ปีที่ 2 ฉบับที่ 868 ประจำวันอาทิตย์ที่ 28 เดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2542 |
ละครน้ำเน่ากับวัดพระธรรมกาย - ปลาร้ากับแมลงวัน!
การทำลายล้าง "อัตตา" ที่หมายถึงความยึดมั่นถือมั่น ความเป็นตัวตน แท้จริงแล้วก็แค่อวิชชา แม้แต่ร่างกายของเราที่ประกอบไปด้วยธาตุ 4 ดิน น้ำ ลม ไฟ
ยังไม่สามารถรักษา
ให้คงทนอยู่ได้
ต้องมีอันเป็นไป กลับคืนไปสู่ธาตุทั้ง 4 อยู่วันยังค่ำ
ไม่มีใครเลยที่จะหักหาญฝ่ากฏธรรมชาตินี้ไปได้
กรณีวัดพระธรรมกาย โดยเฉพาะเจ้าสำนัก พระธัมมชโย ถูกสังคม และสื่อมวลชนจับขึ้นเขียงหมายชำแหละสาวไส้ความสกปรกลามก มากมายต่อข้อกล่าวหาร้อยพัน
โดยเฉพาะความเห็นที่ว่า พระธัมมชโยพ้นจากความเป็นพระไปแล้ว เป็นอดีตเจ้าอาวาส เป็นอลัชชี เป็นเดียรถีย์ เป็นพระปลอม
จนกลายเป็นคำคุ้นเคยสำหรับพระธัมมชโย ที่มีสมณะศักดิ์เป็นถึงท่านเจ้าคุณชั้นราชไปจนชินเสียแล้ว
ไม่แปลกอะไรเลย ที่สังคมจะมีความเห็นเช่นนั้น เพราะสื่อมวลชนต่างพากันทำหน้าที่เป็น "ศาลเตี้ย" ตัดสินความถูกต้องชอบธรรมไปแล้ว
เกือบขวบปีเรื่องราวาของวัดพระธรรมกาย และพระธัมมชโย ผมเฝ้าติดตามมาโดยตลอด ดูแล้วช่างเหมือนกับนวนิยาย หรือภาพยนตร์ ละครน้ำเน่า
ซึ่งละครน้ำเน่าเนี่ยแหละ ถ้าพิจารณาดูแล้ว แม้จะเป็นน้ำเน่าเหม็นเพียงใดก็ตาม ทว่าคนในสังคมนิยมชมชื่นเสพจนติดกันงอมแงม
ขอให้เน่าให้จริงเถอะ เน่าให้สนิท ยิ่งเหม็นเท่านไหร่ยิ่งมีคนชอบ
ไม่รู้ว่า เป็นอะไร ดูอย่างปลาร้าซิ มีหนอนขึ้นเต็มไห แทนที่ผู้คนจะรังเกียจ ตรงข้ามหนอนกลับเป็นสัญลักษณ์ "การันตี" ว่า ปลาร้าไหนั้น ปราศจากสารพิษ หรือยาฆ่าแมลง ดีดีที
เรื่องธรรมกาย ถือเป็นเรื่องที่เน่าสำหรับผม และผมก็เชื่อว่า คนในสังคมนิยมชมชื่นที่จะเสพ
เป็นที่น่าเสียดายที่คนในสังคม ดูหนัง ดูละคร แล้วกลับไม่นำแง่มุมที่เป็นคติธรรม มาเป็นเครื่องมือเตือนสติดำเนินชีวิต
พูดให้ชัดลงไป ก็พระภิกษุสงฆ์ เรานี่แหละ แทนที่จะช่วยกันกำจัดหนอน กลับทำตัวเป็นแมลงวันไข่รดซ้ำเติม เป็นตัวเร่งทำให้ดูราวกับว่า เป็นปลาร้าจริงๆ
ตามน้ำจิ้มน้ำปรุงของ
สื่อมวลชน
เมื่อก่อนวัดพระธรรมกาย
เป็นปลากระป๋องปลาทูน่่าชั้นดี สั่งตรงมาจากนอก แต่สื่อมวลชนไทยเก่ง ชักชวนแมลงวันจากทั่วสารทิศ ไข่ลงไปในกระป๋องปลาทูน่า
จนกลายเป็นปลาร้า
สมใจนึกไปเสียฉิบ
ข้อกล่าวหาทางโลก กำลังรอการพิสูจน์จากกระบวนการตุลาการ
