เรื่อง *****[EVERYTHING I DO ] I DO IT FOR YOU*****
แต่งโดย Moony_lupin

ก่อนที่จะลงมือขียนฟิคตอนนี้
มัลฟอยเปิดประตูโครมเดินเข้าไปหามูนนี่พร้อมไม้กายสิทธิ์ในมือ
“เฮ้ย ! มูนนี่”
เขาพูดขณะที่ยกไม้กายสิทธิ์ชี้ตรงมาที่มูนนี่ซึ่งตอนนี้นั่งตัวแข็งหน้าซีด
“ฟิคคราวนี้น่ะ ขอฉันได้หวานกับเกรนเจอร์เร็วหน่อยนะ”
เขาจ่อไม้กายสิทธิ์ไปที่คอมูนนี่เป็นเชิงข่มขู่
“แล้วถ้าแกทำให้ฉันทะเลาะกับเกรนเจอร์บ่อยๆเหมือนทุกครั้งล่ะก็...”
เขาหรี่ตาลงพูดเสียงเย็นเยียบ
“รับรองว่าแกจะได้รับสิ่งที่น่ากลัวยิ่งกว่าคำสาบพิฆาตเสียอีก”
เขาขู่คำรามในลำคอขณะที่มองมูนนี่ที่ตอนนี้ หน้าซีดขาวเป็นกระดาษ ตัวสั่น เหงื่อแตก
เผลอๆฉี่คงราดด้วยอย่างพอใจ
“ด.ด.ด.ได้เลยมิสเตอร์มัลฟอย” มูนนี่เค้นเสียงตอบออกมาอย่างยากลำบาก
“จะให้นายได้บทหวานตั้งแต่หน้าแรกเลยดีไหม”
มัลฟอยยิ้มอย่างพอใจขณะที่ลดไม้กายสิทธิ์ในมือลง
“ดี”
เขาพูดสั้นๆก่อนจะหมุนตัวเดินออกไป เมื่อได้ยินเสียงปิดประตู มูนนี่รีบปาดเหงื่อ
ก่อนที่จะก้มลงมองกางเกงของตัวเอง พลางถอนหายใจ
“เฮ้อ เกือบไป” แล้วรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ก็ผุดขึ้นที่มุมปาก
“แล้วหน้าต่อไป นายจะได้ระทมทุกข์แน่ มัลฟอยเอ๋ย” ว่าแล้วมูนนี่ก็เริ่มหยิบดินสอ
สมุดร่างออกมาแล้วเริ่มลงมือเขียน ด้วยใบหน้าที่ชั่วร้ายสุดๆ

......................................................................................................................................................................................

ตอนที่ 1


สำหรับเฮอร์ไมโอนี่แล้ว
การหาที่เหมาะสำหรับอ่านหนังสือเป็นสิ่งที่ทำให้เธอมีความสุขอย่างหนึ่ง
นอกจากการอ่านในห้องสมุดแล้ว เธอมักชอบไปนั่งอ่านแถวริมทะเลสาบ
เธอรู้สึกว่ามันสงบและเป็นส่วนตัว
แต่เนื่องจากฝนที่ตกกระหน่ำอย่างไม่ลืมหูลืมตามาหลายวัน
ทำให้เธอต้องนั่งจับเจ่าอยู่แต่ในห้องสมุด และหอกริฟฟินดอร์
ซึ่งบางครั้งเพื่อนๆของเธอก็จะพูดคุยหยอกล้อกันเสียงดังจนเธอไม่มีสมาธิในการอ่าน
ดังนั้น เมื่อเธอตื่นนอนขึ้นมาในเช้าวันหนึ่งที่มีอากาศแจ่มใส
เฮอร์ไมโอนี่จึงรีบลุกขึ้นแต่งตัวเตรียมหนังสือที่จะเรียนในวันนี้
แล้วลงไปรับประทานอาหารเช้าอย่างรวดเร็ว ในวันนี้เธอมีเรียนแค่ 2 วิชา ช่วงบ่ายว่าง
ดังนั้นหลังเลิกเรียน เธอจึงรีบออกจากปราสาทตรงไปที่ทะเลสาบ
จัดแจงปูแผ่นรองนั่งและเริ่มต้นเปิดหนังสือออกอ่าน
นานๆเธอจะเงยหน้าขึ้นมาดูรอบๆทะเลสาบเพื่อพักสายตา สายลมเย็นหลังฝนตกพัดมาเรื่อยๆ
ทำให้เธอรู้สึกหนาวขึ้นมานิดหน่อย
เฮอร์ไมโอนี่ขยับตัวเล็กน้อยเพื่อไล่ความปวดเมื่อย
ก่อนจะกระชับผ้าคลุมแล้วตั้งท่าจะอ่านหนังสือต่อ
“ขยันจริงนะ เกรนเจอร์” เสียงพูดยางคางคุ้นหูดังขึ้นไม่ห่างจากตัวนัก
เฮอร์ไมโอนี่เงยหน้าขึ้นมองเธอขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจที่ถูกขัดจังหวะการอ่านของเธอ
มัลฟอยเดินเข้ามานั่งข้างๆเด็กสาว เขาหยิบหนังสือเล่มโตเล่มหนึ่งขึ้นมา
“คู่มือข้อสอบ ว.พ.ร.ส.” เขามองหน้าเธออย่างทึ่งจัด
“เหลือเชื่อ ยังอีกนานนะกว่าจะสอบนี่น่ะ” เขาวางหนังสือลง
“อย่าบอกนะ ว่านายยังไม่ได้อ่านมันเลย” เฮอร์ไมโอนี่ย้อนถามเสียงดุๆ มัลฟอยเบะปาก
“ไว้ค่อยอ่านก่อนสอบก็ได้ ไม่เห็นต้องรีบร้อนนี่” เขาทำท่าจะนอนลง
แต่เฮอร์ไมโอนี่ดึงเสื้อเขาไว้
“นายจะนอนตรงนี้ไม่ได้” มัลฟอยนิ่วหน้าเล็กน้อย
“ทำไมจะไม่ได้ ฉันจะนอนตรงไหนมันเรื่องของฉัน”
เขาพูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจตั้งท่าจะเอนตัวลงนอนอีก
“แต่นี่มันเป็นที่นั่งของฉัน” เด็กสาวดึงตัวเขาขึ้นมาอีก
“แล้วนายไม่อายหรือที่มานอนอยู่ตรงนี้กับฉันน่ะ” มัลฟอยนั่งตัวตรงอย่างขัดใจ
“ที่ตรงนี้มันก็เป็นที่ของฉัน และฉันก็ไม่สนใจใครด้วย” เขามองหน้าเฮอร์ไมโอนี่
“ถ้าเธอไม่พอใจก็ลุกไปซิ” เฮอร์ไมโอนี่เม้มปากแล้วเริ่มเก็บหนังสือลงกระเป๋า
“ก็ได้” เธอขยับตัวจะลุกขึ้น แต่ถูกมัลฟอยกดไหล่ไว้
“แค่นี้ไม่น่าน้อยใจนี่นา” เขามองหน้าเธอพลางขยับใบหน้าเข้าไปใกล้ๆหน้าของเด็กสาว
เฮอร์ไมโอนี่เม้มปากขณะที่หันหน้าหลบ
“อย่าทำแบบนี้มัลฟอย” เธอพูดเบาๆด้วยใบหน้าสีเข้ม มัลฟอยเลิกคิ้วสูง
“ถ้าอย่างนั้น” เขาพูดเสียงเรียบ “ทำแบบนี้คงได้ใช่ไหม”
ก่อนที่เฮอร์ไมโอนี่จะทันตั้งตัว มัลฟอยดันไหล่เธอจนล้มลง
เขาก้มตัวตามลงไปอย่างรวดเร็ว เฮอร์ไมโอนี่ดิ้นขลุกขลักอยู่ใต้ร่างของเขา
“อย่าดิ้นน่า” มัลฟอยบ่นเสียงอู้อี้เบาๆก่อนที่จะสะดุ้งสุดตัว
“โอ๊ย!”
เขาผงะเงยหน้าแล้วลุกขึ้นนั่งมองหน้าเฮอร์ไมโอนี่พลางยกมือขึ้นลูบปากตัวเอง
“กัดฉันทำไม” เขาพูดเสียงขุ่น
“แล้วนายทำบ้าอะไรของนาย” เฮอร์ไมโอนี่ลุกขึ้นนั่งมองหน้าเขาด้วยความโกรธจัด
มัลฟอยมองหน้าเธออย่างเคือง
“ฉันก็แค่ทำในสิ่งที่ฉันชอบ ไม่เห็นมีใครเคยว่าอะไรนี่”
เฮอร์ไมโอนี่มองหน้ามัลฟอยอย่างตกตะลึงและใบหน้าก็เริ่มแดงขึ้น
“นายว่ายังไงนะ” เธอร้องเสียงดัง “นายเคยทำแบบนี้ กับคนอื่น !
เลยคิดว่าฉันเป็นแบบนั้นด้วยใช่ไหม”
มัลฟอยมองหน้าเธออย่างตกใจ ก่อนที่เขาจะพูดอะไรออกมา
เฮอร์ไมโอนี่ก็ฟาดมือลงบนใบหน้าของเขาเต็มแรงจนเขาแทบล้ม
มัลฟอยรีบหันหน้ากลับอย่างโมโห แต่ต้องชะงักค้าง เมื่อเห็นน้ำตาของเฮอร์ไมโอนี่
“เกรนเจอร์” เขาขยับตัว แต่
“อย่าเข้ามาใกล้ฉันนะ มัลฟอย ฉันไม่ใช่ผู้หญิงที่นายคิดว่าจะทำอะไรได้ตามใจ”
เฮอร์ไมโอนี่พูดเสียงกร้าว มัลฟอยขมวดคิ้ว
“เธอพูดอะไรน่ะ
ฉันไม่เคย.....”เขาพูดค้างไว้แค่นั้นเพราะต้องหลบกระเป๋าหนังสือที่เฮอร์ไมโอนี่เหวี่ยงใส่ก่อนวิ่งออกไป
“นี่ฉันพูดอะไรผิดไปรึ” เขาพึมพำกับตัวเองเบาๆ
ขณะที่ลูบใบหน้าที่เริ่มมีรอยแดงรูปมือจางๆ

**********************************************************************************************

เฮอร์ไมโอนี่กึ่งเดินกึ่งวิ่งกลับเข้าปราสาท
เธอรีบเช็ดน้ำตาเมื่อถึงบันไดทางเข้าห้องโถงใหญ่
“เขาคิดว่าเขาเป็นใครกัน” เธอบ่นเบาอย่างโกรธปนน้อยใจ
“คงทำแบบนี้กับผู้หญิงในหอของตัวเองได้บ่อยๆล่ะซิ”
เธอกระแทกลมหายใจอย่างขุ่นเคืองขณะที่ก้าวขึ้นบันได
“โดยเฉพาะยายหวานใจ แพนซี่ พาร์กินสันนั่น”
คราวนี้เฮอร์ไมโอนี่กระแทกเท้าอย่างแรงเมื่อขึ้นมาถึงบันไดขั้นบนสุดเป็นการระบายอารมณ์
มีเสียงหัวเราะเยาะดังขึ้น
“อารมณ์เสียอะไรมา ยายเลือดสีโคลน” เสียงแสบแก้วหูดังลอยขึ้นมา มีเสียงเฮรับ
“อย่ากระแทกเท้าแรงๆแบบนั้นสิ เดี๋ยวโคลนโสโครกในตัวเธอมันจะกระเด็นมาถูกพวกฉัน”
เสียงห้าวๆของมิลลิเซ็นต์ บัลสโตรดดังเสริมคำพูดของแพนซี่ เฮอร์ไมโอนี่ชะงัก
นักเรียนหญิงสริธีริน 4-5 คนยืนขวางทางอยู่เต็ม โดยมีแพนซี่ พาร์กินสัน
เป็นหัวโจกเช่นเคย
ขณะที่เฮอร์ไมโอนี่กำลังตัดสินใจอยู่ว่าจะเลือกเดินกลับลงบันไดไปดี
หรือเดินฝ่ากลุ่มสริธีรินไปดี เสียงใครคนหนึ่งในกลุ่มก็ดังขึ้นเสียก่อน
“ล้างโคลนออกก่อนดีกว่า แพนซี่”
เฮอร์ไมโอนี่รีบหยิบไม้กายสิทธิ์ของเธอแต่คราวนี้ช้ากว่าแพนซี่
หล่อนสะบัดไม้กายสิทธิ์อย่างรวดเร็ว
“หยุดนะ แพนซี่!”
เสียงมัลฟอยร้องตวาดอย่างโกรธเกรี้ยวแต่ช้าไป แสงสีเขียงพุ่งเข้าใส่เฮอร์ไมโอนี่
แต่ด้วยความที่ตกใจเสียงตวาดของมัลฟอย
ทำให้แพนซี่ร่ายคาถาพลาดไปโดนกำแพงเฉียดตัวเฮอร์ไมโอนี่ไปเล็กน้อย
แต่แรงกระแทกของคาถาก็ส่งผลให้ร่างของเธอกระด็นและกลิ้งตกบันไดหินอ่อนลงมาถึงพื้นด้านล่างเสียงดังสนั่น
มัลฟอยหน้าซีดเผือดด้วยความตกใจ
“เกรนเจอร์!”
เขาร้องเรียกขณะที่วิ่งไปยังร่างที่นอนแน่นิ่งอย่างรวดเร็ว
เขาแทบช็อคเมื่อเห็นเลือดสีแดงเข้มไหลนองพื้น
“เกรนเจอร์”
มัลฟอยทรุดตัวลงนั่ง ขณะที่เขากำลังจะประคองร่างของเฮอร์ไมโอนี่ขึ้นมา
“นั่นเธอจะทำอะไรน่ะ เดรโก” เสียงร้องอย่างไม่พอใจของแพนซี่ดังขึ้น
เขาเงยหน้าขึ้นมองอย่างโกรธจัด
“แก!”
เขาคำรามลอดไรฟันออกมาแล้วล้วงไม้กายสิทธิ์ชี้ตรงไปที่แพนซี่
“เฟอร์นันคูลัส!”
เสียงกรีดร้องอย่างตกใจดังขึ้น แต่มัลฟอยไม่สนใจ
เขารีบอุ้มร่างที่ไร้สติของเฮอร์ไมโอนี่ขึนก่อนที่จะรีบพาเธอไปห้องพยาบาล
เขามองแพนซี่อย่างขุ่นเคือง
“ปล่อยไว้อย่างนั้น ถ้าใครแก้คาถาให้มันล่ะก็”
เขาคำรามมองหน้าเพื่อนแต่ละคนอย่างอาฆาตก่อนจะรีบพาเฮอร์ไมโอนี่ไปที่ห้องพยาบาล

.......................................................................................................................................................................................................................................................


“แผลนี่ลึกมากเลยนะ พวกเธอไปทำอะไรกันมาอีก”
มาดามพอมพรีย์บ่นด้วยสีหน้ากังวลอย่างเห็นได้ชัด นั่นทำให้มัลฟอยยิ่งหน้าซีดลงไปอีก
เขาขยับจะพูดแต่มาดามพอมพรีย์โบกมือให้เขาออกไปยืนห่างๆแทน
“มิสเกรนเจอร์ต้องนอนที่นี่เพื่อรอดูอาการ”
เธอเดินออกมาบอกเขาหลังจากทำแผลเสร็จเรียบร้อยแล้ว
“ถ้าจะเยี่ยมต้องรอพรุ่งนี้”
เธอบอกเสียงดุๆเมื่อเห็นเด็กชายทำท่าจะเดินเข้าไปในห้องพยาบาล
เขาเงยหน้าเพื่อจะพยายามขอเข้าไปดูเฮอร์ไมโอนี่แต่เมื่อเห็นสายตาดุๆที่มองกลับมาทำให้เขาต้องเปลี่ยนใจ
“แล้วผมจะมาวันพรุ่งนี้ครับ”
เขาพูดเบาๆก่อนที่จะหมุนตัวเดินออกมา
มัลฟอยเดินอย่างเลื่อนลอยด้วยความเป็นห่วงเฮอร์ไมโอนี่ไปตามระเบียงทางเดิน
“มิสเตอร์มัลฟอย”
เสียงนุ่มนวลเยือกเย็นเรียกเขาขณะที่เขากำลังเดินกลับหอ มัลฟอยหันไปมอง
สเนปกำลังยืนหน้าบูดบึ้งอยู่
“ฉันขอทราบเหตุผลที่เธอร่ายคาถาใส่เพื่อนร่วมบ้านด้วย มิสเตอร์มัลฟอย”
เขาพูดเสียงเย็นเรียบ มัลฟอยกัดปากตัวเองเบาๆก่อนตอบ
“เขาทำร้ายคนอื่นโดยไม่มีเหตุผลครับ ศาสตราจารย์สเนป”
“คนอื่นที่เธอพูดถึงคือพวกกริฟฟินดอร์ใช่ไหม มิสเตอร์มัลฟอย
ฉันมองไม่เห็นเหตุผลอะไรที่เธอจะต้องไปปกป้องพวกนั้นเลยนี่นะ”
เขาหรี่ตาสีดำอย่างจ้องจับผิด
“นอกจากเธอจะมีความรู้สึก ‘พิเศษ’ กับคนพวกนั้น” มัลฟอยรู้สึกอึดอัดกับคำพูดของสเนป
“ผมไม่ได้มีความรู้สึกพิเศษกับพวกสีโคลน” เขาโพล่งออกมาในที่สุด
“แค่ไม่อยากให้พวกเราต้องเสียคะแนนเพราะเรื่องเล็กน้อยพวกนี้”
สเนปจ้องดวงตาของมัลฟอยนิ่ง
“โชคดีที่ฉันเป็นคนเจอเหตุการณ์นี่พอดี มิสเตอร์มัลฟอย
นั่นทำให้พวกเธอไม่ต้องเสียคะแนน
แต่ฉันหวังว่าฉันคงไม่ต้องเขียนจดหมายรายงานพฤติกรรมแปลกๆของเธอให้ทางบ้านของเธอทราบหรอกนะ”
เขาพูดทำนองขู่ด้วยเสียงนุ่มเย็น มัลฟอยมีสีหน้าซีดลงเล็กน้อย
“ผมไม่ได้มีพฤติกรรมแปลกอะไรทั้งนั้นครับศาสตราจารย์สเนป ถ้ามีไม่อะไรแล้วล่ะก็..”
เขาชะงักคำพูดเป็นเชิงขอตัว สเนปยังคงมองมัลฟอยด้วยสายตาจ้องจับผิด
“เชิญกลับไปได้แล้ว มิสเตอร์มัลฟอยหวังว่าเหตุการณ์แบบนี้คงไม่เกิดขึ้นอีกนะ”
พูดจบสเนปก็หมุนตัวเดินสะบัดผ้าคลุมจากไปอย่างรวดเร็ว
มัลฟอยถอนหายใจก่อนเดินกลับหอนอนของเขา
เมื่อมัลฟอยเดินผ่านช่องประตูเข้าไปที่ห้องนั่งเล่นรวม เขาต้องขมวดคิ้วอย่างรำคาญใจ
กลุ่มของแพนซี่นั่งจับกลุ่มอยู่ที่กลางห้อง แครบและกอยล์รีบเดินเข้ามาหาเขา
“พวกนั้นพูดเรื่องนายอยู่น่ะ” แครบพูด “เขาบอกว่านายเข้าข้างพวกสีโคลน”
มัลฟอยนิ่งฟังอย่างไม่พอใจ เขาเดินเข้าไปหากลุ่มของแพนซี่ทุกคนรีบหลบตาของมัลฟอย
“ว่ายังไงล่ะ” เขาพูดเสียงดัง “ฉันมาแล้วใครสงสัยอะไรก็ถามฉันมาตรงๆเลย”
แพนซี่ลุกขึ้นยืนจ้องหน้ามัลฟอย
“เธอทำอะไรลงไป เดรโก” เขามองหน้าเธอด้วยสายตาเย็นเยียบ
“แค่นั้นน่ะน้อยไปนะแพนซี่ ที่จริงฉันอยากใช้คาถาต้องห้ามกับเธอด้วยซ้ำ”
แพนซี่หน้าแดงด้วยความโกรธ
“ทำไม เดรโก อย่าบอกนะว่าเธอหลงยัยเกรนเจอร์โสโครกนั่น” เธอแผดเสียงร้องดังลั่น
มัลฟอยขยุ้มคอของแพนซี่ด้วยมือข้างเดียวอย่างขัดเคือง
“เธอไม่มีสิทธิ์ที่จะพูดแบบนั้นกับฉันแพนซี่”
เขาออกแรงบีบแรงขึ้นจนแพนซี่หน้าซีดด้วยความกลัว
“ฉันไม่ได้หลงใครทั้งสิ้น แม้แต่เธอ” เขาจ้องหล่อนด้วยดวงตาที่เย็นชาและดุดัน
“ที่ฉันลงมือกับเธอในวันนี้ เพราะเธอขัดคำสั่งฉัน แพนซี่ ถ้าฉันสั่งให้เธอหยุด
เธอต้องหยุด จำไว้!” เขาผลักแพนซี่ออกไปอย่างแรงจนหล่อนหงายหลังล้มลงไป
ดีที่เพื่อนๆช่วยกันรับไว้ได้ทัน
“เหตุการณ์ในวันนี้อาจทำให้เราเสียคะแนนได้เป็นร้อยคะแนน” เขาพูดต่อ แต่มิลลิเซ็นต์
บัลสโตรดกลับแย้งขึ้นมา
“แต่พวกเราไม่เสียสักคะแนนนี่ มัลฟอย”
“นั่นเพราะศาสตราจารย์สเนปเป็นคนมาเจอพวกเธอต่างหาก” มัลฟอยตะคอกกลับ
“คราวหลังจะทำอะไรรู้จักหัดใช้สมองคิดก่อน
พวกมักเกิ้ลโง่ๆยังทำอะไรได้ดีกว่าพวกเธอด้วยซ้ำ”
เขากวาดตามองทุกคนซึ่งต่างหลบสายตาไม่กล้าสู้หน้า
“ทำตัวเหมือนพวกชั้นต่ำ”
มัลฟอยพูดเสียงเหยียดก่อนเดินเข้าห้องของตัวเองโดยมีแครบและกอยล์รีบลนลานตามเขาไป

............................................................................................................................................................................................................................................................


*2*


เช้าวันรุ่งขึ้นมัลฟอยรีบตรงไปที่ห้องพยาบาล
เขายืนรออยู่ด้านนอกขณะที่มาดามพอมพรีย์กำลังตรวจดูอาการของเฮอร์ไมโอนี่อย่างกระวนกระวายใจ
เขายืนมองท้องฟ้าที่กำลังมืดครึ้มลงเหมือนจะเกิดพายุเป็นการฆ่าเวลารอ
มาดามพอมพรีย์เดินมาอนุญาตให้เขาเข้าเยี่ยมฮอร์ไมโอนี่ได้
“แต่อย่าทำอะไรที่เป็นการรบกวนมิสเกรนเจอร์นะ”
เธอกำชับด้วยน้ำเสียงที่ดูแปร่งปร่าแปลกกว่าทุกครั้ง
มัลฟอยมองหน้าเธออย่างสงสัยขณะที่เดินไปยังเตียงของเฮอร์ไมโอนี่
“เกรนเจอร์อาการหนักมากหรือครับ”
“ก็ไม่เชิงหรอกมิสเตอร์มัลอย” เธอทำสีหน้ายุ่งยากใจ “บาดแผลที่ศรีษะน่ะ
หายเกือบเป็นปรกติแล้ว” ทั้งคู่หยุดยืนอยู่ที่เตียงของเฮอร์ไมโอนี่
“เกรนเจอร์” มัลฟอยเรียกเธอเบาๆ เด็กสาวค่อยๆขยับเปลือกตาขึ้น เธอยิ้มบางๆให้เขา
“เป็นยังไงบ้าง” เขาถามเสียงอ่อน เฮอร์ไมโอนี่ขมวดคิ้วเล็กน้อย
“ก็ยังเจ็บแผลอยู่นะ ขอบคุณที่มาเยี่ยม” เธอมองหน้ามัลฟอย
เขารู้สึกแปลกใจในแววตาที่ดูว่างเปล่าของเธอ
เด็กสาวทำหน้าเหมือนเสียใจขณะที่พูดออกมา
“เอ้อ....ฉันต้องขอโทษนะ เธอเป็นใครกัน” มัลฟอยตกตะลึงเหมือนถูกสาบ
เขามองหน้าเฮอร์ไมโอนี่อย่างไม่เชื่อในสิ่งที่เธอพูด
“อย่ามาล้อเล่นกับฉันแบบนี้ เกรนเจอร์” เขาพูดเสียงเข้มเล็กน้อย
แต่เด็กสาวส่ายหน้าช้าๆ
“ฉันไม่ได้ล้อเล่น ฉันจำเธอไม่ได้จริงๆ”
มัลฟอยนิ่งอึ้งขณะที่มาดามพอมพรีย์กดไหล่ของเขาเบาๆ
“มิสเกรนเจอร์ได้รับความกระทบกระเทือนอย่างรุนแรงที่ศรีษะ
ทำให้มีผลต่อความทรงจำของเธอ” เขามองหน้าเฮอร์ไมโอนี่นิ่ง
เสียงของมาดามพอมพรีย์เหมือนดังมาจากที่ไกลแสนไกล
“มิสเกรนเจอร์สูญเสียความทรงจำทั้งหมด เธอจำไม่ได้แม้แต่ชื่อของตัวเอง
มิสเตอร์มัลฟอย”
เธอตบไหล่เด็กชายเบาๆเป็นเชิงปลอบก่อนขอตัวเพื่อไปพบศาสตราจารย์ดัมเบิลดอร์
มัลฟอยมองหน้าเฮอร์ไมโอนี่อย่างเงียบงันจนเธอต้องเป็นฝ่ายพูดขึ้นก่อน
“มาดามพอมพรีย์บอกกับฉันว่าฉันชื่อเฮอร์ไมโอนี่ เกรนเจอร์ แล้วเธอชื่ออะไรเหรอ”
มัลฟอยกลืนน้ำลายลงคออย่างยากเย็นก่อนตอบ
“มัลฟอย เดรโก มัลฟอย” เฮอร์ไมโอนี่ยิ้มบางๆ
“ชื่อเธอแปลกดีนะ...เอ่อ..ฉันหมายถึงความหมายน่ะ แต่เป็นชื่อที่ดีมากเลย”
เธอทำหน้าเศร้าลงเล็กน้อย
“ฉันพยายามนึกชื่อ หรือคิดถึงอะไรหลายๆอย่างแต่สมองมันว่างเปล่าไปหมด”
เธอถอนหายใจเบาๆขณะที่มองหน้ามัลฟอย
“เธอรู้จักฉันแค่ไหนน่ะ มัลฟอย คือเราสนิทกันแค่ไหน”
มัลฟอยรู้สึกเหมือนถูกมีดคมกริบแทงเข้าไปที่หัวใจ
“ก็ไม่เชิง” เขาพูดเสียงแห้ง “เราแค่คนรู้จักกันในโรงเรียนเท่านั้น”
ยังไม่ทันที่เฮอร์ไมโอนี่จะพูดอะไรต่อ เสียงวิ่งโครมครามดังขึ้นที่ประตูห้องพยาบาล
แฮร์รี่และรอนพรวดพราดเข้ามาในห้อง
“เฮอร์ไมโอนี่!”
ทั้งคู่เรียกชื่อเด็กสาวพร้อมๆกันขณะที่รีบวิ่งไปที่เตียงของเธอ
ทั้งสองคนมองหน้ามัลฟอยเขม็ง
“นายทำอะไรเธอ มัลฟอย” แฮร์รี่ถามสียงเข้มในขณะที่รอนกำหมัดแน่น
เตรียมพุ่งเข้าใส่เขา มัลฟอยมองทั้งคู่ด้วยสายตาดูถูก
“ใครอยากจะแตะยายเลือดสีโคลนนี่ พอตเตอร์” เขาพูดน้ำเสียงเหยียด
“ฉันแค่ได้ยินว่ายายนี่ตกบันไดหัวแตกเลยอยากเข้ามาดูว่า
เลือดยายนี่มันสีอะไรแน่เท่านั้น” มัลฟอยชำเลืองมองเฮอร์ไมโอนี่ด้วยหางตาและแบะปาก
“เชอะก็มีสีแดงดีนี่ แต่ทำไมมันดูโสโครกนะ” รอนกระโจนใส่มัลฟอยทันที
ทั้งคู่ล้มลงรอนรีบลุกขึ้นแล้วเหวี่ยงกำปั้นใส่หน้ามัลฟอยเต็มแรง
แฮร์รี่รีบดึงรอนออกมาห่างจากมัลฟอย
“อย่ารอน” เขาห้ามแต่รอนพยายามดิ้นให้หลุดจากมือแฮร์รี่
“ปล่อยฉันแฮร์รี่” เขาร้องอย่างเดือดาล
“ฉันจะต่อยไอ้คุณหนูเลือดบริสุทธิ์นี่ให้คว่ำไปเลย” มัลฟอยลุกขึ้นยืน
เขายกมือขึ้นเช็ดเลือดที่มุมปาก
“ทำเป็นเก่งไปเถอะ วีสลีย์” เขาพูดเยาะๆ
“ฉันว่าแกน่าจะรีบไปดูยายเลือดสีโคลนนั่นดีกว่านะ”
เขาพยักหน้าไปทางเฮอร์ไมโอนี่ซึ่งหน้าซีดด้วยความตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต่อหน้า
“เฮอร์ไมโอนี่เป็นยังไงบ้าง” รอนรีบถลาไปหาเธอ “มันทำอะไรเธอ”
เขาจ้องดูผ้าพันแผลบนศีรษะของเธอด้วยสีหน้าขุ่นเคืองระคนเป็นห่วง
เฮอร์ไมโอนี่ยิ้มแห้งๆ
“เฮอร์ไมโอนี่ ไม่เป็นอะไรมากใช่ไหม”
แฮร์รี่ถามขึ้นด้วยความเป็นห่วงไม่น้อยไปกว่ารอน
“ฉันไม่เป็นอะไรมากหรอก” เธอทำสีหน้ายุ่งยากก่อนจะพูดประโยคต่อไป
“เธอสองคน เอ่อ...ชื่ออะไรเหรอ” แฮร์รี่และรอนตกตะลึงอ้าปากค้าง
รอนรีบหันไปมองที่มัลฟอย แต่เขาไม่อยู่ตรงนั้นแล้ว
“เธอจำเราสองคนไม่ได้เหรอ เฮอร์ไมโอนี่” แฮร์รี่ถามเบาๆเด็กสาวส่ายหน้าเศร้าๆ
“ฉัน จำอะไรไม่ได้เลยขอโทษด้วยนะ”
รอนมองหน้าเฮอร์ไมโอนี่แล้วเลื่อนสายตามาที่แฮร์รี่เขาถอนหายใจ
“ฉัน รอน วีสลีย์ ส่วนนี่ แฮร์รี่” รอนกลืนน้ำลายลงคออย่างลำบาก
“แฮร์รี่ พอตเตอร์ เราสองคนเป็นเพื่อนที่สนิทที่สุดในโรงเรียนของเธอ เฮอร์ไมโอนี่”
เฮอร์ไมโอนี่มองหน้าเด็กชายทั้งสองคน
“มันคงจะแปลกสำหรับเธอสองคนนะที่ฉันจะบอกว่า ยินดีที่รู้จักน่ะ”
เด็กสาวยิ้มเศร้าๆแฮร์รี่ตบบนมือของเฮอร์ไมโอนี่เบาๆเป็นเชิงปลอบใจ
“มันเกิดขึ้นได้ยังไงน่ะ” เขาถามเธอเบาๆ เฮอร์ไมโอนี่ส่ายหน้าช้าๆ
“ฉันจำไม่ได้ รู้แต่ว่าพอลืมตาขึ้นมาก็อยู่ที่นี่แล้ว” เธอมองหน้าแฮร์รี่
“แต่มาดามพอมพรีย์บอกฉันว่า ฉันตกบันไดที่ห้องโถงใหญ่หัวฟาดพื้นอย่างแรง
ดีที่มัลฟอยพามาส่งที่ห้องพยาบาลทัน” รอนตาโต
“เจ้านั่นน่ะนะ พาเธอมาส่งที่ห้องพยาบาลนี่น่ะ” เขาร้องเสียงหลง
“ถ้าอย่างนั้นต้องเป็นมันแน่ๆที่ทำให้เธอเป็นแบบนี้” เขากำหมัดแน่นอย่างโกรธแค้น
“แต่เราจะไปโทษเขาก็ไม่ได้นะรอนเพราะเราไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์”แฮร์รี่เตือน
“แต่ฉันว่าต้องเป็นมันแน่แฮร์รี่ นายก็รู้ว่ามันเกลียดเฮอร์ไมโอนี่
มันอาจจะผลักให้ตกบันไดแล้วเสกคาถาลบความจำแบบล็อคฮาร์ตใส่เฮอร์ไมโอนี่ก็ได้”
รอนพูดอย่างเดือดดาล
“นั่น มันไม่ใช่อย่างที่เธอคิดหรอก มิสเตอร์วีสลีย์”
น้ำเสียงที่ฟังดุปราณีดังขึ้นด้านหลัง ทั้งคู่รีบหันไปดู
“ศาสตราจารย์ ดัมเบิลดอร์” แฮร์รี่อุทานเบาๆ ชายชราหนวดสีเงินยวงยิ้มรับอย่างเมตตา
เขาเดินมาหยุดที่เตียงของเฮอร์ไมโอนี่
“มิสเกรนเจอร์ตกบันไดอย่างแรง ทำให้สูญเสียความทรงจำไป
แต่มิสเตอร์มัลฟอยเป็นคนนำเธอมาส่งที่ห้องพยาบาลนี่ แล้วอีกอย่างนะ
มิสเตอร์วีสลีย์” ศาสตราจารย์ดัมเบิลดอร์มองหน้ารอน
“คาถาลบความจำน่ะ ไม่ได้ใช้กันได้ง่ายๆนะ
ต้องเป็นพ่อมดที่มีพลังในระดับหนึ่งเท่านั้นถึงจะใช้ได้ผล” รอนยิ้มแหยๆ
แฮร์รี่รีบถาม
“แล้วเฮอร์ไมโอนี่จะหายเป็นปรกติไหมครับ” ชายชราดูเฮอร์ไมโอนี่อย่างพิจารณา
“ถ้าเป็นคาถาลบความทรงจำยังพอมีวิธีแก้ไข” เขาขมวดคิ้วสีเงินอย่างยุ่งยากใจเล็กน้อย
“แต่นี่เกิดจากอุบัติเหตุ คงต้องใช้เวลาพอสมควร” เขาตบบ่าแฮร์รี่เบาๆ
“ไม่ต้องวิตกแฮร์รี่ ทุกอย่างในโลกนี้มีหนทางแก้ไขเสมอ” เขาหันไปทางมาดามพอนพรีย์
“ให้มิสเกรนเจอร์พักที่นี่จนกว่าแผลจะหายดีต่อจากนั้นก็ให้เธอกลับหอได้”
“แต่ท่านอาจารย์ใหญ่คะ
เราจะปล่อยให้มิสเกรนเจอร์เดินไปมาในโรงเรียนโดยที่จำอะไรไม่ได้เลย มันอันตรายนะคะ”
มาดามพอมพรีย์รีบค้านด้วยสีหน้าไม่พอใจ
“ไม่ต้องกังวลไปหรอก ถ้าให้เธอได้ทำอะไรที่เคยทำมาก่อนอาจจะช่วยได้แล้วอีกอย่าง”
ชายชรามองหน้าแฮร์รี่และรอน
“มิสเกรนเจอร์มีเพื่อนที่ดีถึงสองคน” เขาหยุดยิ้มเล็กน้อย
“และยังมีคนที่คอยห่วงใยดูแลอยู่ตลอดเวลา ใช่ไหม”
ศาสตราจารย์ดัมเบิลดอร์ยิ้มให้แฮร์รี่และรอน เด็กทั้งสองพยักหน้า
“พวกเราจะทำทุกอย่างเพื่อให้เฮอร์ไมโอนี่กลับเป็นอย่างเดิมครับ” แฮร์รี่พูด
ศาสตราจารย์ดัมเบิลดอร์ยิ้มอย่างพอใจ เขามองเฮอร์ไมโอนี่อย่างปราณี
“ไม่ต้องกังวลไปหรอกจะ มิสเกรนเจอร์ เธอจะต้องหายแน่ๆ” เขาพูดด้วยสีหน้าอ่อนโยน
เฮอร์ไมโอนี่ยิ้มอย่างเศร้าๆรับ
“ขอบคุณค่ะศาสตราจารย์” ศาสตราจารย์ดัมเบิลดอร์ขยับมือมาตบบ่าแฮร์รี่เบากๆ
“พวกเธอก็ไปเรียนกันได้แล้วนะเดี๋ยวจะสาย” แฮร์รี่และรอนมองเฮอร์ไมโอนี่
“เราไปก่อนนะ แล้วจะมาเยี่ยมอีก” รอนจับไหล่เฮอร์ไมโอนี่
“แล้วฉันจะเอาการบ้านมาฝากนะ” เด็กสาวยิ้มอย่างขบขันในคำพูดของรอน
“ขอบใจนะรอน” เขาหน้าแดง แฮร์รี่กล่าวอำลาศาสตราจารย์ดัมเบิลดอร์ก่อนที่จะรีบออกไป

ชั่วโมงวิชาประวัติศาสตร์เวทมนต์นับเป็นวิชาที่สร้างความเบื่อหน่ายให้กับนักเรียนได้ทุกเวลา
ศาสตราจารย์บินส์ก้มหน้าก้มตาเขียนกระดานอธิบายถึงประวัติของพ่อมดเมอร์ลินกับการช่วยเหลือกษัตริย์อาเธอร์ในการสร้างชาติอย่างไม่สนใจนักเรียนที่นั่งหลับไปเกือบครึ่งห้อง
มัลฟอยนั่งหมุนปากกาขนนกในมืออย่างเบื่อหน่าย ถ้าเป็นในเวลาปรกติ
เขาคงจะงีบหลับแบบเพื่อนๆไปแล้ว แต่ในเวลานี้เขาอยู่ในอารมณ์หงุดหงิดเต็มที่
เขานึกถึงสายตาที่ว่างเปล่าของเฮอร์ไมโอนี่ที่มองมายังเขา
มัลฟอยกัดริมฝีปากตัวเองอย่างเผลอตัว เสียงระฆังหมดเวลาดังขึ้น
เขารีบเก็บหนังสือบนโต๊ะลงกระเป๋าแล้วรีบเดินออกจากห้องเรียนอย่างเร็ว
แครบและกอยล์รีบลุกขึ้นเดินตาม
“นั่นนายจะรีบไปไหนกันน่ะ” กอยล์ร้องถาม
มัลฟอยชะงักหันมามองสมุนของเขาด้วยสีหน้าขุ่นเคืองรำคาญใจ
“นั่นมันเรื่องของฉัน พวกแกไม่ต้องตามมา”
“คงไม่ได้รีบไปหายัยเลือดสีโคลนนั่นหรอกนะ เดรโก” เสียงแพนซี่ขัดขึ้น
มัลฟอยมองหน้าหล่อนเขม็ง
“ฉันบอกแล้วว่า ฉันจะทำอะไรมันเรื่องของฉัน!” เขาเค้นเสียงพูด
“ถ้าเป็นเรื่องอื่นคงใช่ เดรโก แต่นี่เธอกำลังทำในสิ่งที่หักหลังเพื่อน
หักหลังตัวเองนะ” แพนซี่พูดด้วยเสียงขุ่นเคืองไม่แพ้กัน
มัลฟอยขบกรามก่อนเดินเข้ามาหาแพนซี่ เขายกไม้กายสิทธิ์จ่อที่คอของเธอ
“เธอคิดว่าตัวเองเป็นใคร แพนซี่ถึงได้กล้าใช้คำพูดแบบนี้กับฉัน”
เขาจรดไม้กายสิทธิ์ลงบนลำคอของแพนซี่แล้วเริ่มออกแรงกดลงไป
“คนอย่างฉันถ้าจะทำอะไรแล้วไม่มีใครมีสิทธิ์มาห้าม”
เขาพูดด้วยเสียงคำรามดวงตาเย็นเยียบ
“และที่สำคัญฉันไม่เคยสนใจใครและไม่เคยคิดจะเป็นเพื่อนกับใครจริงๆ
แพนซี่ไม่ว่าจะเป็นเธอหรือพวกเลือดสีโคลน” แพนซี่หน้าซีดเผือด
“เธอจะหักหลังพวกเราใช่ไหม”
“ไม่แพนซี่ ฉันไม่เคยหักหลังใคร แต่ฉันไม่เคยเชื่อใจใครหรือไว้ใจใครต่างหาก”
ดวงตาสีเทาซีดเต็มไปด้วยความเย็นชา
“แต่ถ้าเธอยังขืนทำตัววุ่นวายกับฉันอีกละก็
เธอจะได้รับผลตอบแทนที่เธอต้องร้องขอความตาย แพนซี่!” รอยยิ้มโหดเ หี้ ย
มและเย็นชาปรากฏขึ้นที่มุมปากก่อนที่เขาจะลดไม้กายสิทธิ์ลงและสะบัดผ้าคลุมเดินจากไปอย่างรวดเร็ว

................................................................................................................................................................................................................

