What's new with me?

สวัสดีปีใหม่ 2252 และต้อนรับตรุษจีน

เริ่มต้นปีนี้ด้วยการเขียนภาษาไทย หมดอารมณ์เขียนภาษาอังกฤษแล้ว ที่นับวันจะยิ่งแย่ลง เพราะไม่ได้ใช้ ไม่ได้ฝึก และไม่ได้หาความรู้เพิ่มเติม เริ่มจะสะกดคำศัพท์ผิด แม้ว่าแกรมมาร์จะแน่นเปรี๊ยะ แต่ดูโดยรวมแล้ว ไม่อยากทำให้ภาษาของเขาวิบัติ แถมเป็นการประจานความไม่รู้ของตัวเองด้วย ก็เลย กลับมาเขียนภาษาแม่ดีกว่า แม้จะเขียนแบบภาษาพูด แต่รับรองว่าไม่ทำให้ภาษาวิบัติแน่นอน

อยากจะทำให้เจอร์นัลอันนี้ มันมีความสำคัญ หรือไม่ก็น่าสนใจมากกว่านี้ ไม่เฉพาะแค่เขียนแต่เรื่องอะไรก็ไม่รู้ เละ ๆ เทะ ๆ ไม่เป็นชิ้นเป็นอัน อยากจะเล่าเรื่องราวที่มันเป็นสาระบันเทิงบ้าง คิดไปคิดมา ชีวิตไม่ค่อยบันเทิงเลย ต้องไปหาเอาความบันเทิงจากภายนอกทั้งนั้น พอจะเขียนอะไรที่มาจากตัวเองล้วน ๆ ให้มันออกมาสนุกน่าสนใจ มันก็เลยกลายเป็นเขียนไม่ออกไปซะทุกครั้ง เศร้าจริง ๆ

เอาหละ มาคุยกันเรื่องอะไร ๆ ที่อยากเล่าให้ฟังดีกว่า เริ่มต้นเรื่องหนังสือ ตอนนี้ หันมาติดหนังสืออย่างเอาจริงเอาจัง พวกนิยายนั่นแหละ หลังจากที่เริ่มต้นด้วย "เพชรพระอุมา" ของพนมเทียนที่ยืมมาอ่าน อ่านได้ภาคแรกภาคเดียว เพราะหมดให้ยืมแค่นั้น หลังจากนั้น ก็เริ่มอ่านเรื่องอื่น ๆ มาเรื่อย ๆ ติดพัน ทั้งนิยายไทย นิยายฝรั่ง และนิยายแปล โดยมากก็เน้นไปทางแนวรักโรแมนติค หรือไม่ก็แนวชีวิต พอเริ่มมาอ่านนิยายฝรั่ง เลยจะออกไปทางแนวโรแมนติคสืบสวน หรือแนวสืบสวนลึกลับ ส่วนแนวแฟนตาซี ไซไฟ เริ่มอ่านแต่เรื่องเฟธฮันเตอร์ของกิดเดนส์ นักเขียนชาวไต้หวัน แต่มันออกมาสองเล่ม โดยไม่มีวี่แววจะมีเล่มสามตามมาจาก และจากจำนวนกี่เล่มจบก็ไม่มีท่ารู้ได้เลย

เมื่อวานไปซื้อหนังสือที่บีทูเอส หมดไปเกือบสองพันห้าร้อยบาท ได้หนังสือนิยายมาทั้งหมดแปดเล่ม เป็นหนังสือแปลทั้งนั้น เริ่มด้วยนิยายชุดของสเตฟีนี่ เมเยอร์ เรื่องทไวไลท์ นิวมูน และอีคลิปส์ ได้มาสามเล่ม ส่วนเบรกกิ้งดอน ยังไม่มีแปลออกมา ต่อมาก็คือนิยายของแซนดร้า บราวน์ ที่ก่อนหน้านี้ซื้อมาแล้วสองเล่มคือ เชอเลด กับเอ็นวี่ ได้เพิ่มมาอีกสองเล่มคือ ดิอะลาบาย กับมิลเลอร์อิมเมจ แล้วมีนิยายแปลแนวนี้อีกสองสามเรื่อง เรื่องอื่น ๆ ก็มี เดอะวู้ดส์ ของฮาร์ลาน โคเบน เรื่องเอเวอรี่มูฟชีเมคส์ ของเบเวอร์ลี่ บาร์ตัน และสุดท้ายคือเรื่องดาร์กกลิ้งไอลิสซึ่น ของแคเทอรีน ซัตคลิฟฟ์ ครบแปดเล่ม