ส่วนข้อกล่าวหาทางธรรม ก็กำลังมีความพยายามที่จะล้มคณะปกครองสงฆ์ นั่นคือ คณะกรรมการมหาเถรสมาคม
เพื่อตั้งคณะวินัยธร ชี้ถูกผิดสงฆ์ ผู้ต้องอธิกรณ์ อย่างเร่งด่วน ทันอกทันใจชาวโลก
จึงมีความพยายามที่จะสร้างภาพให้หมู่สงฆ์ และชาวพุทธได้ เห็นว่า พระธัมมชโยนอกรีตนอกพระธรรมวินัยอยู่ตลอดเวลา เป็นพระที่ไม่เคารพในพระธรรมของพระพุทธเจ้า บิดเบือนคำสอนของพระบรมศาสดา และไม่ให้ความเคารพพระผู้ปกครอง พยายามตั้งตนเป็นรัฐอิสระ
ความพยายามดังกล่าวประสบความสำเร็จเป็นอย่างยิ่ง มีพระเถระหลายรูปลงความเห็นว่า พระธัมมชโยมีความผิด และพฤติกรรมเช่นนั้น จริงๆ โดยที่ยังไม่มีการไต่สวนข้อเท็จจริง
ผมอยากถามว่า ถึงวันนี้ พระธัมมชโยท่านเคยพูดปฏิเสธพระรัตนตรัยหรือไม่ เคยพูดไม่เคารพกฎมหาเถรสมาคมหรือไม่ เคยประพฤติสิ่งใดขัดต่อพระผู้บังคับบัญชาหรือไม่
ท่านธัมมชโยเคยพูดหรือไม่ว่า ต้องการแยกนิกาย ตั้งนิกายใหม่ ก็ไม่เคย
พฤติกรรมล่าสุดของพระธัมมชโย หลังจากฟื้นจากอาการอาพาธ
พระสุเมธาภรณ์ เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี ในฐานะผู้บังคับบัญชาได้เดินทางไปที่วัดพระธรรมกาย เพื่อตรวจกิจการสงฆ์ระหว่างการเปิดสอบ ธรรมสนามหลวงประจำปี
เป็นกิจของเจ้าคณะจังหวัด ที่จะเดินทางไปดูแลให้ความสำคัญกับวัดที่มีการสอบธรรมสนามหลวง ซึ่งวัดพระธรรมกาย มีพระนักศึกษาสอบมากที่สุด
เป็นวัดใหญ่ที่มีศักยภาพ
ในการอบรมบ่มความรู้มากที่สุด
ผมเขียนถึงตรงนี้ ก็ต้องออกตัวไว้ก่อน ไม่ใช่ผมติดยึดแต่วัตถุที่มีความใหญ่โตโอฬาร แต่ต้องพูดต้องเขียน เพราะต้องการชี้ให้เห็นถึงประโยชน์ และทางเจริญ
ถ้าผมจำไม่ผิดวันนั้นตรงกับวันพฤหัสบดีที่ 25 พฤศจิกายน ท่านเจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี ได้ไปปรากฏตัวอยู่ที่วัดพระธรรมกาย
เพื่อตรวจสอบความเรียบร้อย
ในการสอบธรรม สนามหลวง
ท่านธัมมชโย ได้เข้าไปก้มกราบพระสุเมธาภรณ์ อย่างนบนอบที่สุด เป็นภาพที่น่ารัก และสมควรนำไปเป็นแบบอย่าง
ไม่มีภาพแห่งความขัดแย้งใดตามที่สื่อมวลชนพากันกล่าวมาโดยตลอด
ท่านธัมมชโยพูดด้วยน้ำเสียงอันแหบพร่าว่า กระผมเพิ่งหายจากอาการป่วยไข้ ที่ผ่านมากว่า 30 ปี ยังคงให้ความเคารพนับถือท่านเจ้าคณะจังหวัด มาโดยตลอด
และพร้อมที่จะให้ ความ
ช่วยเหลือ เพื่อกิจการทางสงฆ์กับท่าน ทุกๆ ด้าน
นี่คือการทำลายอัตตายิ่งของพระธัมมชโย แม้ท่านจะมีสมณศักดิ์ที่สูงกว่า แต่พระท่านจะนับพรรษา นับอาวุโส นี่คือข้อวัตรที่สงฆ์พึงปฏิบัติต่อกัน
โซตัส