ปีที่ 2 ฉบับที่ 887 ประจำวันศุกร์ที่ 17 เดือนธันวาคม พ.ศ. 2542 |
'พระธัมมชโย' ปฏิเสธ ประกันตัว 8 ล้านสู้คดี
อัยการสั่งฟ้องพระธัมมชโย-ศิษย์ คดียักยอกแล้ว ขณะที่พระธัมมชโยและศิษย์ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา พร้อมประกันตัวด้วยวงเงินคนละ 3 ล้าน โดยศาลนัดสืบพยานโจทก์นัดแรก 12 ม.ค.43
เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 18 ธันวาคม นายพันธ์ สุรยะพร รองอัยการสูงสุด แถลงผลการสั่งคดีทุจริตเงินวัดพระธรรมกาย คดีที่ 2 ว่า คณะทำงานอัยการได้พิจารณาสำนวนคดีนี้ พบหลักฐานการเบิกเงินจากบัญชีของวัดพระธรรมกาย ที่ฝากไว้กับธนาคารต่างๆ รวม 14 ครั้ง ในระหว่างปี 2534 - 2536 เป็นเงินทั้งสิ้น 29,877,000 บาท
แล้วโอนไปเข้าบัญชี ของ
นายถาวร พรหมถาวรลูกศิษย์คนสนิทของพระราชภาวนาวิสุทธิ์ หรือพระธัมมชโย จากนั้น มีการยักยอกเงินดังกล่าวไปซื้อที่ดิน
ที่จังหวัดเพชรบูรณ์
แล้วใส่ชื่อเป็นของ พระ ธัมมชโย ซึ่งถือเป็นความผิดฐานร่วมกันเบียดบัง ยักยอกเงิน เพื่อประโยชน์ของตนเองและพวกพ้อง
คณะทำงานจึงมีคำสั่งฟ้องพระธัมมชโยในข้อหา เป็นเจ้าพนักงานเบียดบังทรัพย์เป็นของตนเอง หรือผู้อื่น โดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147
และข้อหาเป็น เจ้าพนักงาน ปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต และมิชอบ ทำให้เกิดความเสียหายแก่ผู้ใดผู้หนึ่ง ตามมาตรา 157 กับสั่งฟ้องนายถาวร พรหมถาวร ในข้อหาสนับสนุนเจ้าพนักงาน
กระทำผิด ทั้งสองกรณี
รองอัยการสูงสุด กล่าวว่า การยื่นฟ้องพระธัมมชโยและนายถาวรคดีที่สองนี้ อัยการจะขอให้ศาลลงโทษ เรียงกระทงตามความผิดที่ได้กระทำไปทั้งหมด 14 ครั้ง
และขอให้ศาล
นับโทษต่อจากคดีแรกที่ฟ้องไปแล้ว 5 กระทงความผิด กับขอให้ผู้ต้องหาทั้งสองร่วมกันชดใช้เงินจำนวน 29,877,000 คืนแก่วัดพระธรรมกายผู้เสียหายด้วย
ส่วนผู้ต้องหาอีก 2 คน ในคดีเดียวกันนี้ คือ น.ส.อมรรัตน์ สุวิพัฒน์ หรือสีกาตุ้ย และนายมัยฤทธิ์ ปิตวนิช คณะทำงานอัยการ ยังไม่มีคำสั่งคดีในวันนี้
เนื่องจาก ได้สั่งให้พนักงาน
สอบสวนทำการสอบเพิ่มเติมเกี่ยวกับหลักฐานการเงิน และประเด็นอื่นๆ หากพนักงานสอบสวนรายงานผลการสอบสวนเพิ่มเติมมาให้ ก็จะนัดผู้ต้องหามาฟังคำสั่งคดีในโอกาสต่อไป
ต่อมาเวลา 14.00 น. พระธัมมชโย และนายถาวร เดินทางมาพบพนักงานอัยการสูงสุด ถ.รัชดาภิเษก เพื่อรับทราบคำสั่งฟ้องของอัยการ
โดยมีพระทัตตชีโว และพระจาก
วัดพระธรรมกาย พรัอมด้วยลูกศิษย์วัดหลายร้อยคน รวมทั้ง นายผ่อง เล่งอี้ อดีตอธิบดีกรมป่าไม้ เดินทางมาให้กำลังใจเหมือนเช่นเคย จากนั้น อัยการได้นำตัวผู้ต้องหาทั้งสอง ไปยื่นฟ้องต่อศาลอาญา
พนักงานอัยการโดยนายสุเวช จิตมหาวงศ์ ได้ยื่นคำฟ้องพระธัมมชโย และนายถาวร พรหมถาวร ต่อศาลอาญา
ในข้อหาเป็นเจ้าพนักงาน
และสนับสนุนเจ้าพนักงาน
ผู้มีหน้าที่ รักษาทรัพย์ใด เบียดบังเอาทรัพย์นั้น เป็นของตนเอง หรือผู้อื่นโดยทุจริตและข้อหาเป็นเจ้าพนักงานและสนับสนุนเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต และโดยมิชอบ
เพื่อให้เกิด
ความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด
ตามคำฟ้องของอัยการได้ระบุรายละเอียดการรร่วมกันและสนับสนุนกัน กระทำความผิดต่อกฎหมายหลายกรรมต่างวาระ รวมทั้งสิ้น 14 ครั้ง ตั้งแต่วันที่ 9 ธันวาคม 2534-2536 โดยจำเลยทั้งสอง ร่วมกันเบียดบังยักยอกเอาเงินของวัดพระธรรมกาย ที่ฝากไว้กับธนาคารต่างๆ หลายแห่ง รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 29,877,000 บาท
แล้วนำเงินไปซื้อที่ดิน
ในจังหวัด
เพชรบูรณ์และจังหวัดพิจิตร ใส่ชื่อพระธัมมชโย เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ กับนำเงินไปซื้อทรัพย์สินและใช้จ่ายอื่นๆ ในนามของจำเลยทั้งสอง กับพวก
ทำให้เกิดความเสียหายแก่
วัดพระธรรมกาย ผู้อื่น และประชาชน
จำเลยทั้งสองเข้ามอบตัวต่อพนักงานสอบสวนกองปราบปราม เมื่อวันที่ 28 ตุลาคม 2542 โดยให้การปฏิเสธทั้งคู่
ท้ายคำฟ้องพนักงานอัยการขอให้ศาลลงโทษจำเลยทั้งสอง
ตาม ความผิด โดยขอให้นับโทษต่อจากคดีแรก ที่ฟ้องไปก่อนหน้านี้ กับขอให้ศาลสั่งให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชดใช้เงิน จำนวน 29,877,000 บาท คืนแก่วัดพระธรรมกายผู้เสียหายด้วย
หลังจากอัยการยื่นฟ้องและตำตัวจำเลยทั้งสองให้ศาลสอบคำให้การ ปรากฏว่า จำเลยทั้งสองยังคงให้การปฏิเสธและศาลนัดสืบพยานโจทก์ครั้งแรกในวันที่ 12 มกราคม 2543 โดยจำเลยทั้งสองใช้หลักทรัพย์คนละ 8 ล้านบาท ขอประกันตัวออกไปต่อสู้คดี
[หน้าหลัก][หน้า1] |