พยายามจะซื้อหนังสือแปลจากสำนักพิมพ์ที่น่าเชื่อถือ คือจะเน้นของแพรว อมรินทร์พริ้นติ้ง และมติชนเป็นหลัก เพราะเคยอ่านของสำนักพิมพ์อื่นแล้ว ไม่ไหวเลย คำแปลเหมือนกับกำลังอ่านภาษาอังกฤษไม่ใช่อ่านภาษาไทย อ่านไปแล้วต้องมาแปลอีกที หลัง ๆ เลย ถึงแม้ว่าเรื่องจะน่าอ่านแต่ยังไม่ได้ตัดสินใจซื้อ อาจจะต้องไปทดลองอ่านจากที่อื่นก่อน ว่าสำนวนแปลผ่านมั้ย แล้วค่อยตัดสินใจอีกที ยังมีอีกสองเล่มที่เมื่อกี้เจอในแพรวสำนักพิมพ์ ซื้อมาแล้ว คือลาพรอสเลนฟัวส์ ของมาร์ก เลอวี และเดอะฟอร์แชโดวิ่ง ของมาร์คัส เซดจ์วิก ยังมีอีกสองสามเล่มแนวรัก ๆ แบบนี้ ทรูบีลีฟเวอร์ เดอะโน้ตบุค และอะวอล์คทูรีเมมเบอร์ ของนิโคลัส สปาร์ก สำหรับเรื่องของสปาร์ก คงต้องหยุดอ่านแค่นี้ เพราะออกจะแนว ๆ เดียวกัน และเน้นไปทางผู้ใหญ่มาก ๆ ยังไม่ถึงเวลา เอาไว้แก่กว่านี้ อาจจะคงอยากหาซื้อมาอ่าน แล้วยังมีที่นึกออกว่าเพิ่งอ่านไป เพิ่งซื้อเมื่องานหนังสือเดือนตุลาปีที่แล้ว คือเดอะรีดเดอร์ ของเบอร์นาร์ด ชลิงค์ (ชื่ออ่านยากมาก ไม่แน่ใจว่าอ่านแบบนี้ แต่ยึดเรียกแบบนี้เอาตามคนแปลเขาเขียนให้อ่านก็แล้วกัน)

ยังมีหนังสือแนวฆาตกรรมสืบสวนสอบสวน มีเล่มนึงได้มาจากร้านหนังสือเก่าเรื่องมฤตยูในทำเนียบขาว หรือเมอร์เดอร์อินเดอะไวท์เฮาส์ เขียนโดยเอ็ม ทรูแมน แปลโดยศักดิ์ บวร แปลได้ดี อ่านแล้วเหมือนอ่านนิยายไทย คำด่าก็ไทย สำนวนก็ไทย อ่านสนุก แต่ก่อนรู้จักเขามาจากการตามอ่านหนังสือคาวบอยของหลุยส์ ลามูร์ เพราะชอบแนวคาวบอยมาก เพิ่งมารู้ว่าเขาแปลหนังสือนิยายด้วย เมื่อสักสองสามปีนี้เอง คิดว่าจะไปตามหามาอ่านอีก แต่ไม่รู้ว่ามันจะยังพอมีวางขายมั้ย คงต้องเสี่ยงกันดูหน่อย ส่วนหนังสือของซิดนีย์ เชลดอน เล่มแรกอ่านเล่มแปลก่อน ซื้อจากร้านหนังสือเก่ามาเหมือนกัน เนื้อเรื่องสนุกดี ชื่อเดอะดูมส์เดย์คอนสไปเรซี่ แล้วพอดีไปเห็นที่เอเชียบุคตอนลดราคาว่ามีของคนแต่งคนนี้ เรื่องอาร์ยูอะเฟรดออฟเดอะดาร์ก เล่มนี้เป็นภาษาอังกฤษ ตอนแรกที่คิดไว้ คาดว่าจะอ่านนาน เพราะคงต้องหาศัพท์ แปล ตีความกันให้ยุ่งยาก แต่เปล่าเลย อ่านง่าย สนุกมาก ๆ ด้วย ถ้ามีโอกาส จะลองหาซื้อมาอ่านอีก อยากแปลเรื่องนี้ ถ้ายังไม่มีใครแปลเป็นภาษาไทย

