วิธีการสั่งซื้อ/ชำระเงิน หน้าร้านโฮลิสติก ร้านหนังสือ สั่งสินค้า สั่งหนังสือ

อาหารสุขภาพ

สารพัดประโยชน์ จาก สับปะรด...

           ผลไม้อะไรเอ่ยที่มีตาอยู่รอบตัว ทุกท่านต้องตอบได้ทันทีเลยว่าคือ สับปะรด เพราะจากการที่มีตารอบทิศได้กลายเป็นสัญญลักษณ์ประจำตัวของผลไม้ชนิดนี้ไปแล้ว สับปะรดมีรสชาติหวานและเปรี้ยวอยู่ในตัว ส่วนที่จะหวานหรือเปรี้ยวมากขึ้นอยู่กับพันธุ์ พันธุ์ที่คนไทยรู้จักกันดี และชอบรับประทานคือสับปะรดภูเก็ต เนื้อสีเหลืองจัด เนื้อจะแห้งกรอบอร่อย และมีกลิ่นหอมพิเศษ แต่ถ้าท่านชอบรสหวานฉ่ำ ก็ต้องเป็นพันธุ์ปัตตาเวียหรือพันธุ์ศรีราชา ซึ่งจะมีเนื้อฉ่ำน้ำและหวานอร่อย นอกจากจะรับประทานแบบสด ๆ คือจิ้มเกลือบ้าง ไม่จิ้มบ้าง เรายังนำสับปะรดไปทำเป็นสับปะรดกระป๋อง หรือน้ำสับปะรดกระป๋องส่งขายทั้งในประเทศและต่างประเทศนำเงินตราเข้าประเทศได้อีกมาก นอกจากนั้นสับปะรดยังสามารถนำไปทำขนมหวานและของคาวอีกมากมาย อาทิเช่น แยม สับปะรด สับปะรดเชื่อม แกงเผ็ดสับปะรด ผัดเปรี้ยวหวานสับปะรด ต้มจืดสับปะรด ใส่กระดูกหมู ขนมจีนซษวน้ำ ซึ่งอาหารพวกนี้ถ้าขาดสับปะรดรสชาติคงกร่อยน่าดู
            สับปะรดเป็นพืชพื้นเมืองของทวีปอเมริกาใต้ ภาษาสเปนเรียกว่า อนานัส สับปะรดจัดเป็นพืชล้มลุกที่มีอายุหลายปี สูงประมาณ 90 - 100 เซนติเมตร มีลำต้นอยู่ใต้ดินเรียกว่าเหง้า ใบเป็นใบเดี่ยว รูปใบแคบ ลักษณะใบจะเรียวยาว ขอบใบหยักเป็นหนามแหลมคม ปลายใบแหลม ใบจะแข็งและหนา โดยจะเรียงสลับซับซ้อนกันถี่มากรอบลำต้น ดอกจะออกเป็นช่ออยู่กลางลำต้น ผลเกิดจากช่อดอกรวมกันเป็นผลรวม (Multiple fruit) ซึ่งเกิดจากการเชื่อมติดกันของผลย่อยตั้งแต่ 100-200 ผล โดยเชื่อมเข้ากับแกนกลางของช่อดอก ส่วนยอดของผลเรียกว่าจุก (Crown) ซึ่งใช้เป็นส่วนขยายพันธุ์และใช้แบ่งแยกสกุลของสับปะรดได้ และถ้ามีหน่อเล็ก ๆ แตกออกมาจากโคนจุกเดิม เราเรียกว่าตะเกียง หรือจุกย่อย (Crown slips หรือ  Crownlets) และสามารถใช้ยายพันธุ์ได้เหมือนกัน เวลาท่านจะปลูกสับปะรดให้นำจุกหรือตะเกียงจุ่มในน้ำยากำจัดเชื้อรา แล้วปลูกในดินลึกประมาณ 10 เซนติเมตร เอียง 45 องศา หลังจากนั้นกลบดินบริเวณโคนต้นให้แน่น สับปะรดชอบดินร่วนปนทรายและไม่ชอบน้ำขัง