มัลฟอยขยี้หนังตาเบาๆก่อนเงยหน้าขึ้นแล้วเอนหลังพิงพนักเก้าอี้อย่างอ่อนแรง
กองหนังสือตั้งใหญ่สูงท่วมหัวกองอยู่ตรงหน้าเขา
“ไม่มีเวทมนต์คาถาไหนๆในโลกที่จะช่วยให้เกรนเจอร์กลับเป็นเหมือนเดิมได้เลยรึนี่”
เขาพูดกับตัวเองเบาๆอย่างอ่อนล้า
เด็กชายก้มหน้าลงยกมือขึ้นกุมศีรษะผมสีบรอนซ์ที่เคยเรียบดูยุ่งเหยิงเล็กน้อย
เขามองดูเวลาซึ่งใกล้ค่ำเต็มทีก่อนจะลุกขึ้นเก็บหนังสือบนโต๊ะ
เขาหยิบหนังสือเล่มหนึ่งขึ้นดู
“ตำราว่าด้วยการทบทวนเวทมนต์เบื้องต้น”
เด็กชายเม้มปากครุ่นคิดเล็กน้อยก่อนตัดสินใจขอยืมหนังสือเล่มนี้ออกจากห้องสมุด
เขารีบเดินตรงไปที่ห้องพยาบาลก่อนเพราะกลัวว่าจะต้องเจอกับพวกพอตเตอร์ที่เขาแสนเกลียดอีก
เมื่อไปถึงประตูห้องพยาบาลมัลฟอยค่อยๆมองไปรอบๆห้องก่อนที่จะเดินอย่างเงียบกริบไปที่เตียงของเฮอร์ไมโอนี่
“เกรนเจอร์” เขาเรียกเบาๆ เฮอร์ไมโอนี่ลืมตาขึ้นมองเขาอย่างแปลกใจเล็กน้อย
เธอขยับตัวลุกขึ้นนั่ง
“มัลฟอย” เธอเรียกเขาเบาๆ
“เป็นยังไงบ้าง” เขาถามขณะที่เลื่อนเก้าอี้มานั่งข้างๆเตียงของเธอ
เด็กสาวยกมือขึ้นแตะที่แผลเบาๆ
“ไม่ค่อยเจ็บแล้วล่ะ” มัลฟอยวางหนังสือลงบนมือของเธอ
“คือ ฉันคิดว่าเธอคงไม่อยากอยู่ว่างๆ” เขาทำสีหน้าขัดเขินเล็กน้อย
“ก่อนหน้านั้นเธอชอบอ่านหนังสือมากนี่นะ” เฮอร์ไมโอนี่ยิ้ม
“ขอบคุณมาก ตอนนี้ฉันก็รู้สึกชอบอ่านหนังสืออยู่นะ”
เธอเปิดหนังสืออ่านผ่านๆอย่างรวดเร็ว
“ดีเลยมัลฟอย ฉันกำลังกังวลอยู่พอดีว่าจะทำยังไงดีเพราะฉันลืมบทเรียนไปจนหมดเลยน่ะ”
มัลฟอยมีสีหน้าดีใจ
“ฉันจะขอยืมมาให้อีกนะ” แล้วเขาก็นิ่งเงียบมองหน้าเฮอร์ไมโอนี่นิ่ง
“เกรนเจอร็” เขากุมมือของเธอไว้หลวมๆ
“ฉันขอโทษ” เฮอร์ไมโอนี่มองหน้าเขาอย่างงงๆ
“เธอไม่ได้ทำอะไรผิดนี่มัลฟอย ทำไมต้องมาขอโทษฉัน” มัลฟอยส่ายหน้าช้าๆ
“เรื่องมันเริ่มมาจากฉัน” เขาพูดสั้นๆด้วยสีหน้าสลด
“ฉันกลับก่อนนะ เดี๋ยวพวกพอตเตอร์จะมาเจอฉันอีก” เฮอร์ไมโอนี่จับมือเขาดึงไว้เบาๆ
“พวกเธอไม่ถูกกันอย่างนั้นหรือ” มัลฟอยเม้มปากเขาดึงมือออกจากมือของเธออย่างช้าๆ
“ไว้เธอก็จะรู้เอง เกรนเจอร์”
เขามองหน้าเด็กสาวอีกครั้งก่อนจะถอนหายใจเบาๆแล้วหมุนตัวเดินออกไปเงียบเหมือนกับตอนที่เข้ามา
มัลฟอยเดินไปตามระเบียงอย่างกังวลใจ
เขารู้สึกว่าตัวเองมีส่วนผิดที่ทำให้เอร์ไมโอนี่เป็นแบบนั้น
แต่ความคิดทั้งหมดก็ต้องหยุดชะงักเมื่อเขาเห็นแฮร์รี่และรอนกำลังเดินมาด้วยกันอย่างเร่งรีบ
รอนรีบพุ่งเข้าใส่มัลฟอยทันที ดีแต่ว่าแฮร์รี่คว้าเสื้อคลุมของเขาไว้ได้ทัน
“เกรนเจอร์ยังไม่ตายหรอกวีสลีย์ไม่ต้องรีบร้อนถึงขนาดนั้นก็ได้”
มัลฟอยพูดขึ้นด้วยท่าทางที่รังเกียจคนทั้งสอง
“แล้วแกไปวุ่นวายกับเฮอร์ไมโอนี่ทำไมมัลฟอย” รอนพูดด้วยน้ำเสียงโกรธ
มัลฟอยเลิกคิ้วสูง
“ฉันไม่เคยคิดจะคบหากับพวกเลือดสีโคลน” เขาเหยียดริมฝีปาก
“หรือพวกพ่อมดชั้นต่ำที่ชอบคบหาสมาคมกับพวกมักเกิ้ล”
รอนพยายามเหวี่ยงกำปั้นใส่มัลฟอยแต่แฮร์รี่ดึงเสื้อคลุมเขาไว้
“ปล่อยฉันแฮร์รี่” เขาดวยวาย “ฉันจะฟาดปากมันไอ้พวกชนชั้นสูง”
“อย่าน่ารอน” แฮร์รี่ปรามเขาทั้งๆที่ตัวเองรู้สึกโกรธในคำพูดของมัลฟอยเหมือนกัน
“ถ้ามีเรื่องกันตรงนี้เราจะแย่นะ รีบไปหาเออร์ไมโอนี่กันดีกว่า”
เขาพยายามออกแรงลากรอนไปให้พ้นจากมัลฟอย
“นายห้ามฉันทำไมกันแฮร์รี่” รอนร้องอย่างขุ่นเคือง แฮร์รี่ส่ายหน้า
“เฮอร์ไมโอนี่คงไม่ชอบแน่ๆถ้ารู้ว่าเรามีเรื่องจนต้องเสียคะแนนระหว่างทางที่มาหาเธอ”
รอนหยุดชะงักทันที
“มันก็จริงของนายแฮร์รี่ แต่หมอนั่นมันกวนอารมณ์ฉันจริงๆนี่”
เขาสงบปากเมื่อถึงห้องพยาบาล
“เหลือเชื่อแฮะ” รอนพูดค่อนข้างดัง
“ขนาดป่วยนะนี่เธอยังอ่านหนังสือได้อีก”
เฮอร์ไมโอนี่มองเขาด้วยสายตาดุๆก่อนจะปิดหนังสือ
“เธอคงไม่คิดว่าฉันจะหยุดเรียนเพียงเพราะสูญเสียความทรงจำไปหรอกนะรอน”
เธอพูดด้วยน้ำเสียงขุ่นเคือง
“ฉันต้องรีบอ่านทบทวนว่าฉันเรียนอะไรมาแล้วบ้าง
บางทีมันอาจจะช่วยให้ฉันจำอะไรขึ้นมาบ้างก็ได้”
แฮร์รี่มองดูที่ปกหนังสือเขาเลื่อนเก้าอี้เข้ามาใกล้ๆเตียงของเธอ
“มันอาจจะจริงอย่างที่เธอว่าก็ได้”เขาทำท่านึก
“ถ้าเราพาเธอไปในที่ที่เธอเคยไป หรืออะไรก็แล้วแต่ที่เธอเคยทำ
มันอาจช่วยให้เธอจำอะไรขึ้นมาบ้างก็ได้”
“แต่ว่าแฮร์รี่” รอนถามขึ้น
“มาดามพอมพรีย์คงไม่ยอมให้เราพาเฮอร์ไมโอนี่ออกไปเดินเล่นทั่วโรงเรียนได้ง่ายๆหรอก”
แฮร์รี่มองหน้าเด็สาวอย่างใช้ความคิด
“ศาสตราจารย์ดัมเบิลดอร์อนุญาตให้เฮอร์ไมโอนี่ไปเรียนได้ตามปรกติ
เราคงรอแค่ให้แผลของเธอหายสนิทก่อนเท่านั้น”

.................................................................................................................................................................................................

*****3*****

มัลฟอยวางหนังสือสองสามเล่มลงบนโต๊ะข้างเตียงของเฮอร์ไมโอนี่
“เป็นอย่างไงบ้างล่ะ” เขาถามขณะที่เก็บหนังสือที่เฮอร์ไมโอนี่อ่านจบแล้วลงกระเป๋า
“อีกสองวันก็ออกจากห้องพยาบาลได้แล้ว” เขาพยักหน้านั่งลงบนเก้าอี้ข้างเตียง
“แล้วเธอนึกอะไรออกบ้างหรือยัง” เขาถามไม่มองหน้าเธอ เฮอร์ไมโอนี่ส่ายหน้าช้าๆ
เธอเสยผมที่ปรกลงมาที่หน้า
“ฉันพยายามแล้ว” เธอพูด “แต่มันเหมือนมีหมอกอยู่ในหัวตลอดเวลา
แล้วถ้าฉันนึกมากๆมันก็จะปวดหัวทุกที” มัลฟอยมองหน้าเธอด้วยดวงตาสีเทาที่ดูอ่อนโยน
“ไม่ต้องรีบร้อนนักก็ได้ ค่อยๆนึกแล้วมันก็จะคิดออกเอง” เขาลุกขึ้น
“ฉันต้องไปเรียนแล้ว” เขาตบหนังสือบนโต๊ะเบาๆ
“อย่าฝืนให้มันมากนัก ค่อยๆอ่านก็ได้ แล้วตอนค่ำฉันจะมาหาอีก”
เขาหมุนตัวขยับจะออกเดิน
“เดี๋ยวก่อนมัลฟอย” เฮอร์ไมโอนี่เรียกเขาเบาๆ มัลฟอยชะงักหันหน้ากลับมามองเธอ
“ทำไมเธอถึงดีกับฉันนักล่ะ แฮร์รี่กับรอนบอกว่าเธอน่ะไม่ชอบฉันเลยนี่”
มัลฟอยหน้าเปลี่ยนสีเล็กน้อย
“ก็ไม่มีอะไรมาก” เขาพูดขณะที่หันหลังให้เธอ
“แค่ชดเชยที่มีส่วนที่ทำให้เธอเป็นแบบนี้เท่านั้น”
พูดจบเขาก็เดินออกจากห้องพยาบาลไปในทันที เฮอร์ไมโอนี่มองตามหลังเขาอย่างไม่เข้าใจ
เธอถอนหายใจเบาๆแล้วหยิบหนังสือที่มัลฟอยเอามาให้แล้วเริ่มเปิดอ่านอย่างตั้งใจ
ในชั่วโมงวิชาปรุงยาสเนปดูจะหงุดหงิดกว่าปรกติ
เขาเดินตรวจดูนักเรียนทุกคนและตัดคะแนนทันทีที่มีโอกาสโดยเฉพาะกับเนวิล
ลองบัตท่อมนักเรียนหัวช้าบ้านกริฟฟินดอร์
“ฉันบอกเธอว่ายังไงหา ลองบัตท่อม” เขาตวาดเด็กชายเสียงดังลั่นคุกใต้ดิน
“สมองของเธอนี่ถ้าเอามาใส่หม้อปรุงยาดูจะมีประโยชน์มากกว่าจะอยู่ในกะโหลกหนาๆของเธอนะ”
เนวิลมือสั่นจนหยิบอะไรไม่ถูก สเนปจ้องมองดูอย่างรังเกียจ
“ไม่มีคนคอยกระซิบบอกเหมือนทุกครั้งใช่ไหม”
เขาพูดแค่นหัวเราะจนแฮร์รี่รู้สึกขยะแขยง สเนปก้มหน้าลงจนใกล้เด็กชาย
“ต่อให้ตอนนี้ยายรู้มากนั่นอยู่ที่นี่ ก็ไม่มีปัญญาจะสอนอะไรเธออยู่แล้ว
ลองบัตท่อม” เขาแสยะยิ้มขณะที่ยืดตัวตรง
“หักกริฟฟินดอร์ 5 คะแนน”
เขาเดินสะบัดชายผ้าคลุมไปทางแฮร์รี่และรอนโดยมีสายตาที่มุ่งร้ายมองกวาดไปทั่วอย่างจ้องจับผิด
“นี่อะไรหา วีสลีย์” เขาเขี่ยทากมีเขาในหม้อยาของรอน
“ฉันให้เธอใส่ทากมีเขาลงไปเฉยๆ ไม่ได้สั่งให้กวนมัน
เธอคงไม่ได้ตั้งใจฟังฉันใช่ไหมมันถึงได้เละเหมือนหน้าเธอแบบนี้” รอนหน้าแดง
“ผมยังไม่ได้กวนมันเลยนะครับ” เขาเถียงค่อยๆ
“เงียบ!” สเนปตวาดลั่น “ฉันกำลังอธิบายให้เธอฟังถึงวิธีเคี่ยวทากมีเขาให้ถูกต้อง
แต่ดูเหมือนเธอจะไม่สนใจที่จะฟังมันเลยนะวีสลีย์ หัก 5 คะแนน” รอนอ้าปากค้าง
แฮร์รี่รีบส่งสายตาห้ามมาที่เขา
“คิดจะทำอะไรกัน พอตเตอร์” เสียงเยือกเย็นดังขึ้นข้างๆแฮร์รี่
เขายืนตัวแข็งเกร็งทันที
“นักบุญผู้มีชื่อเสียงโด่งดัง กำลังจะช่วยเหลือวีสลีย์ที่น่าสงสาร”
สเนปยืนค้ำอยู่ด้านหน้าของแฮร์รี่ดวงตาสีดำสนิทมองตรงมาที่เขาอย่างมุ่งร้ายและชิงชัง
“เพื่อนของเธอเป็นอย่างไรบ้างล่ะพอตเตอร์ เพื่อนที่รู้มากของเธอน่ะ”
เขาพูดเบาๆแทบเป็นเสียงกระซิบแต่เต็มไปด้วยความเหยียดหยาม
แฮร์รี่กัดฟันแน่นไม่พูดอะไร สเนปยิ้มมุมปากเล็กน้อย
“ฉันคงไม่มีเกียรติมากพอที่เธอจะพูดด้วยซินะ พอตเตอร์” เขาจ้องหน้าแฮร์รี่ “หัก 5
คะแนนที่ไม่ตอบคำถามอาจารย์”
แฮร์รี่เงยหน้าขึ้นทันทีอย่างตกใจแต่สเนปเดินสะบัดชายผ้าคลุมไปทางอื่นอย่างไม่สนใจแล้ว
“มิสเตอร์มัลฟอย” เสียงนุ่มนวลเยือกเย็นดังขึ้นด้านหลังจนมัลฟอยสะดุ้ง
“ดูวันนี้เธอไม่สนใจเรียนเท่าที่ควรเลยนะ”
สเนปจ้องเขาแม้จะไม่ดูชิงชังและมุ่งร้ายแต่ก็เต็มไปด้วยความสงสัย
“มีอะไรที่เธอไม่พอใจหรือเปล่า” มัลฟอยเข้าใจความหมายของสเนปดี
เขาเหลือบสายตามองเพื่อนรอบๆตัวขณะที่ตอบ
“ไม่มีอะไรครับ ศาสตราจารย์สเนป” สเนปจ้องเขาอยู่ครู่หนึ่ง
“ถ้าอย่างนั้นก็แล้วไป แต่ฉันขอให้เธอสนใจหม้อยาตรงหน้าเธอให้มากกว่านี้นะ”
เขาพูดก่อนเดินไปทางอื่น
แฮร์รี่มองรอนด้วยสีหน้าขุ่นเคืองถ้าเป็นพวกเขาคงโดนหักคะแนนอย่างน้อย 10 คะแนนแล้ว
เสียงระฆังหมดเวลาดังขึ้น
“เขียนรายงานการเคี่ยวยาในวันนี้มาส่งฉันวันศุกร์หน้า ทุกคน”
เสียงสเนปสั่งก่อนที่จะให้นักเรียนออกจากห้อง
“ฉันขอย้ำ ทุกคน” สเนปมองหน้าแฮร์รี่และรอนโดยเฉพาะก่อนที่จะสั่งเลิกเรียน
“เขาหมายถึงเฮอร์ไมโอนี่ด้วยรึเปล่าน่ะ แฮร์รี่”
รอนถามอย่างสงสัยขณะที่รีบเดินไปห้องเรียนวิชาการแปลงร่าง
“ฉันก็ไม่แน่ใจนะรอน แต่ดูจากคำพูดของเขาแล้วฉันคิดว่าน่าจะเป็นอย่างนั้นนะ”
แฮร์รี่ขมวดคิ้วอย่างยุ่งยากใจ
“แต่มันเป็นไปไม่ได้เฮอร์ไมโอนี่ไม่ได้เข้าเรียนด้วยนี่”
รอนพูดด้วยเสียงที่ดังจนเพื่อนๆหันมามอง ทั้งสองคนรีบหาที่นั่งเมื่อมาถึงห้องเรียน
“ไว้เราค่อยคุยเรื่องนี้กับเฮอร์ไมโอนี่กันตอนเย็นดีกว่า”
แฮร์รี่รีบตัดบทก่อนที่ศาสตราจารย์มักกอนนากัลจะก้าวเข้ามาในห้องเรียน

...............................................................................................................................................................................................................................

เฮอร์ไมโอนี่เงยหน้าขึ้นจากรายงานของแฮร์รี่และรอน
“ฉันไม่เข้าใจเลย” เธอส่ายหน้าด้วยความยุ่งยากใจ
“ใช่ไม่รู้สเนปคิดยังไงถึงให้เธอเขียนรายงานส่งด้วยทั้งๆที่ไม่ได้เข้าเรียน”
รอนรีบพูด เฮอร์ไมโอนี่มองหน้าเขาอย่างดุๆ
“ฉันหมายถึงรายงานของแฮร์รี่กับของเธอน่ะรอน” เธอพูดด้วยน้ำเสียงเหลืออด
“มันเขียนไม่ตรงกันเลยแล้วอันไหนล่ะที่เป็นวิธีที่ถูกต้องน่ะ” รอนหน้าแห้ง
“ฉันว่าของฉันนะ” เขาพูดอย่างไม่แน่ใจ เฮอร์ไมโอนี่มองหน้าเขาอย่างไม่เชื่อถือ
“ฉันเองก็ไม่แน่ใจนะเฮอร์ไมโอนี่ว่าของฉันจะถูกต้องมั้ย
สเนปจ้องเล่นงานเราจนแทบเขียนอะไรไม่ถูกเลย”
แฮร์รี่พูดขณะที่ดึงรายงานออกจากมือของเฮอร์ไมโอนี่มาตรวจทานดู
“ฉันต้องไปห้องสมุด” เฮอร์ไมโอนี่พูดขึ้น
“แล้วต้องลงมือปรุงมันด้วยถึงจะแน่ใจว่าถูกต้อง”
รอนมองหน้าเธออย่างไม่เชื่อหูตัวเอง
“เธอจะไปทั้งที่เป็นแบบนี้น่ะนะ” เขาพูดเสียงดังลั่นจนแฮร์รี่ต้องเตือน
“เบาหน่อยซิรอน” เขาพูดเบาๆพลางเหลือบสายตามองมาดามพอมพรีย์
“เธอจะไปได้ยังไงกันเฮอร์ไมโอนี่
มาดามพอมพรีย์น่ะคงไม่ยอมให้เธอออกไปจากที่นี่ง่ายๆหรอก”
รอนพูดเสียงเบาลงแทบจะกระซิบจนเฮอร์ไมโอนี่รำคาญ
“ฉันจะลองหาวิธีดู” เฮอร์ไมโอนี่ทำท่าคิด
“แล้วเธอจะไปหาที่ทดลองที่ไหนล่ะเฮอร์ไมโอนี่” แฮร์รี่ถามเบาๆ
“ที่ห้องน้ำของเมอร์เทิลคงไม่ได้แน่ๆแล้วล่ะ” เขาขยับแว่นตาอย่างใช้ความคิด
“ในหอของเราก็คงไม่ได้พรีเฟ็คคงมาไล่เราตั้งแต่เห็นเราถือหม้อยาเข้าไปแน่ๆ”
รอนหยิบขนมออกมาจากเสื้อคลุมของเขาใส่ปากเคี้ยว เฮอร์ไมโอนี่มองหน้าเขา
“นี่มันห้องพยาบาลนะรอน” เธอพูดเสียงเขียว รอนยักไหล่อย่างไม่สนใจ
“ก็ฉันหิวนี่” เขาพูดเสียงอู้อี้เพราะขนมเต็มปาก
“เธอจะกินบ้างไหมล่ะฉันเอามาเผื่อด้วยนะ” เขาล้วงหยิบขนมอีก 3-4
ชิ้นออกมาวางบนหนังสือที่กองอยู่บนโต๊ะ
“อย่าวางขนมบนหนังสือแบบนั้นซิ รอน” เฮอร์ไมโอนี่ดุเขาเบาๆ
เธอยกหนังสือมาตั้งบนเตียงของเธอแทน รอนมองอย่างสงสัย
“เธอเอาหนังสือพวกนี้มาจากไหนน่ะ” เขาถามพลางกัดขนมอีกหนึ่งคำ
“ไม่ใช่มาดามพอมพรีย์แน่ๆ”
“อาจเป็นศาสตราจารย์ดัมเบิลดอร์ก็ได้” แฮร์รี่พูดขึ้นแล้วหันไปมองเฮอร์ไมโอนี่
“ท่านอยากให้เธอได้ความจำกลับคืนมาเร็วๆนี่”
เฮอร์ไมโอนี่ทำท่าอึดอัดใจเล็กน้อยก่อนตอบเบาๆ
“ใช่ท่านให้คนของท่านเอาหนังสือพวกนี้มาให้ฉัน” แฮร์รี่พยักหน้าน้อยๆ
“แล้วเรื่องรายงานของสเนปล่ะ” รอนถาม
“ยังมีเวลาอีกหลายวันกว่าจะถึงวันส่งไว้เราค่อยๆคิดกันดีกว่า” แฮร์รี่ตัดบท
“นี่ก็ใกล้เวลาปิดหอแล้ว ฉันว่าเธอกับรอนน่าจะกลับกันได้แล้วนะ”
เฮอร์ไมโอนี่เตือนเพื่อนทั้งสองคน
“ถ้าอย่างนั้นพวกเรากลับกันก่อนนะเฮอร์ไมโอนี่ ไว้เจอกันพรุ่งนี้”
แฮร์รี่กระทุ้งรอนที่กำลังแอบเขียนชื่อทีมควิดดิชทีมโปรดของเขาลงบนหนังสือที่เตียงของเฮอร์ไมโอนี่เขายิ้มแห้งๆเมื่อเห็นสายตาดุดันของเธอ
“แล้วเจอกันนะ” เขาโบกมือก่อนออกจากประตูห้อง
เฮอร์ไมโอนี่นั่งอ่านม้วนกระดาษรายงานของเพื่อนทั้งสองอีกรอบก่อนจะม้วนเก็บไว้บนโต๊ะข้างเตียง

มัลฟอยม้วนกระดาษรายงานวิชาปรุงยาไว้กับตำรา “พิษว่าด้วยประโยชน์และโทษ”
เขานั่งมองกองหนังสืออย่างครุ่นคิด
“มีเรื่องกลุ้มใจหรือ มิสเตอร์มัลฟอย” น้ำเสียงที่ฟังดูอ่อนโยนดังขึ้นด้านหลังเขา
มัลฟอยสะดุ้งก่อนหันไปมอง
“ศาสตราจารย์ดัมเบิลดอร์” เขาเรียกเบาๆ
ถ้าเป็นในเวลาปรกติเขาจะรู้สึกเป็นศัตรูกับชายชราผมสีเงินผู้นี้
ผู้ที่ชอบทำตัวเป็นฝ่ายตรงข้ามกับพ่อของเขา
แต่ในเวลานี้เด็กชายกลับรู้สึกอยากจะปรึกษาอาจารย์ใหญ่ผู้ชราผู้นี้มากที่สุด
“คงจะกังวลกับการป่วยของมิสเกรนเจอร์ใช่ไหม”
ศาสตราจารย์ดัมเบิลดอร์ถามด้วยน้ำเสียงปราณีหลังอ่านรายชื่อของหนังสือที่กองบนโต๊ะซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นคาถาฟื้นความทรงจำ
มัลฟอยขมวดคิ้วเล็กน้อยมองกองหนังสือก่อนถอนหายใจหนักๆ
“ไม่มีคาถาอะไรช่วยได้เลยหรือครับ ศาสตราจารย์ดัมเบิลดอร์”
ดวงตาสีฟ้าที่อ่อนโยนหลังแว่นรูปจันทร์เสี้ยวจับจ้องที่ใบหน้าของมัลฟอย
“ก็ไม่ใช่ว่าไม่มีวิธีเลยนะมิสเตอร์มัลฟอย”
เขาเงยหน้าขึ้นมองศาสตราจารย์ดัมเบิลดอร์อย่างดีใจ
วิธีอะไรครับกรุณาบอกด้วย” ชายชรายิ้ม
“ความจริงใจ มิสเตอร์มัลฟอย
ความรักและความจริงใจทั้งสองอย่างนี้จะต้องเกี่ยวพันกันโดยมีกาลเวลาเป็นตัวช่วย”
มัลฟอยขมวดคิ้ว
“ผมไม่เข้าใจ ของแบบนั้นมันจะช่วยเกรนเจอร์ได้อย่างไรกัน”
“มันช่วยได้มากมิสเตอร์มัลฟอย ลองค้นหามันด้วยตัวเธอเองดู”
ชายชรายิ้มอย่างอ่อนโยนพลางตบบ่ามัลฟอยเบาๆก่อนจะเดินออกจากห้องสมุดไป
มัลฟอยยืนครุ่นคิดอย่างไม่เข้าใจ
“โธ่เอ๊ย ไม่เห็นจะเข้าใจเลย”
เขากระแทกเสียงอย่างหงุดหงิดแล้วหันไปหยิบรายงานกับหนังสือเพื่อเดินกลับหอของตัวเอง

.......................................................................................................................................................................................................................

เฮอร์ไมโอนี่เงยหน้าขึ้นจากหนังสือเล่มโตมองผู้มาเยี่ยมอย่างฉงน
“มัลฟอย นี่เธอมาได้ยังไงมันดึกแล้วนะ”
เขาไม่ตอบกลับส่งรายงานวิชาปรุงยาและตำราพิษว่าด้วยประโยชน์และโทษให้เฮอร์ไมโอนี่
เธอกางรายงานออกอ่านอย่างรวดเร็ว
“ยอดเลยมัลฟอย” เธพูดขึ้นเมื่ออ่านจบพลางมองตำราพิษอย่างดีใจ
“ทั้งหมดนี่เธอเอามาให้ฉันเหรอ” มัลฟอยทำหน้าขรึมเล็กน้อย
“ก็ใช่น่ะสิไม่อย่างนั้นฉันคงไม่นั่งหลังแข็งเขียนมันเป็นชั่วโมงหรอก”
เขามองหน้าเธอ
“เธอจะต้องใช้ในการเขียนรายงานส่งสเนปนะเกรนเจอร์”
เฮอร์ไมโอนี่ม้วนรายงานของมัลฟอยเธอกางตำราพิษออกอ่าน
“แต่รายงานของฉันจะไม่สมบูรณ์นะถ้าไม่ได้ทำการทดลองปรุงเองน่ะ”
เธอไล่สายตาอ่านรายชื่อตัวยาบนหนังสือ
“ตัวยาบางตัวที่เธอเขียนในรายงานไม่ตรงกับในหนังสือนี่ด้วยนะ”
มัลฟอยขมวดคิ้วเขาก้มลงไปดูใกล้ๆ
“ไหน” เฮอร์ไมโอนี่ชี้ตรงวรรคกลางของบท
“ตรงนี้ไงล่ะเธอเขียนในรายงานว่า อะโครซีน แต่ในหนังสือนี่บอกว่า อะโครไนท์”
มัลฟอยอ่านตามมือของเฮอร์ไมโอนี่
“เห็นมั้ย”
เด็กสาวหันหน้ามาทางมัลฟอยที่ตอนนี้ใบหน้าของเขาอยู่ใกล้จนเกือบชิดกับหน้าของเธอ
มัลฟอยรีบเงยหน้าขึ้น
“ขอโทษ”
เขาพูดเบาๆด้วยใบหน้าที่มีสีเลือดจางๆซึ่งไม่ต่างไปจากเฮอร์ไมโอนี่ในตอนนี้เท่าไหร่
“ฉันอยากออกจากห้องพยาบาลนี้เร็วๆจังเลย” เฮอร์ไมโอนี่พูดขึ้นในที่สุด
เธอเหลือบตามองมัลฟอย
“ฉันอยากไปเรียน อยากทดลองอะไรตั้งหลายอย่างที่อ่านเจอในหนังสือ”
มัลฟอยมองหน้าเธอแล้วยิ้ม
“ถ้าอย่างนั้นเราไปกันเดี๋ยวนี้เลยดีมั้ย” เฮอร์ไมโอนี่ตาโต
“เป็นไปไม่ได้นี่มันดึกมากแล้วและมาดามพอมพรีย์คงไม่ยอมให้ฉันไปไหนได้ง่ายๆแน่”
มัลฟอยยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์
“ถ้าฉันพาเธอออกไปได้ล่ะ”
“ฉันจะรีบไปหาที่ทดลองปรุงยาของศาสตราจารย์สเนปก่อน”
มัลฟอยมองไปที่ประตูห้องพยาบาลก่อนหันกลับมามองหน้าเด็กสาว
“ฉันมีที่ดีๆที่พวกอาจารย์ไม่รู้ ฟีลซ์ยังไม่ค่อยได้เข้าไปเลยด้วยซ้ำ”
เขาค่อยๆรวบรวมหนังสือของเขา
“เธอจะไปกับฉันไหม เกรนเจอร์” เขาพูดขณะที่นำหนังสือทั้งหมดลงกระเป๋า
“จะไปได้ยังไงกันมัลฟอย” เขายิ้มมาดามพอมพรีย์เดินเข้ามาในห้องพยาบาล
“มิสเตอร์มัลฟอยเธอเข้ามาทำไมกัน นี่มันดึกมากแล้วนะ”
ยังไม่ทันได้พูดจบประโยคมีเสียงเอะอะดังขึ้น มาดามพอมพรีย์หันหลังกลับไปดูทันที
เด็กในชุดนอนของสลิธีริน 3-4 คนช่วยกันแบกร่างขนาดยักษ์ของแครบเข้ามา
“ช่วยด้วยครับมาดามพอมพรีย์” เด็กคนหนึ่งพูดเสียงหอบ
“หมอนี่กินขนมมียาพิษเข้าไป” มาดามพอมพรีย์มีสีหน้าตกใจเธอรีบวิ่งเข้าไปดู
ยังไม่ทันได้ลงมือตรวจ กอยล์ก็ล้มลงอีกคน
“ผมปวดท้องครับ” เขาร้องครวญครางเด้วยเสียงดังลั่นไม่แครบ
“ประคองเขาไว้บนเตียงเดี๋ยวนี้” เสียงมาดามพอมพร์สั่ง
“แล้วช่วยกันยกผ้าม่านมาปิดรอบเตียงเขาสองคนไว้” เธอรีบตรวจดูที่มือ
ปากและคอของเด็กทั้งสองคน
“นี่พวกเธอไปกินยาพิษนี่มาจากไหนกัน” ทั้งคู่ส่ายหน้า ปากเริ่มซีดเขียวแล้วตอนนี้
“ฉันต้องล้างท้องพวกเธอดี๋ยวนี้ส่วนคนอื่นกลับไปได้แล้ว อย่ามาเกะกะขวางทางฉัน”
เธอร้องสั่งโดยลืมเรื่องมัลฟอยไปสนิท
และถ้าเผอิญเธอนึกขึ้นมาได้เธอก็จะพบเพียงแต่เตียงที่ว่างเปล่าไม่มีแม้แต่เงาของเฮอร์ไมโอนี่และมัลฟอย

“เธอวางยาเพื่อนยังงั้นเหรอ มัลฟอย”
เฮอร์ไมโอนี่ถามอย่างตกใจระหว่างที่เดินตามมัลฟอยไปตามระเบียงที่มืดสลัว
“มันไปไม่ถึงตายหรอกน่ะ แค่พิษพวกยาเบื่อเท่านั้นล้างท้องก็หายแล้ว”
เขาพูดอย่างไม่สนใจ
เฮอร์ไมโอนี่มองเขาที่กำลังร่ายคาถาเปิดช่องทางแคบๆที่ทอดยาวลงไปใต้ดิน
“ทำไมถึงทำแบบนั้นล่ะ” เธอยังถามเขาอย่างไม่สบายในใจ “มันไม่ถูกต้องเลยนะ”
มัลฟอยหันหน้ามามองเด็กสาว
“ถ้าไม่ทำแบบนี้แล้วจะมีอะไรที่ดึงดูดความสนใจของมาดามพอมพรีย์ได้ล่ะ”
เขาจ้องเธออย่างเคืองๆ
“ฉันอุตส่าห์ทำเพื่อเธอนะถ้าไม่พอใจก็กลับไปได้เลย”
เฮอร์ไมโอนี่กัดปากเบาๆก่อนมองลงไปตามทางมืดๆ
“แล้วนี่เป็นทางไปไหนเหรอ” เขามองแล้วพูดเรียบๆ
“คุกใต้ดิน เป็นคุกเก่าปิดตายมานานแล้วไม่มีใครใช้หรอก” เขาก้าวลงไปอย่างระมัดระวัง
“ส่งมือมาสิ มันลื่นนะ” เฮอร์ไมโอนี่ยื่นมือให้เขาจับอย่างลังเล
มัลฟอยกระชับมือเล็กๆอย่างแผ่วเบา
ช่องประตูที่เปิดค่อยๆเลื่อนปิดทำใหอุโมงค์ทางเดินมืดสนิท
“ลูมอส” มัลฟอยพึมพำเบาๆไฟสีฟ้าสว่างวาบขึ้นบนปลายไม้กายสิทธิ์ของเขา
“ระวังขั้นบันไดสุดท้ายนั่น”
มัลฟอยพูดเบาๆเฮอร์ไมโอนี่ค่อยๆก้าวขาอย่างระวังทั้งคู่ลงมาถึงอุโมงค์ที่ทอดยาวจนมองเห็นต่ความมืด
มัลฟอยเริ่มออกเดินช้าๆไปตามทาง
“เธอมาเจอมันได้ยังไงกัน” เฮอร์ไมโอนี่ถามขึ้นเบาๆ
“ฉันบังเอิญไปเจอแผนผังอุโมงค์ที่คุกปิดตายในห้องของฟีลซ์เข้าน่ะ”
เขาพูดพลางกระชับมือของเธอ
“ระวังหน่อยตรงนี้มันมีรอยแตก”
แต่เขาบอกช้าไปเฮอร์ไมโอนี่ก้างลงไปในรอยแตกของพื้นอุโมงค์
เธอเสียหลักเซไปข้างหน้ามัลฟอยรีบกางแขนรับตัวเธอไว้ได้ทันก่อนที่เธอจะล้มลงไปบนพื้นที่แฉะและเย็น
“ไม่เป็นไรนะ” เขาพูดเบาๆก้มหน้าลงมองเฮอร์ไมโอนี่ที่อยู่ในอ้อมแขนของเขา
เธอรีบดันตัวเองออกมาเบาๆ
“ไม่เป็นไร” มัลฟอยองดูเธอในความมืดสลัว
“พื้นข้างล่างนี่มันไม่เท่ากันเดินดีๆล่ะ” เขาพูดก่อนจะเดินนำต่อไปอีก
“เธอเข้าไปข้างในมาแล้วเหรอมัลฟอย”
เฮอร์ไมโอนี่ถามขึ้นขณะที่ก้าวข้ามก้อนหินใหญ่ก้อนหนึ่ง
“อือม์” เขาตอบสั้นๆแล้วมองไปรอบๆเหมือนกำลังมองหาอะไรบางอย่าง
เขาเดินตรงเข้าไปอย่างรวดเร็ว เฮอร์ไมโอนี่รีบก้าวตาม
“รอด้วยมัลฟอย” เธอรีบร้องเรียก
“รออยู่ตรงนั้น เดี๋ยวฉันมา” เขาตะโกนบอกแล้วเดินหายเข้าไปในความมืด
เด็กสาวยืนหันไปหันมาอย่างหวาดระแวง รอบๆตัวมืดสนิทจนมองอะไรไม่เห็น
เธอรู้สึกเหมือนเคยเจอเรื่องแบบนี้มาก่อนแน่ๆ
“นึกให้ออกซิ” เธอพูดกับตัวเอง
“เราเคยเจอกับเรื่องแบบนี้มาก่อนแน่ๆแต่ทำไมถึงนึกไม่ออกนะ”
เฮอร์ไมโอนี่ยกมือขึ้นกุมศีรษะเบาๆ มีเสียงเหมือนของตกกระทบพื้นดังมาแว่วๆ
เธอเพ่งสายตามองฝ่าความมืด
“มัลฟอย” เธอร้องเรียกเบาๆ “นั่นเธอใช่หรือเปล่า”
ตอนนี้เธอิ่มรู้สึกกลัวขึ้นมาบ้างแล้ว
“มัลฟอยเธออยู่ไหน”
เฮอร์ไมโอนี่เริ่มออกเดินช้าๆเธอใช้มือคลำไปตามกำแพงอุโมงค์ที่ชื้นแฉะจนมาถึงทางแยกของอุโมงค์ซึ่งแยกเป็นสองทาง
“แล้วจะไปทางไหนดีล่ะ”
เธอพูดกับตัวเองเบาๆก่อนตัดสินใจเดินไปทางด้านซ้ายพอดีกับมัลฟอยซึ่งเดินพรวดออกมา
เฮอร์ไมโอนี่ส่งเสียงร้องอย่างตกใจ
“เกรนเจอร์นี่ฉันเอง” เขาพูดพลางชูคบไฟในมือขึ้นส่องหน้าเธฮ
“มัลฟอย” เธอพูดเสียงสั่น “เธอหายไปไหนมา”
“ฉันไปเอาคบไฟที่ด้านนั้น”
เขาพยักหน้าไปทางที่เขาเพิ่งเดินออกมา”แล้วเธอเดินมานี่ทำไม
ฉันบอกให้เธอรอยู่ตรงนั้นไม่ใช่เหรอ”
เขาพูดเสียงดุๆแล้วคว้าข้อมือเด็กสาวเริ่มออกเดินอีกครั้ง
“เรากลับกันดีกว่า” เฮอร์ไมโอนี่พูดเบาๆ มัลฟอยหันมามองหน้าเธออย่างไม่พอใจ
“ฉันลำบากแทบตายกว่าจะพาเธอมาที่นี่ได้ อยู่ก็จะกลับง่ายๆแบบนี้เรอะ”
เฮอร์ไมโอนี่หน้าเสียมัลฟอยมองดูเธอแล้วหรี่ตา
“อย่าบอกนะว่าเธอกลัวความมืด”
เด็กสาวหน้าแดงแม้จะเห็นได้ไม่ชัดในความมืดสลัว
มัลฟอยแอบยิ้มเขาดึงเธอให้เข้าไปใกล้เขาอีก
“อีกไกลไหมนะ”
“เลี้ยวข้างหน้าก็ถึงแล้ว”
เขาดึงไม้กายสิทธิ์ออกมาเคาะที่กำแพงด้านหน้าเขาสามครั้ง
กำแพงสั่นเบาๆและเริ่มแยกออกเป็นช่อง เขาก้าวข้ามช่องนั้นเข้าไปด้านใน
“ถึงแล้ว”
เขาพูดพลางชี้ไม้กายสิทธิ์เพื่อจุดๆฟที่คบไฟบนกำแพง
ทั่วบริเวณสว่างขึ้นมันเป็นห้องที่ทึบ มีรอยแตกร้าวบนกำแพงบางแห่ง
บางรอยมีน้ำฝนจากข้างบนไหลซึมออกมา
ตรงกลางห้องมีโต๊ะขนาดไม่ใหญ่นักตั้งอยู่บนโต๊ะมีหม้อปรุงยาและกล่องใส่ตัวยาวางอยู่ครบ
มัลฟอยวางกระเป๋าหนังสือบนโต๊ะ เฮอร์ไมโอนี่เดินตาม เธอมองเขาอย่างทึ่ง
“เธอจัดการเองทั้งหมดเหรอ”
“แค่เตรียมหม้อยากับเครื่องไว้ให้เท่านั้น”
เขาพูดขณะที่ดึงหนังสือออกจากกระเป๋าของเขา
“จะลงมือกันรึยัง ฉันไม่อยากอยู่ที่นี่ทั้งคืนนะ”
เขาพูดพลางมองดูเฮอร์ไมโอนี่ที่ยังคงยืนเฉยอยู่
“คือ” เอลังเล “ฉันไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นจากอะไรก่อน”
เขามองเธออย่างไม่เชื่อแต่ก็ต้องพยักหน้าเบาๆ
“นั่นสินะ” เขาพูดก่อนหยิบไม้กายสิทธิ์ขึ้นมาจุดๆไฟที่เตา

