ปีที่ 2 ฉบับที่ 865 ประจำวันพฤหัสบดีที่ 25 เดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2542 |
เมื่อฆราวาสใช้อุบายล่อหลอกพระเป็นเครื่องมือทำมาหากิน
โลกของเรา ไม่เฉพาะแต่วันนี้ เป็นอย่างนี้ มาตั้งแต่ไหนแต่ไรมานานแล้ว นานจนขี้เกียจจะจำ ก็เรื่องโกหกพกลมนี่แหละ
คนบางประเภทน่าจะได้รับการยกเว้นไว้ ให้อยู่ในฐานะสูงส่ง ควรค่าแก่การเคารพสักการะของชาวบ้านชาวเมือง เช่น สถาบันพระสงฆ์องค์เจ้า
ไม่ควรอย่างยิ่ง
ที่คนทุศีลจะมุสา คำโต ไปประเคนให้ท่าน
โบราณท่านจัดอันดับเกี่ยวกับเรื่องโกหกไว้น่าสนใจกล่าวคือ บุคคลที่หลอกง่ายที่สุดคือ พระภิกษุ อันดับสอง คือ เด็ก ท้ายสุดคือ คุณสุภาพสตรี
นำพิสูจน์ด้วยเหตุผลที่ว่า พระท่านมีศีล 227 ข้อ มองสัตว์ร่วมเกิดแก่เจ็บตายด้วยความเมตตา เมื่อท่านบริสุทธิ์สะอาด จึงมองผู้อื่นบริสุทธิ์
ลืมไปได้เลยว่า จะมีมนุษย์หน้าไหนจ้องประเคน "มุสา" ต่อท่านบ้าง
เป็นที่น่าเสียดาย ไม่มีสถาบันใดสำรวจโพลเกี่ยวกับเรื่องการโกหกพกลม เพื่อจะได้ประมาณการได้ว่า ชาย-หญิง คนกลุ่มใดของสังคม
ตกเป็นเหยื่อของโลก
แห่งการโกหกหลอกลวง
มากที่สุด
พูดถึงเรื่องการโกหก ผมเชื่อว่า เด็กเนี้ยแหละครับ ลืมตาขึ้นมา ก็รับรู้และเชื่อฟังผู้ใหญ่ พ่อ แม่ จะหลอกล้ออย่างไรก็เชื่อ
ร้องไห้เสียงดัง ก็ต้องขู่เด็กว่า เดี๋ยวไอ้หง่าว ผีกระสือจะมากินตับ ล่อหลอกให้เด็กกินข้าว
สรุป เด็กถูกผู้ใหญ่หลอกมากที่สุด
แต่การหลอกของผู้ใหญ่นั้น เต็มไปด้วยความบริสุทธิ์ หวังดี รักใคร่เอ็นดู เป็นการหลอกที่ไม่จัดเข้าข่ายในมุสาวาท ไม่เป็นไปเพื่อการทำลายล้าง หลงงมงายในอวิชชา
นอกจากเด็กแล้ว ผมยังเป็นห่วงพระภิกษุสงฆ์ท่าน จะถูกคนทุศีลหลอกใช้เป็นเครื่องมือ
มีเรื่องคนใจบาปหลอกพระ เกิดขึ้นบ่อยครั้ง บางวัดถูกคนใจบาปยืมข้าวของเครื่องใช้ของวัด ถ้วย ภาชนะ โต๊ะหมู่บูชา ยืมแล้วไม่คืนเอาดื้อๆ
บางคนนิมนต์พระภิกษุสงฆ์ฉันเพลนอกวัด พระท่านเมื่อรับกิจนิมนต์แล้ว เมื่อถึงเวลาก็เตรียมครองผ้า ถือตาลปัตร สะพายย่าม คอยจนเข็มนาฬิกาจะชี้ไปตรงเลข 12
จึงจัดแจงสั่ง ไอ้จุกไอ้แกละ ไปซื้อก๋วยเตี๋ยวมาฉัน
เมื่อเร็วนี้ ก็คงจำกันได้ว่า มีคนมามุสาต่อ พระสุเมธาภรณ์ เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี ถูกหลอกว่า สมเด็จพระสังฆราช ทรงมีพระบัญชาให้เข้าเฝ้า
ถึงเวลานัดหมาย ท่านก็ไปยืนรออยู่ที่หน้าพระตำหนักปรากฏว่า ไม่มีพระบัญชา ที่สำคัญสมเด็จพระสังฆราชฯ ท่านทรงติดสมณกิจอีกต่างหาก
เรื่องใหญ่โตอย่างนี้ เกิดขึ้นบ่อยครั้งในวงการสงฆ์
ล่าสุด คราวนี้เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ วิชัย ตันศิริ ออกมาให้ข่าวใหญ่โตว่า ได้เข้าหารือกับพระมหาระแบบ พระราชธรรมนิเทศ หรือ พระเทพดิลก
ในอีก ไม่กี่วันข้างหน้านี้
วิชัยยืนยันว่า ได้รับความรู้จากพระมหาระแบบในการดำเนินการกับวัดพระธรรมกายอย่างมากมาย
ผมไม่อยากจะเชื่อว่า เป็นท่านเจ้าคุณจะเข้าไปข้องเกี่ยวกับกรณีวัดพระธรรมกาย
เนื่องจากสมเด็จพระสังฆราชฯ ทรงมีพระบัญชาห้ามพระลูกวัดบวรฯ ห้ามแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับกรณีธรรมกายอย่างเด็ดขาด
ไปถามเด็กวัดบวรฯ ก็สามารถยืนยันเรื่องนี้ได้
กรณีวัดพระธรรมกาย พระธัมมชโย และพระทัตตชีโว เป็นพระภิกษุเถรวาท ฝ่ายมหานิกาย
กรณีวัดบวรฯ เป็นพระภิกษุเถรวาทธรรมยุตนิกาย
พระธรรมวินัย กฎระเบียบข้อห้าม ข้อวัตรระหว่างธรรมยุตนิกาย และมหานิกาย มีความแตกต่างกันหลายเรื่อง
สงฆ์ท่านแม้จะอยู่เถรวาทเหมือนกัน แต่ต่างนิกายกัน ท่านก็ไม่ทำสังฆกรรมร่วมกัน
กรณีใหญ่โตขนาดนี้ สงฆ์ฝ่ายธรรมยุตจะเข้าไปยุ่งเกี่ยว ชี้นำ เพื่อยุติปัญหา ผมจึงไม่ค่อยจะมั่นใจท่าทีของรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการผู้นี้เสียแล้ว
การออกมาให้ข่าวของรัฐมนตรีวิชัย จะต้องออกมารับผิดชอบต่อคำพูดของท่าน
เพราะเรื่องนี้ ท่านเจ้าคุณที่มีปฏิบัติการก้าวหน้าตามที่เป็นข่าว เจ้าคุณระแบบก็จัดว่า เป็นพระดื้อรั้น ถ้าท่านเจ้าคุณไม่รู้เรื่องใดๆ ด้วย
ท่านรัฐมนตรี จะต้องแสดงความรับผิดชอบ
โดยเฉพาะรัฐมนตรีว่าการ สมศักดิ์ ปริศนานันทกุล โปรดใช้วิจารณญาณ พิจารณาให้ละเอียดถี่ถ้วนด้วย
อย่าเชื่อตามทีมที่ปรึกษา "ขี้เมา" เดี๋ยวจะเสียคนไม่รู้ด้วยนะ ไอ้ตือ
โซตัส