ประเพณีและวัฒนธรรมม้ง         Hmong's Culture and Traditions.

 


การแต่งกายของชนเผ่าม้ง

           การแต่งกายของชนเผ่าม้ง มีเครื่องแต่งกายที่แตกต่างกันระหว่างม้งขาว(ม้งเด๊อะ)และม้งเขียว(ม้งจั๊วะ) โดยมีลักษณะดังนี้

ม้งขาว

            -ชาย

         เสื้อแขนยาวจรดข้อมือ ชายเสื้อจะยาวคลุมเอว ต้นหน้ามีสาบเสื้อสองข้างลงมาตลอดแนวสายเสื้อลงไปยังชายเสื้อด้านหลังมักจะปักลวดลายสวยงามด้วย ปัจจุบันนิยมใส่ซิปลงขอบสาบเสื้อ เพื่อสะดวกในการใส่ ส่วนกางเกงจะสวมใส่กางเกงขาก๊วย หรือกางเกงจีนเป้าตื้น ขาบาน มีลวดลายน้อย และใส่ผ้าพันเอวสีแดงคาดทับกางเกงและอาจมีเข็มขัดเงินคาดทับอีกชั้นหนึ่งด้วยเหมือนกัน

            -หญิง

         เสื้อเป็นสีน้ำเงินเข้มหรือดำ แต่ปัจจุบันก็มีการเปลี่ยนแปลงให้มีหลากสีมากขึ้น เป็นเสื้อแขนยาว ซึ่งที่ปลายแขนนี้ มีการปักลวดลายใส่ด้านหน้ามีสาบเสื้อสองข้างลงมา และมีการปักลวดลายใส่ด้วย การแต่งกายของหญิงม้งขาว(ม้งเด๊อะ) เดิมจะสวมกระโปรงจีบรอบตัวสีขาวล้วนไม่มีการปักลวดลายใดๆ เมื่อสวมใส่จะปล่อยรอยผ่าไว้ด้านหน้า พร้อมกับมีผ้าสี่เหลี่ยมยาวปักลวดลายปิดทับรอยผ่า มีผ้าแถบสีแดงคาดเอวไว้ชั้นหนึ่ง โดยผูกปล่อยชายเป็นหางไดว้ด้านหลัง ปัจจุบันนิยมใส่กระโปรงสีขาวเฉพาะงานสำคัญเท่านั้น เพราะกระโปรงขาวเปรอะเปื้อนได้ง่ายจึงหันมานิยมสวมกางเกงทรงจีนกับเสื้อแทนกระโปรงและมีผ้าสี่เหลี่ยมผืนยาวห้อยลงทั้งด้านหน้าและหลัง ผ้านี้มักจะปักลวดลายสวยงามมีผ้าแถบสีแดงคาดเอว     สำหรับเครื่องโพกผมของหญิงม้งขาวนั้น นิยมพันมวยผมคล้อยมาด้าน้หน้าและใช้ผ้าสีดำโพกผมเป็นวงรอบศีรษะ โดยมีการปักลวดลายไว้ด้วย นอกจากนี้ยังมีว่วนประกอบเพิ่มเติม ซึ่งมักจะสวมใส่กันในงานสำคัญจำพวกเครื่องเงิน กำไลคอ กำไลข้อมือ ตุ้มหู แหวน รวมั้งเหรียญเงินขนาดต่างๆ ทั้งรูปวงกลมและสามเหลี่ยมที่ประดับตามเสื้อผ้าแพรพรรณ รวมั้งายสะพายปักลวดลายสวยงามสำหรับเฉียงไหล่ทั้งสองข้าง