“ถ้าอย่างนั้นมายืนข้างๆฉันนี่จะได้คอยบอกวิธีให้เธอ”
เฮอร์ไมโอนี่ค่อยๆใส่ตัวยาลงไปทีละชนิดตามที่หนังสือบอก
“ทำแบบนั้นไม่ถูกนะ”
มัลฟอยร้องขึ้นเมื่อเห็นเธอทำท่าจะตัดเล็บของอุ้งตีนกาออกเขาหยิบมันใส่ลงในหม้อทั้งอัน
“เธอจะต้องใส่มันให้ครบทุกส่วนและสมบูรณ์ ไม่อย่างนั้นยาที่ได้มันจะไม่มีผลอะไรเลย”
เฮอร์ไมโอนี่พยักหย้าขณะที่เตรียมอ่านชื่อตัวยาอีกตัว
“เธอคิดยังไงถึงลงมาเที่ยวถึงในนี้” เธอถามเบาๆขณะใส่ยาลงนหม้อมัลอยใช้ไม้คนเบาๆ
“ตอนแรกคิดจะเอาไว้แกล้งเจ้าพวกพอตเตอร์” เขาพูดโดยไม่มองหน้าเธอ
“ไม่คิดว่าจะได้มาใช้ทำงานแบบนี้” เขาเหลือบตามองดูเฮอร์ไมโอนี่
“แต่ก็ไม่เลวเหมือนกัน”
เด็กสาวมองหน้าเขาแล้วขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ
“ฉันไม่เข้าใจเลยทำไมเธอถึงไม่ชอบแฮร์รี่กับรอนพวกเขาก็เป็นคนดีทั้งคู่”
มัลฟอยกระแทกไม้กวนยา
“คนดีงั้นเหรอ” เขาพ่นลมหายใจพรืด
“เสแสร้งล่ะไม่ว่า” เขาพูดเหยียด
“ฉันไม่เห็นว่าพวกแฮร์รี่จะเสแสร้งตรงไหน เขาช่วยเหลือคนอื่นดีด้วยซ้ำ”
เฮอร์ไมโอนี่เถียง มัลฟอยชะงักมือจ้องหน้าเฮอร์ไมโอนี่เขม็ง เขาโยนไม้กวนยาลงบนโต๊ะ
“งั้นเรอะ” เขากระแทกเสียง
“ถ้าอย่างนั้นเธอก็ออกไปบอกให้มันหาห้องปรุงยาให้เธอใหม่แทนที่นี่ก็แล้วกัน”
เฮอร์ไมโอนี่มองหน้าเขาอย่างตกใจ
“ทำไมเธอต้องโกรธด้วยมัลฟอย ฉันแค่ถามเธอดีๆ”
มัลฟอยนิ่งอึ้งเขามองหน้าเธอแล้วถอนหายใจ
“อย่าพูดถึงพวกพอตเตอร์หรือวีสลีย์ต่อหน้าฉันอีกนะ เกรนเจอร์”
เขาพูดเบาๆแต่แฝงน้ำเสียงดุๆ
เฮอร์ไมโอนี่เม้มปากน้อยๆก่อนพยักหน้ารับแล้วเธอก็หันไปสนใจที่หม้อยาต่อ
มันเริ่มเปลี่ยนสี
“เราต้องผสมอะไรผิดแน่ๆเลยมัลฟอย ตามที่ในหนังสือนี่บอกน้ำยาที่ถูกต้องต้องมีสีม่วง
แต่นี่มันสีแดงนะ”
มัลฟอยขมวดคิ้วเขาอ่านหนังสือแล้วไล่ดูตัวยาทีละอย่าง
“แย่จริง” เขาบ่น “ฉันลืมทากมีเขา”
“แล้วจะทำยังไงดีล่ะ” เฮอร์ไมโอนี่มีสีหน้ากังวล “เราจะต้องทำมันให้เสร็จในตอนนี้
ไม่อย่างนั้นคงไม่มีโอกาสลงมาที่นี่อีกแน่”
เธอพูดด้วยสีหน้าวิตกกังวล มัลฟอยยืนใช้ความคิด
การหลอกให้แครบกับกอยล์กินยาพิษติดต่อกัน 3
ครั้งยังง่ายกว่าการหลอกมาดามพอมพรีย์เพียงครั้งเดียว
การจะลงมาที่นี่ไม่ใช่เรื่องง่ายที่ทำได้บ่อยๆ
“มัลฟอย” เสียงเฮอร์ไมโอนี่ดังขึ้นทำลายความเงียบ เขาเลิกคิ้วมองเธอเป็นเชิงถามว่า
มีอะไร
“ได้ยินเสียงอะไรไหม” เธอถามเบาๆแล้วมองไปรอบๆห้อง มัลฟอยเงี่ยหูฟัง
“ไม่เห็นได้ยินเสียงอะไรเลยนี่” เขาพูดปนเสียงรำคาญ
เฮอร์ไมโอนี่ขยับตัวเข้าไปใกล้เขาจนแทบชิด
“ฉันได้ยินจริงๆนะ”
เธอจับแขนเสื้อคลุมของเขาแน่น
มัลฟอยหายใจสั้นๆแรงๆเมื่อเฮอร์ไมโอนี่เบียดตัวเข้ามาอีก
เขาพยายามควบคุมตัวเองไม่ให้ยกแขนขึ้นโอบรอบตัวของเด็กสาว
“แต่ฉันไม่ได้ยินเสียงอะไรเลยนี่เกรนเ...”
เขาชะงักคำพูดเมื่อได้ยินเสียงตึงตังดังมาจากกำแพงด้านใน
“เสียงอะไรน่ะ”
เขาดันตัวเฮอร์ไมโอนี่ออกไปด้านข้างแล้วเดินเข้าไปใกล้กำแพงเอียงหูฟังอย่างตั้งใจ
แต่ดูเหมือนเสียงนั้นจะเงียบหายไป
เขาขมวดคิ้วค่อยๆเดินถอยหลังช้าๆไปทางเฮอร์ไมโอนี่
“เรารีบกลับขึ้นไปกันดีกว่า” เขาพูดกับเอขณะที่ลงมือเก็บของอย่างรวดเร็ว
มีเสียงระเบิดดังขึ้นเบาๆในกำแพง ห้องทั้งห้องไหวตัวเล็กน้อย
“มัลฟอย” เออร์ไมโอนี่เรียกเขาอีกครั้งด้วยเสียงหวาดระแวง
“ไม่ต้องกลัวเกรนเจอร์ แค่ฟ้าผ่าน่ะ” เขาปลอบ
“แต่นี่มันคุกใต้ดินนะ” เธอถียงเบาๆ “ไม่มีทางที่ฟ้าจะผ่าลงมาถึงในนี้ได้แน่”
มัลฟอยกัดริมฝีปากตัวเองเบาๆ
เขาดันตัวเฮอร์ไมโอนี่ไปทางช่องกำแพงที่พวกเขาเข้ามาในตอนแรก
ในขณะที่เขากำลังจะเอื้อมมือลงไปหยิบไม้กายสิทธิ์ในเสื้อคลุม
กำแพงฝั่งตรงกันข้ามเกิดการสั่นไหวอย่างรุนแรง พร้อมกับมีเสียงระเบิดกึกก้อง
มัลฟอยรีบโอบแขนบังตัวของเฮอร์ไมโอนี่ไว้แน่นอย่ารวดเร็ว
“ระวังเกรนเจอร์”
เขาร้องอย่างตกใจเฮอร์ไมโอนี่มองข้ามไหล่ของเขา
เธอส่งเสียงร้องเมื่อเห็นกำแพงแยกออกจากกันกลายเป็นช่องกลมสีดำสนิท
กระแสอากาศในห้องใต้ดินถูกดูดเข้าปในช่องสีดำสนิทนั้น
“เกิดอะไรขึ้นมัลฟอย” เออร์ไมโอนี่ร้องถามอย่างตกใจสุดขีด
“ฉันไม่รู้” เขาตอบขณะที่กระชับร่างเด็กสาวแน่นขึ้น
มีแสงสว่างเจิดจ้าพุ่งออกมาจากช่องวงกลมโอบล้อมร่างของเด็กทั้งสองคน
ทั้งคู่รู้สึกตาพร่ามัวจากความสว่างเจิดจ้านั้น
พื้นหินใต้เท้าเกิดอาการไหวยวบและมีเสียงดังคล้ายเสียงฟ้าผ่าลงมาตรงที่ทั้งสองยืนอยู่
เด็กั้งสองรู้สึกเหมือนมีมือขนาดใหญ่กระชากทั้งคู่เข้าไปในใจกลางแสงเจิดจ้านั้นก่อนที่สติสัมปชัญญะจะดับวูบลง

...............................................................................................................................................................

**4**

มัลฟอยรู้สึกเหมือนแสงสว่างจ้าส่องลงมาที่ตาของเขาจนรู้สึกปวดตา
เขาพยายามยกแขนที่หนักอึ้งขึ้นป้องหน้าก่อนจะลืมตาขึ้นอย่างช้าๆด้วยความมึนงง
เขาขยับตัวจะลุกขึ้นแต่มีร่างของใครบางคนพาดทับอยู่บนหน้าอกของเขา
“เกรนเจอร์”
มัลฟอยพึมพำเรียกเฮอร์ไมโอนี่เด็กสาวขยับตัวเล็กน้อย
มัลฟอยจับไหล่ของเธอพลางเขย่าเบาๆ
“เกรนเจอร์เป็นยังไงบ้าง” เขาเรียกอีกครั้งอย่างเป็นห่วง
เฮอร์ไมโอนี่ค่อยๆขยับตัวลุกขึ้นนั่งช้าๆ เธอมองหน้ามัลฟอยก่อนมองไปรอบๆ
“ที่นี่ที่ไหนกัน” เธอถามเบาๆอย่างงงๆ
“ฉันเองก็ไม่รู้” เขาตอบในขณะที่มองไปรอบๆเช่นเดียวกัน
“แต่ที่แน่ๆมันไม่ใช่ห้องใต้ดินในโรงเรียน”
มัลฟอยลุกขึ้นยืนแล้วหันไปพยุงเฮอร์ไมโอนี่ให้ลุกขึ้นมายืนข้างๆเขา
เด็กสาวมองไปรอบๆตัวที่เป็นทุ่งหญ้าสีเขียวดล่ง
ด้านหนึ่งเป็นป่าละเมาะส่วนอีกด้านเป็นภูเขาหินขนาดย่อมๆ
มัลฟอยก้มลงหยิบกระเป๋าหนังสือแล้วรีบยืดตัวขึนอย่างตกใจ
“เสียงอะไรน่ะ” เขาถามเฮอร์ใมโอนี่ เธอมองไปรอบอีกครั้งก่อนตอบ
“เสียงฝีเท้าม้า” เธอหยุดจ้องด้วยสีหน้าตกใจ มัลฟอยมองตามแล้วเขาก็ต้องอ้าปากค้าง
อัศวินในชุดเกราะสีเงินแวววาวขี่ม้าวิ่งตรงมายังเด็กทั้งสองคน
มัลฟอยมองหน้าเฮอร์ไมโอนี่อย่างงงงัน
“นี่มันอะไรกัน” เขาถามเธอ เด็กสาวสั่นหน้า
อัศวินผู้นั้นหยุดอยู่ตรงหน้าของเด็กทั้งสอง
ใบหน้าที่สวมหน้ากากจ้องดูทั้คู่ด้วยท่าทางประหลาดใจ
มัลฟอยรีบดึงตัวเฮอร์ไมโอนี่เข้าไปใกล้ๆเขา
มือเตรียมกระชับไม้กายสิทธิ์ในเสื้อคลุมอย่างระมัดระวัง
ยังไม่ทันที่จะได้พูดคุยอะไรกัน
มีเสียงฝีเท้าม้าอีกตัวดังควบเข้ามาใกล้อย่างรวดเร็ว
อัศวินในชุดเกราะสีดำควบม้าสีเดียวกันกับชุดเกราะชักดาบมุ่งตรงเข้ามาหาคนทั้งสามอย่างมุ่งร้าย
อัศวินในชุดเกราะสีเงินหมุนม้าของเขาชักดาบออกจากฝักแล้วเตรียมตั้งท่ารับ
มัลฟอยรีบดึงตัวเฮอร์ไมโอนี่ออกวิ่งหนีทันที เสียงดาบดลหะปะทะกันดังอยู่เบื้องหลัง
มัลฟอยเหลียวหลังกลับไปดู อัศวินทั้งคู่กำลังต่อสู้กันอย่างเอาเป็นเอาตาย
แต่ดูเหมือนอัศวินในชุดเกราะสีเงินจะเก่งกว่า
เขาฟาดดาบไปที่หัวของอัศวินเกราะดำอย่างแรงจนตกจากหลังม้า
อัศวินในชุดเงินขยับตัวลงจากหลังม้าเช่นกันแล้วเดินตรงไปหา
แต่อัศวินเกราะดำกลับทุ่มหินก้อนใหญ่เข้าใส่เขาจนเขาชะงักแล้วหงายหลังล้มลงเมื่อถูกอะศวินเกราะดำใช้ท่อนไม้ตีไปที่ขาของเขา
แล้วอัศวินดำก็รีบผุดลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว
เขาหันไปมองมัลฟอยและเฮอร์ไมโอนี่ที่กำลังตกตะลึงด้วยความตื่นตระหนกอยู่
เขาก้าวเท้าไปหาอย่างรวดเร็วจนเด็กทั้งสองไม่ทันได้ระวังตัว
อัศวินเกราะดำคว้าแขนของเฮอร์ไมโอนี่กระชากเธอจากมัลฟอย
“จะทำอะไรน่ะ”
มัลฟอยร้องอย่างโกรธรีบเข้าขวางแต่ถูกอัศวินชุดดำตบเข้าที่ใบหน้าอย่างแรงจนกระเด็นออกมา
“ปล่อยเด็กนั่น เจ้าคนขลาด” อัศวินเกราะเงินตะโกนขึ้นมา แต่อัศวินดำกลับหัวเราะ
เขายกดาบจ่อที่คอของฌออร์ไมโอนี่
“ทิ้งดาบของท่าน เซอร์ลานสล็อต” เฮอร์ไมโอนี่ร้องออกมาเมื่อถูกคมดาบกดลงบนลำคอ
“หรืออยากให้เด็กนี่คอขาดต่อหน้าท่าน”
อัศวินเกราะสีเงินหรือที่อัศวินดำเรียกว่า เซอร์ลานสล็อต
ยืนนิ่งก่อนที่จะโยนดาบทิ้งด้วยความโกรธ
“มาสู้กันแบบลูกผู้ชายดีกว่า เซอร์ดาร์คนอร์”
เขาร้องท้าแต่เซอร์ดาร์นอร์กลับหัวเราะ
เขาเดินเข้าไปหาเซอร์ลาสล็อตโดยลากเฮอร์”มโอนี่ไปด้วย
เขาใช้ด้ามดาบตีไปบนหน้าของเซอร์ลานสล็อตเต็มแรงจนล้มลง
เซอร์ดาร์คนอร์ยืนค้ำอยู่เหนือร่างของเซอร์ลานสล็อต
“ถ้าฆ่าท่านได้ ข้าก็จะเป็นหนึ่ง”
เขกพูดขณะที่ผลักเฮอร์ไมโอนี่ออกไปอย่างแรงแล้วเงื้อดาบขึ้น มีเสียงดัง ปัง
พร้อมลำแสงสีเขียวพุ่งวาบเข้าใส่กลางหลังเซอร์ดาร์คนอร์เต็มที่
เขากระเด็นไปข้างหน้าอย่างแรง เมื่อลุกขึ้นมาได้เขามองไปทิศทางที่มัลฟอยยืนอยู่
“แก!! ทำอะไรฉัน” เขาคำรามอย่างโกรธเกรี้ยว ขณะที่เตรียมจะเดินเข้าไปทำร้ายมัลฟอย
“เพ็ตตริพิคัส โททารัส”
เซอร์ดาร์คนอร์สะดุ้งแขนขาแนบลำตัวที่แข็งทื่อเหมือนก้อนหินก่อนจะล้มดครมลงไป
มัลฟอยรีบวิ่งไปดูเฮอร์ไมโอนี่
“เป็นยังไงบ้างเกรนเจอร์” เขาถามด้วยน้ำเสียงห่วงใย เฮอร์ไมโอนี่บีบแขนตัวเองเบาๆ
“ไม่เป็นไร” เธอมองมัลฟอยอย่างตกใจ “เลือด! เธอบาดเจ็บนี่”
มัลฟอยยกมือขึ้นปาดเลือดที่มุมปากเบาๆ
“แค่ปากแตกน่ะ”
เขาพูดอย่างไม่ใส่ใจแล้วหันไปทางเซอร์ลานสล็อตที่ยืนจ้องพวกเขาโดยไม่พูดอะไรอยู่ครู่หนึ่ง
“พวกเธอคงเป็นพ่อมด” เขาพูดเรียบๆไม่มีแววประหลาดใจหรือแปลกใจในน้ำเสียง
เขาหันไปมองเซอร์ดาร์คนอร์ซึ่งยังคงนอนตัวแข็งค้างอยู่ก่อนจะหันกลับมามองเด็กทั้งสองคน
มัลฟอยเตรียมขยับไม้กายสิทธิ์ในมือ
“เราไม่ทำร้ายผู้มีพระคุณหรอก พ่อมดน้อย”
เขาพูดขรึมๆแล้วยกมือขึ้นค่อยๆถอดหมวกเหล็กครอบหน้าออกมาถือไว้
“เราคือเซอร์ลานสล็อต หนึ่งในอัศวินโต๊ะกลมของกษัตริย์อาเธอร์แห่งคาร์เมล็อต”
เขาแนะนำตัวเอง มัลฟอยและเฮอร์ไมโอนี่อ้าปากค้างอย่างงงงัน
ทั้งคู่มองดูอัศวินหนุ่มอายุไม่เกิน 35
ใบหน้าทีดูคมคายซ่อนอยู่ภายใต้ผมและหนวดเคราสีน้ำตาลทอง
ดวงตาสีน้ำตาลเข้มมีแววเด็ดเดี่ยวและกล้าหาญอย่างไม่เชื่อสายตา
“ถ้าอย่างนั้นที่นี่มันที่ไหน” มัลฟอยถาม เซอร์ลานสล็อตมองดูเขาแล้วยิ้มก่อนตอบ
“แผ่นดินแห่งล็อกซ์ ของกษัตริย์อาเธอร์ ผู้เป็นเจ้าของปราสาทคาร์เมล็อต”
“นั่นมัน” มัลฟอยคราง “ผ่านมาตั้งเป็นพันปีแล้วนี่”
เขามองเฮอร์ไมโอนี่ซึ่งกำลังมองดูเขาอยู่ด้วยสีหน้าที่ตื่นตระหนกเช่นเดียวกัน
“พวกเรามาที่นี่ได้ยังไงกัน” เธอถามเขาสั่นหน้า
“ฉันไม่รู้”
“เราคิดว่าท่านทั้งสองคงจะหลงทาง” เซอร์ลานสล็อตพูดขึ้น
“ได้โปรดตามเราไปยังคาเมล็อต
เหล่าอัศวินทั้งหลายคงยินดีต้อนรับพ่อมดน้อยๆที่กล้าหาญ
ผู้ช่วยเหลือเรา”เขาผายมือเชื้อเชิญให้เด็กทั้งสองขึ้นขี่ม้าของเขาในขณะที่เขาไปใช้ม้าของเซอร์ดาร์คนอร์แทน
“แล้วเจ้านั่นล่ะ” มัลฟอยถาม เซอร์ลานสล็อต
“ปล่อยทิ้งไว้แบบนั้นดีกว่าพ่อมดน้อย” เขาตอบ
“เจ้าคนขลาดนั่นสมควรนอนอย่างไร้ค่าอยู่แบบนั้น พอค่ำพวกหมาป่าคงออกมาจัดการเอง”
เขามองหน้ามัลฟอยอย่างสำรวจตรวจตรา
“ไม่ทราบว่าท่านชื่อว่าอะไร พ่อมดน้อย” เขาเอ่ยถามอย่างสุภาพ
“เดรโก มัลฟอย” มัลฟอยตอบสั้นๆ “ส่วนนี่เฮอร์ไมโอนี่ เกรนเจอร์”
เด็กสาวยิ้มให้กับเขา เซอร์ลานสล็อตโค้งเล็กน้อย
“นางเป็นผู้หญิงของท่านรึ”
เขาถาม ทั้งมัลฟอยและเฮอร์ไมโอนี่สะดุ้งพร้อมๆกัน
“ไม่ใช่นะ” เฮอร์ไมโอนี่รีบพูด “ฉันเป็นแม่มดเหมือนมัลฟอย เราเป็นเพื่อนกัน”
มัลฟอยก้มหน้าลงมองเธออย่างน้อยใจเล็กน้อย
“แค่นั้นเองเหรอ” เขากระซิบถามเบาๆ เฮอร์ไมโอนี่เงยหน้าขึ้นมองเขาอย่างงงๆ
แต่เซอร์ลานสล็อตกลับพูดแทรกขึ้นมทาเสียก่อน
“นั่นไง คาเมล็อตของพวกเรา” เขาพูดอย่างภาคภูมิใจขณะที่ชี้มือไปข้างหน้า
มัลฟอยและเฮอร์ไมโอนี่มองตาม ทั้งคู่ต่างตกตะลึงในความงามของปราสาทคาเมล็อต
มันตั้งอยู่บนเนินเขาที่มีป่าล้อมรอบ และเนอนเขานี้ก็ตั้งอยู่บนที่ราบกว้างใหญ่
ด้านข้างของปราสาทด้านหนึ่งมีแม่น้ำใสสะอาดไหลผ่าน
มีถนนท่กว้างทอดยาวไปจนถึงประตูปราสาท
บนที่ราบเต็มไปด้วยทุ่งข้าวบาเล่ย์และข้าวไรน์ในขณะที่ริมแม่น้ำร่มครึ้มไปด้วยต้นวิโลว์และต้นแอสแพนที่กำลังแกว่งไหวไปตามแรงลม
เซอร์ลานสล็อตพาเด็กทั้งสองมาหยุดที่ประตูขนาดใหญ่และสูงจนต้องแหงนคอขึ้นมอง
“เราเซอร์ลานสล็อต เปิดประตูด้วย” เซอร์ลานสล็อตตะโกนร้องเรียก
มีเสียงตึงตังด้านในและเสียงฝีเท้าคนที่วิ่งวุ่นวาย บานประตูหนาหนักค่อยๆเปิดออก
“เชิญท่านเดรโก” เขาพูดขณะที่นำเด็กทั้งสองเข้าไปด้านใน
มัลฟอยและเฮอร์ไมโอนี่รู้สึกตื่นเต้นมากที่ได้เข้ามาในปราสาทคาเมล็อต
มันดูกว้างขวางและงดงาม ทางไปสู่ห้องโถงปูด้วยหินขัดมันเป็นเงาวับ
เพดานก็ห้อยด้วยเชิงเทียนระย้า
สองข้างยังรายรอบไปด้วยเสาหินที่แกะสลักลายอย่างวิจิตร
เซอร์ลานสล็อตนำเด็กทั้งสองคนมาจนถึงห้องท้องพระโรงอันเป็นที่ว่าราชการของกษัตริย์อาเธอร์และเหล่าอัศวินทั้งหลาย
“กษัตริย์ของเราต้องการพบท่านเซอร์ลานสล็อตและผู้วิเศษน้อยๆที่กล้าหาญทั้สอง”
อัศวินอีกคนหนึ่งออกมาต้อนรับและกล่าวเชื้อเชิญคนทั้งสามให้เข้าไปในห้อง
เซอร์ลานสล็อตคุกเข่าลงคำนับกษัตริย์อาเธอร์ที่นั่งเป็นสง่าอยู่บนบัลลังค์ด้านบนโดยมีราชินีผู้สิริโฉมงดงามนั่งอยู่ข้างกาย
“ลุกขึ้นเถิดท่านเซอร์ลานสล็อตผู้กล้าหาญของเรา” เสียงของกษัตริย์ก้องกังวาน
“นี่คือผู้มีพระคุณของท่าน”
กษัตริย์อาเธอร์มองมาที่เด็กทั้งสองคนแล้วผายมือเชื้อเชิญ
“เชิญท่านทั้งสองได้ร่วมโต๊ะอาหารกับพวกเราและได้โปรดเล่าถึงการเดินทางของพวกท่านทั้งสอง”
ยังไม่ทันที่มัลฟอยและเฮอร์ไมโอนี่จะขยับตัว
มีเสียงนุ่มแต่เปี่ยมไปด้วยอำนาจดังขึ้น
“ผู้มีพลังอำนาจเช่นพ่อมดไม่สมควรนั่งร่วมโต๊ะอาหารกับเหล่าอัศวิน”
ชายชราที่มีผมและเคราสีเงินปรากฏตัวขึ้นข้างหลังมัลฟอย เขาสะดุ้งเล็กน้อย
“ท่านว่าพวกเขาไม่สมควรมานั่งที่นี่รึ ท่านเมอร์ลิน”
มัลฟอยและเฮอร์ไมโอนี่ตกตะลึงตาค้างอีกครั้ง
ทั้งคู่มองหน้ากันแล้วหันไปมองชายชราที่ดูเปี่ยมไปด้วยพลังอำนาจผู้ยืนอยู่เบื้องหลัง
“มันเป็นกฏของพ่อมด ท่าน” เขาพูดช้าๆ “และอีกอย่าง
เราคิดว่าเด็กสองคนนี่คงเดินทางมาจากที่ไกลแสนไกล
เราควรให้พวกเขาได้อาบน้ำและพักผ่อนมากกว่า”
ดวงตาสีฟ้าของเขาดูเป็นประกายเหมือนล่วงรู้เรื่องราวของเด็กทั้งสอง
กษัตริย์อาเธอร์ก้มศีรษะเล็กน้อย
“ถ้าอย่างนั้นก็แล้วแต่ท่านเห็นสมควร ท่านเมอร์ลิน”
เมอร์ลินหันหลังเดินนำเด็กทั้งสองออกจากท้องพระโรงเดินตรงไปตามระเบียงอย่างช้าๆ
“คุณคือพ่อมดเมอร์ลินจริๆ” เฮอร์ไมโอนี่พูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น
“ฉันคิดว่าใช่นะ” ชายชราตอบอย่างอารมณ์ดีก่อนที่จะโบกมือข้างหนึ่งเพื่อเปิดประตู
เฮอร์ไมโอนี่มองอย่างทึ่งจัด มัลฟอยมองกิริยาของเด็กสาวแล้วยิ้ม
“ไม่เห็นต้องตื่นเต้นอะไรเลยนี่เกรนเจอร์” เขาพูดขึ้น เฮอร์ไมโอนี่ถลึงตาใส่เขา
“ได้เจอกับพ่อมดเมอร์ลินสุดยอดพ่อมดในตำนานเนี่ยนะ ไม่ต้องตื่นเต้น”
เธอพูดด้วยเสียงดุๆ มัลฟอยทำหน้าเบื่อๆ
“ก็ถ้าเราลองหลงมาอยู่ในยุคของกษัตริย์อาร์เธอร์ได้
ก็ต้องเจอกับเมอร์ลินได้เหมือนกันแหละ”
ก่อนที่เด็กสาวจะเถียงต่อ เมอร์ลินยกมือขึ้นห้าม
เขายกไม้กายสิทธิ์ของเขาแตะบนใบหน้าของมัลฟอยเบาๆ รอยแผลและรอยฟกช้ำค่อยๆหายไป
มัลฟอยลูบใบหน้าตัวเองอย่างตกใจแกมสนเท่ห์
“ท่านทำได้ยังไงน่ะ” เขาร้องถามแต่ชายชรากลับยิ้มบางๆ
“เวทมนต์เด็กน้อย เวทย์มนต์ ถ้าเรายิ่งศึกษา มันจะยิ่งมีวิธีใช้มากมาย”
เขาวางไม้กายสิทธิ์ลงแล้วนั่ง
“ทีนี้ลองเล่าเรื่องของพวกธอมา” เขามองดูเสื้อผ้าของเด็กทั้งสองก่อนพูด
“ฉันคิดว่าเธอทั้งสองคนไม่ใช่คนในยุคนี้ใช่ไหม” มัลฟอยพยักหน้ารับ
“แล้วเครื่องหมายบนเสื้อของเธอทั้งสองคนคือตราของอะไร”
“ตราของสลิธีริน” มัลฟอยตอบ “ส่วนของเธอเป็นตราของกริฟฟินดอร์”
เขาอธิบายแทนเฮอร์ไมโอนี่
“เรามาจากดรงเรียนเวทย์มนต์ที่ชื่อว่าฮอกวอตส์” เมอร์ลินขมวดคิ้ว
“มีโรงเรียนแบบนั้นด้วยรึฉันอยากจะเห็นจริงๆ”
“คงไม่ได้หรอกค่ะ” เฮอร์ไมโอนี่พูดขึ้น “มันเกิดขึ้นหลังจากยุคของท่าน
และพวกเราก็มาจากเวลาอื่นที่เกิดหลังจากยุคของพวกท่านนานมาก”
เมอร์ลินประส่นมือทั้งสองแล้วท้าวคาง
“เล่าไปซิ ฉันยังมีเวลาอีกเหลือเฟือที่จะฟัง” ชายชรูดด้วยความสนใจ
“นั่นเป็นการผกผันของกาลเวลา”
เมอร์ลินพูดขึ้นหลังจากได้ฟังเรื่องของมัลฟอยและเฮอร์ไมโอนี่
“แต่ก็เป็นความผิดของฉันเองด้วย
เพราะดูจากเวลาที่เกิดขึ้นมันตรงกับที่ฉันกำลังทดลองเวทย์มนต์ตัวใหม่ท่ามกลางพายุฝนพอดี”
ชายชรามองดูเฮอร์ไมโอนี่และมัลฟอย
“คงต้องหาทางส่งพวกเธอกลับไป ต้องขอเวลาฉันซักหน่อยแต่ตอนนี้ เธอ”
เมอร์ลินมองไปที่เฮอร์ไมโอนี่ เขาหยิบขวดไม้เล็กๆใบหนึ่งขึ้นมา
“แกะผ้าพันแผลที่หัวของเธอออกก่อน”
เขาโรยผงยาลงไปบนศีรษะของเฮอร์ไมโอนี่พร้อมร่ายคาถาเบาๆสองสามคำ
แผลบนศีรษะของเด็กสาวค่อยๆประสานกันจนหายสนิทเฮอร์ไมโอนี่จับที่ศีรษะของเธออย่างสนเท่ห์แกมสนใจ
“นั่นยาอะไรคะ” เธอถามเมอร์ลินยิ้มอย่างเอ็นดู
“”เป็นยาสมานแผลสูตรพิเศษของฉันเอง
มันได้ผลดีมากเสียแต่ตัวยาหาค่อนข้างยากและใช้เวลาปรุงนาน”
เขามองดูเฮอร์ไมโอนี่ที่กำลังตั้งใจฟังอยู่
“ถ้าเธอสนใจฉันจะให้เธออ่านบันทึกเล็กๆน้อยๆของฉันก็ได้ สาวน้อย”
เฮอร์ไมโอนี่ยิ้มกว้างอย่างกีใจ
มัลฟอยมองดูเธออย่างทึ่งเล็กน้อยก่อนที่จะหันไปถามเมอร์ลิน
“แล้วท่านสามารถทำห้ความทรงจำของเธอกลับคืนมาได้ไหม” เมอร์ลินส่ายหน้า
“ไม่มีเวทย์มนต์แบบนั้นหรอกพ่อหนุ่มน้อย” มัลฟอยหน้าสลดลง
“แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีหนทางอยู่หรอกนะ ในบางครั้งการรักษามันก็ขึ้นอยู่กับจิตใจด้วย”
เขาเว้นระยะพูดมองหน้ามัลฟอย
“ความรักและความจริงใจทั้งสองสิ่งนี้เกี่ยวพันกันโดยมีกาลเวลาเป็นตัวช่วย”
มัลอยขมวดคิ้ว
“ท่านพูดเหมือนกับใครบางคน” เมอร์ลินยิ้มบางๆ
“”ฉันคิดว่าพวกเธอทั้งสองคนคงจะเหนื่อยมามากแล้วฉันจะให้คนรับใช้พาพวกเธอไปที่ห้องพัก
กษัตริย์อาร์เธอร์คงจัดเตรียมไว้ให้เรียบร้อยแล้ว”
เขาดีดนิ้วหนึ่งครั้งประตูห้องเปิดออก
“พักผ่อนให้สบายแล้วพบกันพรุ่งนี้ อ้อสาวน้อย” เมอร์ลินส่งหนังสือเล่มหนึ่งให้เธอ
“ลองเอาไปอ่านดูนะ”เขาพูดตาสีฟ้ามีแววอ่อนโยนและเอ็นดู
“ขอบคุณค่ะ” เฮอร์ไมโอนี่รับหนังสือนั่นด้วยสีหน้าดีใจ
“เธอยังมีแก่ใจอ่านหนังสือได้อีกหรือในเวลาแบบนี้น่ะ”
มัลฟอยพูดแบบเหนื่อยใจขณะที่เดินตามคนรับใช้ชาย-หญิงไปกับเฮอร์ไมโอนี่
“ก็แหม” เธอหน้าแดง “ก็มันน่าสนใจนี่นา ลองคิดดูซิว่าเราได้เจอกับเมอร์ลิน
สุดยอดพ่อมดในตำนานเลยนะ”
เธอพูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นจนมัลฟอยอดยิ้มกับกิริยาของเธอไม่ได้
“ห้องของท่านเดรโกขอรับ” ชายรับใช้พูดด้วยกิริยานอบน้อทขณะที่เปิดประตูให้เขา
มัลฟอยหันไปทางเฮอร์ไมโอนี่
“ส่วนห้องของคุณผู้หญิงอยู่เลยถัดไปอีกเจ้าค่ะ”
หญิงรับใช้พูดขึ้นในขณะที่ผายมืออย่างนอบน้อม
เฮอร์ไมโอนี่หันกลับมามองมัลฟอยเขายิ้ม
“ราตรีสวัสดิ์ พรุ่งนี้ค่อยเจอกัน เกรนเจอร์” เด็กสาวยิ้มรับ
“เช่นกันมัลฟอย ราตรีสวัสดิ์”
เธอเดินตามหญิงรับใช้ต่อไปด้านในมัลฟอยก้าวเข้าไปในห้องแม้ไม่ใหญ่นักแต่ก็สะอาดและอุ่นสบาย
“ชุดเปลี่ยนอยู่บนเตียงขอรับ” ชายรับใช้พูดอย่างสุภาพ
“หากต้องการสิ่งใดเพิ่มได้โปรดสั่นกระดิ่งเรียกกระผมจะรีบขึ้นมาทันที”
เขาโค้งคำนับก่อนปิดประตู
มัลฟอยเดินไปที่เตียงเขาหยิบชุดขึ้นมาดูแล้วเบ้หน้าก่อนโยนมันทิ้งลงบนพื้น
เขาถอดเสื้อคลุมพาดไว้ที่ปลายเตียงก่อนล้มตัวลงนอน
“แล้วจะทำยังไงดีล่ะเรา”เขาครุ่นคิด
“หรือต้องติดอยู่ที่นี่กับเกรนเจอร์ตอดไปแบบนี้” คิดถึงตรงนี้เขาหน้าแดงเล็กน้อย
ก่อนจะหลับตาลงด้วยความเหนื่อยอ่อน

....................................................................................................................................................................................


เช้าวันรุ่งขึ้นหลังจากล้างหน้าล้างตาแล้ว
มัลฟอยรู้สึกแปลกใจที่คนรับใช้นำชุดสำหรับพ่อมดมาให้เขา
“ท่านเมอร์ลินสั่งให้นำมาให้ท่านขอรับ” คนรับใช้โค้งคำนับก่อนกลับออกไป
มัลฟอยมองชุดสีดำยาวเขาเหยียดยิ้มเล็กน้อย
“ก็ยังดีกว่าเสื้อผ้าของพวกมักเกิ้ลล่ะนะ”
เขาพูดกับตัวเองก่อนจะเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่
มีเสียงเคาะประตูห้องเขาเดินไปเปิดอย่างรำคาญแต่ก็ต้องยืนอึ้งมองผู้ที่อยู่ตรงหน้าเขา
“เกรนเจอร์”
เขาเรียกชื่อเฮอร์ไมโอนี่ที่อยู่ในชุดสุภาพสตรีราชสำนักยาวกรอมเท้าสีขาวหม่น
คอกว้างเปิดให้เห็นช่วงไหล่ที่ขาวเนียนของเธอ
“อรุณสวัสดิ์มัลฟอย” เธอทักเขาเสียงแจ่มใส มัลฟอยแอบกลืนน้ำลายก่อนตอบเบาๆ
“อรุณสวัสด์” เฮอร์ไมโอนี่มองเขาแล้วขมวดคิ้วอย่างสงสัย
“ทำไมยังไม่เปลื่ยนชุดอีกล่ะ” มัลฟอยส่ายหน้า
“ฉันไม่ใส่เสื้อผ้าประหลาดของพวกมักเกิ้ลหรอก” เฮอร์ไมโอนี่หน้าแดง
“อ้อ งั้นเหรอ” เธอพูดแค่นั้นก่อนหันหลังเดินออกไป มัลฟอยรีบเดินตามเธอจนทัน
“โกรธอะไรอีกล่ะ” เขาถามห้วนๆ
“เปล่า” เธอตอบห้วนๆเช่นกัน

ระหว่างทางเดินเพื่อจะไปหาเมอร์ลินทั้งคู่ได้พบกับอัศวินอีกคนหนึ่ง“เหมาะจริงพ่อมดน้อย”
เขาร้องอย่างยินดี
“เรากำลังจะไปเชิญท่านมาร่วมรับประทานอาหารเช้ากับเรา”
เขาพูดอย่างสุภาพและหันไปโค้งเล็กน้อยให้กับเฮอร์ไมโอนี่
“ท่านดูงดงามมากในชุดนี้” เขากล่าวชม เด็กสาวหน้าแดงเล็กน้อยก่อนกล่าวเบาๆ
“ขอบคุณค่ะ”
“เรากำลังจะไปหาเมอร์ลิน” มัลฟอยพูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ
“ท่านเมอร์ลินก็จะไปร่วมด้วยเช่นกัน” อัศวินหนุ่มยิ้มเล็กน้อยก่อนเดินนำช้าๆ
“เรามีนามว่าเซอร์กาเวนน์หนึ่งในอัศวินของกษัตริย์อาร์เธอร์แห่งคาเมลอต
แล้วท่าน...” เขามองหน้ามัลฟอย
“เดรโก มัลฟอย” เขาตอบห้วนๆเซอร์กาเวนน์ขมวดคิ้วเล็กน้อย
“เป็นชื่อที่แปลกดี พวกท่านคงเป็นพ่อมดที่เกี่ยวข้องกับมังกร”
มัลฟอยไม่ตอบอะไร
เออร์ไมโอนี่สังเกตุสีหน้าของเขาก็รู้ว่าเขากำลังอารมณ์ขุ่นอย่างที่สุด
“ฉันชื่อเฮอร์ไมโอนี่ เกรนเจอร์” เธอรีบแนะนำตัวเอง เซอร์กาเวนน์ยิ้มกว้าง
“ช่างเป็นชื่อที่ไพเราะเหมาะกับสุภาพสตรีที่แสนฉลาด”
เฮอร์ไมโอนี่หน้าบานรับคำชมอย่างดีใจ
มัลอยเหลือบตามองดูกิริยาของเด็กสาวแล้วเบ้หน้า
“ถูกใจล่ะสิ” ขูดเบาๆ
เมื่อเซอร์กาเวนน์นำทั้งคู่ไปที่โต๊ะอาหารซึ่งจัดไว้ในสวนกลางแจ้ง
มีอัศวินหลายคนนั่งรออยู่รวมทั้งกษัตริย์อาเธอร์และพระราชินี
ส่วนเมอร์ลินนั้นนั่งอยู่ทางด้านซ้ายของกษัตริย์ เขาลุกขึ้นยืนยิ้มเล็กน้อย
“พวกเรากำลังรอท่านอยู่” เขาผายมือเชื้อเชิญ
มัลฟอยเดินไปที่โต๊ะแล้วนั่งข้างๆเมอร์ลิน ส่วนเฮอร์ไมโอนี่นั่งถัดจากเขา
“เราหวังว่าเมื่อคืนนี้พวกท่านคงหลับอย่างสบาย” ราชินีกีนีเวียร์พูดขึ้น
“หากพวกท่านประสงค๋สิ่งใดกรุณาบอกเราอย่าได้เกรงใจ
คิดว่าที่นี่เปรียบเสมือนบ้านของท่านก็แล้วกัน”
กษัตริย์อาร์เธอร์ยิ้มและผงกศีรษะเล็กน้อย
“ทีนี้” พระองค์ตรัส
“ขอเชิญแขกน้อยๆของเราได้เล่าถึงเรื่องของพวกท่านระหว่างรับประทานอาหารนี่ด้วยเถิด”พระองค์โบกมือให้คนรับใช้เริ่มตักอาหารและรับฟังเรื่องราวของมัลฟอยและเฮอร์ไมโอนี่อย่างสนพระทัย
“เป็นเรื่อที่ซับซ้อนและยุ่งยากมากสำหรับคนธรรมดาอย่างเรา”
พระองค์ตรัสหลังจากที่ฟังเรื่องราวทั้งหมดจบลง
“แล้วท่านพอจะมีวิธีช่วยหรือไม่ท่านเมอร์ลิน” ทรงหันไปตรัสถามชายชรา เขาผงกศีรษะ
“พอจะมีวิธีอยู่แต่คงต้องใช้เวลา” เขามองดูท้องฟ้าที่แจ่มใส
“แล้วต้องอาศัยพลังธรรมชาติช่วยด้วย”
“ถ้าเช่นนั้นช่วงระหว่างที่รอท่านเมอร์ลิน
ขอเชิญท่านพ่อมดน้อยพำนักอยู่กับเราที่นี่ไปซักระยะหนึ่งก่อน”
กษัตริย์อาร์เธอร์กล่าว
“เซอร์ลานสล็อตจะเป็นผู้คุ้มครองดูแลท่าน”
พระองค์หันไปมองเซอร์ลานสล็อตเขาก้มศีรษะรับ
“ด้วยความยินดีพระองค์”
“ท่านจะเดินชมปราสาทหรือจะศึกษากับท่านเมอร์ลินก็ได้ แต่ขอให้ระมัดระวังตัวด้วย
เพราะในบางครั้งจะมีคนร้ายแอบลักลอบเข้ามาได้”
กษัตริย์อาร์เธอร์เจาะจงมองเออร์ไมโอนี่เป็นเชิงเตือนเธอ
“ไม่ต้องเป็นกังวลไปหรอกพระองค์” เซอร์ลานสล็อตพูดขึ้น
“ข้าผู้น้อยจะคอยดูแลท่านทั้งสองคนนี่อย่างดีที่สุด”
“เราไว้ใจท่านเสมอ เซอร์ลานสล็อต” กษัตริย์อาร์เธอร์กล่าวอย่างยินดี

.....................................................................................................................................................