และที่สำคัญ ไม่กล่าวถึงไม่ได้ คือ เปาลู คูเอยู (ต้องไปหาวิธีการออกเสียงชื่อคนมาจากอิงลิชฟอรั่มดอทคอม โดยผ่านการค้นหาจากเจ้าพ่อกูเกิ้ล) เล่มแรกที่อ่านคือ ดิอัลคีมิสต์ ไม่รู้เหมือนกันว่าอะไรดลใจให้ซื้อหนังสือเล่มนั้น เป็นหนังสือที่สร้างแรงบันดาลใจ และปลุกความกล้าหาญในการที่จะเลือกทำในสิ่งใหม่ ๆ ได้ดีจริง ๆ อ่านเล่มแปลแล้วยังต้องไปหาเล่มภาษาอังกฤษมาเก็บไว้ เพราะหมดปัญญาจะอ่านฉบับต้นฉบับที่เป็นภาษาโปรตุเกส เป็นหนังสือที่แนะนำให้ทุกคนอ่าน คนวัยต่างกัน คงจะได้ประเด็นจากหนังสือเล่มนี้ต่างกันออกไปด้วย แต่ยังงัยเสีย ก็อยากให้อ่าน พอได้อ่านเล่มแรกนี้ ก็เลยไปตามหาเล่มอื่น ๆ อีก คือโอซาฮีร์ อิเลฟเว่นมินิทส์ และเดอะเดวิลแอนด์มิสไพร์ม ทุกเล่มเป็นเล่มแปล แต่มาได้เล่มสุดท้ายเรื่องไลค์เดอะโฟลอิ้งริเวอร์ เป็นภาษาอังกฤษ อ่านยากอยู่บ้าง แต่กว่าจะมีคนแปลไทย คงต้องทำความเข้าใจกับภาษาอื่นไปก่อน เขียนได้ดี เป็นเรื่องสั้น ๆ หลาย ๆ เรื่อง มารวมเอาไว้ในเล่ม เอาง่าย ๆ คือเขาเห็นอะไร เขาก็เขียน ห้าบันทัดสิบบันทัด เขาก็เขียน เล่าเรื่องที่เขาได้เจอ หรือเรื่องที่คนอื่นมาเล่าให้เขาฟัง เขียนออกมาด้วยความเป็นศิลปินจริง ๆ

ไม่หมด ยังมีอีก แต่คิดว่าเล่าแค่นี้ก็พอดีกว่า นี่ยังไม่รวมนิยายไทย ที่ซื้อเองบ้าง ยืมเขาบ้าง จำได้ว่าเคยเล่า ๆ ไปแล้ว แต่ไม่เคยรวมเขียนไว้ในครั้งเดียวแบบนี้ เพราะเมื่อก่อน ยังไม่ได้แน่วแน่อยู่ที่สิ่งเดียว ตอนนี้มีแต่นิยาย เล่นอินเตอร์เน็ตน้อยลง ดูหนังฟังเพลงยิ่งน้อยอีก เลยติดหนังสือนิยายอย่างเดียว ไม่ได้ทำอะไรที่มากกว่านี้ บางครั้ง ได้อ่านหนังสือดี ๆ สักเล่ม ก็อยากให้คนที่เรารักได้อ่านด้วย จำได้ว่าเรื่องที่ดีมากที่สุดเรื่องหนึ่งในหลายเรื่องที่ซื้อให้เพื่อนและรุ่นน้องอ่าน คือ "ความสุขของกะทิ" โดยงามพรรณ เวชชาชีวะ ขนาดเพื่อนอยู่ไกลถึงออสเตรเลีย ก็ยังส่งไป เป็นหนังสือที่ดี ที่เราอยากแบ่งปันความสุขให้คนอื่นด้วย ตอนนี้ นำมาสร้างเป็นภาพยนตร์แล้ว ยังไม่ได้ดู ในใจลึก ๆ ก็ไม่ค่อยอยากไปดู กลัวจะเสียอรรถรสของจินตนาการตัวเองจากเรื่องนี้ไป อีกเรื่องที่อยากให้ใคร ๆ ได้อ่านคือดิอัลคีมิสต์ แล้วจะซื้อไปให้รุ่นน้องอ่าน (รุ่นน้องคือเด็กคนนึงที่กาญจนบุรี เป็นลูกหลานของบ้านที่ไปพักตอนที่ออกไปขุดงานโบราณคดีสมัยปีสาม เป็นเด็กคนที่อยากจะอุปถัมภ์ให้โตมาเป็นคนมีคุณภาพ)

แล้วกลับมาพบกันใหม่คราวหน้า จะเป็นเรื่องอะไร คงต้องคอยดูกัน อาจจะเป็นเรื่องที่ไปเที่ยวเชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน ตอนตรุษจีนที่จะถึงนี้ก็ได้ เอาไว้ค่อยว่ากันอีกที

รักทุกคนมาก ๆ และรักตัวเองที่สุด

la bonita 19 มกราคม 2552



| back to journal |