ม้งลาย

            -ชาย

         เสื้อแขนยาวจรดข้อมือ แต่ชายเสื้อระดับเอว ปกสาบเสื้อด้านขวาจะป้ายเลยมาทับซีกซ้ายของตัวเสื้อ ตลอดจนแนวสาบเสื้อจะใช้ด้ายสีและผ้าสีปักลวดลายต่างๆ สะดุดตา กางเกงเดียวกับเสื้อ มีลักษณะขากว้างมากแต่ปลายขาแคบลง ส่วนที่เห็นได้เด่นชัดคือ เป้ากางเกงจะหย่อนลงมาจนต่ำกว่าระดับเข่า รอบเอวจะมีผ้าสีแดงพันทับกางเกงไว้ซึ่งชายผ้าทั้งสองข้างปักลวดลายสวยงามอยู่ด้านหน้า และนิยมคาดเข็มขัดทับผ้าแดงไว้

            -หญิง

         ปัจจุบันก็ทำให้มีหลากหลายสีมากขึ้นเหมือนกัน ชายเสื้อยาวจะถูกปิดด้วยกระโปรงเวลาสวมใส่ สาบเสื้อทั้งสองข้างจะปักลวดลายหรือขลิบด้วยผ้าสี ตัวกระโปรงจีบเป็นรอบ ทำเป็นลวดลายต่างๆ ทั้งการปักและย้อม รอยผ่าของกระโปรงอยู่ด้านหน้า มีผ้าเหลี่ยมผืนยาวปักลวดลายปิดรอยผ่าและมีผ้าสีแดงคาดเอวทับอีกทีหนึ่ง โดยผูกปล่อยชายเป็นหางไว้ด้านหลัง สำหรับกระโปรงนี้จะใส่ในทุกโอกาส และในอดีตนิยมพันแข้งด้วยผ้าสีดำอย่างประณีตซ้อนเหลื่อมเป็นชั้นๆ ปัจจุบันก็ไม่ค่อยนิยมใส่กันแล้ว ผู้หญิงม้งลายนิยมพันผมเป็นมวยไว้กลางกระหม่อมและมีช้องผมมวยซึ่งทำมาจากหางม้า พันเสริมให้มวยผมใหญ่ขึ้นใช้ผ้าแถบเป็นตาข่ายสีดำพันมวยผมแล้วประดับด้วยลูกปัดสีสวยๆ ส่วนเครื่องประดับเพิ่มเติมนั้น มีลักษณะเหมือนกับม้งขาว

กลับไปด้านบนสุด.

 


ประเพณีฉลองปีใหม่ม้ง

            ประเพณีฉลองปีใหม่ เป็นงานรื่นเริงเดียวของชาวม้งของทุกๆปี ซึ่งแต่ละหมู่บ้านจะทำการฉลองกันอย่างพร้อมเพรียงกัน หรือตามวันและเวลาที่สะดวกของแต่ละหมู่บ้าน ซึ่งโดยมากจะอยู่ในช่วงเดือนธันวาคมของทุกปี  ประเพณีฉลองปีใหม่ม้งนี้ชาวม้งเรียกกันว่า “น่อเป๊โจ่วฮ์” แปลตรงตัวได้ว่า “กินสามสิบ” สืบเนื่องจากชาวม้งจะนับช่วงเวลาตามจัทรคติ โดยจะเริ่มนับตั้งแต่ขึ้น ๅ ค่ำ ไปจนถึง 30 ค่ำ (ซึ่งตามปฏิทินจันทรคติจะแบ่งออกเป็นข้างขึ้น 15 ค่ำ และข้างแรม 15 ค่ำ) เมื่อครบ 30 ค่ำ จึงนับเป็น 1 เดือน ดังนั้นในวันสุดท้าย ( 30 ค่ำ) ของเดือนสุดท้าย ( เดือนที่ 12) ของปีจึงถือได้ว่าเป็นวันส่งท้ายปีเก่า ช่วงวันฉลองปีใหม่ส่วนใหญ่จะตกอยู่ประมาณช่วงเดือนพฤศจิกายน ถึงเดือน มกราคม ในวันดังกล่าวหัวหน้าครัวเรือนของแต่ละบ้านจะประกอบพิธีกรรมทางศาสนาต่างๆเพื่อความเป็นสิริมงคลของครัวเรือน ถัดจากวันส่งท้ายปีเก่าไป 3 วัน คือวันขึ้น 1 ค่ำ 2 ค่ำและ3 ค่ำของเดือนหนึ่งจัดเป็นวันฉลองปีใหม่อย่างเป็นทางการ ซึ่งทุกคนจะหยุดหน้าที่การงาน ทุกอย่างในช่วงวันดังกล่าวนี้

กลับไปด้านบนสุด.