*****5*****

“เฮอะ! ทำยังกับพวกเราเป็นเด็กอมมือ” มัลฟอยบ่นอย่างโกรธๆ เธอร์ไมโอนี่ขมวดคิ้ว
“เราเป็นคนต่างถิ่น เขาดูแลเราก็ถูกต้องแล้วนี่นา”
มัลฟอยเหลือบมองไปทางด้านหลังแล้วเบ้หน้าอย่างรำคาญใจ
“ฉันจะไปหาเมอร์ลิน” เขาพูดสั้นๆมองเฮอร์ไมโอนี่เป็นเชิงถามว่าจะไปด้วยกันไหม
“ฉันจะอ่านหนังสือนี่ต่อ” เธอชูหนังสือปกทำด้วยหนังที่ได้รับจากเมอร์ลินให้เขาดู
“มีคาถาน่าสนใจตั้งเยอะ” เธอพูดอย่างสนใจ มัลฟอยเหลือบดูเซอร์ลานสล็อตอีกครั้ง
“งั้นฉันไปด้วย” เขาพูดเฮอร์ไมโอนี่มองเขาอย่างงงๆ
“ฉันจะไปอ่านในห้องของฉันนะ” เธอพูดเบาๆ
“ฉันเกรงใจเซอร์ลานสล็อตที่ต้องมาคอยดูพวกเราน่ะ” มัลฟอยพยักหน้าน้อยๆ
“ก็ดี” เขาพูดด้วยน้ำเสียงสบายใจ
“เอาเป็นว่าฉันไปส่งเธอที่ห้องก่อนค่อยไปหาเมอร์ลินก็แล้วกัน”

......................................................................................................................................................

“ฉันคิดไว้แล้วว่าเธอต้องมาเดรโก” เมอร์ลินพูดยิ้ม
“ที่นี่คงจะน่าเบื่อสำหรับเธอสินะ”
มัลฟอยยักไหล่เล็กน้อย
“ก็ไม่เชิง” เขาพูดขณะที่เริ่มสำรวจสิ่งของต่างๆในห้องของเมอร์ลิน
เขาหยิบเขาสัตว์ที่ยาวเรียวแหลมขึ้นมาดูอย่างสนใจ
“เขาแกรปฮอร์น” เมอร์ลินพูด “กว่าจะได้มันมาก็แทบแย่เหมือนกัน”
มัลฟอยมองเขาแกรปฮอร์นอย่างทึ่งจัด
เขาเพิ่งเคยเห็นเขาของสัตว์ชนิดนี้เป็นครั้งแรกโดยมากเขาจะเห็นมันรูปแบบของผงละเอียดเวลาไปที่ตรอกนอร์กเทิร์นเท่านั้น
“ฉันคิดว่าเธอน่าจะอยู่ที่นี่มากกว่านะเดรโก” จู่ๆเมอร์ลินก็พูดขึ้น
มัลฟอยทำสีหน้างงงันเขาวางเขาของแกรปฮอร์น
“ทำไมถึงคิดแบบนั้นล่ะ” พ่อมดชรายิ้มบางๆ
“เพราะในโลกนี้โอกาสที่เธอจะยิ่งใหญ่น่ะมันง่ายมาก” เขามองหน้ามัลฟอย
“ในขณะที่ในโลกที่พวกเธอจากมา เธอเป็นได้แค่นักเรียนเท่านั้น”
มัลฟอยนิ่งอยู่สักพัก
“มันคงจะจริงอย่างที่ท่านพูด
แต่ถึงฉันจะอยู่ที่นี่สิ่งที่ฉันจะเป็นได้ในเวลานี้ก็คือนักเรียนของท่านเหมือนกัน
เมอร์ลิน”
เขาจ้องลงไปในดวงตาสีฟ้าของพ่อมดชรา
“และอีกอย่างหนึ่งฉันชอบที่จะเลือกวิธีการด้วยตัวของฉันเอง
มากกว่าคอยให้คนอื่นชี้นำ” เมอร์ลินหัวเราะเบาๆ
“นั่นเป็นเพราะเธอมีคนให้ปกป้องมากกว่าในเวลานี้
ถ้าเป็นก่อนหน้านั้นฉันคิดว่าเธอคงไม่มีวันปฏิเสธหรอก จริงมั้ยเดรโก”
มัลฟอยนิ่งอึ้งใบหน้าเริ่มมีสีชมพูจางๆ เขาทำท่าจะเดินออกจากห้อง
“เธอตั้งใจจะเข้ามาเรียนไม่ใช่หรือ เดรโก” เสียงพ่อมดผู้ชราทัก เขาชะงักทันที
เมอร์ลินเดินไปที่มุมห้องเขาโบกมือเพื่อเปิดหนังสือเล่มมหึมา
“ในนี้มีอะไรน่าสนใจมากมาย
ฉันอนุญาตให้เธออ่านมันได้ตามสบายและทกเวลาที่เธอต้องการรวมทั้งสาวน้อยคนนั้นด้วย”
มัลฟอยยืนลังเลใจอยู่ครู่หนึ่งก่อนตัดสินใจเดินกลับเข้าไปและอ่านหนังสือเล่มยักษ์อย่างสนใจ
...........................................................................................................................................................
เฮอร์ไมโอนี่ปิดหนังสือก่อนหลับตาแล้ะเอนตัวกึ่งนั่งกึ่งนอนพิงพนักหัวเตียง
เธอรู้สึกดีใจมากๆที่ได้เจอพ่อมดเมอร์ลินได้อ่านหนังสือของเขา
แต่อีกใจหนึ่งเธอกลับรู้สึกกังวลกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ไม่รู้ว่าที่ฮอกวอตส์จะรู้เรื่องที่เธอหายตัวมากับมัลฟอยแล้วหรือยัง
แฮร์รี่กับรอนคงเป็นห่วงเธอมาก ใจหนึ่งเธออยากกลับไปที่โรงเรียน
แต่อีกใจหนึ่งเธอยังอยากอยู่ที่นี่อีกซักระยะหนึ่งเพื่อเรียนรู้คาถาใหม่ๆจากพ่อมดเมอร์ลิน
เด็กสาวถอนหายใจเบาๆและเริ่มรู้สึกง่วงนอน ธอลืมตาสะบัดหน้าเบาๆเพื่อขับไล่ความง่วง
แล้วเริ่มเปดหนังสือออกอ่านแต่หนังตาของเธอกลับหนักอึ้งขึ้นเรื่อยๆ
เด็กสาวอ้าปากหาวน้อยๆก่อนที่จะหลับไปโดยไม่รู้ตัว

มัลฟอยเดินกลับออกมาจากห้องของเมร์ลินเขารู้สึกสนใจคาถา 2-3
บทในหนังสือขนาดยักษ์นั่น แต่เมอรืลินปฎิเสธที่จะสอนเขาด้วยเหตุผลที่ว่า
มันเป็นคาถาที่ต้องใช้พลังวิญญาณของผู้ร่ายคาถาอย่างมาก
ถ้าผู้ใช้มีพลังที่ไม่เข้มแข็งพออาจเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตได้
“ไม่ลองก็ไม่รู้”
มัลฟอยบ่นพึมพำกับตัวเอง
เขาหยุดยืนอยู่หน้าห้องของเฮอรืไมโอนี่อย่างลังเลใจก่อนจะเคาะประตูเบาๆ
“เกรนเจอร์” เขาเรียกค่อยๆก่อนจะแง้มประตูเปิดออกช้าๆ
เด็กชายมองเข้าไปในห้องก่อนถอนหายใจเบาๆ
“ไม่รู้จักระวังตัวเลยนะ”
เขาปิดประตูก่อนเดินไปที่เตียงของเธอ เฮอร์ไมโอนี่ตอนนี้หลับสนิท
หนังสือวางเปิดอยู่บนอกที่กำลังขึ้นลงตามจังหวะหายใจของเธอ
มัลฟอยมองเด็กสาวด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูก
เขานั่งลงข้างๆเธอมือหนึ่งยกขึ้นเสยผมที่ปรกใบหน้าของเด็กสาว
เด็กชายเม้มปากเล็กน้อยก่อนค่อยๆโน้มตัวลงไปหาเฮอร์ไมโอนี่อย่างช้าๆ
เขาชะงักเมื่อใบหน้าอยู่ห่างจากเธอไม่ถึงนิ้ว ก่อนยืดตัวขึ้นนั่งตรงเหมือนเดิม
“ไม่” เขาพูดกับตัวเอง “ อย่างน้อยก็ไม่ใช่ตอนนี้”
เขาลุกขึ้นมองหน้าเด็กสาวก่อนถอนหายใจหนักๆแล้วหมุนตัวออกจากห้องของเธอ
มัลฟอยเดินกลับห้องด้วยหัวใจที่สับสน
เขาหยุดที่หน้าห้องของตัวเองก่อนเปลี่ยนใจเดินต่อออกไปข้างนอกปราสาท
แล้วไปหยุดอยู่ที่ริมแม่น้ำ
เขาทรุดตัวลงนั่งใต่ต้นแอสเพ็นก่อนเอนตัวลงนอนหนุนแขนตัวเองเขามองท้องฟ้าอย่างครุ่นคิด
มีเสียงหัวเราะดังใกล้เข้ามา
เขาผงกหัวขึ้นมองแล้วทำหน้าเบื่อๆเมื่อเห็นผู้หญิงสาวรุ่น 4-5
คนกำลังเดินเข้ามาใกล้ๆเขา มัลฟอยนอนลงอย่างเดิมแล้วต้องสะดุ้งลุกขึ้นนั่งตัวตรง
มีอะไรบางอย่างนุ่มๆตกลงบนตัวของเขา มัลฟอยหยิบมันขึ้นมาดูอย่างขัดใจ
สิ่งนั้นคือผ้าไหมที่ถูกม้วนกันหลายๆชั้นจนเป็นก้อนกลมเหมือนลูกบอลลูกเล็กๆ
เขาโยนมันลงน้ำอย่างขุ่นเคือง
“นั่นมันเป็นของของเรา”
เสียงร้องดังขึ้นมาแต่ทว่าไม่ทันเสียแล้ว
เด็กสาวคนนึ่งวิ่งไปหยุดยืนที่ริมน้ำมองบอลของเธอท่ำลังจมลงอย่างช้าๆ
เธอหันมามองมัลฟอยอย่างไม่พอใจ
“กล้าดียังไง ถึงโยนของของคนอื่นทิ้งแบบนี้น่ะ”
เธอตวาดใส่มัลฟอย เขามองเธออย่างโกรธเคือง
“หรือจะให้ฉันโยนเอตามลงไปด้วยอีกคน”
เขาลุกขึ้นยืนจ้องหน้าเด็กสาวคนนั้นอย่างเอาเรื่อง เธอน้าแดงด้วยความโกรธ
“รู้มั้ยว่าฉันเป็นใคร” เธอตะคอกเขาเสียงดัง “ฉันเป็นลูกสาวของเซอร์บาลิน
หนึ่งในอัศวินโต๊ะกลมของกษัตริย์อาร์เธอร์”
มัลฟอยมองเธอด้วยหางตาแล้วเหยียดริมฝีปาก
“แล้วไง” เขาถามด้วยเสียงเยาะหยัน “ก็แค่ลูกมักเกิ้ลที่อาศัยชื่อพ่อแม่ทำอวดดี”
เขาพูดด้วยน้ำเสียงดูถูกเต็มที่ก่อนจะหมุนตัวเดินกลับปราสาทอย่างไม่สนใจแต่ก็ต้องชะงักเมื่อเสื้อคลุมของเขาถูกดึงเอาไว้
เขาหันไปมองเด็กสาวอย่างขัดใจ
“ปล่อย!” เขาตวาด
แต่ต้องตกใจเมื่อเด็กสาวตวัดมือฟาดลงบนใบหน้าของเขาเต็มแรงมัลฟอยขบกรามจนเป็นสันนูน
“แก!” เขาคำราม “กล้าดียังไงถึงมาตบฉัน” เขาล้วงไม้กายสิทธิ์ออกมา
“ได้โปรดยั้งมือไว้ก่อนท่านพ่อมด” เสียงทุ้มกังวานดังขัดขึ้นอย่างเร่งร้อน
มัลฟอยชะงักเขาหันหน้าไปมองอัศวินวัยกลางคนกำลังเดินตรงมาเขาอย่างเร่งรีบ
เขาหยุดยืนหอบหายใจเล็กน้อย
“โปรดอภัยต่อความไร้มารยาทของบุตรีเราด้วย”
เขาพูดอย่างเร็วก่อนที่จะหันไปตำหนิเด็กสาว
“ยังไม่กล่าวคำขอโทษต่อท่านเดรโกอีกเจ้ารู้ไหมว่าเขาคือผู้มีพระคุณผู้ช่วยชีวิตท่านเซอร์ลานสล็อต”
“แต่ว่าเขาโยนบอลของหนูทิ้ง” เด็กสาวเถียงอ่อยๆ
“อัลเกรนทีเนียร์” เซอร์บาลินกล่าวเสียงดุๆจนเธอมีสีหน้าสลด “ท่านเดรโกเป็นพ่อมด
เจ้าไม่สมควรไปดูถูกท่าน”
เขาสำทับอัลเกรนทีเนียร์เหลือบมองหน้ามัลฟอยเธอทำเสียงไม่พอใจในลำคอก่อนพูดออกมาด้วยเสียงเบาแทบระซิบ
“ขอโทษ”
“พูดให้ดังๆ อัลเกรนทีเนียร์” เซอร์บาลินพูดเตือน
“ช่างเถอะ”มัลฟอยตัดบทอย่างรำคาญเขาเก็บไม้กายสิทธิ์เหลือบหางตามองเด็กสาว
“แค่นี้ก็สุดจะทนแล้วสำหรับเธอ”
เขาพูดด้วยน้ำเสียงเยาะๆก่อนเดินกลับเข้าปราสาทอย่างไม่ใส่ใจ
“รู้ตัวไหมว่าเจ้าเกือบจะตายโดยไม่ทันได้รู้ตัว” เซอร์บาลินพูดกับบุตรสาว
“ถึงแม้ว่าท่านเดรโกจะเป็นพ่อมดหเมือนท่านเมอร์ลิน
แต่พ่อรู้สึกเหมือนเขาจะยืนอยู่ตรงกันข้ามกับท่านเมอร์ลิน”
“แต่หนูก็เห็นเขาเป็นแค่เด็กธรรมดาเหมือนหนู” อัลเกรนทีเนียร์เถียง
“นั่นเพราะเจ้ายังเด็กเกินไป อัลเกรนทีเนียร์
เจ้ายังไม่รู้จักความน่ากลัวของพลังพ่อมดโดยเฉพาะพ่อมดด้านมืด” เซอร์บาลินพูดเบาๆ

......................................................................................................................................


***6***

มีเสียงวุ่นวายดังขึ้นในปราสาทคาเมล็อตเฮอร์ไมโอนี่รีบเดินมาที่ห้องของมัลฟอย
“เกิดอะไรขึ้น”
เขาถามขณะที่รีบเดินไปตามระเบียงกับเฮอร์ไมโอนี่ทหารและอัศวินกำลังเตรียมตัวใส่ชุดเกราะกันอย่างวุ่นวาย
เซอร์ลานสล็อตเหลือบตามาเห็นเด็กทั้งสองเขารีบเดินเข้ามาหา
“เกิดอะไรขึ้นหรือคะ” เฮอร์ไมโอนี่ถามเบาๆ เซอร์ลานสล็อตยิ้มเล็กน้อย
“มีพวกเร่ร่อนมาก่อความวุ่นวายแถวๆรอบนอกชายป่าอีกด้าน แต่ไม่มีอะไรน่าวิตกหรอก”
เขาหันไปตะโกนสั่งทหารก่อนจะหันกลับมาที่เด็กทั้งสองคน
“เราจะให้คนมาดูแลท่านทั้งสองแทนเราสักระยะ”
เขาโบกมืออัศวินอายุน้อยคนหนึ่งเดินเข้ามาหาคนทั้งสาม เซอร์ลานสล็อตพยักหน้าให้เขา
“นี่คือแกรนดิโอส เป็นนายทหารมีฝีมือ เขาจะเป็นผู้ดูแลท่านทั้งสองแทนเรา”
นายทหารหนุ่มโค้งคำนับเซอร์ลานสล็อตก่อนหันไปโค้งให้กับเฮอร์โอนี่และมัลฟอยอย่างสุภาพ
“ท่านไม่น่าต้องเป็นกังวลกับพวกเรา” เฮอร์ไมโอนี่พูดอย่างเกรงใจ
“นั่นเป็นหน้าที่ของเรา” เซอร์ลานสล็อตพูดก่อนจะหันไปทางแกรนดิโอส
“จงดูแลท่านทั้งสองแทนเราอย่างดีที่สุดด้วย” แกรนดิโอสค้อมคำนับ
“ท่านได้โปรดวางใจได้เซอร์ลานสล็อต”
เซอร์ลานสล็อตยิ้มอย่างยินดีก่อนกล่าวคำอำลากับเด็กทั้งสอง
มัลฟอยขยับตัวออกเดินทันที
“นั่นเธอจะไปไหนมัลฟอย”
“ห้องเมอร์ลิน” เขาพูดอย่างรำคาญขณะที่มองแกรนดิโอส
“งั้นฉันไปด้วย” เฮอร์ไมโอนี่รีบพูดขณะที่ก้าวตามมัลฟอย
แกรนดิโอสเดินตามเด็กทั้งสองอย่างเงียบๆ
“เธอเป็นทหารมานานแล้วเหรอ” เฮอร์ไมโอนี่หันไปถามทหารหนุ่ม
“ตั้งแต่อายุ 13” เขาตอบสั้นๆ เฮอร์ไมโอนี่ทำสีหน้าทึ่ง
“นั่นยังเด็กอยู่เลยนะนี่ แสดงว่าเธอต้องเก่งมากเลย”
คราวนี้ใบหน้าของนายทหารหนุ่มมีสีเลือดขึ้นเล็กน้อย
“ตระกูลของเราป็นอัศวิน” เขาพูดอย่างภูมิใจ “เราเริ่มใช้อาวุธตั้งแต่เริ่มหัดเดิน”
“คุณพ่อของเธอคงเป็นหนึ่งในอัศวินโต๊ะกลมใช่ไหม” เฮอร์ไมโอนี่ถาม
เขามีสีหน้าสลดลงเล็กน้อย
“น่าเสียดายที่ท่านไม่มีโอกาส” เขาพูดเศร้าๆ
“บิดาของเราเสียชีวิตในสงครามใหญ่ก่อนกษัตริย์อาร์เธอร์จะก่อตั้งเมืองคาเมล็อต”
เฮอร์ไมโอนี่มีสีหน้าสลดลง
“ฉันขอโทษ” แกรนดิโอสส่ายหน้าช้าๆ
“ไม่มีหตุผลที่ท่านต้องขอโทษเรา เพราะบิดาเราสละชีพเพื่อกษัตริย์แห่งล็อกซ์
นั่นเป็นสิ่งที่เราภูมิใจมาก”
เขาพูดด้วยเสียงภาคภูมิใจจนมัลฟอยแอบเบ้หน้า เฮอร์ไมโอนี่มองกิริยาเขาอย่างไม่พอใจ
ทั้งหมดหยุดยืนอยู่หน้าห้องของเมอร์ลิน
“เชิญพวกท่านตามสบายเราจะรออยู่ด้านนอก” แกรนดิโอสพูดอย่างสุภาพ
มัลฟอยโบกมือประตูที่แนบสนิทกับกำแพงเปิดออกเฮอร์ไมโอนี่หันมามองเขาอย่างเกรงใจ
“แน่ใจหรือว่าจะไม่เข้าไปด้วยกัน” เขาสั่นศีรษะช้าๆ
“นั่นเป็นห้องของท่านเมอร์ลินผู้ยิ่งใหญ่ พวกเราไม่มีใครกล้าเข้าไปหรอก”
มัลฟอยรีบโบกมืออีกครั้งเพื่อปิดประตู เฮอร์ไมโอนี่ถลึงตามองเขา
“ทำไมต้องทำแบบนี้ด้วยมัลฟอย” เขามองเธอ
“ฉันทำอะไร” เขาถามสั้นๆอย่างไม่สนใจสายตาเริ่มกวาดมองหาพ่อมดชรา
“ทำท่ารังเกียจคนอื่น” เด็กสาวพูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ มัลฟอยหันกลับมามองเธอ
“ก็แค่พวกมักเกิ้ลทำไมฉันต้องไปสนใจด้วย”
“แต่เขาก็อุตส่าห์ดูแลพวกเรานะ” เธอถียงมัลฟอยยักไลหล่
“จำได้ว่าไม่เคยร้องขอ” เขาพูดห้วนๆเฮอร์ไมโอนี่หน้าแดงด้วยความโกรธ
“ทำไมนิสัยแย่แบบนี้นะมัลฟอย” เธอพูดเสียงดัง
มัลฟอยชะงักเขามองเธอด้วยสีหน้าโกรธเคืองก่อนที่จะยกมือขึ้นจับไหล่ทั้งสองข้างของเด็กสาว
“ฉันเป็นพ่อมด เกรนเจอร์” เขาบีบไหล่ของเธอแรงขึ้นดวงตาสีซีดจ้องตรงมาที่เธอ
“และพ่อมดอย่างฉันก็ไม่ต้องการให้พวกมักเกิ้ลต่ำๆมาคอยดูแล” เฮอร์ไมโอนี่มองเขา
“แต่อย่างน้อยเธอก็น่าจะให้เกียรติแกรนดิโอสเขาบ้าง”
มัลฟอยเม้มปากอย่างขัดใจเขาดึงเฮอร์ไมโอนี่เข้าหาตัวเอง
“ดูท่าเธอจะสนใจเจ้าหมอนั่นมากนะ” เขาพูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ
“เพิ่งเจอกันแท้ๆ อ้อ จะว่าไปเจ้าหมอนั่นก็หน้าตาไม่เลวนี่”
เด็กชายประชดเฮอร์ไมโอนี่ตอนนี้เริ่มตัวสั่นด้วยความโกรธเธอสะบัดตัวออกจากมือของมัลฟอยเต็มแรง
“มันไม่เกี่ยวกับหน้าตามัลฟอย มันเกี่ยวกับนิสัย” เธอยืนจ้องหน้าเขา
“อย่างน้อยฉันก็คิดว่าเขามีนิสิสัยดีกว่าเธอมาก”
ธอสะบัดหน้าใส่เขาแล้วหยุดยืนอยู่หน้าช่องประตูที่ปิดสนิทอยู่
“เธอจะออกไปได้ยังไงเกรนเจอร์” เสียงมัลฟอยพูดเยาะๆอยู่ข้างหลัง
“ประตูนี่น่ะต้องใช้รหัสผ่านเหมือนกัน”
เด็กสาวเม้มปากตังเองด้วยความโกรธเธอหันไปมองมัลฟอย
“เปิดประตูมัลฟอย” เธอพูดห้วนๆมัลฟอยยิ้มเหยียด
“ความจำเสื่อมยังไงนิสัยก็ไม่เคยเปลี่ยนเลยนะเกรนเจอร์”
เขาพูดขณะที่เริ่มเดินเข้ามาหาเด็กสาว
“ไม่เคยขอร้องฉันดีๆเลยสักครั้ง”
เฮอร์ไมโอนี่ขยับถอยหนีจนติดประตูมัลฟอยยกแขนขึ้นคร่อมตัวเธอไว้เขาค่อยๆก้มหน้าลงไปช้าๆ
“นายก็ไม่เคยเปลี่ยนนิสัยเลยมัลฟอย” เธอโพล่งขึ้น
“ไม่เคยช่วยโดยไม่มีข้อแลกเปลี่ยน” มัลฟอยชะงักเขาขมวดคิ้ว
“เธอจำคำพูดนี่ได้ดวยเหรอ” เฮอร์ไมโอนี่นิ่งงัน
“เธอเคยพูดแบบนี้กับฉัน” เขาพูดด้วยเสียงเศร้าๆ “จำได้ไหมเกรนเจอร์”
มัลฟอยมองลึกเข้าไปในดวงตาสีน้ำตาลที่ฉายแววสับสน
“ฉัน” เด็กสาวอึกอัก “เคยพูดแบบนี้กับเธอด้วยเหรอ”
มัลฟอยไม่ตอบเขารวบร่างของเธอเข้ามากอดแน่น
“เกรนเจอร์” เขาเรียกเธอเบาๆก่อนที่จะคลายอ้อมแขน
เฮอร์ไมโอนี่ยืนตัวแข็งมองเขาอย่างงงงันมัลฟอยโบกมือเพื่อเปิดประตู
“ไปซิ” เขาพูดสั้นๆขณะที่มองดูเธอด้วยสายตาที่ปวดร้าว
เฮอร์ไมโอนี่ก้าวออกจากห้องเธอหันไปมองดูมัลฟอยที่กำลังปิดประตูด้วยความรุ้สึกสับสนและไม่เข้าใจ
“ดูเหมือนท่านจะชอบการอ่านมาก” แกรนดิโอสพูดขึ้นเมื่อเห็นเฮอร์ไมโอนี่ปิดหนังสือ
เธอหันมายิ้มให้เขา
“มันดูแปลกมากเหรอ”
“ก็ไม่เชิง” เขาพูดยิ้มๆ
“เพียงแต่ผู้หญิงที่เรารู้จักส่วนใหญ่มักจะสนใจแต่เรื่องการแต่งตัวแล้วก็จับกลุ่มคุยกัน”
เขามองดูเด็กสาว
“ท่านดูแตกต่างจากพวกนั้น” เฮอร์ไมโอนี่หัวเราะเบาๆ
“ถ้าอย่างนั้นฉันก็ดูแปลกประหลาดจากผู้หญิงทั่วๆไปซินะ” แกรนดิโอสมีสีหน้าตกใจ
“เราไม่ได้หมายความเช่นนั้น” เขาพูดอย่างเร็ว
“เราหมายถึงท่านดูเป็นสุภาพสตรีที่ได้รับการศึกษามาอย่างดี”
เขาอธิบายอย่างร้อนรนจนเฮอร์ไมโอนี่อดขำในท่าทางของเขาไม่ได้
“ฉันไม่ได้เป็นสุภาพสตรีสูงส่งถึงขนาดนั้นหรอกท่านแกรนดิโอส
ฉันเป็นแค่นักเรียนธรรมดา” เธอมีสีหน้าเศร้าลงเล็กน้อย
“ท่านมีเรื่องกังวลใจ” เขาพูดเบาๆ “ได้โปรดบอกเรา บางทีเราอาจช่วยท่านได้”
ชายหนุ่มพูดด้วยน้ำเสียงห่วงใยและจริงจัง เฮอร์ไมโอนี่ส่ายหน้าช้าๆ
“เธอคงช่วยอะไรฉันไม่ได้หรอก”
เธอจ้องหนังสือบนตักอย่างครุ่นคิดก่อนตัดสินใจพูดกับเขา
“ฉันความจำเสื่อม” เธอพูดเสียงแห้ง
“มันทรมานมากนะแกรนดิโอสที่เราจำใครไม่ได้เลย
แม้แต่เพื่อนที่สนิทที่สุดหรือคนในครอบครัว”
เฮอร์ไมโอนี่เงยหน้าขึ้นสายตามองไปที่แม่น้ำอย่างเศร้าสร้อย
“ไม่มีทางใดที่จะรักษาท่านได้เลยหรือ” แกรนดิโอสถามขึ้น “ท่านเมอร์ลินคงช่วยได้”
เฮอร์ไมโอนี่ส่ายหน้า
“เสียดายที่ท่านช่วยไม่ได้” เธอพูดเบาๆ
ชายหนุ่มมองเธออย่างห่วงใยและรู้สึกทุกข์ใจแทนเด็กสาว
“มันจะต้องมีวิธี ท่านจะต้องหาย ขอให้ท่านเชื่อมั่นในตัวเอง” เขาพูดจริงจัง
เฮอร์ไมโอนี่มองเขาอย่างซาบซึ้งในน้ำใจ
“ขอบคุณมากท่านแกรนดิโอส” เธอพูดเบาๆสายตามองข้ามไหล่เขาอย่างแน่วนิ่ง
แกรนดิโอสหันหน้าไปทางที่เธอมอง เขารีบลุกขึ้นยืน
“ท่านเดรโก” เขาทักอย่างสุภาพ มัลฟอยชายตามองเขาด้วยสีหน้าไม่พอใจ
“จะกลับได้รึยัง” เขาพูดห้วนๆกับเฮอร์ไมโอนี่เธอมองเขาอย่างเคืองๆ
“ยัง”
เธอพูดห้วนๆสั้นๆเช่นเดียวกันมัลฟอยมองดูเด็กสาวแล้วเหลือบมองดูชายหนุ่มเล็กน้อย
“บรรยากาศดีนะ” เขาพูดประชด เฮอร์ไมโอนี่มองหน้าเขา
“หมายความว่าอะไรมัลฟอย” เธอพูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ
“ฉันแค่บอกว่าบรรยากาศดี” เขาพูดเรื่อยๆแต่มีแววขุ่นเคืองในน้ำเสียง
“แล้วเธอคิดว่าอะไรล่ะ”
เฮอร์ไมโอนี่ลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว
“ฉันคิดว่าบรรยากาศที่นี่ดีมาก จนกระทั่งเธอก้าวเข้ามา” เธอมองหน้าเขาอย่างโกรธๆ
“กลับกันเถอะท่านแกรนดิโอส” เธอสะบัดหน้าใส่มัลฟอยก่อนชวนชายหนุ่ม
เขามองคนทั้งสองอย่างงงๆก่อนจะรีบก้าวเท้าตามเฮอร์ไมโอนี่ไปอย่างเร่งรีบ
มัลอยมองตามอย่างโกรธจัดเขาล้วงไม้กายสิทธิ์ชี้ตรงไปที่แม่น้ำร่ายคาถาระเบิดก้อนหินที่ริมฝั่งอย่างระบายอารมณ์หลายครั้ง
“อยากจะทำอะไรก็ตามใจยายหัวฟู”
เขาตะโกนพลางหอบหายใจด้วยความโกรธก่อนเก็บไม้กายสิทธิ์เข้ากระเป๋าเสื้อคลุมแล้วเดินกลับปราสาทด้วยความหงุดหงิด
“สองสามวันมานี่ไม่เห็นท่านเดรโกเลย”
แกรนดิโอสถามขณะที่มองดูเฮอร์ไมโอนี่ลองเสกคาถาบทง่ายๆบทหนึ่งที่ริมทะเลสาบ
มีประกายสีทองออกมาจากไม้กายสิทธิ์ของเธอจางๆก่อนจะสลายไป
“ว้า” เธอร้องอย่างขัดใจก่อนเก็บไม้กายสิทธิ์และกางหนังสือออกอ่านใหม่
ชายหนุ่มมองดูเด็กสาวอย่างสงสัย
“เป็นเพราะเราหรือเปล่า” เฮอร์ไมโอนี่เงยหน้าขึ้น
“เมื่อกี้เธอพูดว่าอะไรนะ” แกรนดิโอสทำสีหน้ายุ่ง
“เราพูดว่าไม่เห็นท่านเดรโกเลยสองสามวันมานี่ พวกท่านทะเลาะกันหรือ”
เด็กสาวยิ้มก่อนส่ายหน้า
“เขาไปอยู่กับท่านเมอร์ลินทั้งวัน
แล้วอีกอย่างเขากับฉันน่ะทะเลาะกันประจำเธอไม่ต้องกังวลใจไปหรอกแกรนดิโอส”
พูดจบเฮอร์ไมโอนี่ก็หันไปสนใจหนังสือต่อ
“ฉันไม่เข้าใจเลย” เธอบ่นเบาๆ “ฉันว่าฉันพูดคาถาถูกต้องแล้วนะแต่ทำไมมันไม่ได้ผล”
เธอพลิกหนังสือไปมา
“บางทีอาจเป็นที่การถือไม้” เฮอร์ไมโอนี่มองหน้าชายหนุ่ม
“เธอว่าไงนะ” เขาทำมือโบกไปมาในอากาศ
“เหมือนการใช้ดาบ แต่ละท่าจะมีวิธีการแกว่งดาบที่ไม่เหมือนกัน
การร่ายคาถาก็คงเป็นแบบนั้น แต่ละคาถาคงมีวิธีการโบกไม้แตกต่างกันไป”
เฮอร์ไมโอนี่มองเขาอย่างทึ่ง
“จริงของเธอนะ”
เด็กสาววางหนังสือลงแล้วลุกขึ้นยืนในมือถือไม้กายสิทธิ์เธอตั้งสมาธิโบกไม้กายสิทธิ์ในมือตวัดไปมาอย่างนุ่มนวล
“ฟลอเร่ อะเปอริท”
เธอชี้ไม้กายสิทธิ์ไปที่พุ่มไม้ตี้ยๆข้างหน้า
มีประกายสีทองพุ่งออกมาจากปลายไม้กายสิทธิ์ตรงไปที่พุ่มไม้นั่นมันสั่นไหวเล็กน้อยก่อนที่ดอกไม้บนต้นจะเริ่มผลิบานขึ้นพร้อมๆกันจนดูสะพรั่ง
“สำเร็จแล้ว” เฮอร์ไมโอนี่กระโดดจับแขนแกรนดิโอสอย่างลืมตัว
“ดูสิฉันใช้คาถาของท่านเมอร์ลินได้แล้วดีใจจังเลย”
ชายหนุ่มขยับแขนออกเบาๆเขายิ้มอย่างประหม่า
“เอ่อ เราดีใจด้วย” เฮอร์ไมโอนี่มองหน้าเขาซึ่งมีสีแดงจางๆ
เธอรีบปล่อยมือจากแขนของเขา
“ขอโทษด้วยฉันดีใจมากเกินไปหน่อย” เธอยิ้มอายๆก่อนที่ชายหนุ่มจะพูดอะไร
มีเสียงฝีเท้าม้าดังใกล้เข้ามา
เขาขยับตัวอย่างระวังเมื่อเห็นผู้ที่อยู่บนหลังม้าเขาคลายมือที่กำด้ามดาบออก
“บุตรสาวของท่านเซอร์บาลิน” เขาพูดกับเฮอร์ไมโอนี่เบาๆ
“นางมีชื่อว่าอัลเกรนทีเนียร์”
เฮอร์ไมโอนี่พยักหน้า
“ทำไมฉันไม่เคยเห็นเธอเลยล่ะ”
“นางพำนักอยู่ที่ปราสาทของตระกูลนานๆจะเข้ามาที่คาเมล็อตนี่สักครั้ง”
เขามองตามหญิงสาวที่กำลังขี่ม้าเข้าไปในปราสาท
“แสดงว่าเซอร์ลานสล็อตและอัศวินที่ออกไปกำลังใกล้จะกลับมาแล้ว”
เขาหันมาทางเฮอร์ไมโอนี่
“เราคอดว่าควรจะรีบกลับเข้าไปในปราสาทเพื่อต้อนรับพวกเขา”
เด็สาวพยักหน้ารีบเก็บหนังสืออย่างรวดร็วและเดินตามแกรนดิโอสกลับเข้าปราสาท
อัลเกรนทีเนียร์รีบลงจากหลังม้าและเดินไปตามทางระเบียงปราสาทอย่างเร่งรีบ
แต่แล้วก็ต้องชะงักเมื่อเห็นใครอีกคนกำลังดินสวนมาอย่างเร็วเหมือนกัน
“เจ้าพ่อมดยะโส”
เธอพึมพำเบาๆก่อนเชิดหน้าเดินตรงต่อไปและจงใจขวางทางมัลฟอยที่กำลังเดินเข้ามาใกล้เธอ
เขาชะงักเมื่อเห็นอัลเกรนทีเนียร์ขวางทางอยู่
“หลีก” เขาพูดสั้นๆจ้องหน้าอย่างไม่พอใจ อัลเกรนทีเนียร์มองเขาด้วยหางตา
“พวกพ่อมดนี่คงไม่เคยรู้จักคำว่ามรรยาทละมั้งถึงไม่รู้จักหลบให้สุภาพสตรีเดินผ่านไปก่อน”
มัลฟอยรี่ตา
“ว่าไงนะ” เขาพูดอย่างสะกดอารมณ์
“ฉันไม่มีความจำเป็นที่แม้แต่จะต้องเสียเวลามองพวกมักเกิ้ลต่ำๆด้วยซ้ำ”
เขาพูดเสียงดูถูก
“จะหลีกทางให้ฉันดีๆหรือจะให้ฉันโยนเธอไปให้พ้นทาง” เขาพูดเสียงคำรามแต่เย็นเยียบ
อัลเกรนทีเนียร์ตะลึงมองเขาอย่างตกใจแต่ยังข่มอารมณ์ไว้
“ถ้ากล้าก็ลองดู”
เธอท้า
มัลฟอยตรงรี่เข้ามาหาอย่างมุ่งร้ายหญิงสาวรีบเบี่ยงตัวหลบจนชิดกำแพงเขาเดินผ่านเธอไปแล้วหันกลับมามองอย่างเยาะหยัน
เธอทั้งโกรธทั้งอายรีบสะบัดหน้าหลบสายตาของเขา
มัลฟอยหมุนตัวเตรียมจะเดินต่อแต่ต้องชะงักเมื่อได้ยินเสียงกรีดร้องอย่างตกใจของอัลเกรนทีเนียร์
เขารีบหันกลับไปดูพอดีกันกับหญิงสาวโผพุ่งตัวเข้ามากอดคอของเขาแน่นปากก็ร้องเสียงสั่นรัว
“เอามันออกไป!”
เธอหลับตากอดคอมัลฟอยแน่นเขาขมวดคิ้วอย่างงงๆขณะที่พยายามผลักเธอออก
“เป็นอะไรของเธอ”
เขาตะคอกอย่างรำคาญแล้วชะงักเมื่อเป็นแมงมุมตัวใหญ่เกาะอยู่ที่ไหล่ของเธอ
เขาปัดมันไปกระแทกกับผนังกำแพงอย่างแรงมันร่วงลงไปบนพื้น
“ปล่อยฉันได้แล้ว” เขาพูดดังๆออกแรงผลักหญิงสาวเต็มแรง
อัลเกรนทีเนียร์ถอยหลังออกมาอย่างตื่นตระหนก
เมื่อตั้งสติได้เธอรู้สึกอับอายมากที่เข้าไปกอดมัลฟอย
เธอมองดูแมงมุมที่นอนหงายท้องอยู่อย่างหวาดๆก่อนเหลือบตาขึ้นมองหน้ามัลฟอย
“ขอบใจนะ” เธอพูดเสียงเบาแทบกระซิบแล้วรีบหมุนตัวเดินจากไปอย่างเร็ว
มัลฟอยมองตามเธอแล้วเบ้หน้าพลางปัดเสื้อคลุมของตัวเองอย่างรังเกียจ “มัก
เกิ้ล” เขาพูดเหยียดๆ
“ดีจังเลยนะที่อยู่ๆมีผู้หญิงวิ่งเข้ามากอดน่ะ”
เสียงประชดดังขึ้นด้านหลังเขารีบหันกลับไปมอง
“เกรนเจอร์” เขาเรียกอย่างตกใจ
เฮอร์ไมโอนี่ยืนกอดหนังสือหน้าตาบูดบึ้งกำลังจ้องมองเขาอยู่
“นึกว่าไปหาท่านเมอร์ลิน ที่แท้มายืนกอดกับผู้หญิงอยู่นี่เอง”
มัลฟอยอ้าปากจะอธิบานแต่ชะงักเมื่อเหลือบมองไปยังแกรนดิโอสที่ยืนอยู่ข้างหลังเธอเขาเม้มปากก่อนสะบัดเสียงตอบ
“มันรื่องของฉัน” เขามองเธออย่างขุ่นเคือง
“ฉันสนุกกับเรื่องของฉัน เธอก็ไปสนุกกับเรื่องของเธอเกรนเจอร์”
เขาประชดประชันขณะที่มองหน้าเธอแล้วเหลือบไปที่แกรนดิโอส
เฮอร์ไมโอนี่กัดฟันหน้าแดงด้วยความโกรธ
“ไปกันเถอะท่านแกรนดิโอส”
เธอพูดแล้วรีบเดินผ่านเขาไปอย่างรวดเร็วโดยมีชายหนุ่มซึ่งมองดูเธอสลับกับมัลฟอยอย่างงงๆเดินตามไป
มัลฟอยขบกรามแน่น เขาเหลือบตาลงมองแมงมุมที่เริ่มขยับพลิกตัวจะเดินหนี
“เพราะแกตัวเดียว”
เขาคำรามอย่างโกรธเคืองก่อนจะยกเท้าขึ้นเหยียบเจ้าแมงมุมเคราะห์ร้ายแล้วขยี้จนมันแหลกเละ
“ฉันน่าจะสาบให้แกเป็นแมงมุมนัก”
มัลฟอยพูดลอดไรฟันออกมาขณะที่ตามองตามหลังแกรนดิโอสไปอย่างแค้นใจ

