ปีที่ 2 ฉบับที่ 871 ประจำวันพุธที่ 1 เดือนธันวาคม พ.ศ. 2542 |
ทหารพุทธพบเถระ จี้เอาผิด "ไตรปิฎก"
ชมรมพุทธสามเหล่าทัพเคลื่อนไหวต่อ บุกยื่นหนังสือและหลักฐาน การปลอมปนพระไตรปิฎก ฉบับ CD-ROM แก่มหาเถรสมาคม สมเด็จวัดชนะฯ แนะนำให้ยื่นให้ครบทุกรูป เพื่อจะได้นำเป็นข้อมูลในการวินิจฉัยของมส.ในครั้งต่อไป ด้านพระศรีปริยัติวโรปการณ์เปิดแถลงการณ์ หลังพระธัมมชโยและพระทัตตะชีโว ไม่ไปรับฟังคำกล่าวหา
รอตัดสินหลัง วันที่ 5 ธ.ค.
พระสุเมธาภรณ์ เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี เจ้าอาวาสวัดมูลจินดาราม กล่าวว่า ตามที่ได้มีหนังสือเรียกพระธัมมชโย และพระทัตตชีโว มารับทราบข้อกล่าวหาในเวลา 13.30 น. เมื่อวานนี้ แต่เนื่องจากพระทั้งสองรูป ได้มีหนังสือลงวันที่ 28 พ.ย.42 ปฏิเสธการมารับทราบข้อกล่าวหาตามวันเวลาดังกล่าว โดยกล่าวอ้างว่า
การพิจารณาของผู้พิจารณา
เบื้องต้น เป็นอันถึงที่สุดแล้ว รวมทั้งเจ้าคณะจังหวัดไม่มีอำนาจสั่งการในเรื่องนี้อีกต่อไป แต่ทางวัดมูลจินดาราม ก็ได้มีการจัดเตรียมการทุกอย่างเอาไว้ เหมือนกับทุกครั้งที่ผ่านมา เพราะอาจมีเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้น เพื่อให้ขั้นตอนเป็นไปตามกฎนิคหกรรม
ตามสายบังคับบัญชาของผู้พิจารณานั้น ขณะนี้เหลือทางเลือก 2 ทาง คิดไว้ในใจแล้ว แต่อย่างไรก็ตาม คงต้องรายงานไปยัง พระพรหมโมลี เจ้าคณะภาค 1 ก่อน
ด้านพระปริยัติวโรปการ รักษาการเจ้าคณะตำบลคลอง 1 แถลงการณ์ว่า จากการที่วัดพระธรรมกาย มีหนังสือปฏิเสธรับข้อกล่าวหา โดยอ้างเหตุผลเดิมว่า
กระบวนการนิคหกรรม
ได้สิ้นสุดไปแล้ว ตั้งแต่วันที่ 13 ส.ค.42 โดยพระพรหมโมลี เจ้าคณะภาค 1 ได้ส่งคืนคำฟ้องของฆราวาส ที่ยื่นฟ้องนิคหกรรม นอกจากนี้ ทางฝ่ายวัดพระธรรมกายยังระบุว่า เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี ไม่มีอำนาจสั่งการอีกต่อไป
ทางเจ้าคณะจังหวัด ขอยืนยันในสิ่งที่ได้ดำเนินการมาทั้งหมด ถูกต้อง ตามมติมหาเถรสมาคม ซึ่งถือเป็นองค์กรสูงสุดของสงฆ์ทุกประการ เมื่อผู้ถูกกล่าวหา
ไม่มารับทราบ ข้อกล่าวหา เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี จะรายงานเรื่องทั้งหมด ให้เจ้าคณะภาค 1 ทราบ รวมทั้งรายงานผ่านอธิบดีกรมการศาสนา ให้มหาเถรสมาคมรับทราบด้วย
ในส่วนของ เจัาคณะภาค 1 จะไม่ส่งเอกสาร หลักฐาน และคำกล่าวหาของฆราวาสเช่นครั้งที่ผ่านมา แต่จะให้เจ้าคณะภาค 1 วินิจฉัยเองว่า จะให้ดำเนินการต่อไปอย่างไร
แม้ว่าเจ้าคณะจังหวัดจะมีความรู้น้อย แต่ก็มีสำนึกว่า ที่ผ่านมา มหาเถรสมาคมพิจารณาว่า คำวินิจฉัยให้คำฟ้องของฆราวาส ไม่สอดคล้องกับกฎนิคหกรรม ซึ่งเท่ากับว่า สิ่งที่ได้กระทำไปเป็นการกระทำไม่ถูกต้อง และการกระทำครั้งนี้ ทำโดยบริสุทธิ์ใจ ตามอำนาจหน้าที่ที่มี ไม่ได้มีอคติกับใคร
พระปริยัติวโรปการ กล่าวอีกว่า สำหรับการที่พระทั้งสองรูป ไม่มารับทราบข้อกล่าวหา จะเท่ากับเป็นการขัดคำสั่งผู้บังคับบัญชา เข้าข่ายต้องถูกปลดจากตำแหน่ง