 


Hmong’s New Year Festival

            Festival that Hmong people will celebrate all together, not only a village Hmong’s New Year is one but almost all villages. They call it “Noj peb caug” or it mean “Eat the thirtieth”,being the day they stop working. Because of counting the day by lunar way, Hmong pio;le had set their New Year Festival on the first date to the third or more after the end of the twelth month. The time that Hmong people has this Festival is between November to January.

            On this day, the house holders perform many rites for the prosperity of their houshold and properites.

Back to Top.

 


การละเล่นลูกช่วง

            ในวาระขึ้นปีใหม่ม้งจะมีการละเล่นเพื่อฉลองวันปีใหม่โดยเฉพาะ คือ การเล่นลูกช่วง (ntsum pob) หรือที่เรียกกันว่า “จุเป๊าะ” ลูกช่วง (pob)  มีลักษณะกลมเหมือนลูกบอลทำด้วยผ้ามีลักษณะกลมเหมือนลูกบอลทำด้วยผ้ามีขนาดเล็กพอที่จะกำถือด้วยมือข้างเดียวได้

            เมื่อวันขึ้นปีใหม่ซึ่งตรงอยู่ในช่วงธันวาคม หรือมกราคม หลังจากการเก็บเกี่ยวไร่นาสวนสิ้นผ่านไปจะเกิดเทศกาลปีใหม่ม้งเกิดขึ้นโดยบรรดาหนุ่มสาวต่างแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าสวยงามและมักจะเป็นชุดที่เพิ่มตัดเย็บขึ้นใหม่  โดยเฉพาะในหมู่หนุ่มสาวจะตกแต่งในลักษณะประดังประดาไปด้วยเครื่องประดับและผ้าปักที่มีลวดลายสวยงามรวมไปถึงผู้หญิงชาวม้งจะเป็นผู้ประดิษฐ์ลูกช่วง

            กระเล่นลูกช่วง  จะแบ่งกลุ่มผู้เล่นออกเป็น 2 ฝ่าย คือ ฝ่ายหญิงกับฝ่ายชาย  โดยที่ก่อนจะมีการละเล่นเกิดขึ้น ฝ่ายหญิงจะเป็นผู้ที่เอาลูกช่วงไปให้ฝ่ายชาย หรือญาติ ๆ ของฝ่ายหญิงเป็นผู้ที่นำลูกช่วงไปให้ฝ่ายชาย เมื่อตกลงกันได้ก็จะทำการโยนลูกช่วงโดยฝ่ายหญิงและฝ่ายชายแต่ละฝ่ายจะยืนเป็นแถวหน้ากระดานเรียงหนึ่ง หันหน้าเข้าหากัน มียะยะห่างกันพอสมควร แล้วโดยลูกช่วงให้กันไปมาและสามารถทำการสนทนากับคู่ที่โยนได้ โดยมีจุดประสงค์ของการเล่นเพื่อความสนุกสนานเป็นการฉลองปีใหม่และถือเป็นการรู้จักกับเพศตรงข้ามเพื่อมิตรภาพที่ดีระหว่างกัน ตามหลักหญิงที่ทำการแต่งงานแล้วจะไม่มีสิทธิ์ในการเล่นอีกเพราะถือว่าผิดตามธรรมเนียมของม้ง ส่วนผ่ายชายสามารถเล่นได้แต่อยู่ที่ว่าฝ่ายหญิงจะทำการยินยอมเล่นกับตนหรือไม่ แล้วแต่ฝ่ายหญิงสาวคนนั้น การเล่นลูกช่วงยังเป็นการช่วยฝึกทักษะความชำนาญในการคว้าจับสิ่งของที่พุ่งเข้ามาปะทะใบหน้า อันเป็นการฝึกป้องกันตัวจากสิ่งของที่ลอยมาหาใบหน้าอย่างกระทันหันได้ด้วย ในช่วงระหว่างการเล่นลูกช่วง หนุ่มสาวที่ทำการเล่นลูกช่วงจะทำการร้องเพลงโต้ตอบกัน เพิ่มความสนุกสนานในการเล่นมายิ่งขึ้น กติกาการเล่นและการปรับผู้แพ้ขึ้นอยู่กับความพึงพอใจของผู้เล่นเอง ไม่มีกติกากำหนดตายตัวแต่ประการใด