*****7*****

เฮอร์ไมโอนี่ทิ้งตัวลงบนเตียงด้วยอารมณ์โมโห
เธอมองดูเพดานห้องขณะที่รู้สึกแปลกใจตัวเองว่าทำไมต้องรู้สึกโกรธที่เห็นมัลฟอยกอดกับอัลเกรนทีเนียร์
เด็กสาวหลับตาลงอย่างครุ่นคิดแต่แล้วเธอก็ต้องยกมือขึ้นมาปิดหน้า
“ความรู้สึกนี่มันอะไรกัน”
เธอพูดเบาๆอย่างท้อใจแล้วผุดลุกขึ้นนั่งหยิบหนังสือของเมอร์ลินขึ้นมาเปิดอ่านอีก
เธอถอนหายใจหนักๆก่อนที่จะปิดหนังสือ “ไปขอยืมหนังสือเล่มอื่นอีกดีกว่า”
เธอพูดกับตัวเองเบาๆแล้วลุกขึ้นเดินตรงไปยังห้องของเมอร์ลิน
เฮอร์ไมโอนี่ยืนลังเลอยู่หน้าห้อง
"แย่จริงเราไม่รู้รหัสผ่าน" เธอบ่นพึมพำแล้วตัดสินใจเคาะประตูเบาๆ
บานประตูเลื่อนเปิดออกช้าๆ เด็กสาวยิ้มอย่างดีใจรีบก้าวเท้าเข้าไปทันที
"ขอบคุณค่ะท่านเมอร์ลิน" เธอพูดขณะที่ประตูเลื่อนปิดลง เฮอร์ไมโอนี่มองไปรอบๆห้อง
เธอวางหนังสือลงบนโต๊ะแล้วมองหาพ่อมดชรา
"ท่านเมอร์ลิน"
เธอเรียกเบาๆเดินไปรอบๆห้องแล้วไปหยุดที่ชั้นหนังสือขนาดมหึมา
"โอ้โฮ"
เธอร้องอุทานอย่างทึ่งจัดขณะมองหนังสือบนชั้นมีหลายเล่มที่เขียนด้วยภาษาแปลกๆที่เธออ่านไม่ออก
เฮอร์ไมโอนี่มองหนังสือที่ชั้นบนสุดอย่างสนใจ
เธอเอื้อมมือเพื่อจะหยิบแต่มันอยู่สูงจนแม้เธอจะเขย่งปลายเท้าแล้วก็ยังหยิบไม่ถึง
"ทำยังไงดีล่ะ"
เธอพึมพำอย่างกลุ้มใจขณะที่คิดหาวิธีอยู่นั้นมีมือสีขาวซีดเอื้อมขึ้นไปหยิบหนังสือเล่มนั้นลงมาอย่างง่ายดาย
"อยากได้เล่มนี้เรอะ" เสียงพูดยานคางคุ้นหูของเธอ
เฮอร์ไมโอนี่หมุนตัวกลับทันทีมัลฟอยยืนถือหนังสือมองเธออยู่
"เอาไปสิ"
เขาส่งให้เธอเด็กสาวรับมันมาอย่างไม่แน่ใจเขามองเธอนิ่งอยู่ครู่หนึ่งก่อนทำท่าจะเดินจากไป
"ขอบใจนะ" เธอพูดเบาๆมัลฟอยมองดูเธออย่างประหลาดใจเล็กน้อย
"ไม่เป็นไร" เขาตอบพึมพำแล้วเดินไปอย่างเร็วตรงไปยังอีกด้านหนึ่งของห้อง
เฮอร์ไมโอนี่ยืนลังเลใจอยู่ก่อนจะตัดสินใจเดินตามเขาไป
เธอเห็นมัลฟอยหยุดยืนอยู่ตรงหน้าหนังสือทำจากหนังสัตว์ขนาดใหญ่ยักษ์สูงกว่าตัวเขา
"หนังสืออะไรน่ะ" เฮอร์ไมโอนี่พูดอย่างลืมตัว มัลฟอยหันมามองเธอเล็กน้อย
"หนังสือต้องห้าม" เขาตอบสั้นๆ
"แล้วนายอ่านมันได้ด้วยเหรอ"
เขาโบกมือเพื่อเปิดหนังสือ
"เมอร์ลินสอนวิธีเปิดหนังสือนี่ให้ฉัน"
เขาตอบในขณะที่สายตายังคงจับจ้องอยู่บนหนังสือ
"แต่ไม่ยอมสอนวิธีใช้คาถาพวกนี้ให้" เ
ขาพูดเชิงไม่พอใจ
เฮอร์ไมโอนี่ค่อยๆเดินไปยืนข้างๆเขาเธออ่านคาถาในหนังสืออย่างรวดเร็ว
"นี่มันเป็นคาถาต้องห้ามนะ" เธอร้องเสียงดังแต่สายตายังคงอ่านอยู่อย่างสนใจ
"งั้นเหรอ" มัลฟอยพูดอย่างไม่ใส่ใจ เฮอร์ไมโอนี่มองหน้าเขา
"อย่าบอกนะว่านายจะศึกษาคาถาพวกนี้" เขามองหน้าเธอ
"แล้วเธอจะมาสนใจฉันทำไมกัน เกรนเจอร์" เขาพูดเหมือนประชด
"เธอน่าจะไปสนใจเจ้านั่นมากกว่า"
พูดจบเขาหันไปสนใจกับหนังสือต่อ เฮอร์ไมโอนี่มองเขาอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง
"นายหมายความว่ายังไงมัลฟอย" เขาเม้มปากไม่ตอบจนเธอต้องดึงแขนเขา
"ฉันกำลังพูดอยู่กับนายนะมัลฟอย" เขาหันมามองเธอด้วยท่าทางเหมือนสะกดอารมณ์
"ยังคิดที่จะพูดกับฉันอยู่อีกเหรอ เกรนเจอร์" เขาหยุดแล้วดึงแขนออกจากมือของเธอ
"ไปกระโดดเกาะเจ้านั่นดีกว่า อย่ามายุ่งกับฉัน" เฮอร์ไมโอนี่เบิกตากว้างอย่างตกใจ
"นายเห็น"
"ตาฉันยังดีอยู่เกรนเจอร์" เขาพูดกลับทันที เฮอร์ไมโอนี่หน้าเสีย
"แล้วทีนายยังไปกอดกับผู้หญิงคนนั้นได้เลย" เธอเถียงอุบอิบ
"เขากระโดดเข้ามากอดฉันเอง เธอคิดว่าฉันอยากกอดพวกมักเกิ้ลมากนักหรือไง"
เขาตะเบ็งเสียงกลับอย่างโกรธเคืองเฮอร์ไมโอนี่อ้าปากค้างแต่แววตาดูสลดลง
เธอยืนก้มหน้านิ่งกอดหนังสือไว้กับอกแน่น
"ตั้งแต่มาที่นี่เธอเปลี่ยนไป"
มัลฟอยขมวดคิ้ว
"ฉันน่ะเหรอ น่าจะเป็นเธอมากกว่ามั้งเกรนเจอร์"
พูดได้เพียงแค่นั้นดูเหมือนเสียงของเขาจะหายไปในลำคอเมื่อเห็นน้ำตาของเฮอร์ไมโอนี่หยดลงบนหนังสือที่เธอกอดไว้
"ฉันไม่รู้ว่าเธอคิดยังไงกับฉัน
และฉันก็ไม่รู้ว่าตัวฉันก่อนหน้านั้นคิดยังไงกับเธอ" เด็กสาวเม้มริมฝีปากเล็กน้อย
"แต่เธอตอนที่อยู่กับฉันที่ฮอกวอตส์ดีกับฉันมาก แล้วดูตอนนี้สิ"
เธอเงยหน้าขึ้นมองเขาสายตาเต็มไปด้วยความน้อยใจ
"เธอไม่เคยสนใจฉันเลย"
มัลฟอยหน้าเจื่อนลงเขากัดริมฝีปากตัวเองเบาๆแล้วขยับแขนเหมือนจะโอบกอดเฮอร์ไมโอนี่แต่เธอเดินถอยหลังหนีเขาชะงักมองดูเธอแล้วเบือนหน้าไปจ้องที่หนังสือแทน
"ฉันเคยบอกเธอแล้วไงว่า ฉันทำเพื่อชดเชยที่มีส่วนที่ทำให้เธอเป็นแบบนี้"
เขาขมวดคิ้วเม้มปาก
"ไม่มีอะไรมากกว่านั้น" ประโยคสุดท้ายดูเหมือนจะกัดฟันพูดด้วยเสียงแผ่วเบา
"แล้วอีกอย่าง ฉันคิดว่าในนี้มีอะไรหลายอย่างที่น่าสนใจ"
เขามองไปรอบๆตัวก่อนที่จะมาหยุดสายตาที่เฮอร์ไมโอนี่
"ไม่คิดบ้างหรือว่าเราจะยิ่งใหญ่แค่ไหนถ้าเกิดเราติดอยู่ที่นี่ตลอดไปจริงๆ"
เฮอร์ไมโอนี่มองมัลฟอยอย่างไม่เชื่อสายตา
"เธอคิดแบบนั้นจริงๆหรือมัลฟอย" เขามองกลับด้วยสายตานิ่งชาเย็นแทนคำตอบ
"ก็ดี" เธอพยักหน้าช้าๆ "ฉันหวังว่าในอนาคตคงจะมีรูปเธอในกล่องกบช็อคโกแลตนะ"
เด็กสาวพูดด้วยน้ำเสียงเยาะแกมสมเพช
มัลฟอยมองหน้าเธอนิ่งในแววตาที่เฮอร์ไมโอนี่ไม่เข้าใจ เขาพูดอะไรเบาๆ2-3 คำ
เสียงประตูห้องเลื่อนเปิดออก
"ออกไปได้แล้ว" เขาพูดสั้นๆแล้วหันไปสนใจหนังสือต่อ
เฮอร์ไมโอนี่มองเขาด้วยความรู้สึกน้อยใจลึกๆก่อนจะเดินจากออกมา
เสียงประตูเลื่อนปิดไล่หลังเธอ เด็กสาวหันกลับไปมอง
"เธอคิดแบบนั้นจริงๆหรือ มัลฟอย"
เฮอร์ไมโอนี่ถอนหายใจเบาๆก่อนจะเดินกลับห้องของตัวเอง
มัลฟอยทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้ในห้องของเมอร์ลินอย่างอ่อนแรง
"คำพูดที่พูดออกไปโดยอารมณ์ มักจะทำให้เรามานั่งเสียใจในภายหลังเสมอ"
เสียงพูดเนิบๆอย่างใจดีดังขึ้น
มัลฟอยสะดุ้งเล็กน้อยเขาหันกลับไปมองเมอร์ลินที่กำลังวางหมวกทรงแหลมของเขาไว้บนโต๊ะอย่างตกใจ
"ท่านได้ยิน" เขาพูดเสียงประหม่า พ่อมดชรายิ้มอย่างอ่อนโยนเดินช้าๆมาที่มัลฟอย
"ทำไมไม่พูดความรู้สึกจริงๆออกไปเสียล่ะ เดรโก" มัลฟอยก้มหน้า
"ความรัก" เมอร์ลินส่ายหน้าช้าๆอย่างอ่อนใจ
"ไม่ว่าจะเป็นอัศวินผู้แกร่งกล้า หรือพ่อมดขมังเวทย์ที่เก่งกาจ
ถ้าลงได้มีความรู้สึก "รัก" มักจะตกอยู่ในสภาพเดียวกันหมด"
เขามองดูเด็กชายอย่างเมตตา
"สับสน วุ่นวาย ทุกข์ใจ ดีใจ เสียใจ" มัลฟอยมองเมอร์ลิน
"ฉันไม่เคยเสียใจ" เขาพูดห้วนๆ
เมอร์ลินเลิกคิ้วสูงเด็กชายหน้าแดงเขาเริ่มรู้สึกว่ากำลังถูกพ่อมดผู้สูงวัยนี้ล้อหลอกเขาอยู่
มัลฟอยผุดลุกขึ้นแล้วเดินไปที่หนังสือปกหนัง
"ฉันสนใจแต่พวกเวทมนต์" เขาพยักหน้าไปที่หนังสือ
"ทำไมท่านถึงไม่ยอมสอนให้สักทีเมอร์ลิน" พ่อมดชราเอียงหน้ามองเขาเล็กน้อย
"โรงเรียนในโลกของเธอเขาสอนให้พูดกับผู้เป็นอาจารย์แบบนี้รึ"
มัลฟอยนิ่งเมอร์ลินอมยิ้มเล็กน้อย
"ฉันเคยบอกเธอแล้ว เดรโกว่าคาถาในหนังสือนั่นเป็นคาถาที่รุนแรงมาก
ถ้าผู้ใช้ไม่มีพลังมากพอ อาจถูกดึงพลังชีวิตถึงตาย"
มัลฟอยเบ้หน้าอย่างรำคาญใจเหมือนอยากจะพูดออกมาว่ารู้แล้วน่ะแต่ดูเหมือนเมอร์ลินจะอ่านใจเขาออก
"ฉันจะสอนคาถาง่ายๆสักบท" มัลฟอยทำสีหน้าดีใจ
"เป็นคาถาเรียกของ" เมอร์ลินพูดยิ้มๆมัลฟอยทำหน้าย่น
"คาถาเรียกของ"เขาทวนคำเสียงสูง
"คาถาแบบนั้น่ะฉันทำได้ตั้งแต่ยังไม่เข้าเรียนด้วยซ้ำ"
เขาพูดด้วยน้ำเสียงขุ่นเคืองและรู้สึกเหมือนกำลังถูกเมอร์ลินดูถูกว่าเขาเป็นเด็กเพิ่งหัดเรียน
เมอร์ลินยิ้มน้อยๆ
"ไหนลองแสดงคาถาของเธอให้ฉันดูหน่อย"
มัลฟอยทำสีหน้าไม่พอใจยืนนิ่งเฉยแต่เมื่อถูกสายตาของเมอร์ลินที่มองเขาแน่วนิ่งเด็กชายโบกไม้กายสิทธิ์อย่างไม่เต็มใจ
"หนังสือเอกซิโอ" หนังสือเล่มหนึ่งลอยมาหาเขา
มัลฟอยรับไว้ได้แล้วมองเมอร์ลินด้วยสีหน้ายิ้มย่องแต่ต้องนิ่งลงเมื่อชายชราพูดขึ้น
"คราวนี้ลองเรียกขวดแก้วนี่ดู"
เขาชี้ไปที่ขวดแก้วผลึกทรงสูงข้างๆตัวมัลฟอยมองอย่างเคืองๆเขาชี้ไม้กายสิทธิ์ตรงไปที่ขวดแก้วใบนั้น
"ขวด เอกซิโอ" ขวดแก้วผลึกลอบควับไปที่มือเขาทันที แต่
"เพล้ง"
มัลฟอยรับพลาดเพราะขวดทั้งหนักและลื่น
เมอร์ลินยิ้มบางๆก่อนจะโบกมือเพื่อกำจัดเศษแก้วที่กระจายเกลื่อน
"ข้อจำกัดของคาถาบทนี้" เขาพูดขรึมๆขณะที่หยิบไม้กายสิทธิ์ของเขาเองออกมาชูขึ้นสูง
ดวงตาสีฟ้าเป็นประกายแน่วนิ่ง
"ไคเนซีสลิอาร์มัส"
เขาตวัดไม้กายสิทธิ์ชี้ลงบนโต๊ะหนังสือเล่มหนึ่งปรากฏขึ้นมัลฟอยเพ่งมองอย่างตื่นตกใจ
"นี่มัน หนังสือที่เกรนเจอร์ถือออกไปเมื่อกี้นี่"
เขาเงยหน้าขึ้นมองเมอร์ลินอย่างงุนงงพ่อมดชรายิ้มขณะที่ลดไม้กายสิทธิ์ลง
"คาถาบทนี้ไม่ใช่แค่เรียกของให้ลอยมาหาเรา
แต่เป็นการเรียกสิ่งของไม่ว่าจะอยู่ไกลแค่ไหนให้ข้ามช่วงเวลาขณะหนึ่งให้มาปรากฏอยู่กับเรา"
เมอร์ลินมองดูหน้าเด็กชายซึ่งกำลังทำสีหน้าว่าไม่เข้าใจ
"พูดง่ายๆก็คือมันใช้เรียกของจากที่หนึ่งให้ไปปรากฏอีกที่หนึ่งได้ในพริบตาไม่ว่าของสิ่งนั้นมันจะอยู่ไกลแสนไกลแค่ไหนที่สำคัญ
ถ้าพ่อมดผู้นั้นมีพลังสูงมากๆ อาจใช้เรียกหาคนก็ได้
แต่มันจะเสียพลังทำให้อ่อนเพลียมากๆ คราวนี้เธอคงสนใจขึ้นมาบ้างแล้วซินะ เดรโก"
มัลฟอยหน้าแดงเมื่อถูกเมอร์ลินล้อเลียน
"คาถาแค่นี้เดี๋ยวเดียวก็จำได้แล้ว" เขาพูดหยิ่งๆเมอร์ลินหยุดยิ้ม
"อย่าเพิ่งดูแคลนในสิ่งที่เราไม่รู้จัก เดรโก" ชายชราตักเตือน
"ถ้าเธอเรียนคาถาบทนี้ได้ภายใน 5 วัน
ฉันก็จะยอมสอนคาถาในหนังสือต้องห้ามนั่นหนึ่งบท"
มัลฟอยจ้องชายชราด้วยความไม่พอใจที่เขากำลังพูดด้วยสำเนียงดูถูก
"ท่านเป็นคนพูดเองนะ เมอร์ลิน" เด็กชายกำชับมือกระชับไม้กายสิทธิ์แน่นด้วยความโกรธ
"เริ่มสอนได้เลยฉันพร้อมแล้ว" เมอร์ลินยิ้มบางๆ
"เอาไว้พรุ่งนี้เถอะ เดรโก การเรียน การศึกษามันต้องมีอารมณ์เย็นกว่านี้"
พ่อมดชราโบกมือประตูเลื่อนเปิดออกช้าๆ
"กลับไปพักผ่อนให้สบาย อ้อ ช่วยเอาหนังสือนี่ไปคืนแม่หนูเฮอร์ไมโอนี่ด้วย
ป่านนี้คงเดินหาจนวุ่นแล้ว"
เมอร์ลินส่งหนังสือให้มัลฟอยเขารับมาขยับจะอ้าปากพูดอะไรแต่เมื่อเป็นท่าทางของพ่อมดชราแล้วก็เปลี่ยนใจหมุนตัวเดินออกจากห้องของเขาอย่างเงียบๆ

*** 8 ***


เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกวุ่นวายใจมากเมื่อพบว่าหนังสือที่เธอเอามาจากห้องเมอร์ลินหายไป
เธอจำได้ว่าเธอวางมันไว้บนเตียงก่อนที่จะเข้าห้องน้ำ
และเมื่อเธอออกมาปรากฏว่ามันได้หายไปแล้ว
เด็กสาวดึงผ้าห่มลงจากเตียงรื้อผ้าปูที่นอนก้มลงมองใต้เตียงแล้วถอนหายใจพรืดก่อนกระแทกตัวลงนั่งบนเตียงที่ยับยู่ยี่อย่างหัวเสีย
“ฉันเอามันไปวางไว้ที่ไหนนะ” เธอบ่นกับตัวเองอย่างหงุดหงิดใจ
“ถ้าหายขึ้นมาล่ะก็แย่แน่เลย” เฮอร์ไมโอนี่ลุกขึ้นยืนตั้งท่าจะรื้อห้องหาอีกรอบ
แต่ก็ต้องชะงักเมื่อได้ยินเสียงเคาะประตูเบาๆ
“ใครนะ” เธอขมวดคิ้วบ่นพึมพำแล้วรีบเดินไปเปิดประตู
“มัลฟอย” เขาเลิกคิ้วเล็กน้อย
“จะให้ฉันยืนคุยกับเธออยู่ตรงนี้หรือ เกรนเจอร์”
เฮอร์ไมโอนี่ทำท่าเหมือนนึกขึ้นมาได้
“เข้ามาสิ โอ๊ะ! เดี๋ยวก่อนมัลฟอย” เธอรีบห้ามแต่ช้าไป
มัลฟอยก้าวยาวๆเข้ามาในห้องของเธอ
เขามองไปรอบๆห้องที่ถูกรื้อค้นกระจุยกระจายโดยเฉพาะที่เตียงนอนและโต๊ะหัวเตียงที่ถูกรื้อจนข้าวของกระจัดกระจายไปทั่ว
“เกิดอะไรขึ้น” เขาถามอย่างงงๆเฮอร์ไมโอนี่หน้าแดง
“ฉันกำลังหาของอยู่” เธอพูดอายๆมัลฟอยมองหน้าเธอเหมือนจะพูดว่า ขนาดนี้เลยเหรอ
เขาอมยิ้มเมื่อเห็นเธอพยายามรีบเก็บของให้เข้าที่
“เธอหาอะไรล่ะ” เขาถาม
“หนังสือของท่านเมอร์ลิน” เฮอร์ไมโอนี่ตอบเบาๆ “เล่มที่เพิ่งได้มาวันนี้น่ะ
อยู่ๆมันก็หาย.....”
เธอมองดูมัลฟอยที่ล้วงมือเข้าไปในเสื้อคลุมของเขาแล้วหยิบหนังสือเล่มที่ว่าออกมาถือไว้
“นายหยิบมันไปตั้งแต่เมื่อไหร่” เฮอร์ไมโอนี่ถามอย่างโกรธๆมัลฟอยขมวดคิ้ว
“ฉันจะเข้ามาหยิบมันได้ยังไง เกรนเจอร์
ก็มันอยู่ในห้องของเธอแถมเธอยังปิดประตูลงกลอนอย่างแน่นหนาแบบนั้น”
“นายเป็นพ่อมดนี่ประตูแบบนี้นายร่ายคาถาก็เปิดได้สบายแล้ว” เธอพูดเสียงดัง
มัลฟอยทำหน้าล้อเลียนเธอ
“นั่นสินะฉันลืมไป ขอบใจที่ช่วยชี้ช่องทางให้ เกรนเจอร์”
พูดจบเขาหัวเราะเบาๆด้วยท่าทางยั่วเย้า
เฮอร์ไมโอนี่หน้าแดงก่ำมัลฟอยส่งหนังสือคืนให้เธอ
“เมอร์ลินเป็นคนเรียกมันกลับไป” เขาพูดเรียบๆ
เฮอร์ไมโอนี่รับหนังสือจากเขาพร้อมๆกับมองหน้าอย่างงงๆ
“ทำไม”
“เขาสอนคาถาเรียกของอีกวิธีให้ฉัน”
มัลฟอยตอบขณะที่นั่งลงบนเตียงเด็กสาวทรุดตัวลงนั่งบนเตียงข้างๆเขาอย่างลืมตัว
“มันป็นแบบไหนมัลฟอยเล่าให้ฉันฟังบ้างสิ”
มัลฟอยมองหน้าเฮอร์ไมโอนี่ที่มองเขาอย่างตั้งอกตั้งใจเขานึกขำในใจก่อนจะเริ่มเล่าถึงวิธีการร่ายคาถาที่เมอร์ลินแสดงให้เขาดู
ตลอดจนถึงผลลัพธ์ของมัน เฮอร์ไมโอนี่นั่งฟังอย่างตั้งใจตั้งแต่ต้นจนจบ
“ยอดไปเลย” เธอพึมพำเบาๆด้วยความตื่นเต้น
“ฉันอยากไปเรียนด้วยจริงๆ”
“ก็ไปสิเมอร์ลินคงไม่ว่าอะไรหรอก” มัลฟอยว่าแต่เฮอร์ไมโอนี่ส่ายหน้า
“ฉันยังไม่พร้อม” เธอพูดเศร้าๆ “ตอนนี้ฉันใช้ได้แค่คาถาง่ายๆเท่านั้น”
เธอทำหน้าสลดลง
“คาถาป้องกันตัวง่ายๆฉันยังใช้ได้ไม่ดีด้วยซ้ำตอนนี้”
“ไม่จำเป็นหรอก ถ้าเธอยังมีฉันอยู่ใกล้ๆ”
มัลฟอยชะงักคำพูดเหมือนนึกขึ้นได้แล้วรีบเบือนหน้ไปอีกทาง เฮอร์ไมโอนี่มองเขา
“เธอว่าอะไรนะเมื่อกี้” เก็สาวถามย้ำแต่ใบหน้าเริ่มมีสีเข้มขึ้น
มัลฟอยมีท่าทางอึกอัก
“เปล่า” เขาตอบออกมาในที่สุด
“ไม่มีอะไร” เขาเงยหน้ขึ้นมองเธอนิ่ง
“ทำไมไม่พูดความรู้สึกจริงๆออกไปเสียเลยล่ะ”
เสียงของเมอร์ลินเหมือนจะดังก้องอยู่ในหัวของเขา
มัลฟอยกัดริมฝีปากตัวเองขณะที่มองหน้าเฮอร์ไมโอนี่
เธอมองเขากลับด้วยดวงตาสีน้ำตาลที่เต็มไปด้วยความสงสัย
“เกรนเจอร์” เขาเรียกเธอด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“เธอเคยถามฉันว่าฉันคิดยังไงกับเธอใช่ไหม” เฮอร์ไมโอนี่หน้าแดง
“ใช่” เธออ้อมแอ้มตอบเขาเบาๆมัลฟอยถอนหายใจหนักๆ
“ฉันเองก็อยากรู้ว่าเธอคิดกับฉันยังไง” เขาจ้องหน้าเธอนิ่ง
“ในตอนนี้ เวลานี้” เขาย้ำ เด็กสาวหลบตาลงต่ำ
“ฉัน...”
เธอพูดเบาๆอย่างลังเลแล้วสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อถูกมัลฟอยโอบแขนกอดรอบเอวของเธอ
“ว่าไง” เขาถามพลางกระชับวงแขนดึงร่างของเธอเข้าหาตัวเบาๆ
“ฉันไม่รู้” มัลฟอยชะงักเล็กน้อยเฮอร์ไมโอนี่มองหน้าขึ้นมองเขาตรงๆ
“ฉันเองก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน มัลฟอย แต่ฉันก็ไม่เคยนึกเกลียดเธอเลยนะ”
มัลฟอยอมยิ้มน้อยๆ
“แค่นั้นก็ดีเกินพอแล้ว” เขามองหน้าเด็กสาวแล้วค่อยๆก้มหน้าลงมาที่เธอ
“แล้วเธอล่ะ”
เฮอร์ไมโอนี่ถามได้เพียงแค่นั้นแล้วเงียบเสียงลงเพราะมัลฟอยจูบเธออย่างนุ่มนวลแทนคำตอบ
เด็กสาวหลับตาลงแล้วยกมือขึ้นโอบรอบคอเขาอย่างลืมตัว
มัลฟอยใจเต้นแรงเมื่อได้ยินเสียงครางเบาๆในลำคอของเด็กสาว
เขารู้สึกถึงความร้อนที่แผ่ไปทั่วทั้งตัววงแขนที่โอบกอดเธอกระชับแน่นขึ้น
“เกรนเจอร์” เขาพูดเสียงแผ่วๆเหนือริมฝีปากของเธอ
“ฉัน..” เด็กสาวปรือตาขึ้นฟังอย่างตั้งใจ
มัลฟอยเม้มปากเล็กน้อยก่อนตัดสินใจพูดออกมา
“ฉันรั....”
เขาชะงักทันทีเมื่อมีเสียงเคาะประตูดังขึ้น ทั้งคู่ผละออกจากกันทันทีอย่างตกใจ
มัลฟอยผุดลุกขึ้นยืนอย่างโกรธเคือง เฮอร์ไมโอนี่รีบลุกขึ้นไปเปิดประตู
“แกรนด์ดิโอส” เธอพึมพำอย่างประหลาดใจเขาค้อมศีรษะเป็นเชิงขอโทษ
“เราไปที่ห้องของท่านเดรโกแล้วแต่ไม่อยู่เลยคิดว่าถ้าไม่อยู่กับท่านเมอร์ลินก็คงมาอยู่กับท่าน”
เฮอร์ไมโอนี่ยิ้มเบี่ยงตัวเล็กน้อย
แกรนด์ดิโอสมองเข้าไปเห็นมัลฟอยกำลังยืนหน้าบึ้งตึงอยู่เขาขยับปากเหมือนจะพูดอะไรแต่ก็ต้องชะงักหน้าเริ่มแดง
เฮอร์ไมโอนี่มองตามสายตาเขาแล้วอ้าปากค้างเพราะเขากำลังมองเตียงที่เธอรื้อไว้ยุ่งเหยิงอยู่
“ขอโทษที่เข้ามารบกวนพวกท่าน”
เขาพูดเบาๆใบหน้าสีเข้มขณะที่เหลือบมองมัลฟอยที่กำลังมองกลับมาด้วยสีหน้าที่เหมือนกำลังบอกว่า
ก็ใช่น่ะสิ แต่เฮอร์ไมโอนี่รีบระล่ำระลักพูดออกมาเสียก่อน
“มันไม่ใช่อย่างที่เธอคิดนะแกรนด์ดิโอส” เขามองเธออย่งสงสัย
“ฉันกำลังหาของอยู่ต่างหากแล้วเขาก็เพิ่งเข้ามาช่วยฉันหา”
เธอหน้าแดงก่ำพูดต่อไปไม่ออก แกรนด์ดิโอสยิ้มบางๆ
“ถ้าอย่างนั้นก็ขออภัยด้วย” เขาพูดเบาๆ
“แล้วเธอมีธุระอะไรถึงได้ตามหาพวกฉัน” เฮอร์ไมโอนี่ถาม
“เซอร์ลานสล็อตและเหล่าอัศวินได้กลับมาพร้อมกับชัยชนะ” เขาพูดด้วยน้ำเสียงภาคภูมิ
“ดังนั้นคืนนี้กษัตริย์อาร์เธอร์จะทรงจัดงานเลี้ยงฉลองเพื่อเป็นการต้อนรับและแสดงความยินดีต่อชัยชนะของพวกเราเหล่าอัศวิน”
เขามองหน้าเฮอร์ไมโอนี่และมัลฟอย
“พระองค์ทรงสั่งให้เรามาเชิญท่านทั้งสองคนลงไปร่วมงานฉลองกับพวกเราด้วย
ไม่ทราบว่าท่านทั้งสองจะให้เกียรติ์ไปได้หรือไม่” เฮอร์ไมโอนี่ยิ้มกว้าง
“ด้วยความยินดีเป็นอย่างยิ่งเลย แกรนด์ดิโอส”
อัศวินหนุ่มยิ้มรับ
“ถ้าอย่างนั้นเราจะให้คนนำชุดที่ดีที่สุดมาให้ท่านทั้งสอง
และจะขึ้นมารับพวกท่านเมื่อถึงเวลา”
เขาค้อมศีรษะเล็กน้อยให้มัลฟอยและเฮอร์ไมโอนี่ก่อนจะเดินจากไป มัลฟอยเบ้หน้า
“เฮอะ!ใครจะอยากไปงานแบบนั้นกัน” เฮอร์ไมโอนี่หันขวับมามองทันที
“ฉันไง” เธอพูดห้วนๆ
“ถ้าอย่างนั้นเธอก็ไปคนเดียวนะ ฉันไม่ไป” มัลฟอยทำท่าจะเดินออกจากห้อง
“ก็ดี” เฮอร์ไมโอนี่พูดขึ้น
“ฉันจะได้ไปกับแกรนด์ดิโอส” มัลฟอยชะงักเขาเหลือบตามองเธอ
“เชิญ” เขาพูดสั้นๆก่อนกระแทกเท้าเดินออกจากห้องของเฮอร์ไมโอนี่
เด็กสาวส่ายหน้าอย่างระอาใจมีเสียงเคาะประตูดังขึ้นอีกครั้งเธอรีบเปิดรับ สาวใช้
2-3 คนย่อตัวลงคำนับเธอ
“พวกเรานำเครื่องแต่งตัวมาให้คุณผู้หญิงค่ะ”
เฮอร์ไมโอนี่มองดูชุอกระโปรงยาวแบบราชสำนักอย่างตกตะลึงงัน
“สวยจังเลย” เธอพึมพำเบาๆ
“พวกเราจะช่วยคุณผู้หญิงแต่งตัวค่ะ”
และสาวใช้ทั้งสามก็ช่วยกันลงมือแต่งตัวให้กับเฮอร์ไมโอนี่อย่างรวดเร็ว

มัลฟอยยืนมองเสื้อผ้าบนเตียงอย่างนึกรังเกียจ
“ไม่มีชุดที่ดีกว่านี้อีกแล้วรึไงนะ”
เขาบ่นกับตัวเองแล้วใช้มือปัดชุดออกจากเตียงก่อนนั่งลงอย่างขุ่นเคืองอารมณ์
ดวงตาสีเทาซีดมองตรงไปที่ชุดเครื่องแบบฮอกวอตส์ที่แขวนอยู่อย่างชั่งใจ
สายตาจับจ้องอยู่บนตราอาร์มที่เสื้อคลุมของเขา
“ไม่มีชุดไหนจะดีไปหว่าชุดของสลิธีริน” เขาพูดกับตัวเอง
“ชุดของพ่อมด เครื่องหมายแห่งพ่อมด”


...................................................................................................................................................................................................................................