ตามหลัก พระสังฆาธิการ ต้องสังวรการปฏิบัติหน้าที่ของตนเอง ต้องเชื่อฟังผู้บังคับบัญชา เมื่อผู้บังคับบัญชามีคำสั่งโดยชอบธรรม ตามขอบเขตพระธรรมวินัย และกฎต่างๆ ของสงฆ์ หากไม่ดำเนินการตม ก็สามารถพิจารณาโทษได้ แต่จะเป็นเมื่อใดยังบอกไม่ได้ คงต้องเป็นหลังวันที่ 5 ธ.ค.ผ่านไปแล้ว
นอกจากนี้ ยังมีเรื่องที่เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ตกเป็นจำเลยในคดีอาญา ตนในฐานะรักษาการเจ้าคณะตำบลคลอง 1 จะต้องพิจารณาว่า ควรสั่งพักตำแหน่งเจ้าอาวาสหรือไม่ ซึ่งจะขอรอเวลาพร้อมไปกับเรื่องที่ไม่มารับฟังข้อกล่าวหา ที่ผ่านมาได้ใช้ความเมตตา ดำเนินการในเรื่องนี้มาโดยตลอด เมื่อเมตตาแล้วแก้ไขอะไรไม่ได้
ก็ต้องถึงเวลาที่จะใช้
ความกร้าวแกร่งเข้าแก้ไข
พระสุเมธาภรณ์กล่าวเช่นเดียวกันว่า เรื่องจะสั่งพักตำแหน่งเจ้าอาวาส รองเจ้าอาวาส ของพระทั้งสองรูป มีคำตอบอยู่ในใจแล้ว ถึงเวลาเหมาะสมจะเปิดเผย
ด้านชมรมพุทธสามเหล่าทัพ ได้ออกแถลงการณ์ เรื่องกราบถวายข้อมูล "การทำลายความมั่นคงของสถาบันพุทธศาสนา" ถึงกรรมการมหาเถรสมาคมทุกรูป โดย พ.อ.บรรจง ไชยลังกา ประธานชมรมชาวพุทธสามเหล่าทัพ ได้เข้ายื่นหนังสือต่อกรรมการมหาเถรสมาคมทุกรูป โดยข้อมูลที่มอบให้ เป็นหลักฐานการบิดเบือนปลอมปน
ตัดต่อแต่งเติม
พระไตรปิฎกขึ้นใหม่ เป็นพระไตรปิฎกฉบับ CD-ROM ซึ่งจัดทำขึ้นโดยมหาวิทยาลัยมหิดล และ พระธรรมปิฎก (ปอ.ปยุตโต)
โดยวัดบวรนิเวศวิหาร มีพระสะท้าน (พระเลขาฯในสมเด็จพระสังฆราชฯ) เป็นผู้เซ็นรับเอกสาร และวัดชนะสงคราม สมเด็จพระมหาธีราจารย์ เป็นผู้รับเอกสาร และกล่าวชื่นชมว่า ที่ชมรมชาวพุทธสามเหล่าทัพ สนใจในเรื่องพระไตรปิฎก ถือเป็นเรื่องที่ดี เพราะพระไตรปิฎกเป็นหลักของพระพุทธศาสนา จะให้ใครมาบิดเบือน หรือปลอมปนมิได้ พร้อมกันนั้น ท่านยังได้มอบพระผงรุ่นวัดชนะสงคราม เพื่อเป็นกำลังใจในการปกป้องภัย และแนะนำให้ไปยื่นเอกสาร ยังมหาเถรสมาคมรูปอื่นๆ อีกด้วย เพื่อจะได้ศึกษาข้อมูล และนำเสนอในการประชุมมหาเถรสมาคมครั้งต่อไป
ขณะเดียวกัน พ.ต.อ.บรรจบ สุดใจ อดีตผู้กำกับการสถานีตำรวจนครบาล สน.ท่าข้าม ได้นำหนังสือยื่นต่อเจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี เรียกร้องให้คณะสงฆ์
พิจารณาสึกพระธัมมชโย
จากการเป็นพระ ทั้งนี้ พ.ต.อ.บรรจบ เป็นผู้หนึ่งที่ได้ยื่นร้องทุกข์กล่าวโทษกับพระธัมมชโย ในข้อหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชน ต่อพนักงานสอบสวน กองปราบปราม
และอยู่ในระหว่าง
การสอบสวน
พ.ต.อ.บรรจบ กล่าวว่า พระธัมมชโยมีความผิดบิดเบือนคำสอน อวดอุตริมนุสธรรม และต้องคดีอาญา จึงควรต้องอาบัติปาราชิก จากความเป็นพระภิกษุ
การพิจารณาอธิกรณ์ ของสงฆ์ ควรเน้นที่การค้นหาความจริงว่า ผู้ถูกกล่าวหากระทำผิดจริงหรือไม่ โดยดูที่พยานหลักฐานของเจ้าหน้าที่ตำรวจประกอบด้วย และขอวิงวอนผู้ที่เกี่ยวข้อง
พิจารณาปัญหา วัดพระธรรมกาย ให้แล้วเสร็จ อย่าให้เกิดความสับสนขึ้นในหมู่ชาวพุทธ
[หน้าหลัก][หน้า1] |