            ชาวม้งมีการเล่นลูกช่วงเป็นวัฒนธรรมประจำเผ่ามาช้านานแล้ว ชนเผ่าอื่นในไทยไม่มีการละเล่นในทำนองนี้ ม้งได้สืบทอดวัฒนธรรมการเล่นลูกช่วงมาตั้งแต่สมัยที่ยังอาศัยอยู่ในประเทศจีน ซึ่งในสมัยที่ยังอาศัยอยู่ในประเทศจีนนั้น ในทุกๆปีของช่วงเดือนแรกในฤดูใบไม้ผลิ จะมีการเล่น ระบำดวงจันทร์ (Moon dance) โดยจะประดิษฐ์ลูกบอลเล็กๆที่ทำจากเศษผ้าสีต่างๆ เรียกว่า ลูกบอลลี เป้าหมายอยู่ที่คนรักของแต่ละคน

            ม้งในประเทศจีนมีงานฉลองเล่นลูกช่วงในช่วงเดือนแรกของฤดูใบไม้ผลิซึ่งประมาณได้ว่าตรงกับชวงเดือนมีนาคม - เมษายน ส่วนม้งในประเทศไทยจะเล่นลูกช่วงในโอกาสวันขึ้นปีใหม่ ซึ่งจะอยู่ราวเดือนธันวาคม - มกราคม ของทุกๆปี ลูกช่วงหรือลูกบอลที่ใช้เล่นกันใหมู่บ้านม้งในประเทศไทยนั้น บางหมู่บ้านทำด้วยผ้าสีดำ ซึ่งตรงกันข้ามกับม้งในประเทศจีนที่นิยมเล่นลูกบอลที่มีสีสันสดใส

กลับไปด้านบนสุด.

 


การเล่นลูกข่าง

            การเล่นลูกข่าง หรือที่เรียกกันว่า “เดาต้อลุ๊” เป็นการละเล่นอีกอย่างหนึ่งนิยมเล่นกันในวันขึ้นปีใหม่ของม้ง เป็นการละเล่นสำหรับผู้ชายโดยเฉพาะ การเล่นลูกข่างในโอกาสเช่นนี้จะแยกเล่นเป็นวงผู้ใหญ่และวงเด็ก จุดประสงค์การเล่น เพื่อความสนุกสนานเป็นสำคัญในเทศกาลฉลองวันขึ้นปีใหม่ ในขณะที่กลุ่มหนุ่มสาวที่ยังโสดมีความสุขแลุความสนุกสนานมากจากการเล่นลูกช่วงอันเป็นวิธีการหนึ่งที่ช่วยให้หนุ่มสาวได้มีโอกาสเกี้ยวพาราสีกันได้อย่างใกล้ชิดนั้น เพื่อความสมดุลย์ในชุมชนหนุ่มที่แต่งงานแล้วหรือมีครอบครัวแล้วก็จะได้รับความสนุกสนานจากการเล่นลูกข่างแทน

            การเล่นลูกข่างนี้เป็นการละเล่นสำหรับวันขึ้นปีใหม่และในโอกาสทั่วๆไป เด็กม้งจะสามารถเล่นลูกข่างได้ทุกวัน แต่ผู้ใหญ่จะนิยมเล่นในยามว่างจริงๆ เช่น ในวันกรรมอันเป็นวันตามความเชื่อของม้งที่จะหยุดทำการทำงานตลอดวันนั้น ก็จะมีการนำลูกข่างมาเล่นกันด้วย