***9***

เหล่าอัศวินในชุดที่ภูมิฐานนั่งประจำที่รอบโต๊ะอาหารในห้องจัดเลี้ยงขนาดใหญ่ที่หรูหรา
ทุกคนต่างพากันพูดคุยถึงการออกรบกับพวกชนเผ่าเร่ร่อนอย่างออกรส
แม้อัศวินบางคนจะได้รับบาดเจ็บแต่ดูเหมือนเขาจะภาคภูมิใจกับบาดแผลที่ได้รับมาและเป็นสุขเมื่อทุกคนถามไถ่ถึงสาเหตุที่ได้รับบาดเจ็บ
“พวกมันกรูกันเข้ามาทุกทิศ” อัศวินร่างใหญ่พูดเสียงดังขณะที่ขยับแขนที่ถูกพันผ้าไว้
“เราเหวี่ยงดาบไปที่พวกมันคนแล้วคนเล่า
แต่พวกมันก็รุมล้อมเข้ามาเหมือนฝูงหมาจิ้งจอก”
เขายกถ้วยเหล้าขึ้นดื่มเหมือนจะดับอารมณ์ที่กำลังพลุ่งพล่านขณะที่เล่า
“แล้วยังไงต่อท่านเซอร์เพลินอร์” อัศวินผอมหน้าตอบถามเสียงแผ่ว
“แล้วยังไงต่องั้นหรือเซอร์เมลิกรานซ์”เสียงเซอร์เพลินอร์ดังคับห้องโถง
“มันคนหนึ่งฟันเราที่แขนนี่” เขาชูแขนข้าที่เจ็บขึ้น
“แต่เราก็ได้หัวของมันตอบแทน” เขาหัวเราะร่า
ทุกคนต่างหัวเราะตามอย่างยินดีแล้วเงียบลงเมื่อเสียงประตูห้องโถงดังขึ้น
มีเสียงพึมพำเบาๆตามมา
เฮอร์ไมโอนี่ในชุดสุภาพสตรีราชสำนักชั้นสูงสีขาวนวลเปิดไหล่กว้างปักดิ้นสีทองที่ชายกระโปรงเป็นลวดลายระยิบระยับ
ก้าวเดินเข้ามา
เธอหยุดยืนหย่างประหม่าเล็กน้อยเมื่อเห็นสายตาของอัศวินทุกคนจ้องตรงมาที่เธอ
เซอร์ลานสล็อตรีบเดินตรงมาที่เธออย่างเร็ว
ในขณะที่เหล่าอัศวินทุกคนต่างลุกขึ้นยืนต้อนรับเธอพร้อมๆกันอย่างสุภาพ
“เป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ท่านมางานเลี้ยงฉลองของเราเหล่าอัศวิน ท่านเฮอร์ไมโอนี่”
เขาจับมือของเธอแล้วยกขึ้นจุมพิตเบาๆบนหลังมือ
“ท่านดูงามมากในชุดนี้” เขาผายมือเชื้อเชิญอย่างสุภาพ
“เชิญท่านด้านนี้”
เฮอรืไมโอนี่มองแกรนด์ดิโอสเขายิ้มให้เธอแล้วมองไปที่โต๊ะอาหารแถวหลังสุดเป็นเชิงบอกว่าเขานั่งที่นั่น
เซอร์ลานสล็อตมองดูเธอกับแกรนด์ดิโอส
“เขายังไม่ได้รับการแต่งตั้งเป็นอัศวิน”เ
ขาอธิบายอย่างสุภาพขณะที่นำเด็กสาวมาที่ที่นั่ง
“แต่เพราะความสามารถและความกล้าหาญอีกทั้งความซื่อสัตย์จงรักภักดีของเขา
เราคิดว่าอีกไม่นานเขาคงได้มาร่วมโต๊ะอาหารกับพวกเรา”
เซอร์ลานสล็อตเลื่อนเก้าอี้ให้เฮอร์ไมโอนี่นั่ง
เหล่าอัศวินต่างพากันนั่งลงหลังจากที่เด็กสาวได้นั่งประจำที่เรียบร้อยแล้ว
เสียงพูดคุยดังขึ้นอีกครั้งเด็กสาวมองไปรอบๆอย่างตื่นเต้นแกมประหม่า
มีอัศวินหนุ่มๆหลายคนเหลือบตามองมาที่เธออย่างสนใจก่อนจะหันไปคุยกันต่อ
เธอมองไปที่เก้าอี้ใหญ่สองตัวที่ตั้งอยู่หัวโต๊ะและยังว่างอยู่
คงเป็นที่ประทับของกษัตริย์อาร์เธอร์และราชินีกีนีเวียร์ เธอนึกในใจ
ในขณะที่ผั่งด้านขวาอันเป็นด้านตรงข้ามของเธอเป็นที่นั่งของเหล่าอัศวิน
เริ่มต้นตั้งแต่เซอร์ลานสล็อต เซอร์กาแวน เซอร์บาลินและอีกหลายๆคนที่เธอไม่รู้จัก
ทางด้านของเฮอร์ไมโอนี่น่าจะเป็นที่นั่งของสุภาพสตรีชั้นสูงของคาเมลอต
เธอเพิ่งสังเกตุว่ามีที่นั่งว่างอีกสามที่อยู่ข้างๆกษัตนิย์อาร์เธอร์เธอเข้าใจว่าน่าจะเป็นที่นั่งของเมอร์ลิน
มัลฟอย แล้วอีกที่หนึ่งล่ะ
เธอขมวดคิ้วแต่ก็ต้องชะงักเมื่อได้ยินเสียงหระซิบกระซาบแว่วๆมา
“พวกแม่มด”
เฮอร์ไมโอนี่หันไปมองคนที่พูดคือผู้หญิงที่กอดมัลฟอยเธอนึกไม่ชอบหน้าหล่อนขึ้นมาและยิ่งรู้สึกโกรธเมื่อเห็นสายตาดูถูกของผู้หญิงคนนั้นหล่อนหันไปพูดกับเพื่อนหญิงอีกคนแล้วหัวเราะกันด้วยเสียงเยาะหยัน
เฮอร์ไมโอนี่กัดฟันจ้องอย่างโกรธแต่ก่อนที่เธอจะพูดอะไรออกมา
เสียงแตรก็ดังขึ้นพร้อมเสียงพูดก้องไปทั่วห้องโถง
“กษัตริย์อาร์เธอร์ และราชินีกินีเวียร์”
ทุกคนรีบลุกขึ้นยืนพร้อมกับค้อมศีรษะแสดงการคำนับกษัตริย์อาร์เธอร์ พระองค์
นั่งลงอย่างสง่างาม เขาโบกมือเป็นเชิงเชิญให้อัศวินทุกคนนั่งลง
“เชิญท่านอัศวินผู้กล้าหาญทุกท่านตามสบาย”
กษัตริย์อาร์เธอร์ชูแก้วทองคำบรรจุเหล้าขึ้นเป็นการเชื้อเชิญก่อนจะเริ่มลงมือดื่มและพูดคุยกับทุกคน
เฮอร์ไมโอนี่มองที่นั่งที่ว่างใกล้ๆเธออย่างกระวนกระวายใจ
“ขออภัยที่มาช้า”
เสียงนุ่มๆดังขึ้นเมอร์ลินปรากฏกายขึ้นอย่างเงียบงันที่เก้าอี้ของเขาโดยมีมัลฟอยยืนอยู่ข้างๆ
เขาแอบมองเฮอร์ไมโอนี่ด้วยความทึ่งเล็กน้อยก่อนจะปรับสีหน้าให้เฉยชาเหมือนเดิม
กษัตริย์อาร์เธอร์ยิ้มกว้างอย่างดีใจ
“ขอเพียงท่านให้เกียรติมาร่วมงานฉลองนี้กับเราก็พอแล้วท่านเมอร์ลิน”
ชายชรายิ้มเล็กน้อย
“นี่เป็นการแสดงความยินดีเล็กๆน้อยๆจากเราที่มีต่ออัศวินผู้กล้าทุกท่าน”
เขาโบกไม้กายสิทธิ์ขึ้นไปในอากาศมีเสียงปะทุเบาๆสองสามครั้ง
กลีบดอกไม้หลากสีโปรยปรายลงมาพร้อมกับมีละอองสีเงินและสีทองที่ดูระยิบระยับงดงามราวกับดวงดาวในท้องฟ้ายามค่ำคืน
เสียงครางฮืออย่างพึงพอใจดังขึ้นโดยรอบ
กษัตริย์อาร์เธอร์มีท่าทางพอใจมากพระองค์ชูถ้วยทองขึ้น
“แด่ท่านเมอร์ลิน” อัศวินทุกคนต่างชูถ้วยของตัวเองขึ้นแล้วพึมพำพูดตาม
เมอร์ลินยกถ้วยของตัวเองขึ้นรับ
“แด่กษัตริย์อาร์เอร์และเหล่าอัศวินโต๊ะกลม” ทุกคนยกถ้วยขึ้นชูรับ
“แด่กษัตริย์อาร์เธอร์”
แล้วยกถ้วยขึ้นดื่มพร้อมกันเมอร์ลินนั่งลงโดยมีมัลฟอยนั่งข้างๆเขา
เฮอร์ไมโอนี่มองดูชุดที่เขาใส่อยู่อย่างประหลาดใจ
“ทำไมเธอใส่ชุดนี้ล่ะ” เธอกระซิบถามเขาเบาๆมัลฟอยเลิกคิ้ว
“หรือเธออยากให้ฉันใส่ชุดแบบนั้น”
เขาหมายถึงชุดเกร่าอนของอัศวินเฮอร์ไมโอนี่หัวเราะเบาๆเมื่อนึกภาพของมัลฟอยในชุดเกราะอัศวินที่ดูเทอะทะ
เขาเม้มปากหน้าเข้มเมื่อเห็นเธอหัวเราะ
“คงตลกมากล่ะสิ” เขาประชดเฮอร์ไมโอนี่รีบบังคับตัวเอง
“ชุดนี้ก็ดีอยู่แล้ว” เธอพูดมัลฟอยยิ้มนิดๆ
“แน่นอนชุดของสลิธีรินย่อมดีกว่าชุดของพวกมักเกิ้ลเป็นธรรมดา”
เขามองรอบๆตัวของเธอก่อนถาม
“แล้วเจ้าองครักษ์ของเธอล่ะ” เฮอร์ไมโอนี่หยุดยิ้มทันที
“เขาชื่อแกรนด์ดิโอส” มัลฟอยมองเธอเหมือนจะย้อนว่างั้นเรอะ
“เขานั่งอยู่โต๊ะโน้น” เฮอร์ไมโอนี่มองไปที่โต๊ะมุมห้องอีกมุม มัลฟอยยิ้มเหยียดๆ
“มันก็น่าจะเป็นแบบนั้นอยู่แล้ว” เฮอร์ไมโอนี่มองเขาตาวาว
“หมายความว่ายังไงมัลฟอย” เธอพูดเสียงเข้ม
มัลฟอยยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจก่อนจะหันไปคุยกับเมอร์ลินสองสามคำ
เฮอร์ไมโอนี่มองเขาอย่างไม่พอใจก่อนจะหันมาให้ความสนใจกับการแสดงต่างๆของพวกตลกหลวงและนางกำนัลข้าราชสำนัก
งานเลี้ยงดำเนินไปเรื่อยๆจนการรับประทานอาหารสิ้นสุดลง กษัตริย์อาร์เธอร์ลุกขึ้นยืน
พระองค์ยกมือให้ดนตรีหยุดบรรเลง
“เราหวังว่าทุกท่านคงจะพึงพอใจกับอาหารในวันนี้”
พระองค์เว้นระยะเล็กน้อยก่อนจะตรัสต่อไป
“และเพื่อเพิ่มความสมบูรณ์ให้กับงานเลี้ยง เราขอเชิญทุกท่านได้ร่วมออกมาเต้นรำ”
พระองค์ทรงหันไปโค้งให้กับราชินีกีนีเวียร์ พระนางส่งมือให้พระองค์อย่างอ่อนโยน
แล้วทั้งคู่ก็ออกมาเต้นรำที่กลางห้องโถง ท่ามกลางเสียงดนตรีที่ไพเราะ
มีอัศวินหนุ่มหลายคนเดินมาโค้งให้กับสุภาพสตรีที่กำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะของเธอเพื่อขอให้ออกไปเต้นรำกับเขา
“ท่านจะออกไปบ้างก็ได้นะ เดรโก”
เสียงเมอร์ลินพูดเบาๆ มัลฟอยเหลือบมองเฮอร์ไมโอนี่เล็กน้อย
เธอเองก็กำลังแอบมองมาที่เขาอยู่เหมือนกัน
มัลฟอยขยับตัวแต่ต้องชะงักเมื่อเห็นแกรนด์ดิโอสกำลังเดินตรงมาที่เฮอร์ไมโอนี่
เขาโค้งให้เธออย่างสุภาพก่อนจะยื่นมือออกมาเป็นเชิงขอเธอให้ออกไปเต้นรำกับเขา
เฮอร์ไมโอนี่ยิ้มอายๆก่อนจะส่งมือให้เขาแล้วลุกขึ้นเดินออกไป
“ท่านช้าไปนะเดรโก”
เสียงเมอร์ลินเปรยอย่างหยอกเย้า
มัลฟอยกัดฟันแน่นขณะที่มองตามคนทั้งคู่ด้วยสายตาขุ่นเคือง
ยิ่งเป็นเฮอร์ไมโอนี่กำลังพูดคุยด้วยสีหน้ายิ้มแย้มกับแกรนด์ดิโอสด้วยแล้ว
มัลฟอยถึงกับบีบถ้วยทองในมือแน่นราวกับว่าจะให้มันแหลกคามือไป
“ท่านไม่ชอบงานเต้นรำหรือท่านเดรโก” เสียงกษัตริย์อาร์เธอร์ดังขึ้น
พระองค์กำลังยกถ้วยเหล้าขึ้นดื่มหลังจากที่ทรงนั่งลงแล้ว
“หรือยังหาสตรีไม่ถูกใจ” พระองค์ตรัสยิ้มๆ
“ก็ไม่เชิง” มัลฟอยตอบเบาๆกษัตริย์อาเธอร์มองไปรอบๆ
“งั้นเราจะหาให้ท่านสักคน” ยังไม่ทันที่มัลฟอยจะเอ่ยปากปฏิเสธ
“อัลเกรนทีเนียร์” หญิงสาวเงยหน้าขึ้นเมื่อได้ยินเสียงกษัตริย์อาร์เธอร์เรียก
พระองค์หันมาที่มัลฟอย
“นางเป็นบุตรีของเซอร์บาลิน มีความรู้และความงามไม่เป็นรองใคร”
มัลฟอยหันไปมองหญิงสาวแอบแบะปากไม่ให้กษัตริย์อาร์เธอร์เห็น
“หวังว่านางคงได้รับเกียรติ์จากท่าน” พระองค์มองมัลฟอยยิ้มๆ
เมอร์ลินพูดเบาๆพอให้เขาได้ยิน
“ไม่สมควรขัดใจกษัตริย์”
มัลฟอยลุกขึ้นเดินไปที่อัลเกรนทีเนียร์เธอหน้าแดงเล็กน้อย
เขาหยุดยืนตรงหน้าเธอก่อนเหลือบตาขึ้นมองกษัตริย์อาร์เธอร์เมื่อเห็นว่าพระองค์กำลังหันไปสนทนากับราชินีกีนีเวียร์อยู่
“ไปซิ”
เขาพูดห้วนๆและออกเดินนำหน้าอัลเกรนทีเนียร์โดยไม่สนใจจะรับมือที่หญิงสาวยื่นออกมาให้
เธอหน้าแดงแล้วรีบตามเขาอย่างเร็วเมื่อถึงกลางห้องโถงเขาเพียงแตะลำตัวของหญิงสาวพอเป็นพิธี
แต่สายตากลับมองจับจ้องอยู่ที่เฮอร์ไมโอนี่ที่กำลังเต้นรำอยู่กับแกรนด์ดิโอสอย่างเพลิดเพลิน
“มีความสุขจริงนะ”
เขาพูดรอดไรฟันออกมา
อัลเกรนทีเนียร์แอบมองมัลฟอยด้วยใจเต้นระทึกถึงเขาจะดูหยิ่งยะโสจนเธอหมั่นไส้
แต่เมื่อมาอยู่ใกล้ๆเขาแบบนี้แล้วเธอรู้สึกว่าเขาหล่อมาก
ผมสีบรอนซ์ที่ถูกหวีไว้จนเรียบดูดีรับกับใบหน้าที่คมของเขา
มัลฟอยรู้สึกตัวว่าถูกจ้องเขามองอัลเกรนทีเนียร์อย่างไม่พอใจ
“จะจ้องฉันอีกนานไหม” เขาพูดด้วยเสียงรำคาญ
“ก็จนกว่าจะจบเพลง” เธอตอบห้วนๆแต่หน้าเป็นสีเข้ม
มัลฟอยระบายลมหายใจอย่างไม่สบอารมณ์ก่อนจะมองหาเฮอร์ไมโอนี่
“ดูท่านจะไม่สนใจที่จะเต้นรำกับเราเลยนะ”
อัลเกรนทีเนียร์พูดอย่างเหลืออดมัลฟอยหันกลับมามองเธอ
“ใช่” เขาตอบสั้นๆ
“ฉันไม่เคยคิดแม้แต่จะแตะต้องตัวพวกมักเกิ้ลแบบเธอ”
เขาพูดด้วยน้ำเสียงดูถูกอย่างไม่ปิดบัง
ถึงแม้อัลเกรนทีเนียร์จะไม่เข้าใจความหมายของคำว่ามักเกิ้ลแต่เธอก็พอจะรู้ว่ามันหมายความว่าอะไร
โดยสังเกตุจากสำเนียงและท่าทางของมัลฟอยที่แสดงออกถึงการดูถูกทุกครั้งที่พูดคำๆนี้ออกมา
หล่อนเหลือบสายตามองตามมัลฟอยแล้วเหยียดยิ้ม
“ท่านชอบนาง”
มัลฟอยหันกลับมาจ้องมองหล่อนเขม็งทันทีรอยยิ้มเยาะปรากฏขึ้นบนเรียวปากสวย
“แต่ดูเหมือนนางจะไม่สนใจท่านเลยสักนิด”
มัลฟอยหยุดชะงักทันทีเขาบีบต้นแขนของอัลเกรนทีเนียร์อย่างแรง
“อย่ามาแส่เรื่องของฉัน”
เขาคำรามรอดไรฟันด้วยความโกรธ
ดวงตาสีเทาซีดจ้องมองที่ใบหน้าของหญิงสาวอย่างเอาเรื่อง
แต่อัลเกรนทีเนียร์กลับยิ้มอย่างเย็นเยือกหล่อนมองเขากลับด้วยสายตาดูแคลนก่อนสะบัดแขนออกจากมือเขา
“แล้วท่านจะต้องเสียใจท่านเดรโก”
อัลเกรนทีเนียร์จ้องหน้าเขากลับอย่างอาฆาตก่อนจะหมุนตัวเดินกลับไปที่นั่งของตน
มัลฟอยยืนมองตามอย่างไม่พอใจพอดีกับที่เพลงจบลง เขาเดินตรงไปหาเฮอร์ไมโอนี่ทันที
“เกรนเจอร์” เขาเรียกเธอเสียงห้วนแต่ตากลับจ้องไปที่แกรนด์ดิโอสอย่างเอาเรื่อง
ชายหนุ่มมองเฮอร์ไมโอนี่
“ขอคู่ของฉันคืนได้แล้ว”
มัลฟอยพูดเสียงเรียบเย็นขณะที่ใช้มือโอบไหล่ของเฮอร์ไมโอนี่แล้วดึงเข้าหาตัวแต่เธอกลับสบัดตัวออกเบาๆเหลือบตามองเขาอย่างขุ่นเคืองก่อนจะหันไปที่แกรนด์ดิโอส
“ขอบคุณมากนะ” เขายิ้มก่อนจะก้มศีรษะให้อย่างสุภาพ
“เป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้เต้นรำกับท่าน”
เฮอร์ไมโอนี่ได้ยินเสียงมัลฟอยพึมพำเบาๆอยู่ข้างหลังว่า
“เชอะ” หรืออะไรทำนองนั้น
เธอหันกลับมามองด้วยสาวตาขุ่นเขียวก่อนจะสะบัดหน้าตั้งท่าจะเดินกลับไปที่โต๊ะมัลฟอยรั้งแขนเธอเอาไว้
“จะรีบไปไหนกัน” เขาพูดเบาๆเฮอร์ไมโอนี่หันกลับมา
“ไปที่โต๊ะ ฉันเหนื่อยแล้ว”
มัลฟอยยังไม่ยอมปล่อยมือจากแขนของเธอดนตรีเริ่มบรรเลงเพลงใหม่ช้าๆ
“อย่าเพิ่งไป ได้ไหม”
เขาพูดอ้อมแอ้มเบาๆเฮอร์ไมโอนี่มองเขานิ่งค่อยๆคลายท่าทางที่กำลังโมโหลง
มัลฟอยปล่อยมือที่รั้งแขนธอไว้แล้วยื่นออกมาเหมือนขอเธอให้เต้นรำกับเขา
เฮอร์ไมโอนี่มองกิริยาของเขาด้วยใบหน้าสีชมพูก่อนจะยื่นมือของเธอออกไปให้เขาจับ
มัลฟอยดูเหมือนจะยิ้มเขาดึงตัวของเธอเข้ามาใกล้ๆแล้วโอบรอบเอวของเด็กสาวอย่างนุ่มนวล
“ไม่อยากมองหน้าฉันรึไง”
เขาพูดเชิงน้อยใจเมื่อเห็นว่าเฮอร์ไมโอนี่เอาแต่ก้มหน้าตลอดเวลา
เธอหลือบตาขึ้นมองเขาแว่บหนึ่ง
“เปล่า” เธอตอบเบาๆ
“งั้นเงยหน้าขึ้นมาบ้างก็ได้ฉันไม่กัดเธอหรอกน่ะ”
เขาพูดเสียงเหมือนประชดนิดๆขณะที่ก้มลงมองเธอ
“หรือเธอจะมองเฉพาะหน้าของเจ้านั่น” เฮอร์ไมโอนี่เงยหน้าขึ้นทันที
“เขาชื่อแกรนด์ดิโอส ไม่ใช่เจ้านั่น” เธอพูดเสียงห้วนๆมัลฟอยเลิกคิ้วอย่างไม่พอใจ
“ว่าอะไรมันไม่ได้เลยนะ”
“นายอยากจะเต้นรำหรืออยากหาเรื่องทะเลาะกับฉันแน่มัลฟอย”
เฮอร์ไมโอนี่พูดอย่างเหลืออด
“แกรนด์ดิโอสเขาสุภาพกว่าเธอมากเลยนะ เขาไม่เคยว่าใครเลยซักครั้ง”
มัลฟอยหยุดชะงักทันที เขากระชับแขนที่กอดเอวเฮอร์ไมโอนี่แน่นด้วยความโกรธจัด
“งั้นเรอะ” เขาพูดเสียงต่ำๆในลำคอขณะที่จ้องเฮอร์ไมโอนี่เขม็ง
“ถ้างั้นฉันคงต้องทำอะไรบางอย่างให้มันเห็นบ้างซะแล้วมันจะได้เลิกทำตัวสุภาพกับผู้หญิงของฉัน”
เฮอร์ไมโอนี่ตาโต
“นายจะทำอะไรเขามัลฟอย” เขามองเธอด้วยสายตาขุ่น
“ไม่ใช่กับมัน แต่กับเธอ” เด็กสาวหน้าแดง
“นายจะทำอะไร” เธอถามอย่างหวั่นๆ
“จูบเธอ ตรงนี้ เดี๋ยวนี้” เขาตอบแล้วทำท่าจะขยับหน้าลงมาที่เธอ
เฮอร์ไมโอนี่ดันหน้าเขาไว้
“อย่าทำบ้าๆนะมัลฟอย”
“ทำไม” เขาถามสั้นๆเฮอร์ไมโอนี่อึกอัก
“กลัวมันจะรู้ว่าเธอเป็นของฉันใช่ไหม” เขาพูดเยาะๆเด็กสาวหน้าแดงด้วยความโกรธและอาย
“ฉันเป็นอะไรของเธอ พูดให้ดีๆนะมัลฟอย”
มัลฟอยยิ้มอย่างมีเลศนัยแทนคำตอบ
แต่ก่อนที่เฮอร์ไมโอนี่จะได้ถามอะไรต่อเสียงประตูห้องโถงเปิดออกดังสนั่น
ร่างของผู้หญิงที่งดงามแต่ดวงหน้าดุดันเธออยู่ในชุดเสื้อคลุมกำมะหยี่สีม่วงเข้มและก้าวเดินเข้ามาในห้องโถงอย่างผึ่งผายและทรนง
เหล่าอัศวินและทุกๆคนในห้องต่างพากันชะงักและมองก่อนจะทำความเคารพเธอ
หล่อนกวาดสายตาไปทั่วห้องก่อนจะไปหยุดที่กษัตริย์อาร์เธอร์
“ขออภัยที่เรามาช้าน้องรัก”หล่อนกล่าวด้วยน้ำเสียงกังวาล.........

...............................................................................................................................

***10***

นางก้าวตรงไปยังที่กษัตริย์อาร์เธอร์ พระองค์ลุกขึ้นยืนยิ้มรับ
“โอ มอร์การ์นา” พระองค์ตรัสขณะที่ผายมือเชื้อเชิญ
“ขอเพียงท่านมา ไม่ว่าเวลาใดก็มีค่ามากมายสำหรับเรา” มอร์แกน เลอ เฟย์
ยิ้มเหยียดขณะที่นั่งลง
“ขอบใจเราไม่หิว” นางพูดเมื่อคนรับใช้นำอาหารมาให้
“งานเลี้ยงฉลองชัยชนะของน้องรักทั้งทีเราต้องมาให้ได้อยู่แล้ว” มอร์แกน เลอ
เฟย์กวาดตาไปทั่วห้อง
“ท่าทางจะสนุกกันมากนะ”
“มันก็สมควรกับการที่ต้องเหนื่อยมากมากน่ะนะ มอร์การ์นา” เมอร์ลินพูดเรียบๆ มอร์แกน
เลอ เฟย์มองเมอร์ลิน
“ได้ยินมาว่าท่านมีแขกพิเศษมาอาศัยอยู่ด้วยมิใช่หรือเมอร์ลิน”
พ่อมดชรามองไปที่มัลฟอยและเฮอร์ไมโอนี่ที่กำลังเดินมานั่งแทนคำตอบ มอร์แกน
เลอเฟย์มองเด็กทั้งสองด้วยสายตาดูหมิ่นจนมัลฟอยรู้สึกไม่พอใจแต่เฮอร์ไมโอนี่กลับมองนางด้วยสีหน้าทึ่ง
“คุณคือมอร์แกน เลอ เฟย์หรือคะ” เธอถามด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น
“ใช่” นางตอบห้วนๆ
“ยอดเลย” เด็กสาวทำสีหน้าชื่นชม
“คุณเป็นสุดยอดแม่มดเพียงคนเดียวในตำนานประวัติศาสตร์เวทมนตร์เลยนะคะ” มอร์แกน เลอ
เฟย์มองดูเฮอร์ไมโอนี่ด้วยสีหน้าพึงพอใจ
“แม่หนูน้อยคนนี้ใช้ได้เลยนะ” เธอกล่าวชม “อยากมาเรียนเวทมนตร์กับฉันไหมล่ะ
เอ่อ....”
“เฮอร์ไมโอนี่ค่ะ เฮอร์ไมโอนี่ เกรนเจอร์” เธอรีบละล่ำละลักบอกอย่างตื่นเต้น
มัลฟอยมองดูกิริยาของเฮอรืไมโอนี่อย่างรำคาญแกมขำ
“นั่งลงได้แล้วเกรนเจอร์” เขากระซิบแล้วดึงให้เด็กสาวนั่งลง เธอหันมาค้อนเขา
“เธอไม่ตื่นเต้นหรือไงที่ได้เจอกับสุดยอดแม่มดในตำนานอีกคนน่ะ”
มัลฟอยส่ายหน้าอย่างไม่เห็นด้วยมอร์แกน เลอ เฟย์มองกิริยาของมัลฟอยอย่างไม่ชอบใจ
“ท่านเข้าใจหาคนมาสืบทอดอำนาจเวทมนตร์ดีนี่เมอร์ลิน” เธอพูดด้วยเสียงเยาะๆ
“ท่าทางสำอางค์แบบนั้นจะเรียนได้หรือ” ชายชรายิ้มอย่างใจเย็น
“เขาบังเอิญหลงมาเองแล้วอีกอย่างถ้าเขาเรียนจริงๆล่ะก็” เมอร์ลินมองหน้ามอร์แกน เลอ
เฟย์
“เธอคงสู้เขาไม่ได้แน่” หญิงสาวหน้าตึงมองดูมัลฟอยแล้วเบ้ปากเมอร์ลินขยับตัวลุกขึ้น
“เห็นทีว่าเราจะต้องกลับแล้ว"
เขาหันไปพูดกับกษัตริย์อารเธอร์พระองค์รีบลุกขึ้นแต่เมอร์ลินกลับโบกมือ
“เรากลับเองได้ไม่ต้องส่งหรอก”
เขาหันไปทางมัลฟอยซึ่งกำลังขยับตัวลุกขึ้นทันทีเหมือนกัน
เด็กชายหันไปถามเฮอร์ไมโอนี่
“จะกลับด้วยกันไหม”
เธอพยักหน้าพร้อมกับลุกขึ้นแล้วย่อตัวเล็กน้อยคำนับกษัตริย์อาร์เธอร์และราชินีกีนีเวียร์
ทั้งคู่ยิ้มพร้อมกับพยักหน้าให้
ทั้งสามเดินมาเรื่อยๆตามทางเดินเมอร์ลินหยุดยืนที่หน้าห้องของเขาแล้วหันมาที่เด็กทั้งสอง
“ท่านทั้งสองมาจากดินแดนแห่งอนาคตย่อมรู้ถึงเรื่องราวในอดีตดี”
เขามองดูมัลฟอยและเฮอร์ไมโอนี่นิ่งก่อนจะพูดต่อว่า
“บัดนี้ภัยพิบัติได้เข้ามาอยู่ในคาเมลอตนี่แล้ว
เราอยากให้ท่านทั้งสองระมัดระวังตัวให้มากขึ้นอย่าได้ไว้ใจผู้ใดแม้ว่าคนผู้นั้นจะดูอ่อนแอและไร้พิษสง”
เมอร์ลินโบกมือเพื่อเปิดประตูห้อง
“ในวันพรุ่งนี้ขอให้ท่านมาที่นี่ตั้งแต่เช้าตรู่เลยนะท่านเดรโก”
เขาเดินหายเข้าไปในห้องพร้อมเสียงประตูเลื่อนปิดสนิท
“พรุ่งนี้เธอจะมาทำอะไรตั้งแต่เช้าน่ะมัลฟอย”
เฮอร์ไมโอนี่ถามอย่าสงสัยขณะที่เดินไปกับเขาตามทางเดินในปราสาท
“เมอร์ลินจะสอนคาถาให้ฉัน” มัลฟอยตอบ
“น่าอิจฉาจริงๆเลย”
เฮอร์ไมโอนี่พึมพำเบาๆมัลฟอยแอบมองดูเธอด้วยใบหน้าที่มีสีเลือดเล็กน้อย
เฮอร์ไมโอนี่ที่อยู่ในชุดโบราณราชสำนักนี้ดูสวยผิดตาไปมาก
เธอดูอ่อนหวานและดูเป็นสาวขึ้น มัลฟอยนึก
“สวยจัง” เขาพูดออกมาอย่างลืมตัวเฮอร์ไมโอนี่หันมามองเขา
“เธอว่าอะไรนะ”
“เปล่า” เขาปฏิเสธเสียงเบาๆ เด็กสาวมองเขาอย่างระแวงแกมสงสัย
ทั้งคู่เดินไปด้วยกันเงียบๆโดยต่างผ่ายต่างไม่พูดอะไรออกมาเลยจนมัลฟอยรู้สึกอึดอัด
“จะไม่ยอมพูดอะไรกับฉันบ้างเลยหรือ” เฮอร์ไมโอนี่เหลือบมองเขา
“จะให้ฉันพูดเรื่องอะไร”
“คุยอะไรก็ได้” เขาย้อน
“หรือพูดไม่ออกเพราะเสียใจที่เจ้านั่นไม่ได้เป็นคนมาส่ง”
เฮอร์ไมโอนี่หยุดเดินหันมาหาเขาทันที
“ทำไมเธอถึงชอบหาเรื่องว่าแกรนด์ดิโอสเขาเรื่อยนะมัลฟอยฉันไม่เห็นเขาทำอะไรให้เธอเดือดร้อนเลยสักครั้ง”
มัลฟอยจ้องหน้าของเธอเขม็ง
“ที่มันมายุ่งวุ่นวายกับผู้หญิงของฉันนี่ยังไม่เรียกว่าทำให้ฉันเดือดร้อนอีกเรอะเกรนเจอร์”
เขาพูดเสียงดังเฮอร์ไมโอนี่หน้าแดง
“ใครเป็นผู้หญิงของเธอมัลฟอย”
เขาจ้องหน้าเฮอร์ไมโอนี่นิ่งก่อนจะกวาดสายตาไปจนทั่วตัวของเธอแล้วมาหยุดที่ใบหน้าของเธออีกครั้งพร้อมกับยิ้มที่มุมปากอย่างมีเลศนัย
เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกร้อนวูบที่ใบหน้าเมื่อถูกเขามองแบบนั้น
เธออ้าปากเหมือนจะพูดว่าอะไรกับเขาแต่เปลี่ยนใจรีบหมุนตัวเดินออกไปทันที
มัลฟอยมองกิริยาของเธอเหมือนสะใจที่ได้แกล้งยั่วเย้าก่อนจะรีบเดินตามไปอย่างเร็ว
ทั้งคู่มาหยุดยืนที่หน้าห้องของเฮอร์ไมโอนี่เธอเปิดประตูแล้วก้าวเข้าไปทันที
“ไม่คิดจะขอบใจกันเลยหรือไงเกรนเจอร์ที่ฉันอุตส่าห์เดินมาส่งถึงนี่น่ะ”
มัลฟอยพูดเสียงเรียบๆเฮอร์ไมโอนี่ชะงักมองหน้าเขาเธอยังขุ่นใจที่เขาพูดแกล้งเธออยู่
“ฉันไม่ได้ขอร้องนี่” เธอย้อน
มัลฟอยขมวดคิ้วใช้มือดันประตูที่เฮอร์ไมโอนี่กำลังจะปิดไว้
“ว่าไงนะ” เขาพูดเสียงสูง
“ถ้าเป็นเจ้านั่นเธอคงรีบพูดขอบใจมันแทบไม่ทันเลยซินะ”
“ใช่ก็เขาไม่เคยทวงคำขอบคุณจากใครนี่”
เธอย้อนพยายามดันประตูให้ปิด
มัลฟอยออกแรงดันประตูให้เปิดออกแล้วก้าวพรวดเข้าไปอย่าเร็วด้วยอารมณ์โกรธ
เฮอร์ไมโอนี่ถอยหลังออกห่างจากเขาที่กำลังกระแทกประตูให้ปิดอย่างฉุนเฉียวด้วยความตกใจ
เขาหันกลับมาที่เธอแล้วก้าวเท้าเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว
“นายจะทำอะไร”
เธอร้องอย่างตื่นตระหนกและหวาดกลัวกับท่าทางของเขาแล้วขยับตัวจะหลบแต่มัลฟอยคว้าเอวของเธอไว้ได้เขารวบตัวเธอเข้ามาในอ้อมแขน
“ทวงคำขอบคุณไง” เขารัดตัวเธอแน่นขึ้นอีก
“เมื่อไม่ให้กันดีๆก็ต้องบังคับ” เฮอร์ไมโอนี่รีบก้มหน้าหลบอย่างรวดเร็ว
“ว่าไง” มัลฟอยกระซิบเบาๆที่ข้างหูของเธอเด็กสาวใจเต้นระทึก
“คำง่ายๆแค่นี้พูดไม่ได้หรือไง”
เขาเลื่อนจมูกมาแตะที่แก้มของเธอเบาๆเฮอร์ไมโอนี่รีบเบี่ยงหน้าหลบแล้วใช้มือดันไหล่เขา
“ก็ได้” เธอพูดอ้อมแอ้ม
“ขอบใจนะมัลฟอย” เธอเงยหน้าขึ้นมองมัลฟอย
เขากำลังจ้องดูเธอด้วยสายตาแปลกๆจนเธอใจเต้น
“ฉันพูดแล้วนะปล่อยฉันได้แล้ว”
เด็กสาวเริ่มออกแรงดันไหล่มัลฟอยแต่เขากลับกระชับอ้อมแขนแน่น
“ไม่ทันแล้วเกรนเจอร์”
เขาพูดเบาๆก่อนจะก้มหน้าลงแล้วใช้มือจับคางเฮอร์ไมโอนี่ไว้เพื่อไม่ให้เธอก้มหน้าหลบก่อนจะค่อยๆบรรจงจูบลงบนริมฝีปากของเธออย่างนุ่มนวล
เฮอร์ไมโอนี่พยายามออกแรงดันไหล่เขาออกแต่ความรู้สึกลึกๆข้างในกลับห้ามตัวเองไว้
เธอค่อยๆเลื่อนมือทั้งสองข้างขึ้นโอบรอบคอของเขาแทน
มัลฟอยรู้สึกใจเต้นกับปฏิกิริยาของเธอ เขาถอนใบหน้าออกมาจ้องมองเด็กสาว
“เกรนเจอร์” เขาพูดเสียงแผ่วเฮอร์ไมโอนี่ปรือตาขึ้นมอง
“เธอเป็นผู้หญิงของฉันนะ”
เขาพูดเบาๆเลื่อนมือไปที่ไหล่ของเธอแล้วกระชับอย่างหวงแหนเด็กสาวหลับตาลง
มัลฟอยมองดูเธอด้วยใบหน้าสีเข้มแล้วพูดพึมพำ
“เป็นของฉันคนเดียว” เขาก้มลงจูบเธออีกครั้งคราวนี้เฮอร์ไมโอนี่สะดุ้งเบาๆ
เธอรู้สึกถึงความอบอุ่นที่ส่งผ่านเข้ามาในปาก
เด็กสาวกอดคอเขาแน่นขณะที่เริ่มขยับริมฝีปากตอบรับอย่างลืมตัว
มือของมัลฟอยค่อยๆเลื่อนไปที่เอวของเธอแล้วคลายปมผ้าที่รัดเอวของเธอออกมันเลื่อนหลุดลงไปกองอยู่ที่พื้น
เขาเลื่อนมือไปที่หลังของเฮอร์ไมโอนี่ดึงสายเชือกที่รัดเสื้อของเธอทำให้ชุดของเด็กสาวคลายตัวออก
มัลฟอยช้อนร่างที่อ่อนระทวยของเฮอร์ไมโอนี่ขึ้นไปนอนบนเตียงอย่างนุ่มนวลแล้วเคลื่อนตัวตามลงไปมือที่โอบเอวอยู่ค่อยๆขยับลูบไล้ไปตามลำตัว
ริมฝีปากที่กำลังจูบเธอเลื่อนไปตามซอกคอแล้วไล้ไปเรื่อยๆขณะที่มือของเขาค่อยๆขยับเลื่อนสูงขึ้น
เฮอร์ไมโอนีหอบหายใจถี่กระชั้นทรวงอกไหวกระเพื่อมตามจังหวะ
ขณะที่มัลฟอยกำลังจะฝังหน้าของเขาลงไปที่อกอิ่มนั้น
ก๊อก ๆ ๆ
เสียงเคาะประตูดังขึ้นพร้อมเสียงเรียกชื่อเฮอร์ไมโอนี่เบาๆเหมือนเกรงใจ
มัลฟอยยกศีรษะขึ้นอย่างรวดเร็ว เขามองดูเฮอร์ไมดอนี่ที่มีสีหน้าตกใจในอ้อมแขน
“ฉันจะสาปมันให้กลายเป็นแมงมุมเดี๋ยวนี้เลย”
มัลฟอยกัดฟันพูดอย่างโกรธเคืองแล้วลุกขึ้นอย่างรวดเร็วเฮอรไมโอนี่รีบลุกตาม
“อย่าทำอะไรเขานะมัลฟอย”
เธอร้องห้ามเสียงหลงแล้วรีบผลุนผลันไปที่ประตูเปิดมันออกครึ่งหนึ่งอย่างลังเลด้วยความกลัวว่ามัลฟอยจะทำอย่างที่เขาพูดจริงๆ
เธอเหลือบมองดูเขาแล้วถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อเห็นเขากระแทกตัวลงนั่งบนเตียงอย่างระบายอารมณ์
“แกรนด์ดิโอส”
เธอเอ่ยชื่อเรียกชายหนุ่มเบาๆเขาค้อมศีรษะเล็กน้อยรับแล้วส่งวัตถุสีเขียวเหลือบเงินให้กับเฮอร์ไมโอนี่
“ที่ติดผมของฉัน” เธอเอื้อมมือขึ้นจับผมของตัวเอง
“มันตกอยู่บนพื้นในห้องงานเลี้ยง” แกรนด์ดิโอสตอบเสียงนุ่ม
“เราเคยเห็นท่านติดมันอยู่ตลอดเวลาเลยรีบนำมาคืนให้”
เขามองหน้าเฮอร์ไมโอนี่อย่างสงสัย
“ท่านไม่สบายหรือเปล่าดูเหมือนหน้าของท่านจะแดงมากเลยนะ”
เด็กสาวสะดุ้งเล็กน้อยเธอยกมือขึ้นมาจับใบหน้าของตัวเองอย่างประหม่า
แกรนด์ดิโอสมองดูเธอนิ่งอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะค่อยๆขยับมือเข้าไปหาเฮอร์ไมโอนี่
มีเสียงกระแอมเบาๆดังมาจากข้างหลังเธอ
เขามองข้ามไหล่เด็กสาวเห็นมัลฟอยกำลังนั่งอยู่บนเตียงของเฮอร์ไมโอนี่ในมือของเขากำลังชูผ้ารัดเอวของเฮอรืไมโอนี่เหมือนจงใจจะให้เขาเห็นมันชัดๆแกรนด์ดิโอสชะงักมือ
“เอ้อ”
เขามีท่าทางอึกอักจนเฮอร์ไมโอนี่มองอย่างสงสัยแล้วรีบหันไปมองมัลฟอยอย่างนึกขึ้นได้
เธอหน้าแดงทันทีที่เห็นเขากำลังวางผ้ารัดเอวของเธอลงบนเตียง
“คิดว่าคราวนี้เราคงมารบกวนพวกท่านจริงๆ” แกรนด์ดิโอสพูดเสียงแผ่ว
เฮอร์ไมโอนี่รีบหันหน้ากลับมาเพื่อจะปฏิเสธแต่เขาเดินออกไปเสียแล้วเธอปิดประตูอย่างโมโหแล้วหันไปมองมัลฟอยด้วยสายตาขุ่นเขียว
“นายทำแบบนี้ทำไม” เธอถามเขาห้วนมัลฟอยเหยียดยิ้ม
“ฉันก็แค่อยากให้มันรู้ว่าอย่ามาวุ่นวายกับผู้หญิงของฉันให้มากเท่านั้น”
เขายักไหล่แล้วเอนตัวลงครึ่งนั่งครึ่งนอนพลางตบลงบนที่นอนเบาๆเป็นเชิงเรียกเธอ
เฮอร์ไมโอนี่ตอนนี้หน้าแดงก่ำทั้งโกรธทั้งอายอย่างที่สุด
“นายกลับไปห้องของนายได้แล้วมัลฟอย" เธอตะโกนมัลฟอยเลิกคิ้ว
“แล้วกันซิ” เขาพูดเสียงล้อเลียนเธอ
“ฉันชักไม่อยากกลับเสียแล้วเตียงของเธอมันนุ่มสบายน่านอนกว่าของฉันตั้งเยอะ”
เขาหลิ่วตาเล็กน้อย
“ทั้งนุ่มทั้งหอม” เฮอร์ไมโอนี่ตัวสั่นด้วยความโกรธ
“ก็ได้ นายอยู่ ฉันไป” เธอสะบัดหน้าใส่เขาแล้วเดินไปทำท่าจะเปิดประตู
“เพ็ตทริพิคัส โททารัส”
เฮอร์ไมโอนี่สะดุ้งสุดตัวล้มตึงลงไปทันทีมัลฟอยเก็บไม้กายสิทธิ์แล้วเดินมานั่งข้างๆเธอ
“อยู่นิ่งๆแบบนี้ก็ดีเหมือนกันนะเกรนเจอร์”
เขามองดูเฮอร์ไมโอนี่ที่กำลังส่งสายตาขุ่นเขียวมาที่เขาอย่างขำๆ
“นี่ขนาดทำอะไรฉันไม่ได้นะเนี่ย”
เขาอุ้มเธอขึ้นแล้ววางลงบนเตียงอย่างนุ่มนวลพลางนั่งลงข้างๆเธอ
เฮอร์ไมโอนี่มองดูเขาด้วยสายตาหวาดระแวงจนเขาต้องหัวเราะออกมาเบาๆ
“ฉันไม่ทำอะไรเธอหรอกน่าเกรนเจอร์” เขาพูดกลั้วหัวเราะ
“ถ้าฉันจะทำฉันชอบแบบที่ดิ้นไปดิ้นมาได้มากกว่านอนนิ่งๆแบบนี้
มันได้อารมณ์กว่ากันเยอะ” เขาหยุดพูดแล้วมองหน้าเธอนิ่ง
“เกรนเจอร์” เขาพูดขึ้นด้วยเสียงขรึมๆ
“ฉันจะต้องไปเรียนคาถากับเมอร์ลินหลายวันคงไม่มีเวลามาดูแลเธอ”
เขาลูบผมของเด็กสาวเบาๆ
“ดูแลตัวเองให้ดีๆล่ะ”
เขาก้มลงจูบหน้าผากของเฮอร์ไมโอนี่เบาๆก่อนจะคลายคาถาให้แล้วลุกขึ้นเดินไปที่ประตู
เขามองเฮอร์ไมโอนี่ที่กำลังลุกขึ้นนั่งมองมายังเขาเช่นกันพลางถอนหายใจเบาๆก่อนจะเปิดประตูแล้วเดินออกจากห้องไป
เฮอร์ไมโอนี่มองดูเขาด้วยความรู้สึกแปลกๆที่ก่อตัวขึ้นในใจ
ความรู้สึกเหมือนเธอได้ค้นพบอะไรบางอย่างที่เธอหลงลืมมันไป เมื่อนานมาแล้ว

.......................................................................................................................


