซากไปแล้ว ถอนรากถอนโคนไปแล้ว แต่ ณ วันนี้ผมคิดว่า เหตุการณ์ที่กำลังเกิดกับ พุทธ ศาสนา ในเมืองไทยขณะนี้ ที่เรากำลังหาไอ้โม่งว่า ใครคือตัวการ ขณะที่คนวัดเฝ้าแต่สงสัยว่า ใครอยู่เบื้องหลังบรรดานักวิชาการผู้อ้างตัวว่ารักชาติเหล่านี้ เขาทำไปทำไม เพราะคนวัด ไม่เคยทำให้ใครเดือดร้อน ทำไมเขาถึงกลัว ถึงเกลียดคนทำบุญ แทนที่จะรังเกียจคนทำชั่วซึ่งพาดหัวข่าวเต็มเมือง

แต่วงการผู้นำระดับประเทศไทย ไล่เรียงลงมาจนถึงบรรดาข้าราชการ ผู้กุมอำนาจรัฐในมือ กลับไม่สงสัย ไม่ติดตาม ไม่ตามล่าหาความจริง แต่กลับตามไล่ล่าชาววัดพระธรรมกาย ไล่ล่าเจ้าอาวาสวัด ไล่ขูดรีดค้นหาความผิด ไล่ล่าอยู่ข้างเดียวอย่างเมามัน และยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุด

ผมอ่านข่าวเมื่อเช้านี้ก็เริ่มถึงบางอ้อ ชักจะต่อภาพติด เพราะขณะนี้ รัฐบาลจีนแดงเริ่มขบวนการโหด และทำการปราบปรามอย่างจริงจังกับบรรดากลุ่มศาสนา และความเชื่อต่างๆ ในประเทศจีนทั้งประเทศ ไม่เพียงแต่การทุบตีอย่างทารุณกับกลุ่มฟาหลุนกง ซึ่งเป็นกลุ่มนั่นสมาธิและฝึกจิต ซึ่งแพร่หลายทั่วประเทศจีนอย่างรวดเร็ว

แต่เมื่อวานนนี้ ที่เมืองหูเป่ย ผู้นำของกลุ่ม ชีแป๊ะกง ก็ถูกจับข้อหา มีเงินครบคองกว่า 3 แสนบาท โดยผิดกฎหมาย และมีสีกาอีก 4 คน ซึ่งก็เป็นธรรมดาของระบบคอมมิวนิสต์ ที่ไม่ต้องมีรายละเอียดประกอบข้อหาให้ชัดนัก ตั้งข้อหาคลุมๆ แล้วก็จับเลย นี่ชักจะเลียนแบบเมืองไทยเสียแล้วนะนี่

เหตุการณ์ทั้งหมดนี้ เกิดขึ้นหลังจากที่รัฐบาลจีนได้ประกาศว่า กลุ่มฟาหลุนกง เป็นลัทธิที่ผิดกฎหมาย และรีบออกกฎหมายด่วนจี๋ ประกาศใช้ทันที และให้อำนาจตำรวจจัดการได้ทันที และขณะนี้กลุ่มศรัทธาแบบ "จี้กง" ซึ่งเป็นกลุ่มที่ใหญ่ที่สุดอีกกลุ่มหนึ่ง ในประเทศจีน ก็ถูกสอบสวนและไล่ล่า และเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมานี้ ผู้นำกลุ่ม "โก๊ะกง" ในมณฑลเสฉวน ก็ถูกจับ เรียบร้อย ข้อหาค้ากำไรเกินควร หลอกลวงประชาชน มอมเมาด้วยวัตถุมงคล