            สำหรับลักษณะของลูกข่างและวิธีการเล่นมีลักษณะดังนี้ ลูกข่างจะทำมาจากไม้กล่าวคือจะมีการนำไม้ท่อนขนาดประมาณเท่าท่อน้ำPVCขนาดกลางและใหญ่แล้วต้องความต้องการและเหมาะสมของผู้เล่นนำมาตัดเป็นท่อนๆยาวประมาณท่อนละ 5 นิ้ว แล้วนำไม้ที่ตัดเป็นท่อนนั้นมาทำการตัดแต่งตามต้องการโดยส่วนหัวจะมีลักษณะทู่ๆราบเรียบในขณะที่ส่วนหางหรือส่วนที่ใช้หมุนยืนพื้นนั้นจะทำให้มีลักษณะแหลมคล้ายๆดินสอ เมื่อต้องการเล่นก็จะนำไม้ที่ผูกเชือกยาวประมาณสองถึงสามเมตรมาม้วนรอบลูกข่างโดยมือข้างหนึ่งจะถือลูกข่างที่ถูกเชือกหมุนพันรอบไว้ในขณะที่มืออีกข้างจะถือไม้ที่ผูกเชือกที่หมุนรอบลูกข่างไว้ ซึ่งในกติกาในการเล่นจะถูกแบ่งออกเป็นสองฝ่าย โดยที่ฝ่ายหนึ่งจะเป็นฝ่ายตีลูกข่างที่กำลังหมุนอยู่ของอีกฝ่าย โดยฝ่ายที่ตีนั้นจะต้องพยายามตีลูกข่างให้ถูกมากที่สุด ซึ่งถ้าหากสามารถทำการตีถูกมากก็จะสามารถทำการตีต่อไปได้ แต่หากตีไม่ถูกก็จะต้องเปลี่ยมาเป็นฝ่ายหมุนลูกข่างให้อีกฝ่ายผลัดไปเป็นฝ่ายตีแทน

            การเล่นลูกข่างนี้นอกจากจะได้รับความสนุกสนานจากการเล่นแล้วยังเป็นการฝึกและทดสอบความแม่นยำทางด้านสายตาด้วย ปัจจุบันการละเล่นลูกข่างเริ่มหายไปตามวิถีชิวิตที่เปลี่ยนไป อย่างไรก็ตามการเล่นลูกข่างก็ยังมีให้เห็นอยู่บ้างในช่วงเทศกาลปีใหม่ม้ง

กลับไปด้านบนสุด.

 


เพลงม้ง

            ม้งจะมีเพลงหลายชนิดซึ่งจะใช้ร้องแตกต่างกันไปตามกาลเทศะและเวลาดังต่อไปนี้

1.  เพลงใบไม้

            บรรพบุรุษม้งรู้จักนำใบไม้มาเป่าเป็นเสียงเพลงตั้งแต่อดีตกาลมาแล้วเฉกเช่นชาวจีนทั่วๆไป เนื่องจากแต่ไหนแต่ไรมาม้งอาศัยอยู่กับธรรมชาติ ป่าไม้และหุบเขามาโดยตลอดจึงรู้จักสร้างเสียงเพลงจากใบไม้ออกมาเป็นเสียงเพลง ซึ่งใบไม้ที่ใช้เป่าและเสียงก้องกังวานดีที่สุดก้องไกลได้ไกลกว่าใบไม้ชนิดใดๆก็คือ “ใบกล้วย” ด้วยเหตุนี้ในยามที่เดินไปทำไร่ ทำสวนในป่าก็จะมีการนำใบกล้วยมาเป่าเป็นเสียงเพลงไปตามทางเพื่อใช้เรียกกันหรือบ่งบอกที่อยู่หรือจุดของตนเองว่าในขณะนั้นตัวเองอยู่ ณ จุดใดของเส้นทางหรือป่า อีกทั้งหนุ่มสาวยังใช้เป็นสื่อในการใช้เรียกกันหรือเกี้ยวกันและกันด้วยโดยจะใช้เป่าโต้ตอบหรือเรียกหากันข้ามหุบหรือดอยในขณะที่กำลังทำไร่ทำสวนกัน ในการเป่าใบไม้ออกมาเป็นเสียงเพลงนี้ต้องใช้แรงลมในการเป่ามาก จึงมักเหนื่อยเร็ว  ต่อไปนี้เป็นลักษณะเนื้อร้องของเพลงใบไม้