**11**

เฮอร์ไมโอนี่ตื่นขึ้นมาในตอนเช้า
เธอหอบหนังสือเล่มใหม่ของเมอร์ลินเตรียมตัวจะลงไปอ่านที่ริมแม่น้ำเหมือนเคย
หลังจากรับประทานอาหารเช้าเสร็จเรียบร้อยแล้ว
เมื่อเธอเปิดประตูออกก็ต้องแปลกใจที่เห็นแกรนด์ดิโอสกำลังยืนเหมือนกับรีรออยู่หน้าห้องของเธอ
“แกรนด์ดิโอส” เธอเรียกเขาอย่างประหลาดใจในท่าทางของเขา
ชายหนุ่มยิ้มอย่างประหม่าขณะที่แอบมองชำเลืองตามองข้ามไหล่เธอเข้าไปในห้อง
เฮอร์ไมโอนี่เข้าใจกิริยานั้นในทันที
“เขาไม่อยู่หรอก” เธอพูดอายๆ
“มันไม่ใช่อย่างที่เธอคิดหรอกนะ” เธออธิบายด้วยใบหน้าสีชมพู
“เขาแค่มาส่งแล้วเราก็ทะเลาะกันนิดหน่อยเหมือนทุกครั้งน่ะแหละ”
เมื่อพูดถึงตรงนี้เฮอร์ไมโอนี่ก็หน้าแดงขึ้นมาเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืน
“มันไม่มีอะไรจริงๆ”
คราวนี้เธอพูดเสียงเบาลงเล็กน้อยแกรนด์ดิโอสแอบชำเลืองมองดูกิริยาของเด็กสาวแต่ไม่พูดอะไร
ทั้งคู่เดินออกมาจากปราสาทจนถึงริมแม่น้ำที่เฮอร์ไมโอนี่ชอบมานั่งเสมอเวลาที่เธออ่านหนังสือ
เด็กสาวนั่งลงแล้วเปิดหนังสือออกอ่านทันทีอย่างสนใจ
แกรนด์ดิโอสนั่งมองดูเธออยูอย่างเงียบๆจนกระทั่งเฮอร์ไมนี่เงยหน้าขึ้นเหมือนกับจะพักสายตา
เธอหันมาทางเขาแล้วยิ้ม
“ขอโทษด้วยที่ทำให้เธอต้องมานั่งเบื่อรออยู่แบบนี้” เขาส่ายหน้า
“เราไม่เคยรู้สึกเบื่อเมื่อเวลาอยู่กับท่าน” เขาพูดยิ้มๆ
“รู้สึกดีด้วยซ้ำที่ได้นั่งมองดูท่านอยู่แบบนี้”
เฮอร์ไมโอนี่ยิ้มอายๆกับคำพูดที่ออกจะดูแปลกๆไปของแกรนด์ดิโอสเธอรีบหันหน้าออกไปมองที่แม่น้ำแทน
มีเสียงม้าร้องดังมาไกลๆ เฮอร์ไมโอนี่มองดูอย่างสนใจ
“พวกเขาออกไปล่าสัตว์กัน” แกรนด์ดิโอสอธิบายเมื่อเห็นอัศวิน 5-6
คนกำลังขี่ม้าออกจากปราสาท “ฉันไม่เคยเห็นการล่าสัตว์มาก่อน”
เฮอร์ไมโอนี่พูดเสียงตื่นเต้น
“ฉันหมายถึงวิธีแบบโบราณน่ะ”
เธอรีบแก้ตัวเมื่อเห็นสายตาที่มองมาอย่างประหลาดใจของแกรนด์ดิโอส
“ท่านอยากจะตามไปดูไหม” เขาถามแต่เฮอร์ไมโอนี่สายหน้า
“ฉันสงสารพวกสัตว์ที่ถูกยิงพวกนั้น” เธอพูด
“แต่ฉันอยากลองขี่ม้าดูนะ มันดูน่าสนุกดี” แกรนด์ดิโอสยิ้มกว้าง
“ถ้าท่านต้องการจะลองดูก็ได้นะ”
เขารีบลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็วจนเฮอร์ไมโอนี่รีบเก็บหนังสือแล้วลุกขึ้นตามแทบไม่ทัน
แกรนด์ดิโอสพาเธอเดินมาหยุดยืนที่บริเวณหน้าปราสาท
“ท่านโปรดรออยู่ตรงนี้สักครู่ เราจะไปนำม้ามาให้”
พูดจบเขาก็รีบเดินอ้อมไปด้านหลังอย่างรวดเร็ว เฮอร์ไมโอนี่ยืนรอเขาอย่างตื่นเต้น
“ท่านมายืนทำอะไรอยู่ตรงนี้รึ สาวน้อย”
เสียงกังวานดังขึ้นด้านหลังเธอหันกลับไปมองอย่างตกใจแล้วรีบย่อตัวคำนับเมื่อเห็นว่าผู้พูดเป็นใคร
“ท่านมอร์แกน เลอ เฟย์” นางผงกศีรษะรับอย่างไว้ตัว
“ฉันมารอแกรนด์ดิโอสค่ะ เขาจะสอนการขี่ม้าให้” เธอตอบอย่าวเร็ว มอร์แกน เลอ
เฟย์พยักหน้าน้อยๆเป็นเชิงรับรู้
“แล้วเพื่อนของท่านไม่มาด้วยกันหรือ”
นางถามเมื่อมองดูจนทั่วแล้วเห็นแต่เพียงเฮอร์ไมโอนี่ยืนอยู่คนเดียว
“เขาเรียนคาถาอยู่กับท่านเมอร์ลินค่ะ” เธออธิบาย มอร์แกน เลอ
เฟย์จ้องหน้าเฮอร์ไมโอนี่เขม็งและดูเหมือนกำลังจะพูดอะไรออกมา
เสียงฝีเท้าม้าเดินเข้ามาใกล้ๆเฮอร์ไมโอนี่หันไปมอง
แกรนด์ดิโอสกำลังจูงม้าสีขาวสะอาดตัวใหญ่เข้ามาหาเธอ
“ต้องขออภัยที่มาช้า” แกรนด์ดิโอสพูดขึ้น
“ม้าตัวอื่นถูกใช้ออกไปล่าสัตว์ บางตัวก็เหนื่อยมาจากสงคราม
เหลือตัวนี้เพียงตัวเดียว” เขาตบแผงคอม้าแสนสวยตัวนั้นเบาๆมันร้องในลำคออย่างพอใจ
เฮอร์ไมโอนี่ยิ้มแล้วหันกลับไปทางมอร์แกน เลอ เฟย์แต่นางไม่ได้อยู่ที่ตรงนั้นแล้ว
เธอขมวดคิ้วอย่างงงัน
“มีอะไรหรือท่านเฮอร์ไมโอนี่” แกรนด์ดิโอสถามเบาๆอย่างสงสัย
“ไม่มีอะไรหรอก” เธอรีบปฏิเสธ
“จะไปกันหรือยังล่ะ” แกรนดด์ดิโอสพยักหน้าเขาบังคับม้าให้ยืนนิ่งๆ
“ท่านต้องเหยียบตรงนี้ก่อนแล้วค่อยๆพยุงตัวขึ้นไป”
เขาชี้มือไปที่บังโกลนตรงข้างๆลำตัวของม้า
เฮอร์ไมโอนี่เหยียบแล้วพยายามดันตัวขึ้นแต่ชายกระโปรงที่ยาวรุ่มร่ามทำให้เธอสะดุดลื่นหลุดจากบังโกลน
“ระวัง!” แกรนด์ดิโอสร้องอย่างตกใจ
เขารีบรับร่างของเฮอร์ไมโอนี่ที่หงายหลังตกลงมาได้ทันทั้งคู่ล้มลงบนพื้นหญ้า
“ไม่เป็นอะไรใช่ไหมท่านเฮอร์ไมโอนี่”
ชายหนุ่มถามเฮอร์ไมโอนี่พยักหน้าแล้วขยับตัวลุกขึ้นแต่ต้องหน้าแดงก่ำทันทีเมื่อเธอพบว่ากำลันอนอยู่บนตัวของแกรนด์ดิโอส
“ขอโทษ”
เธอรีบลุกขึ้นอย่างรวดเร็วแล้วหันหน้าไปอีกด้านอย่างเขินอายแกรนด์ดิโอสเองก็มีอาการไม่ต่างไปจากเด็กสาวเท่าใดนัก
“ไม่เป็นไร” เขาพูดอ้อมแอ้มหน้าเป็นสีเข้มทั้งคู่ยืนนิ่งอยู่สักพัก

“เอ้อ” เฮอร์ไมโอนี่พูดขึ้นเบาๆ “ให้ฉันลองอีกครั้งได้ไหม”
แกรนด์ดิโอสยิ้มแล้วพยักหน้าเขาดึงม้าให้อยู่นิ่งที่สุด
เฮอร์ไมโอนี่ยกชายกระโปรงขึ้นเล็กน้อยก่อนจะเหยียบบังโกลนม้าแล้วเหวี่ยงตัวขึ้นไปนั่งได้สำเร็จ
เธอหันมายิ้มกับแกรนด์ดิโอสอย่างดีใจเขาเหวี่ยงตัวขึ้นไปนั่งอยู่ด้านหลังของเฮอร์ไมโอนี่
“ทีนี้” เขาดึงสายบังเหียนม้าเบาๆ
“เราจะให้มันไปทางไหนก็อยู่ที่การดึงสายบังเหียนนี่”
เขาสะบัดเบาๆเจ้าม้าสีขาวเดินออกไปทันที
เฮอร์ไมโอนี่ร้องอย่างตื่นเต้นเธอพยายามจดจำวิธีการบังคับม้าได้อย่างรวดเร็ว
“ขอฉันบังคับมันบ้างได้ไหม”
“ได้ซิ”
แกรนด์ดิโอสให้เฮอร์ไมโอนี่จับสายบังเหียนควบคุมม้าโดยที่เขายังคงช่วยบังคับอยู่ด้วย
เขาค่อยๆปล่อยมือเพื่อให้เฮอร์ไมโอนี่ได้บังคับม้าเองอยู่พักใหญ่เธอเผลอตัวกระตุกสายบังเหียนแรงไปเล็กน้อย
เจ้าม้าสีขาวเริ่มออกวิ่งอย่างรวดเร็วจนเธอตกใจ
“อย่าปล่อยสายบังเหียนนะ”
แกรนด์ดิโอสกระซิบข้างหูของเธอขณะที่มือข้างหนึ่งกำลังโอบรอบเอวเด็กสาวอย่างลืมตัว
ส่วนมืออีกข้างค่อยๆช่วยเฮอร์ไมโอนี่ดึงสายบังเหียนเพื่อบังคับม้าให้หยุด
“ไม่เป็นไรใช่ไหม”
เขาก้มหน้าลงถามเธอเบาๆเด็กสาวพยักหน้าเธอมองไปรอบๆตัวที่เป็นทุ่งโล่งกว้างและเต็มไปด้วยดอกไม้หลากสีละลานตา
“สวยจัง” เฮอร์ไมโอนี่พึมพำ
“ท่านจะลงไปเดินเล่นก็ได้นะ”
แกรนด์ดิโอสพูดเขาลงจากหลังม้าและยื่นมือออกไปรับเฮอร์ไมโอนี่ที่ค่อยๆงจากม้าอย่างระมัดระวัง
“ปรกติแล้วที่นี่เป็นแค่ทุ่งโล่งๆเท่านั้นแต่เมื่อหลายวันก่อนมีพายุฝนเลยทำให้พวกดอกไม้ออกดอกกันเต็มไปหมดแบบนี้”
แกรนด์ดิโอสอธิบาย เฮอร์ไมโอนี่เดินดูอย่างสบายใจเธอนั่งลงเก็บดอกไม้สีเหลืองเล็กๆ
2-3 ดอก
“อยากให้เขามาด้วยจัง”
เธอพูดกับตัวเองเบาๆแกรนด์ดิโอสที่กำลังลูบแผงคอม้าอยู่หันมามองเฮอร์ไมโอนี่ที่กำลังยืยถือช่อดอกไม้มองดูธรรมชาติรอบๆตัวด้วยท่าทางสดชื่น
สายลมที่พัดเบาๆทำให้ผมที่หยิกสลวยของเธอพริ้วไสว
เขาชะงักมือค้างมองอย่างลืมตัวจนเฮอร์ไมโอนี่หันมาทางเขา
“เรากลับกันเถอะแกรนด์ดิโอส” ชายหนุ่มสะดุ้งเล็กน้อย
“เอ้อ....ครับ” เขารับคำอ้อมแอ้มด้วยใบหน้าสีเข้มจางๆ เฮอร์ไมโอนี่มองดูเขาอย่างงงๆ
“เธอไม่สบายหรือเปล่าดูสีหน้าเธอไม่ค่อยดีเลยนี่” เขารีบหันหน้าหลบ
“เปล่า...คือคงเพราะอากาศร้อน” แกรนด์ดิโอสรีบแก้ตัวเฮอร์ไมโอนี่ขมวดคิ้ว
“ฉันว่าอากาศตอนนี้กำลังเย็นสบายดีออก เธอต้องไม่สบายแน่ๆเลย”
“เรารีบกลับกันดีกว่า” แกรนด์ดิโอสรีบตัดบทอย่างรวดเร็ว
มัลฟอยเดินกลับห้องนอนของตัวเองอย่างหมดแรง
เพียงแค่วันแรกของการเรียนกับเมอร์ลินเขาพบว่าคาถาโบราณนั้นยากกว่าที่คิดมาก
อีกทั้งเมอร์ลินเองก็เข้มงวดอย่างที่สุด
มัลฟอยเสยผมที่ยุ่งๆของเขาออกไปให้พ้นตาก่อนจะเอื้อมมือไปที่ประตู
เขาขมวดคิ้วอย่างสงสัยเมื่อเห็นดอกไม้เล็กๆสีเหลือง 2-3
ดอกเสียบไว้ที่ช่องประตูห้องของเขา
เด็กชายดึงมันขึ้นมาพิจารณาก่อนจะยิ้มบางๆราวกับว่าความหน็ดเหนื่อยที่มีอยู่ดูกเจ้าดอกไม้เล็กๆนั่นปัดเป่าไปจนหมด
เขานั่งลงบนเตียงของเขามองดอกไม้ในมือก่อนจะวางมันบนหัวเตียงอย่างทะนุถนอมแล้วเอนตัวนอนลงอย่างสบายใจ
“ราตรีสวัสดิ์ ยายหัวฟู” เขาพึมพำเบาๆก่อนจะปิดเปลือกตาลง

...................................................................................................................................................................

**12**


ในวันต่อมาเฮอร์ไมโอนี่ดีใจมากที่ได้ขี่ม้าด้วยตัวเองคนเดียวเพราะแกรนด์ดิโอสจัดการหาม้าได้สองตัว
ทั้งคู่ออกไปที่ทุ่งกว้างอีกครั้ง
“ฉันจะลองบังคับให้มันวิ่งได้ไหม แกรนด์ดิโอส” เขาพยักหน้า
“แต่อย่าให้เร็วนักนะท่านเฮอร์ไมโอนี่มันอันตราย”
เขาบังคับให้ม้าของเขาวิ่งเหยาะๆตามม้าของเฮอร์ไมโอนี่
“อย่าให้มันเร็วมากนักท่านเฮอร์ไมโอนี่”
เขาร้องเตือนเด็กสาวเมื่อเห็นว่าเฮอร์ไมโอนี่เริ่มบังคับม้าของเธอให้วิ่งเร็วขึ้น
เด็กสาวหันหน้ามาทางเขาอย่างตื่นตระหนก
“ฉันบังคับมันไม่อยู่ทำยังไงดีแกรนด์ดิโอส”
ถึงตอนนี้ม้าของเฮอร์ไมโอนี่วิ่งตะบึงไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว
เธอพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อจะให้มันหยุดแต่ดูเหมือนจะไม่เป็นผล
แกรนด์ดิโอสรีบควบม้าไล่ตาม
“เกาะไว้แน่นๆท่านเฮอร์ไมโอนี่”
เขาร้องตะโกนแล้วจู่ๆม้าของเฮอร์ไมโอนี่ก็หยุดชะงักเหมือนตกใจกับอะไรบางอย่าง
มันยกสองขาหน้าขึ้นก่อนจะร้องอย่างตื่นๆร่างของเฮอร์ไมโอนี่ร่วงตกลงกระแทกพื้นทันที
แกรนด์ดิโอสรีบกระโดดลงจากหลังม้าทันทีที่ตามมาทัน
“เฮอร์ไมโอนี่”
เขาร้องเรียกเด็กสาวอย่างตกใจก่อนจะรีบประคองร่างที่อ่อนปวกเปียกของเธอกลับปราสาทอย่างรวดเร็ว
เฮอร์ไมโอนี่ลืมตาขึ้นเธอรู้สึกปวดร้าวไปทั้งตัวจนกระทั่งต้องร้องครางออกมาเบาๆ
“อย่าขยับ ท่านได้รับบาดเจ็บที่ขา ท่านเฮอร์ไมโอนี่”
เสียงทุ้มนุ่มดังขึ้นใกล้ๆเฮอร์ไมโอนี่เหลือบตามอง
“แกรนด์ดิโอส”
เธอเรียกชายหนุ่มเบาๆขณะขยับตัวเล็กน้อยแล้วนิ่วหน้าทันทีด้วยความเจ็บ
เธอมองดูขาที่ผ้าพันไว้จนหนา
“กระดูกไม่หักแต่ก็ไม่สมควรที่จะเดินไปอีกหลายวัน”
เสียงชายวัยกลางคนพูดแทรกขึ้นมาเขากำลังเก็บเครื่องมือลงกระเป๋าของเขา
“แล้วนี่ท่านเดรโกรู้แล้วหรือยัง” เขาหันมาถามแกรนด์ดิโอส
“ยัง” เขาตอบสั้นๆ
“แต่เราตั้งใจว่าจะไปบอกเมื่อท่านเฮอร์ไมโอนี่ฟื้นแล้ว”
ชายกลางคนพยักหน้าเขาหยิบกระเป๋าก่อนจะหันมาโค้งเล็กน้อยให้กับเฮอร์ไมโอนี่
“เราจะจัดยาและให้คนนำมาให้ท่านดื่มพักผ่อนให้มากเคลื่อนไหวให้น้อยจะได้หายเร็วๆ
มีอะไรส่งคนไปตามเราได้ตลอดเวลา” ประโยคสุดท้ายเขาหันไปพูดกับแกรนด์ดิโอส
เขาพยักหน้า
“ขอบคุณท่านหมอมาก”
“ไม่ต้องไปส่งเราก็ได้” ชายกลางคนพูดแล้วเปิดประตูออกจากห้องไป
แกรนด์ดิโอสลุกขึ้นทำท่าจะเดินตามออกไป
“ท่านจะไปไหนแกรนด์ดิโอส” เฮอร์ไมโอนี่ร้องเรียก เขาชะงัก
“เราจะไปแจ้งเรื่องของท่านให้ท่านเดรโกทราบ” เฮร์ไมโอนี่รีบลุกขึ้นนั่ง
“อย่านะ” เธอร้องห้ามเสียงหลงก่อนจะร้องออกมาเบาๆด้วยความเจ็บ
แกรนด์ดิโอสรีบดินกลับไปหาเธอด้วยความเป็นห่วง
“ท่านไม่ควรขยับตัวหรือลุกขึ้นมานะ ท่านเฮอร์ไมโอนี่”
เฮอร์ไมโอนี่จับแขนของแกรนด์ดิโอสแน่น
“อย่าไปบอกมัลฟอยนะแกรนด์ดิโอส
ฉันไม่อยากให้เขาต้องมากังวลใจกับเรื่องของฉันอีก”เธอมองหน้าชายหนุ่มด้วยสายตาอ้อนวอน
“ในเมื่อเป็นความต้องการของท่าน เรายินดีทำตามเสมอท่านเฮอร์ไมโอนี่”
แกรนด์ดิโอสพูดเบาๆ
“ทีนี้ท่านนอนพักได้แล้ว เราจะคอยดูแลท่านเอง”
เฮอร์ไมโอนี่ยิ้มบางๆก่อนจะเอนตัวลงนอน
“ขอบคุณ” เธอพูดเบาๆ แกรนด์ดิโอสรู้สึกใจเต้นแรงขึ้นเล็กน้อย
“ไม่เป็นไร มันเป็นหน้าที่ของเรา” เขาพูดพึมพำ เสียงเคาะประตูดังขึ้นเบาๆ
“เข้ามาได้” แกรนด์ดิโอสพูดขึ้นแล้วลุกยืนทันทีที่เห็นผู้มาเยือน
“ท่านอัลเกรนทีเนียร์” หญิงสาวปรายตามองดูเขาขณะที่ยิ้มเหยียดๆ
“ได้ข่าวว่าเฮอร์ไมโอนี่ตกจากหลังม้า” เธอพูดขึ้นพลางเลื่อนสายตามาที่เฮอร์ไมโอนี่
“เป็นอย่างไรบ้าง”
“ขาเจ็บนิดหน่อยเท่านั้น ขอบคุณ”
เฮอร์ไมโอนี่ตอบเบาๆขณะที่มองอัลเกรนทีเนียร์อย่างนึกแปลกใจ
“ตกม้าแล้วขาไม่หักนับว่าโชคดี”
อัลเกรนทีเนียร์พูดเสียงแปร่งๆเธอตบมือเบาๆสาวใช้เดินเข้ามาในห้องพร้อมถ้วยยาที่ยังมีควันลอยกรุ่น
หญิงสาวพยักหน้าให้สาวใช้นำถ้วยยาไปให้เฮอร์ไมโอนี่ซึ่งขยับตัวกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่
เธอรับถ้วยยาอย่างงงๆ
“ดื่มเสียสิ” อัลเกรนทีเนียร์พูดสั้นๆ
“มันเป็นยาสูตรพิเศษในตระกูลของพวกเราใช้สมานแผลต่างๆได้ดี”
เธอมองเฮอร์ไมโอนีที่ยังถือถ้วยยานิ่งอยู่แล้วหัวเราะเหยียดๆ
“มันไม่ใช่ยาพิษหรอก หรือต้องให้เราดื่มมันก่อนเพื่อพิสูจน์” เฮอร์ไมโอนี่ส่ายหน้า
“ฉันไม่ได้คิดแบบนั้น คือ ยามันยังร้อนอยู่ก็เลย”
“เธอต้องดื่มขณะที่มันยังร้อนจึงจะได้ผล”
เฮอร์ไมโอนี่เม้มปากแล้วยกถ้วยยาขึ้นดื่มจนหมดสาวใช้รับถ้วยยาคืนก่อนเดินออกจากห้องไป
อัลเกรนทีเนียร์เหยียดยิ้ม
“แล้วเธอจะค่อยๆรู้สึกดีขึ้น
แต่ต้องดื่มติดต่อกันให้ครบสามครั้งยาจึงจะได้ผลเต็มที่ ห้ามขาดแม้แต่ครั้งเดียว
เราจะให้คนนำมาให้ท่านทุกวันจนครบ” เธอหมุนตัวทำท่าจะเดินออกจากห้อง
“ขอให้หายเร็วๆนะ เฮอร์ไมโอนี่”
อัลเกรนทีเนียร์เชิดหน้าเล็กน้อยเมื่อแกรนด์ดิโอสโค้งศีรษะให้เธอก่อนจะเดินออกไป
เฮอร์ไมโอนี่มองตามหญิงสาวอย่างงุนงงและไม่เข้าใจ
“แปลกจริงที่เขามาเยี่ยมฉันน่ะ” เธอพูดเบาๆแล้วอ้าปากหาวน้อยๆ
“ท่านควรจะพักผ่อนได้แล้ว”
แกรนด์ดิโอสพูดเสียงนุ่มขณะที่ค่อยๆช่วยประคองเฮอร์ไมโอนี่ขยับตัวนอนราบและห่มผ้าให้
“ขอบคุณมากนะแกรนด์ดิโอส” เธอพูดเบาๆก่อนจะค่อยๆปิดเปลือกตาลง
แกรนด์ดิโอสจ้องมองดูใบหน้าของเธอพลางถอนหายใจแล้วลุกขึ้นเดินออกจากห้องไปอย่างเงียบๆ
“อรุณสวัสดิ์ ท่านเฮอร์ไมโอนี่”
แกรนด์ดิโอสเปิดประตูห้องแล้วทักทายเฮอร์ไมโอนี่เด็กสาวยิ้มรับ
“อรุณสวัสดิ์แกรนด์ดิโอส” เขาเดินมานั่งที่โต๊ะข้างเตียงของเธอ
“เป็นอย่างไรบ้างวันนี้” น้ำเสียงแฝงไปด้วยความห่วงใยขณะที่ถาม
เฮอร์ไมโอนี่ขยับขาเบาๆ
“ดีขึ้นมากเลย ยาของอัลเกรนทีเนียร์นี่ดีจริงๆ” แล้วเธอก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย
“แต่แปลกดีนะ ทั้งๆที่ดูเหมือนเขาจะไม่ค่อยชอบฉันเท่าไหร่
แต่ทำไมอยู่ๆถึงได้เอายามาให้” แกรนด์ดิโอสยิ้มเล็กน้อย
“นั่นเป็นนิสัยส่วนตัวของท่านอัลเกรนทีเนียร์
นางเป็นคนที่ค่อนข้างจะถือตัวเองมากไปสักเล็กน้อยแต่โดยรวมแล้วไม่มีอะไร
เซอร์บาลินบิดาของนางก็เป็นบุคคลที่น่านับถือ
ซ้ำยังมีความกล้าหาญและเก่งกล้าไม่เป็นรองใคร”
เขากล่าวอย่างชื่นชมเฮอร์ไมโอนี่เดียงคอมองชายหนุ่ม
“เธอเองก็เก่งและกล้าหาญมากเหมือนกันนะแกรนด์ดิโอส” เขายิ้มอย่างเขินๆ
“นั่นยังไม่เพียงพอสำหรับการที่จะได้เป็นอัศวินหรอกท่านเฮอร์ไมโอนี่” เขาพูด
“ต้องพิสูจน์ตัวเองให้มากกว่านี้ ต้องมีทั้งความกล้าหาญ เข้มแข็ง
เสียสละและที่สำคัญต้องซื่อสัตย์
จึงจะได้เป็นอัศวินของกษัตริย์อาร์เธอร์อย่างสมความภาคภูมิ” เฮอร์ไมโอนี่มองเขา
“เธอมีทุกอย่างที่พูดมาทั้งหมด แกรนด์ดิโอส
ฉันคิดว่าสักวันหนึ่งเอคงได้เป็นอัศวินที่ทรงเกียรติที่สุด”
แกรนด์ดิโอสมองดูเฮอร์ไมโอนี่ด้วยความคาดไม่ถึงก่อนจะยิ้มออกมาด้วยความรู้สึกตื้นตันใจในคำพูดของเด็กสาว
“ขอบคุณท่านเฮอร์ไมโอนี่” เขาพูด เสียงเคาะประตูดังขึ้นเบาๆ
“เชิญค่ะ” เฮอร์ไมโอนี่ส่งเสียงเรียกเชื้อเชิญ
ประตูเปิดออกสาวใช้ของอัลเกรนทีเนียร์ประคองถ้วยยาเข้ามาอย่างระมัดระวัง
“กรุณาดื่มขณะที่มันยังร้อนด้วยค่ะ”
เธอพูดขณะที่ส่งถ้วยยาให้เฮอร์ไมโอนี่ด้วยท่าทางนอบน้อม
เธอรับมาดื่มจนหมดแล้วทำหน้าแหยๆก่อนจะส่งถ้วยคืนให้กับสาวใช้
“ขอบคุณมาก” สาวใช้ค้อมคำนับก่อนจะถอยออกไป

.................................................................................................................................


**13**


“ฉันอยากจะออกไปเดินเล่นข้างนอกบ้างจัง”
เฮอร์ไมโอนี่บ่นเบาๆกับแกรนด์ดิโอสเขายิ้มเล็กน้อย
“คงยังไม่ได้แน่ท่านเฮอร์ไมโอนี่ขาของท่านยังไม่สมควรเคลื่อนไหว”
เขามองดูเด็กสาวที่ทำหน้าเบื่อสุดขีดแล้วเอื้อมมือไปหยิบหนังสือของเมอร์ลินที่โต๊ะข้างๆเตียงมาเริ่มเปิดออกอ่าน
“วิธีแก้เบื่อที่ดีที่สุด”
เธอพูดกับเขาแล้วยิ้มก่อนที่จะก้มหน้าลงไปอ่านหนังสืออย่างตั้งอกตั้งใจ
แกรนด์ดิโอสนั่งมองดูเฮอร์ไมโอนี่เงียบๆเขาทำสีหน้าแปลกใจเล็กน้อยเมื่อเห็นเด็กสาวเริ่มอ้าปากหาว
“แปลกจริง” เธอบ่นกับตัวเอง “ทำไมฉันถึงง่วงแบบนี้นะ” เธอพูดพลางขยี้หนังตาเบาๆ
“สงสัยจะเป็นเพราะฤทธิ์ยาด้วย” แกรนด์ดิโอสเอื้อมมือไปรับหนังสือจากเฮอร์ไมโอนี่
“ถ้าอย่างนั้นท่านควรจะนอนพักดีกว่า” เขาพูด
“น่าเบื่อที่สุดนอนกับนอน” เด็กสาวพูดด้วยน้ำเสียงเจือรำคาญขณะที่เลื่อนตัวลงนอน
“แต่นั่นก็เป็นสิ่งที่ดีที่สุดทำหรับท่านในเวลาเช่นนี้”
แกรนด์ดิโอสพูดกับเธอด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนเฮอร์ไมโอนี่ยิ้มให้กับเขาทั้งๆที่ดวงตาเริ่มหรี่ลง
เธอพยายามฝืนลืมตาเพื่อที่จะคุยกับเขาแต่ชายหนุ่มกลับโบกมือเหมือนจะห้ามแล้วทำมือเป็นเชิงว่าให้เธอนอน
เด็กสาวจึงอ้าปากหาวน้อยๆอีกครั้งก่อนจะผล็อยกลับไป
มัลฟอยเดินลากขากลับมาที่ห้องของเขาในวันรุ่งขึ้นของอีกวันหนึ่ง
เขาสร้างความประหลาดใจให้กับเมอร์ลินเป็นอย่างมากที่สามารถเรียนคาถาเรียกของได้สำเร็จภายใน
3 วัน
พ่อมดชราจึงได้ทำตามสัญญาที่ได้ให้ไว้กับมัลฟอยนั่นคือการสอนคาถาต้องห้ามให้กับเขาหนึ่งบท
เมอร์ลินได้สอนแกมบังคับให้มัลฟอยท่องคาถาและวิธีใช้ให้แม่นยำภายในหนึ่งคืน
ด้วยเหตุผลที่ว่าเป็นคาถาที่ยากมากต้องใช้พลังวิญญาณเกือบทั้งหมดของผู้ร่ายคาถาจึงจะเป็นผล
และขู่ว่าถ้ามัลฟอยไม่สามารถท่องจำให้หมดได้ภายในหนึ่งคืน
ข้อสัญญาทั้งหมดเป็นอันยกเลิก
เด็กชายจึงพยายามอย่างที่สุดที่จะใช้เวลาเพียงคืนเดียวในการท่องจำจนเป็นที่พอใจของเมอร์ลิน
พ่อมดชราจึงยินยอมให้มัลฟอยกลับห้องพักได้
มัลฟอยเดินไปตามทางระเบียงใจหนึ่งเขาอยากจะกลับไปนอนพักให้หายเหนื่อย
แต่อีกใจหนึ่งเขาอยากไปหาเฮอร์ไมโอนี่เพื่อบอกถึงผลสำเร็จของเขา
ในขณะที่เขากำลังลังเลใจอยู่นั้น
มีสาวใช้สองคนกำลังเดินคุยกันอยู่โดยไม่ทันได้สังเกตะเนเขาที่กำลังเดินสวนมา
“วันนี้ท่านเฮร์ไมโอนี่เป็นยังไงบ้าง” สาวใช้คนหนึ่งพูดขึ้น
“ดีขึ้นมาก ฉันได้ยินมาว่าอีกไม่กี่วันก็คงจะเดินได้ตามปรกติ” สาวใช้อีกคนหนึ่งตอบ
มัลฟอยชะงักนิ่งเขารีบเดินเข้าไปหาสาวใช้ทั้งสองคนทันทีอย่างรวดเร็ว
“เกรนเจอร์เป็นอะไรไป” เขาถามห้วนๆ หญิงทั้งสองอึกอัก
“ฉันถามว่าเกรนเจอร์เป็นอะไร”
เขาเริ่มเสียงแข็งขึ้นด้วยความไม่พอใจแล้วจ้องทั้งสองคนนิ่งราวคาดคั้นจนคนหนึ่งทนไม่ได้
“ท่านเฮอร์ไมโอนี่ตกจากหลังม้าค่ะ” มัลฟอยหนี่ตาลง
“ว่าไงนะ” เขาพูดเสียงกัดฟัน “แล้วทำไมไม่มีใครมาบอกฉันสักคน”
เขาพูดด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบอย่างสะกดอารมณ์จนสาวใช้ทั้งคู่รู้สึกเย็นวาบไปทั้งตัว
ทั้งสองคนก้มหน้าลงหลบสายตาของเขา
“คือ....ท่านเฮอร์ไมโอนี่สั่งห้ามรบกวนท่านด้วยเรื่องเล็กน้อย....”
“เรื่องเล็กน้อย”
มัลฟอยตะโกนเสียงดังจนสาวใช้ทั้งคู่สะดุ้งด้วยความตกใจกลัวจนตัวสั่นเทา
“ตกม้านี่น่ะนะเรื่องเล็กน้อย แล้วนี่มีใครคอยดูแลเกรนเจอร์รึเปล่า”
“ท่านแกรนด์ดิโอสค่ะ” มัลฟอยคอแข็งขึ้นมาทันที
“แล้วคนอื่น”
“มีท่านแกรนด์ดิโอสเพียงคนเดียวค่ะ”
สาวใช้ตนนั้นตอบด้วยเสียงที่สั่นรัวเมื่อเธอเงยหน้าขึ้นกลับพบแต่เพียงชายเสื้อคลุมของมัลฟอยที่สะบัดไหวผ่านมุมห้องไปอย่างเร็ว
เออร์ไมโอนี่ขยับตัวอย่างรู้สึกรำคาญ
“เป็นอะไรไปหรือท่านเฮอร์ไมโอนี่”
แกรนด์ดิโอสถามขึ้นหลังจากที่ได้นั่งมองเด็กสาวขยับตัวไปมาอยู่ครู่หนึ่ง
“ฉันรำคาญตัวเอง” เฮอร์ไมโอนี่บ่น
“จะขยับแต่ละครั้งลำบากจริงๆ” เธอใช้แขนยันตัวให้ลุกขึ้นนั่ง
“ฉันอยากจะเดินไม่อยากนอนนิ่งๆอยู่แบบนี้ เธอช่วยพยุงฉันให้ลุกขึ้นได้ไหม”
เด็กสาวมองหน้าเขาเป็นเชิงขอร้อง แกรนด์ดิโอสนิ่งอึกอักอยู่เล็กน้อยก่อนพยักหน้า
เฮอร์ไมโอนี่โอบแขนพาดไหล่ของเขาในขณะที่ชายหนุ่มค่อยๆประคองร่างของเด็กสาวให้ลุกขึ้นยืนอย่างระมัดระวัง
เฮอร์ไมโอนี่นิ่วหน้าเล็กน้อยเมื่อหยั่งขาลงบนพื้น
เธอทรุดตัวลงนั่งบนเตียงอีกครั้งทันทีด้วยความเจ็บปวดทำให้แกรนด์ดิโอสที่กำลังพยุงเธออยู่เสียหลักก้มตัวตามลงไปด้วย
“ขอโทษ” เขารีบลุกขึ้นด้วยใบหน้าสีเข้ม เฮอร์ไมโอนี่เงยหน้าขึ้นมองเขา
“ไม่เป็นไร......” เธอชะงักอ้าปากค้างขณะที่มองไปที่ประตูอย่างตกใจ
มัลฟอบกำลังยืนหน้าบึ้งตึงอยู่ด้วยความโกรธ
เขากวาดตามองไปที่แกรนด์ดิโอสอย่างเอาเรื่อง
“แบบนี้นี่เอง มิน่าเล่าถึงไม่ยอมไปบอกฉัน”
“เธอมาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน” เฮอร์ไมโอนี่ถามเสียงเบาๆมัลฟอยเหลือบสายตากลับมาที่เธอ
“ก็มาทันเห็นอะไรดีๆก็แล้วกัน” เขาพูดเสียงเย็นขณะที่เดินตรงมาที่เธอ
เขามองแกรนด์ดิโอสเป็นเชิงให้หลบ ชายหนุ่มรีบถอยหลังเหลีกทางให้เขาทันที
“ได้ยินว่าเธอตกจากหลังม้า” เขาถามเสียงห้วนๆ
“แต่ดูท่าทางจะไม่เป็นอะไรมากนี่” น้ำเสียงเหมือนประชดขณะที่มองดูเด็กสาว
แววตาสีซีดที่จ้องมองดูเฮอร์ไมโอนี่เหมือนมีความห่วงใยฉายอยู่ภายในก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นความเย็นชา
“ท่านเฮอร์ไมโอนี่ข้อเท้าแพลง” แกรนด์ดิโอสตอบมาจากทางด้านหลัของเขา
“แต่ตอนนี้ดีขึ้นมากแล้ว”
“ใครถามแก”
มัลฟอยพูดเสียงกระชากห้วนจนเฮอร์ไมโอนี่ต้องมองหน้าเขาด้วยความไม่พอใจใจขณะที่แกรนด์ดิโอสมีสีหน้าสลดลง
“เราจะออกไปดูว่ามีคนนำยามาให้ท่านเฮอร์ไมโอนี่แล้วหรือยัง”
แกรนด์ดิโอสพูดเบาๆขณะที่เดินเลี่ยงออกไปจากห้อง เขาได้ยินเสียงมัลฟอยพูดทำนอง
“ก็ดี” ก่อนจะปิดประตูลง เฮอร์ไมโอนี่มองดูมัลฟอยด้วยสีหน้าไม่พอใจ
“เธอทำแบบนั้นทำไมมัลฟอย” เด็กสาวถามห้วนๆ
“แบบไหน” มัลฟอยตอบเสียงห้วนๆเช่นเดียวกัน เขาเลื่อนเก้าอี้มานั่งข้างๆเตียงของเธอ
“แสดงท่าทางรังเกียจแกรนด์ดิโอส” มัลฟอยมองหน้าเฮอร์ไมโอนี่เขาระบายลมหายใจอย่างแรง
“ฉันไม่ใช่เธอนี่จะได้ชอบมัน” เขากระแทกเสียงอย่างม่พอใจ
เฮอร์ไมโอนี่เม้มริมฝีปากแน่นก่อนตอบเขา
“ใช่ ฉันชอบเขาเพราะว่าเขาไม่มีนิสัยแย่ๆแบบเธอ มัลฟอย”
เธอกระแทกเสียงตอบประชดประชันเขาเช่นเดียวกัน มัลฟอยมองหน้าเธอเขม็ง
“ก็ดี” เขาพูดดด้วยใบหน้าที่เริ่มแดงด้วยความโกรธ
“ฉันจะได้ไม่ต้องมาคอยนั่งเป็นห่วงเธอ” เขาผุดลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว
“แต่คอยระวังคนดีของเธอให้ดีเกรนเจอร์ ฉันจะสาบให้มันกลายเป็นคางคกเข้าสักวัน”
มัลฟอยหมุนตัวเตรียมเดินออกจากห้องในจังหวะเดียวกันกับที่สาวใช้คนหนึ่งเดินนำถ้วยยาเข้ามาให้เฮอร์ไมโอนี่พอดี
มัลฟอยผลักสาวใช้คนนั้นอย่างแรงเพื่อให้พ้นทางจนเธอเสียหลักล้มลงถ้วยยาตกพื้นแตกกระจายน้ำยาในถ้วยหกนองพื้นห้องควันสีขาวลอยกรุ่นขึ้นมาทันที
“เกะกะจริง” มัลฟอยตะคอกขณะที่มองสาวใช้ด้วยสายตาที่เอาเรื่อง
เฮอร์ไมโอนี่ร้องออกมาด้วยความตกใจระคนโกรธ
“ทำไมเธอถึงเป็นคนนิสัยแย่แบบนี้ มัลฟอย”
เด็กสาวพยายามพยุงตัวลุกขึ้นนั่งอย่างยากลำบาก
มัลฟอยเหลือบสายตามองเธอด้วยความไม่พอใจแต่ไม่พูดอะไร
เขาเม้มปากอย่างสะกดอารมณ์ในขณะที่มองดูสาวใช้กำลังลนลานเก็บเศษถ้วยและเช็ดน้ำยาที่หกกระจายอยู่
เฮอร์ไมโอนี่มองดูพลางบ่นพึมพำ
“อัลเกรนทีเนียร์อุตส่าห์ปรุงยามาให้ เสียของหมด” มัลฟอยหันขวับมามองเธอทันที
“ยายนั่นน่ะนะปรุงยามาให้เธอ นี่เธอกินเข้าไปกันกี่ครั้งแล้ว”
เด็กสาวมองดูมัลฟอยอย่างงงๆก่อนตอบ
“สองครั้งทำไมเหรอ” เด็กหนุ่มส่ายหัวอย่างเร็ว
“ทำไมถึงเชื่อใจคนง่ยแบบนี้นะเกรนเจอร์” เขาหันไปทางสาวใช้
“เก็บหมดแล้วก็ออกไปให้พ้น”
เขาพูดห้วนๆกระชากสาวใช้รีบกลับออกไปอย่างเร็วด้วยความหวาดกลัวเฮอร์ไมโอนี่มองดุเขาแล้วส่ายหน้า
“เธอนี่ไม่รู้จักการพูดจาที่ดีๆกับคนอื่นเลยนะมัลฟอย”
“พูดดีๆกับพวกมักเกิ้ลเนี่ยนะ” เขาย้อนเสียงสูง
“ฉันมันไม่ใช่คนดีอย่างที่เธอชอบนี่เกรนเจอร์จะได้พูดจาอ่อนโยนกับเธอได้ตลอดเวลา”
เขาประชดเธอแต่ไม่มองหน้า
“ถ้าพูดดีๆกับคนอื่นไม่ได้ก็ไม่ต้องพูดอะไรกันเลยดีกว่า มัลฟอย”
เฮอร์ไมโอนี่ลุกขึ้นนั่งตัวตรงพูดกับเขาอย่างโกรธๆ มัลฟอยมองดูเธอเหมือนน้อยใจ
“ได้” เขาพูดห้วนๆ
“งั้นเดี๋ยวฉันจะไปตามเจ้าคนพูดเพราะถูกใจเธอมาให้”
เขาหันหลังสะบัดเสื้อคลุมเตรียมเดินออกจากห้อง
เสียงของหนักตกกระทบพื้นห้องดังขึ้นข้างหลังเขา
มัลฟอยหันกลับไปมองอย่างสงสัยแล้วก็ต้องตกใจเมื่อเห็นร่างของเฮอร์ไมโอนี่นอนแน่นิ่งอยู่บนพื้น
“เกรนเจอร์!” เขาร้องแล้วรีบวิ่งไปประคองร่างของเฮอร์ไมโอนี่
“เกรนเจอร์” เขาเรียกเธอเบาๆในขณะที่ประคองเด็กสาวไว้ในอ้อมแขน
เฮอร์ไมโอนี่นอนหลับตานิ่งไม่รู้สึกตัว
มัลฟอยรีบสำรวจทั่วร่างกายของเธออย่างรวดเร็ว
เมื่อไม่พบบาดแผลอะไรเขาจึงค่อยๆอุ้มเธอวางบนเตียงอย่างนุ่มนวล
“เกรนเจอร์”
มัลฟอยตบแก้มของเฮอร์ไมโอนี่อย่างแผ่วเบาพลางเรียกชื่อเด็กสาวด้วยน้ำเสียงห่วงใย
เธอลืมตาขึ้นช้าๆแล้วกระพริบถี่ๆเหมือนมึนงง
“มัลฟอย” เธอเรียกชื่อเขาเบาๆขณะที่มองดูเขา
“เธอเป็นอะไรไปทำไมอยู่ถึงตกลงมาจากเตียงได้”
เฮอร์ไมโอนี่ขยับตัวนั่งเหมือนใช้ความคิด
“ฉันไม่รู้” เธอขมวดคิ้ว “อยู่ๆเหมือนรอบๆตัวมันมืดไปหมด”
“เธอเป็นแบบนี้มานานแค่ไหน” เด็กสาวทำท่านึกอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะตอบอย่างไม่แน่ใจ
“น่าจะสองหรือสามวันมานี่แหละฉันไม่แน่ใจ”
เธอมองหน้ามัลฟอยซึ่งกำลังมองดูเธออย่างครุ่นคิด
“มีอะไรผิดปรกติอย่างนั้นเหรอ” เฮอร์ไมโอนี่ถาม มัลฟอยส่ายหน้าน้อยๆ
“เปล่า ไม่มีอะไร” เขาพึมพำตอบแต่สีหน้ายังคงมีแวววิตกกังวลอยู่
“เธอนอนพักดีกว่านะเกรนเจอร์.......”มัลฟอยชะงักคำพูดค้างไว้ขณะที่มองดูเฮอร์ไมโอนี่ที่อยู่ๆก็หลับไปเสียเฉยๆในทันที
เขาค่อยๆจัดให้เธอนอนในท่าที่สบายๆแล้วห่มผ้าให้ก่อนที่จะยืนมองดูเด็กสาวที่นอนหลับอย่างไม่รู้สึกตัวด้วยความเป็นห่วง
เขาลากเก้าอี้มาข้างเตียงของเธอแล้วนั่งลงมองดูพลางปัดผมที่ปรกหน้าผากของเธอออก
“ฉันไม่ยอมให้เธอเป็นอะไรไปเป็นอันขาด เกรนเจอร์”
มัลฟอยพูดพึมพำขณะที่จับมือของเฮอร์ไมโอนี่ขึ้นมาจูบเบาๆอย่างนุ่มนวล
เฮอร์ไมโอนี่ลืมตาขึ้นในความมืด เธอเหลือบตามองดูมัลฟอยซึ่งนั่งหลับอยู่ข้างๆเธอ
เด็กสาวค่อยๆขยับตัวลุกขึ้นอย่างเชื่องช้าแล้วเดินตรงไปที่ประตูด้วยอาการเหมอืนคนเลื่อนลอย
เสียงเปิดกุญแจทำให้มัลฟอยลืมตาขึ้น
เขามองไปที่เตียงซึ่งว่างเปล่าอย่างตกใจก่อนจะหันไปทางประตูที่เฮอร์ไมโอนี่กำลังจะเปิดออกไปข้างนอก
“นั่นเธอจะไปไหนกัน เกรนเจอร์” เขาร้องเรียกแต่ดูเหมือนเด็กสาวจะไม่ได้ยิน
มัลฟอยรีบก้าวพรวดไปที่ตัวเธอ เขาจับไหล่ของเด็กสาวไว้แล้วจ้องไปที่ใบหน้าของเธอ
“เกรนเจอร์” เฮอร์ไมโอนี่มองหน้ามัลฟอยกลับด้วยสายตาที่ว่าเปล่าไร้ความรู้สึก
เธอพยายามจะบิดตัวเพื่อให้หลุดจากการจับกุมของเขา มัลฟอยเขย่าตัวเธอค่อนข้างแรงขึ้น
“เกรนเจอร์เป็นอะไรไป” คราวนี้เฮอร์ไมโอนี่สะดุ้งเล็กน้อย
ดวงตาที่ว่าเปล่ากลับเหมือนมีแสงสว่างวาบฉายเข้าไป เธอมองดูมัลฟอยอย่างงงๆ
“มัลฟอย” อาการเจ็บขาพุ่งขึ้นมาทันที
เฮอร์ไมโอนี่ทรุดตัวล้มลงดีที่มัลฟอยประคองเธอไว้ได้ทัน
“ทำไมฉันถึงมาอยู่ตรนี้ได้ล่ะ” มัลฟอยค่อยๆพยุงเธอกลับไปนั่งที่เตียง
เขานั่งลงบนเก้าอี้จ้องดูเด็กสาว
“อยู่ๆเธอก็ลุกขึ้นเดินลงจากเตียงได้เอง อย่าบอกนะว่าเธอไม่รู้ตัว”
เฮอร์ไมโอนี่ทำหน้างง
“ฉันนี่น่ะเดินลงจากเตียง” เธอพูดอย่างไม่เชื่อ “แค่ขยับขาฉันก็แทบทำไม่ได้ด้วยซ้ำ”
มัลฟอยขมวดคิ้วอย่างครุ่นคิด เขาเริ่มสังหรณ์ใจกับอะไรบางอย่าง
“เธอนอนต่อดีกว่าเกรนเจอร์ ยังอีกนานกว่าจะเช้า”
เขาตัดบทเมื่อเห็นเด็กสาวทำท่าจะพูดอะไรออกมา
“หรือจะต้องให้ฉันจูบเธอก่อนนอน” เขาเลิกคิ้วมองหน้าเธอขณะพูด
เฮอร์ไมโอนี่หน้างอแล้วรีบเอนตัวลงนอนอย่างว่าง่ายทันที
มัลฟอยหัวเราะเบาๆในลำคอขณะที่คลุมผ้าห่มให้เธอ
“ราตรีสวัสดิ์”
เขาพูดเสียงพึมพำข้างๆหูของเธอแล้วถอยออกมานั่งที่เก้าอี้พลางจ้องมองดูเธออยู่อย่างเงียบๆเมื่อแน่ใจว่าเด็กสาวหลับสนิทดีแล้วมัลฟอยจึงลุกขึ้นเดินออกจากห้องอย่างเงียบๆ
เด็กชายเดินใช้ความคิดอย่างหนักระว่างทางที่จะไปห้องของเมอร์ลิน
เขาพบแกรนด์ดิโอสตรงสุดทางเดิน
มัลฟอยเหลือบสายตามองดูชายหนุ่มเล็กน้อยก่อนที่จะเบือนไปอีกทาง
“ฝากดูแลเกรนเจอร์ให้ดี ระวังอย่าให้ใครเข้าใกล้เป็นอันขาด”
เขาพูดโดยไม่มองหน้าแกรนด์ดิโอส ชายหนุ่มค้อมศีรษะรับ
“เราจะดูแลท่านเฮอร์ไมโอนี่ด้วยชีวิต”
มัลฟอยชะงักเล็กน้อยก่อนที่จะผงกศีรษะรีบอย่างไว้ตัวแล้วเดินสะบัดผ้าคลุมจากไป

