ปีที่ 2 ฉบับที่ 891 ประจำวันอังคารที่ 21 เดือนธันวาคม พ.ศ. 2542 |
สมศักดิ์โหด บี้ธรรมกาย ขุดจากหลุม ผีนิคหกรรม
สมศักดิ์ ตีความมติมส.เข้าข้างตัวเอง อ้างต้องดำเนินการตามกฎนิคหกรรมพระธัมมชโยต่อ เพียงรอให้ มีชัย ฤชุพันธ์ และ จรวย หนูคง เซ็นรับรองเอกสารเท่านั้น ด้านวิชัย ตันศิริ ยังไม่มั่นใจ สมเด็จพระมหาธีราจารย์ จะพิจารณาโทษ พระพรหมโมลี หรือไม่
นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เปิดเผยว่า ได้เรียกนายอุดม สุขสุวรรณรองอธิบดีกรมการศาสนา
มาหารือเกี่ยวกับการดำเนินการ
กรณี พระธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ตามกฎนิคหกรรม โดยที่ประชุมกรรมการมหาเถรสมาคม เมื่อวันที่ 17 ธันวาคม
ได้ให้กรมการศาสนาประสานกับผู้เชี่ยวชาญ
ด้าน กฎหมาย คือ นายมีชัย ฤชุพันธ์ ประธานวุฒิสภา และนายจรวย หนูคง ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ รับรองเอกสารการประชุมมหาเถรสมาคม วันที่ 16 ตุลาคม ที่มีการระบุว่า ฆราวาสกล่าวหาพระสงฆ์ได้ และคำว่า การดำเนินการที่ไม่สอดคล้องตามกฏนิคหกรรมแท้จริง คือตามขั้นตอนใด
ขณะนี้ กรมการศาสนาได้บันทึกรายละเอียดเรื่องนี้เสร็จแล้ว นายจรวยจะได้ลงนามรับรอง จากนั้น จะเหลือเพียงส่งให้นายมีชัย ฤชุพันธ์ เซ็นรับรอง
จะพยายามดำเนินการ ให้แล้ว
เสร็จภายในสัปดาห์นี้ และในสัปดาห์หน้า จะเริ่มดำเนินการตามกฎนิคหกรรมกับพระธัมมชโยได้ หลังจากที่กรมการศาสนานำบันทึกที่ผ่านการรับรองนี้
ถวายสมเด็จพระมหา ธีราจารย์ เจ้าคณะใหญ่ หนกลาง พิจารณาสั้งการตามอำนาจหน้าที่
นายสมศักดิ์ กล่าวด้วยว่า สำหรับบันทึกรายละเอียดขั้นตอนเท่าที่ตนได้ดูคร่าวๆ แล้ว คำว่า ไม่สอดคล้องกับกฎนิคหกรรม คือ
กรณีที่คณะผู้พิจารณายังไม่ได้ดำเนินการ
ให้เป็น
ไปตามกฎและขั้นตอนที่วางไว้ ซึ่งจะต้องดำเนินการใหม่ในขึ้นตอนนี้คือ นำเรื่องเข้าสู่การไต่สวนของคณะผู้พิจารณาโดยไม่ต้องเรียกผู้ถูกกล่าวหา มารับฟังข้อกล่าวหากันอีก และตนมั่นใจว่า ครั้งนี้ พระพรหมโมลี เจ้าคณะภาค 1 คงจะไม่ให้มีการตีความอีกแล้ว เนื่องจากเมื่อครั้งที่ตนเข้านมัสการพระพรหมโมลี ก็บอกว่า ยังไม่มั่นใจกับคำว่า
ไม่สอดคล้อง เท่านั้น
ในความจริง ก็ต้องการปฏิบัติให้เป็นไปตามกฎนิคหกรรม และได้ขอร้องให้มหาเถรสมาคม ชี้ชัดคำว่า ไม่สอดคล้อง มีมติชัดเจนแล้ว ทุกอย่างน่าจะได้ข้อยุติ
และเร่งเข้าสู่ กระบวนการ
ไต่สวน เพื่อให้พ้นความเคลือบแคลงสงสัย
ด้านนายจรวย กล่าวว่า คำว่าไม่สอดคล้องนั้น ที่สำคัญคือ การที่เจ้าคณะภาค 1 ได้เรียกสำนวนคำกล่าวหาจากพระสุเมธาภรณ์ เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี
หรือเรียก คณะ ผู้พิจารณาชี้นต้น มาประชุมแล้ว ตัดสินให้ยกคำกล่าวหาของ นายมาณพ พลไพรินทร์ ผู้เชี่ยวชาญพิเศษกรมการศาสนา และ นายสมพร เทพสิทธา
ประธานสภา ยุวพุทธิกสมาคม
แห่งชาติ ซึ่งจริงๆ แล้ว ขั้นตอนดังกล่าวอยู่ในระหว่างที่เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี กำลังเรียกพระธัมมชโย และพระทัตตชีโว มารับทราบข้อกล่าวหา ซึ่งจะมาหรือไม่ เป็นอีกเรื่องหนึ่ง
แต่ไม่ใช่เจ้าคณะภาค 1 ไปตัดสินยกคำกล่าวหา ถือว่าไม่ถูกต้องเพราะยังไม่ถึงขั้นตอนที่เจ้าคณะภาค 1 จะดำเนินการ ไม่ว่าจะเป็นเจ้าคณะรูปใด หากทำเช่นนี้ ก็ถือว่า ไม่ดำเนินการตามกฎนิคหกรรม ตามที่กรมการศาสนา หรือ ฆราวาสเข้ามาช่วยเหลืองานด้านสงฆ์ เพราะต้องการให้คนภายนอกเห็นว่า พระสงฆ์ก็มีการศึกษา
ไม่ด้อยกว่า ประชาชน ศาล หรือตำรวจ การเป็นธุระให้ในด้านต่างๆ เพื่อไม่ให้เกิดความอับอายขึ้น ตนไม่ได้ต้องการตัดสินว่า ใครผิดหรือถูก
แต่ต้องการให้เรื่องเป็นไปตาม
กระบวนการ นิคหกรรมเท่านั้น
นายวิชัย ตันศิริ รมช.ศึกษาธิการกล่าวว่า เมื่อสมเด็จพระมหาธีราจารย์ ได้รับรายงานคำชี้แจงจากกรมการศาสนาว่า คณะผู้พิจารณาชั้นต้น ได้ทำผิดขั้นตอนใด
และไม่สอดคล้อง กับกฎนิคหกรรมอย่างไรแล้ว ซึ่งนอกจากจะมีคำสั่งให้ดำเนินการตามกฎนิคหกรรมต่อไป ท่านคงพิจารณาเจตนาของพระพรหมโมลี ในฐานะประธานคณะผู้พิจารณาชั้นต้น
ที่ได้ มีการวินิจฉัย ไม่รับคำกล่าวหาว่า ที่ทำไปโดยเจตนาเช่นใด ด้วยความบริสุทธิ์ใจ หรือจงใจจะให้การช่วยเหลือพระธัมมชโย แต่ตนยังไม่ทราบว่า
หลังจากที่สมเด็จ พระมหา ธีราจารย์
ได้พิจารณาแล้ว จะลงโทษพระพรหมโมลีหรือไม่
[หน้าหลัก][หน้า1] |