          เราไปจากที่นี่เธอเศร้าใจไหม             ถ้าเราเศร้าใจ มาหาเรา

          ถ้าเศร้าใจ จะมาหาเธอ                    เธอจะว่าอย่างไร

          หากเธอมีใจ ขอให้มาหาเรา               เรามีใจจะไปหาเธอ

2.  เพลงจิ๊งหน่อง หรือเพลง  Ncaag (จั่น)

            เป็นเพลงที่ใช้เรียกหากันของหนุ่มสาว ในยามค่ำคืนเป็นเวลาพักผ่อน หนุ่มม้งจะออกไปหาสาวคนรักที่บ้านสาว การจะเอ่ยเสียงร้องเรียกสาวนั้นอาจรบกวนและทำให้พ่อแม่ฝ่ายสาวคนรักตื่นได้ และย่อมรู้ว่าผู้เรียกนั้นเป็นใครได้ การจะกระทำเช่นนั้นแสดงว่าเป็นสิ่งไม่สมควร และเป็นการไม่ให้ความเคารพนับถือผู้ใหญ่ของฝ่ายหญิงสาว เพลงncaag จึงเป็นสื่อช่วยให้หนุ่มสาวม้งได้พบกัน โดยไม่กวนใจพ่อแม่ของสาว หนุ่มจะไปยืนดีดเพลง ncaag นอกบ้านของสาวคนรัก บริเวณใกล้กับห้องนอนของสาวคนรัก เมื่อสาวคนรักได้ยินเสียงเพลงก็จะโต้ตอบด้วยเพลงncaag เช่นกัน เพลงncaagนี้จะเป็นเพลงรหัสเฉพาะตัวของหนุ่มสาวแต่ละคู่ ซึ่งต่างก็จะรู้ความหมายซึ่งกันและกันเฉพาะในคู่รักของตน หรือผู้ที่คุ้นเคยเท่านั้น อีกนัยหนึ่งเพลงncaagนี้ทำหน้าที่เป็นภาษาใจของกันและกันให้หนุ่มสาวม้ง

3.  เพลงร้องในเทศกาลวันขึ้นปีใหม่

            งานฉลองวันขึ้นปีใหม่มีความหมายสำหรับหนุ่มสาวม้งโดยเฉพาะ เป็นโอกาสที่ผู้ใหญ่อนุญาตให้หนุ่มสาวได้มีโอกาสพบปะกันอย่างเต็มที่ ในวันขึ้นปีใหม่หนุ่มสาวจะเล่นลูกช่วง และมีการร้องเพลงโต้ตอบกัน ในโอกาสนี้หนุ่มสาวมีสุข สนุกสนานกับการเล่นและการร้องเพลง ความหมายของเพลงที่ใช้ร้องโต้ตอบกันเป็นไปในทำนองเกี้ยวพาราสีกัน บางคู่อาจถือโอกาสสารภาพความในใจของตนเอง หรือขอแต่งงานเลยก็ได้ ต่อไปนี้เป็นตัวอย่างเนื้อร้องเพลงที่ร้องในเทศกาลขึ้นปีใหม่

“พ่อแม่บอกว่าเราโตเป็นหนุ่ม/สาวแล้ว

พ่อแม่ว่าดีอย่างไร พ่อแม่ไม่อาจห้ามลูกสาวได้

พ่อแม่ว่าดีอย่างไร พ่อแม่ไม่อาจห้ามลูกสาวได้

ลูกสาวจำต้องแต่งงานกับหนุ่ม

บ่าวสาวตกลงจะแต่งงานกัน

ตกลงกันแล้ว พ่อแม่จะว่าเช่นไร”

  กลับไปด้านบนสุด.