คำถามคือ รัฐบาลจีนแดงกลัวอะไร แน่นอนสิ่งที่รัฐบาลจีนหวั่นใจที่สุด เพราะในเมื่อรัฐบาลยอมเปิดประเทศให้ความเจริญเข้ามา ผลก็คือ ไม่เพียงความเจริญทางเทคโนโลยี ความ สะดวกสบายที่จะทะลักเข้าประเทศ บรรดาวัฒนธรรมต่างๆ ของจีนซึ่งถูกปราบปราม และเก็บกดมานานก็ถูกพัฒนาเข้าสู่จิตใจชาวจีนอีกครั้ง

กลุ่มที่ใหญ่ที่สุด คือ ฟาหลุนกง ซึ่งประมาณว่า มีอยู่เกือบ 100 ล้านคนในประเทศจีน เกิดขึ้นและแพร่หลายอย่างรวดเร็ว ในชั่วเวลาเพียง 7 ปี และขยายไปทั่วโลกด้วยความนิยมอย่างสูง เพราะเป็นการผสมผสานออกกำลังกายภายในกับการนั่งสมาธิ ซึ่งถูกจริตชาวจีนอย่างที่สุด

แต่นั่นคือ เท่ากับเป็นการทักทายอำนาจรัฐ ที่รัฐบาลจีนยอมไม่ได้เด็ดขาด เพราะเป็นการสั่นคลอนอำนาจเผด็จการในปกครองแผ่นดิน ที่อุตส่าห์หวงแหนมากกว่า 50 ปี จนเพิ่งจะ ฉลองชัย ไปเมื่อเดือนที่แล้วนี่เอง

การที่รัฐบาลจีนเริ่มไล่ล่ากลุ่มศาสนา ซึ่งรัฐบาลใช้ศัพท์ว่า "ลัทธิ" และ "องค์กรผิดกฎหมาย" นี้ ไม่เพียงแต่จะสร้างความประหวั่นพรั่นพรึงให้กับชาวจีนกว่าพันล้านทั่วประเทศ ซึ่งเต็มไปด้วยกลุ่มความเชื่อศาสนา และศรัทธาต่างๆ กว่า 2,000 สายทั่วประเทศจีน

แม้กลุ่มศาสนาคริสต์และนิกายอื่นๆ ก็ถูกห้าม โบสถ์บางแห่งถูกปิด และผู้นำหลายนิกายถูกประหารชีวิต ถูกจับติดคุก ทั้งที่มีสาวก และผู้นิยมศรัทธาหลายแสนคน และวันนี้บรรดา ผู้ศรัทธาเหล่านี้ก็หันจากการต่อสู้แบบอหิงสา ออกหน้าออกตาแต่ไร้ผล กลับกลายเป็นขบวนการต่อสู้ใต้ดินอย่างเงียบๆ

วันนี้ผมได้คำตอบในใจอีกข้อหนึ่ง ของตัวผมเองว่า เบื้องหลังของการไล่ล่า ทำลายภาพพจน์พุทธศาสนา ยุให้เกิดสงครามต่อสู้กันเอง โดยมีหัวหอกเป็น บุคคลที่มีชื่อเสียง ที่ผมเคยนับถือ ศรัทธา แต่บัดนี้ หลายคนได้ประกาศตัวอย่างชัดเจน เข้าร่วมขบวนการเหี้ยมเกรียม เอาเป็นเอาตาย ตามล่าตามล้างอย่างไม่ยอมหยุด และยังอยู่ดีมีสุข มีเงินมีทองร่ำรวย กลับได้รับ ยกย่องมากขึ้นในสังคม น่าจะมาจากต้นตออะไร เพิ่มจากกลุ่มเดิมที่ผมคิดในใจ

ทำไมถึงได้ทำงานเป็นขบวนการ มีข้อมูลข่าวกรองละเอียดยิบ สามารถหยิบแบ๊งก์สเตทเม้นท์ได้ทุกแบ๊งก์ ทั้งที่เป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย มีเงินมีทองจับจ่ายใช้สอนสะดวก จ้างใคร ก็ได้

แค่คิดก็หนาวครับ

สิงห์ขาว


[หน้าหลัก]