            สับปะรดมีชื่อวิทยาศษสตร์ว่า Ananas comosus (Linn.) Merr. จัดอยู่ในวงศ์ BROMELIACEAE มีชื่อเรียกตามท้องถิ่นหลายชื่อ คือ มะขะนัด มะนัด (ภาคเหนือ) บ่อนัด (เชียงใหม่) เนะซะ (กะเหรี่ยง-ตาก) แนะ (กะเหรี่ยง-แม่ฮ่องสอน) หมากเก็ง (เงี้ยว - แม่ฮ่องสอน) สับปะรดลาย (กรุงเทพฯ) ขนุนทอง ยานัด ย่านนัด (ภาคใต้) สำรด หัวสับปะรดเหง้า (ปัตตานี) มะลิ (สงขลา) ลิงทอง (เพชรบูรณ์) ม้าเนื่อ (เขมร) หมากนัด (อีสาน) ส่วนที่นำมาทำเป็นยา คือ เนื้อสับปะรด และเหง้า โดยเนื้อสับปะรดจะมีวิตามินซีสูง มีเกลือแร่และกากใยอาหาร (Fiber) นอกจากนั้นยังมีน้ำตาลและกรดอินทรีย์หลายชนิดที่สำคัญ คือ มีเอนไซม์ ย่อยโปรตีนชื่อ บรอมีลิน (Bromelin) ซึ่งสามารถช่วยย่อยโปรตีนจากเนื้อสัตว์ได้ ทำให้ลดอาการแน่นท้อง ท้องอืดได้ ดังนั้นเวลารับประทานอาหารที่มีโปรตีนจากเนื้อสัตว์มาก ท่านก็สามารถรับประทานสับปะรดตามหลังได้เลย โดยจะรับประทานในรูปผลไม้หรือน้ำสับปะรดสดก็ได้ นอกจากนี้เอนไซม์บรอมีลินยังมีฤทธฺ์ ลดการอักเสบ บวม แผลที่เกิดจากการถูกกระแทก และบาดแผลผ่าตัดได้ ซึ่งปัจจุบันนี้มีการผลิตยาเม็ดจากเอนไซม์ที่ได้จากสับปะรดแล้ว ชื่อ Ananase Forte เพื่อใช้เป็นยาแก้อักเสบ และจากการที่เนื้อสับปะรดมีวิตามินซีสูง จึงสามารถใช้รักษาอาการโรคเลือดออกตามไรฟันได้
               ส่วนสรรพคุณที่ใช้รักษาอาการขัดเบา ขับปัสสาวะ เราใช้เหง้าวันละ 1 กอบมือ (สดหนัก 200 - 250 กรัม แห้งหนัก 100 กรัม) ต้มกับน้ำ ดื่มวันละ 3 ครั้ง ก่อนอาหาร ครั้งละ 1 ถ้วยชา (75 ซีซี) ท่านผู้อ่านที่มีอาการอย่างใดอย่างหนึ่งจะลองใช้สับปะรดรักษาก็ไม่เสียหายนะคะ แต่ถ้าลองไปแล้วไม่ดีขึ้น ควรรีบปรึกษาแพทย์ใกล้บ้าน ก่อนจบขอแถมท้ายว่า เส้นใยจากใบสับปะรดใช้ทอผ้าได้ด้วย โดยมีชื่อเรียกว่า ผ้าไหมฟิลิปปินน์ (Pinacloth) ซึ่งสวยงามมาก 
ข้อความจากหนังสือชีวจิต ฉบับที่ 28/2542

Copy right 2000 by Holisticthai.com co., ltd. All right Researve.
บริษัท โฮลิสติก จำกัด 600/479-80 หมู่ 14 ต.คูคต อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี 12130
โทร.9922138-9 แฟกซ์ 9922140 อีเมล์ holistic@aisaaces.net.th