................................................................................................................


**14**

“ดูวันนี้ท่านไม่มีสมาธิเท่าที่ควรเลยนะ เดรโก”
เมอร์ลินพูดขึ้นเมื่อเห็นว่ามัลฟอยร่ายคาถาผิดถึงสามครั้งภายในไม่ถึงชั่วโมง
มัลฟอยทำท่าหงุดหงิดก่อนจะยกไม้กายสิทธิ์ขึ้น
“ท่านพักก่อนจะดีกว่านะเดรโก” ชายชราพูดด้วยน้ำเสียงใจดี
มัลฟอยเดินไปกระแทกตัวนั่งบนเก้าอี้สีหน้าเต็มไปด้วยความวิตกกังวลอย่างเห็นได้ชัด
เมอร์ลินโบกไม้กายสิทธิ์ กาน้ำร้อนลอยขึ้นรินชาร้อนๆที่หอมกรุ่นใส่ถ้วยสองใบ
เขาโบกไม้อีกครั้งถ้วยชาลอยมาที่มือของเขาและมัลฟอย
ชายชราจิบน้ำชาด้วยท่าทางชุ่มชื่น
“ไม่ลองดื่มดูสักนิด นี่เป็นชาผสมสมุนไพรอย่างดีเลยทีเดียวนะ” เขาพูดกับมัลฟอย
เด็กชายมองดูถ้วยชาในมือก่อนจะยกขึ้นดื่มด้วยท่าทางเสียไม่ได้
หลังจากที่น้ำชาอุ่นๆไหลผ่านลำคอลงไป
เขาอดเห็นด้วยกับชายชราไม่ได้ว่านี่เป็นชาที่วิเศษอย่างที่เขาอวดจริงๆ
ดูเหมือนจะรู้ถึงความคิดเมอร์ลินยิ้มน้อยๆให้กับเขา
“เป็นชาที่วิเศษใช่ไหม” เขาเลิกคิ้วสีเงินอย่างล้อเลียน
มัลฟอยกระแอมเบาๆก่อนจะวางถ้วยชาลง
“ดูเหมือนเธอจะมีเรื่องไม่สบายใจ”
ชายชราพูดขึ้นพลางมองหน้ามัลฟอยที่กำลังทำหน้าเหมือนกำลังอึดอัดใจอยู่ก่อนตัดสินใจเล่าเรื่องของเฮอร์ไมโอนี่รวมทั้อาการแปลกๆของเธอให้เมอร์ลินฟัง
ชายสูงอายุนั่งจรดมืออยู่ใต้คางฟังอย่างสงบและมีสีหน้าไตร่ตรอง
“ดูเหมือนเฮอร์ไมโอนี่จะถูกวางยาอะไรบางอย่าง” เขาพูดออกมาในที่สุด
มัลฟอยพยักหน้าเห็นด้วย
“เราเองก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน” เขาพูดสีหน้ามีแวววิตกกังวล
“แต่ที่แย่ก็คือเราไม่รู้ว่าเกรนเจอร์โดนวางยาอะไรและเพื่ออะไร”
สีหน้าที่ยุ่งยากอย่างที่สุดขณะที่พูด
เมอร์ลินลูบเคราสีเงินของตัวเองช้าๆอย่างใช้ความคิด
“เอาเป็นว่า ท่านไม่ต้องเป็นกังวลในเรื่องของเฮอร์ไมโอนี่
ฉันจะลองค้นคว้าหาทางแก้ไขดู สิ่งที่ท่านควรที่จะตั้งใจทำในเวลานี้คือ
การฝึกใช้คาถาต้องห้ามบทนั้น”
เขาจ้องมองดูมัลฟอยด้วยดวงตาสีฟ้าที่สดใสแต่เต็มไปด้วยความคิดที่ลึกซึ้ง
มัลฟอยเม้มปากก่อนจะพยักหน้าตกลงอย่างไม่ค่อยเต็มใจนัก
“อย่าได้กังวลในสิ่งอื่น มิฉะนั้นพลังในการร่ายคาถาจะไม่สมบูรณ์ จำไว้ท่านเดรโก”
เมอร์ลินสำทับก่อนจะลุกขึ้นเดินหายเข้าไปทางด้านในของห้อง
มัลฟอยยกถ้วยชาขึ้นดื่มอีกครั้งก่อนจะวางลงแล้วหยิบไม้กายสิทธิ์ขึ้นมาเพื่อฝึกการใช้คาถาต้องห้ามต่ออย่างตั้งใจ


แกรนด์ดิโอสนั่งมองดูเฮอร์ไมโอนี่ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความห่วงและวิตกกังวล
ในวันนี้เด็กสาวลุกขึ้นเดินโดยไม่ได้สติถึงสามครั้งและดูเหมือนทุกครั้งจะเพิ่มความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ
ชายหนุ่มถอนหายใจอย่างหนักหน่วง
“ขอให้ท่านเมอร์ลินและท่านเดรโกค้นหาวิธีรักษาท่านเฮอร์ไมโอนี่ได้โดยเร็วด้วยเถิด”
เขาก้มหน้าลงขณะที่ยกมือทั้งสองข้างขึ้นกุมศีรษะด้วยความกลัดกลุ้ม
สายลมยามค่ำคืนที่พัดเรื่อยๆเข้มาในห้องนำพากลิ่นที่หอมหวานของดอกไม้เข้ามาด้วย
จากกลิ่นที่หอมรวยรินเริ่มแรงขึ้นจนเป็นกลิ่นที่ฉุนจนแทบสำลัก
แกรนด์ดิโอสตอนนี้เริ่มรู้สึกว่าตัวเองง่วงจัดจนแทบทรงตัวไม่อยู่
เขาพยายามสะบัดหน้าตัวเองแรงๆหลายครั้งเพื่อขับไล่ความงุนงงและความง่วงที่เริ่มถาโถมเข้ามา
“ทำไมเราถึงได้ง่วงขนาดนี้นะ”
เขาพึมพำกับตัวเองเบาๆก่อนจะลุกขึ้นโดยตั้งใจว่าจะเดินรอบๆห้อง
แต่แล้วอยู่ๆเข่าก็อ่อนแรงลงแล้วร่างที่สูงก็ล้มลงสิ้นสติไปในทันที
ความเงียบกลับเข้ามาครอบงำภายในห้องอีกครั้ง เฮอร์ไมโอนี่ลืมตาขึ้น
เด็กสาวพลิกตัวลงจากเตียงก้าวข้ามผ่านร่างที่ไร้สติของแกรนด์ดิโอส
เธอชะงักเล็กน้อยแล้วก้มตัวลงหยิบมีดสั้นที่เอวของชายหนุ่ม
ดวงตาที่เลื่อนลอยมองดูมีดที่ส่องประกายในความมืดแล้วยิ้มก่อนจะเปิดประตูออกจากห้องไป

....................................................................................................................................................................


มัลฟอยรีบเดินกลับห้องอย่างรีบเร่ง เมอร์ลินดูมีท่าทีแปลกกว่าทุกครั้ง
เขาสั่งให้เด็กชายรีบกลับไปดูเฮอร์ไมโอนี่ระหว่างการฝึก
จิตใจที่ร้อนรนทำให้ขาที่ก้าวแต่ละก้าวดูไม่ทันใจเขาเอาเสียเลย
เขาใจหายวาบเมื่อเห็นประตูห้องของเฮอร์ไมโอนี่เปิดค้างอยู่
“เกรนเจอร์” เขาพุ่งตัวเข้าไปในห้อง บนเตียงว่างเปล่าไร้ร่างของเด็กสาว
มัลฟอยเหลือบสายตาลงมองดูบนพื้นแกรนด์ดิโอสยังคงนอนแน่นิ่งไร้สติอยู่
มัลฟอยเดินเข้าไปเขย่าตัวชายหนุ่มอย่างแรงด้วยความโกรธ
“เฮ้ !” เด็กชายร้อง “เกรนเจอร์หายไปไหน”
เขาเขย่าร่างของแกรนด์ดิโอสจนชายหนุ่มได้สติลืมตาขึ้น เขามองดูมัลฟอยด้วยสีหน้าตกใจ
“ท่านเดรโก”
“เกรนเจอร์หายไปไหน” มัลฟอยตะคอกถาม แกรนด์ดิโอสหันปมองที่เตียงดวงตาเบิกกว้าง
“ท่านเฮอร์ไมโอนี่ เมื่อครู่นี้ยังนอนอยู่ที่” เขาลุกขึ้นยืนทันที
“แล้วตอนนี้เธอหายไปไหน อย่าบอกนะว่าแกหลับไม่รู้เรื่องน่ะ”
มัลฟอยพูดด้วยเสียงคำราม แกรนด์ดิโอสส่ายหน้าอย่างงงงันระคนตกใจ
เสียงกระพือปีกของนกดังมาจากทางหน้าต่าง
นกฮูกสีน้ำตาลตัวใหญ่กำลังบินร่อนลงมาเกาะที่ขอบหน้าต่างห้อง
ทันทีที่มัลฟอยจับตัวมัน เสียงป๊อบเบาๆร่างนกฮูกระเบิดเป็นควันแล้วกลายเป็นจดหมาย
มัลฟอยรีบเปิดออกอ่าน
“ห้องของกษัตริย์อาร์เธอร์ไปทางไหน” เขาถามเสียงร้อนรน แกรนด์ดิโอสทำหน้างงๆ
“ไปทางหอคอยทิศเหนือ อีกด้านหนึ่งของตัวปราสาท”
“พาเราไปที่นั่นเดี๋ยวนี้” มัลฟอยพูดรัวเร็ว
“เกรนเจอร์กำลังไปที่นั่น!”


เฮอร์ไมโอนี่ก้าวเดินไปอย่างช้าๆและเลื่อยลอย
ทุกที่ที่เธอเดินผ่านไปกลิ่นหอมเอียนๆของดอกไม้จะลอยคลุ้งนำไปก่อนทุกครั้ง
ทหารองครักษ์ต่างล้มลงนอนสิ้นสติก่อนที่เด็กสาวจะเดินไปถึง
รวมทั้งบรรดาเหล่าอัศวินที่ออกเดินตรวจตราในยามค่ำคืน
เฮอร์ไมโอนี่ก้าวข้ามร่างของอัศวินคนหนึ่งที่ล้มลนอนขวางห้องที่มีประตูบานใหญ่
เธอเปิดมันออกโดยง่ายและเข้าไปด้านใน
เสียงผ่อนลมหายใจดังเป็นจังหวะสม่ำเสมอดังมาจากเตียงสี่เสาข้างหน้า
กษัตริย์อาร์เธอร์กำลังนอนหลับสนิทอยู่บนเตียงโดยมีราชนินีนอนอยุ่ข้างๆ
เฮอร์ไมโอนี่เดินไปหยุดที่ข้างเตียงของพระองค์
มือที่กำมีดสั้นอยู่เงื้อขึ้นแล้วจ้วงแทงลงอย่างแรง
“ไคเนซีส ลิอาร์มัส!”
มีดในมือของเฮอร์ไมโอนี่ลอยขึ้นแล้วหมุนคว้างออกห่างจากตัวของเธอ
เฮอร์ไมโอนี่หันขวับไปทางประตู
มัลฟอยกำลังยืนหอบหายใจโดยมีแกรนด์ดิโอสยืนมองดูเธอด้วยสีหน้าตื่นตะลึงอย่างด้านหลัง
“เกรนจเจอร์”
มัลฟอยร้องเรียกขณะที่เดินเข้าไปหา
เฮอร์ไมโอนี่มองเขากลับด้วยสายตาที่ดูว่างเปล่าขณะที่ก้าวถอยหลัง
ฉับพลันเธอเอื้อมไปที่โต๊ะข้างเตียง
หยิบมีดปอกผลไม้ที่วางอยู่ขึ้นมาชูตรงหน้าราวกับจะขู่ห้ามไม่ให้มัลฟอยเข้าไปใกล้ๆ
แต่เขาไม่ได้ใส่ใจยังคงเดินเข้าไปหาเธออย่างมั่นคง
“วางมีดนั่นลง เกรนเจอร์ เธอไม่ใช่คนที่มีนิสับแบบบนี้นี่นา”
เขาพูดเรื่อยๆมือยื่นออกไปด้านหน้า เฮอร์ไมโอนี่ส่ายหน้า ริมฝีปากขยับน้อยๆ
“หลีกไป!” น้ำเสียงที่ฟังดูเป็นผู้ใหญ่ มัลฟอยขมวดคิ้ว
“เธอเป็นอะไรไปน่ะ” เขาหยุดยืนมองดูเด็กสาว “ส่งมีดนั่นมาเดี๋ยวนี้เกรนเจอร์”
“ไม่ อย่ามาขวางข้า หลีกไป” เธอพูดช้าๆแต่มัลฟอยไม่ฟัง
เขาเก็บไม้กายสิทธิ์ลงในเสื้อคลุมแล้วเดินเข้าไปใกล้ๆเธอ
“เธอไม่ทำร้ายฉันหรอก เกรนเจอร์ฉันรู้ดี เธอไม่มีวันทำร้ายฉัน”
เขาก้าวเข้าไปจนเกือบจะประชิดตัว เฮอร์ไมโอนี่ตวัดมีดอย่างเร็ว
ในขณะเดียวกันกับที่มัลฟอยรวบมือของเธอไว้แล้วดึงเธอเข้ามาในอ้อมแขน
เฮอร์ไมโอนี่ดิ้นรน มีดในมือถูกมัลฟอยกระชากออกแล้วโยนไปอีกทาง
“ตั้งสติหน่อยเกรนเจอร์” เขาร้องเรียกแต่ดูเหมือนเด็กสาวจะไม่รู้สึกตัว
เธอพยายามอย่างที่สุดที่จะดิ้นให้หลุดจากอ้อมกอดของเขา
แกรนด์ดิโอสรีบเดินไปที่เตียงของกษัตนิย์อาร์เธอร์
ในขณะเดียวกันเสียงฝีเท้าของคนจำนวนหนึ่งดังขึ้นที่ทางเดิน
“เกิดอะไรขึ้น” เซอร์ลานซสล็อตร้องตะโกนถามเสียงพังเมื่อเข้ามาในห้อง
เขามองดูมัลฟอยที่กำลังกอดรัดเฮอร์ไมโอนี่อยู่
มีดสั้นที่ตกอยู่ข้างๆเตียงของกษัตริย์ทำให้เขาเริ่มเข้าใจ
“จับนางไว้” เขาพูดสั้นๆ แต่แกรนด์ดิโอสกลับโดดเข้าขวางอัศวิน
สองคนที่กำลังเดินเข้าไปหาเฮอร์ไมโอนี่ไว้ เซอร์ลานซสล็อตมองดูเขาอย่างงงๆ
“ท่านคิดจะขัดขวางเราอย่างนั้นหรือ แกรนด์ดิโอส”
“หามิได้ เราเพียงแต่ไม่ต้องการให้ท่านทำร้ายนางแค่นั้น”
แกรนด์ดิโอสพูดด้วยท่าทางอ่อนน้อม
“นางกำลังทำร้ายองค์กษัตริย์ เจ้ายังคิดปกป้องนางอีกหรือ”
“นางไม่ได้คิดทำร้ายใคร นางโดนมนต์สะกด”แกรนด์ดิโอสเถียง
เซอร์ลานสล็อตมองดูอย่างพิจารณาจนเมื่อเมอร์ลินก้าวเข้ามาในห้อง
เขาเดินตรงไปที่มัลฟอยแล้วโบกมือเหนือเฮอร์ไมโอนี่
เธอหยุดดิ้นและค่อยๆทรุดตัวลงบนพื้นอย่างอ่อนแรง
ชายชราเดินไปที่เตียของกษัตริย์อาร์เธอร์ เทผงยาสีเงินไปเหนือพระองค์
กษัตริย์หนุ่มพลิกตัวลืมตาขึ้น เขาผุดลุกนั่งอย่างเร็วและเต็มไปด้วยความระมัดระวัง
สายตามองไปรอบๆ
“เกิดอะไรขึ้น”
“สตรีนางนี้คิดจะสังหารพระองค์” อัศวินคนหนึ่งรายงานอย่างเร็ว
กษัตริย์อาร์เธอร์มองดูเฮอร์ไมดอนี่เขาสวมเสื้อคลุมขณะที่ก้าวลงจากเตียง
ราชินีมองตามด้วยสีหน้าที่หวาดหวั่น
“ไม่น่าเชื่อ นางจะผ่านทหารยามและอัศวินเข้ามาที่ห้องของเราได้อย่างไร”
“เวทย์มนต์พระองค์ นางเป็นแม่มดอย่าลืมสิ”
เซอร์เพลินอร์พูดขึ้นขณะที่จ้องมองดูเฮอร์ไมโอนี่ราวกับจะฉีกเธอเป็นชิ้นๆ
มัลฟอยมองเขากลับด้วยสายตาราวจะบอกว่า
จะทำแบบเดียวกันถ้าเขาแตะเด็กสาวแม้เพียงปลายก้อย
“นางโดนมนต์สะกด” เสียงห้าวๆที่มีอำนาจดังขึ้น ทุกคนหันไปมองเมอร์ลินเป็นตาเดียว
ชายชรายืนอยู่ตรงหน้ากษัตริย์อาร์เธอร์ พระองค์มองเขาด้วยสายตาที่เหมือนกำลังถาม
“นางถูกวางยากล่อมจิต อย่างแรงเลยทำอะไรโดยไม่รู้ตัว
ไม่เห็นหรือว่าข้อเท้าของนางเจ็บ
ถ้าคนปรกติธรรมดาคงเดินไม่ได้แน่ลองมันบวมได้ขนาดนี้” เขาชี้แจง ทุกคนหันไปมอง
จริงอย่างที่ชายชราพูด ข้อเท้าของเฮอร์ไมโอนี่บวมแดงจนน่ากลัว
“แล้วใครเป็นคนทำ”
กษัตริย์อาร์เธอร์พูดเบาๆก่อนจะเดินไปดูเธอใกล้ๆอย่างพิจารณามัลฟอยขยับตัวอย่างระวังพระองค์ยิ้มน้อยๆ
“ไม่ต้องวิตก ท่านเดรโก
อย่างไรเสียเราไม่อาจทำใจให้เชื่อได้ว่าเด็กสาวอย่างเฮอร์ไมโอนี่จะกล้ากระทำการอุกอาจเยี่ยงนี้ได้”
พระองค์เอื้อมมือไปแตะที่ขอ้เท้าเฮอร์ไมโอนี่เบาๆ เธอสะดุ้งน้อยๆ
“ไปตามหมอหลวงมา” พระองค์หันไปสั่งทหารยามที่ยืนอยู่ เขาวิ่งออกไปทันที
“อุ้มนางมาไว้บนเก้าอี้นี่ดีกว่า” พระองค์บอกมัลฟอย
เขาอุ้มร่างที่ไร้สติของเฮอร์ไมโอนี่ไปนั่งบนเก้าอี้นวมนุ่ม
“ท่านคิดว่า นี่เป็นฝีมือของผู้ใด ท่านเมอร์ลิน”
“เรายังไม่ทราบ” เสียงเมอร์ลินตอบกลับมา
กษัตริย์อาร์เธอร์หันไปมองดูชายชราที่กำลังยืนด้วยสีหน้าสงบนิ่งแล้วอมยิ้ม
“ท่านไม่ทราบ หรือท่านไม่บอกกันแน่ ท่านผู้เฒ่า” พระองค์ตรัสถาม
เมอร์ลินยิ้มน้อยๆตามแบบฉบับ
“แล้วจะแก้มนต์สะกดนางได้หรือไม่” เซอร์ลานสล็อตเอ่ยถามด้วยสีหน้าวิตก
พ่อมดชราพยักหน้าน้อยๆ
“เราเข้าใจว่ายาที่นางได้รับเข้าไปยังไม่ครบตามจำนวนที่ถูกต้อง
จึงยังไม่โดนครอบงำเต็มที่”
เขาล้วงมือเข้าไปในเสื้อคลุมตัวยาวหยิบขวดยาใบจิ๋วออกมาส่งให้มัลฟอย
“ให้นางดื่มเมื่อกลับไปที่ห้องแล้ว” เมอร์ลินพูดสั้นๆ
มัลฟอยรับขวดยามาเก็บไว้ในเสื้อคลุม
หมอหลวงเดินเข้ามาในห้องแล้วลงมือตรวจเด็กสาวอย่างรวดเร็ว
กษัติรย์อาร์เธอร์ลุกขึ้นเดินไปยังพ่อมดชรา พระองค์พูดอะไรเบาๆกับเขา
เมอร์ลินผงกศีรษะรับน้อยๆ เซอร์ลานสล็อตมีสีหน้ากังวลทันที
“ให้พวกเราไปได้แล้วหรือยัง”
มัลฟอยถามขึ้นเมื่อหมอหลวงทำแผลให้เฮอร์ไมโอนี่และเขาจนเสร็จเรียบร้อย
กษัตริย์อาร์เธอร์พยักหน้าน้อยๆเป็นเชิงอนุญาต
มัลฟอยอุ้มร่างของเฮอร์ไมโอนี่ขึ้นแล้วเดินออกจากห้องไปทันที
แกรนดิดิโอสทำท่าจะเดินตามไปด้วย แต่เซอร์ลานสล็อตร้องเรียกเขาไว้
“ท่านอยู่ที่นี่ก่อน แกรนด์ดิโอส”

...........................................................................................................................................................................

มัลฟอยค่อยๆวางร่างที่ไร้สติของเฮอร์ไมโอนี่ลบนเตียงอย่าเบามือที่สุด
เขาลูบใบหน้าที่หลับไหลอย่างทะนุถนอมก่อนจะล้วงมือหยิบขวดยาที่เมอร์ลินให้ออกมา
“เกรนเจอร์ ดื่มนี่ซะ” เขาพูดเบาๆข้างหูเด็กสาวแต่ดูเหมือนจะไม่เป็นผล
มัลฟอยเม้มปากก่อนจะยกขวดยาเทเข้าปากของตนเองแล้วก้มหน้าลงไปที่เฮอร์ไมโอนี่
เขาขยับปากเบาๆเพื่อเปิดปากของเด็กสาวก่อนจะค่อยๆปล่อยน้ำยาให้ผ่านเข้าไปในลำคอของเธอ
แม้เมื่อยาจะหมดไปแล้วแต่ดูเหมือนเด็กชายจะยังไม่ยอมถอนริมฝีปากของเขาออก
จนเมื่อเฮอร์ไมโอนี่ร้องครางออกมาเบาๆ มัลฟอยรีบถอยหน้าออกมาอย่างเร็ว
“เกรนเจอร์” เขาเรียกเบาๆ เฮอร์ไมโอนี่ลืมตาขึ้นแล้วมองไปรอบๆอย่างงงๆ
“มัลฟอย” เธอขยับตัวแต่ต้องร้องออกมาด้วยความเจ็บ
เด็กสาวจ้องมองดูขาที่บวมเป่งของเธอ
“ทำไมถึงเป็นแบบนี้” เธอถามเสียงตระหนก
มัลฟอยไม่ตอบอะไรเขาเงียบจนเฮอร์ไมโอนี่นึกเอะใจ
“เกิดอะไรขึ้น มัลฟอย” เธอถามเสียงหวั่นๆ มัลฟอยเม้มปากน้อยๆราวกับจะตัดสินใจ
“เธอเดินออกจากห้องไปทำร้ายอาร์เธอร์”
“อะไรนะ!” เออร์ไมโอนี่ร้องเสียงหลง “ฉันเนี่ยนะไปทำร้ายกษัตริย์อาร์เธอร์
ฉันจะทำได้ยังไงกันมัลฟอย เดินเองก็แทบจะไม่ได้อยู่แล้ว”
“แล้วไม่สงสัยเลยอย่างนั้นหรือว่าทำไมขาเธอถึงได้บวมแบบนั้น” เด็กชายถามเรียบๆ
เฮอร์ไมโอนี่ชะงักสีหน้าเริ่มครุ่นคิด
“ถ้าอย่างนั้นที่ฉันฝันนั่นมันก็จริงน่ะสิ” เธอครางออกมา มัลฟอยจ้องดูเธอ
“เธอฝันว่ายังไง”
“ฉันฝันว่า ตัวฉันกำลังเดินอยู่ในความมืด
แล้วมีเสียงผู้หญิงดังขึ้นสั่งให้ฉันเดินไปข้างหน้าเรื่อยๆ”
เฮอร์ไมฮนี่ทำสีหน้าครุ่นคิดก่อนจะเล่าต่อ
“แล้วจู่ๆรอบๆตัวก็สว่างจ้าไปหมด มันสว่างเสียจนฉันมองอะไรไม่เห็น
มันแสบตาจนเวียนหัว แล้วมีเสียงสั่งให้ฉันเหวี่ยงมือไปข้างหน้า
ตรงนั้นมีเงาคนกำลังนอนหลับอยู่ ฉันพยายามห้ามตัวเองนะ มัลฟอย
แต่มันบังคับตัวเองไม่ได้เลย ยิ่งฝืนก็ยิ่งปวดหัว” เธอหันไปมองหน้ามัลฟอย
“แล้วฉันก็ได้ยินเสียงของเธอมัลฟอย
เธอกำลังเรียกฉันแต่ไม่รู้ว่าทำไมในตอนนั้นฉันถึงรู้สึกว่าเธอกำลังจะมาทำร้ายฉัน
ฉันเลยพยายามสู้” เธอก้มหน้าลงแล้วตาเบิกกว้างอย่างตกใจ
ที่แขนของมัลฟอยมีผ้าพันไว้รอยเลือดซึมอกมาจางๆ
“นั่น เป็นเพราะฉันใช่ไหม” เธอพูดเสียงสั่นพร่า
มัลฟอยมองดูแขนของตัวเองก่อนจะยักไหล่อย่างไม่สนใจ
“แค่รอยถากเล็กน้อย ไม่ต้องไปสนใจหรอก”
“แต่ฉันทำร้ายเธอ จริงๆ” เสียงของเฮอร์ไมโอนี่สั่น
น้ำตาปริ่มเอ่อล้นขอบตาแล้วไหลลงอาบแก้ม มัลฟอยมองดูด้วยความตกใจ
“เธอร้องไห้ทำไมกันน่ะ เกรนเจอร์”
“ฉันทำเรื่องร้ายแรงลงไปแล้ว ฉันทำร้ายกษัตริย์ และที่สำคัญฉันทำร้ายเธอ มัลฟอย”
“ไม่มีใครเป็นอะไรหรอก เกรนเจอร์ อย่าร้องไห้สิ”
เขาปลอบมือยื่นออกไปเช็ดน้ำตาที่ไหลพรั่งพรูลงมาแล้วจู่ๆ
มัลฟอยก็ดึงร่างแบบบางเข้ามากอดไว้แน่น ราวกับว่าเขากำลังกลัวจะสูญเสียเธอไป
“อย่าร้องไห้ เกรนเจอร์ ฉันไม่ยอมให้ใครมาทำร้ายเธอได้ ไม่ว่าหน้าไหนก็ตาม”
มัลฟอยกอดเธอแน่นขณะที่มือลูบไปบนเรือนผมเบาๆ
“พวกอัศวินคงไม่ให้อภัยฉันแน่ ฉันทำร้ายกษัตริย์ของพวกเขานะ”
“ไม่มีใครคิดแบบนั้นหรอก เกรนเจอร์
เมอร์ลินได้อธิบายทุกอย่างให้อาร์เธอร์ฟังแล้วและทุกคนก็เข้าใจแล้วด้วย”
มัลฟอยพูดขณะทีเลื่อนจมูกไปจุมพิตที่แก้มของเฮอร์ไมโอนี่อย่างแผ่วเบา
“ว่าแต่เธอจำได้ไหมว่ามีใครเอาอะไรมาให้เธอกินในช่วงสองสามวันนี่”
เขาถามทั้งๆที่ยังกอดเฮอร์ไมโอนี่ไว้แน่น
“อันที่จริงก็มีตั้งหลายคนนะ ทั้งผลไม้ ขนมแล้วก็ยา”
เธอเบิกตากว้างแล้วหยุดคำพูดทันที มัลฟอยหรี่ตาลงอย่างน่ากลัว
“ยาอย่างนั้นหรือ” สายตาที่น่ากลัวฉายวาบขึ้นโดยที่เฮอร์ไมโอนี่ไม่เห็น
เธอพยักหน้าน้อยๆก่อนจะดึงตัวให้ออกจากอ้อมกอดของมัลฟอย
ดวงตาสีน้ำตาลจ้องมองเข้าไปที่ดวงตาสีซีดที่กำลังโชนไปด้วยความโกรธ
“มันอาจจะไม่เป็นอย่างนั้นก็ได้นะ มัลฟอย
ฉันหมายถึงอัลเกรนทีเนียร์คงไม่ได้ทำแบบนั้น...”
“ใครจะไปรู้ความคิดของมักเกิ้ลหญิง” มัลฟอยพูดด้วยน้ำเสียงดูถูก
“แต่เขาคงไม่มีความสามารถในการปรุงยาแบบนั้นนะ มัลฟอย”
“เราไม่รู้จักเขาดีพอ เกรนเจอร์
เราไม่รู้หรอกว่าจริงๆแล้วยายคนนี้กำลังคิดทำอะไรอยู่”
มัลฟอยพูดก่อนจะดันตัวเฮอร์ไมโอนี่ให้นอนลง
“เธอคงจะเพลียมาก นอนหลับให้สบายก่อนดีกว่านะ”
“แต่ฉันไม่ง่วงนี่”
“เธอต้องนอน” เขาดุเบาๆแล้วหรี่ตาลงรอยยิ้มฉาบบนมุมปากบาง
“หรือต้องให้ฉันจูบเธอก่อน”
“ไม่ต้อง” เฮอร์ไมโอนี่รีบพูดขึ้นพลางเอนตัวลงนอนอย่างเร็ว
“หลับตาด้วยสิ”
มัลฟอยพูดขรึมๆแขนสองข้างกางคร่อมร่างของเด็กสาวขณะที่ดวงตาจ้องไปที่เธออย่ามีความหมาย
“ห้ามทำอะไรตอนที่ฉันหลับนะ” เฮอร์ไมโอนี่พูดเสียงหวั่นๆ มัลฟอยหัวเราะ
“ฉันชอบทำอะไรตอนเธอตื่นมากกว่า เกรนเจอร์ มันสนุกว่าตั้งแยะ”
เฮอร์ไมโอนี่หน้าแดงแล้วหลับตาลง
เสียงผ่อนลมหายใจทำให้มัลฟอยรู้ว่าเธอหลับสนิทลงแล้ว
เด็กชายถอยลงไปนั่งที่เก้าอี้พลางเสยผมสีบลอนด์อย่างใช้ความคิด
“ฉันจะเอาตัวคนที่ทำเรื่องนี้มาคุกเข่าขอโทษต่อหน้าเธอให้ได้ เกรนเจอร์
มันจะต้องชดใช้สิ่งที่มันทำกับเธออย่างสาสมที่สุด”


.....................................................................................................................................................................

**15**

อัลเกรนทีเนียร์ยืนก้มหน้าอยู่เบื้องหลังของมอร์แกน เลอ
เฟย์ซึ่งกำลังยืนมองดูทหารและอัศวินที่กำลังเดินกันอยู่อย่างขวักไขว่ทางเบื้องล่าง
“ขออภัยที่ศิษย์ทำพลาด” เธอพูดด้วยน้ำเสียงหวาดหวั่น มอร์แกน เลอ
เฟย์เบือนสายตาที่เย็นนิ่งมามองเธอ
“ไม่เป็นไรหรอก อัลเกรนทีเนียร์
นั่นเป็นเพราะยายเด็กนั่นกินยาเข้าไปไม่ครบต่างหากเราจึงควบคุมมันได้ไม่เต็มที่นัก”
“เราได้สั่งลงโทษสาวใช้ที่โง่เง่านั่นไปแล้ว ท่านมอร์กาน่า” อัลเกรนทีเนียร์บอก
มอร์แกน เลอ เฟย์จุ๊ปากเบาๆ
“เจ้าฆ่ามันไปแล้วหรือยัง”
“แค่เฆี่ยนมันเท่านั้นค่ะ หรือต้องจัดการให้เด็ดขาดกว่านั้น” อัลเกรนทีเนียร์ถาม
มอร์แกน เลอ เฟย์ส่ายหน้าก่อนจะเดินไปนั่งที่เก้าอี้ มือที่กุมไม้กายสิทธิ์โบกเบาๆ
น้ำชาถูกรินลงถ้วย ควันที่หอมกรุ่นลอยขึ้น เธอหยิบมันขึ้นมาจิบ
“เราจะเก็บมันไว้ก่อน ให้มันรับผิดแทนเรา เจ้าคงจะเข้าใจนะอัลเกรนทีเนียร์” มอร์แกน
เลอ เฟย์พูดเสียงเย็นนิ่งแต่ดวงตากลับเย็นชาและนิ่งสนิทกว่า
อัลเกรนทีเนีย์พยักหน้าอย่างเข้าใจ
“เจ้าออกไปได้ ทำเหมือนไม่รู้เรื่องราวต่างๆที่เกิดขึ้น จำเอาไว้” นางกำชับ
อัลเกรนทีเนีย์ก้มศีรษะลงเล็กน้อยเพื่อแสดงความคำนับก่อนจะเดินออกจากห้องไป มอร์แกน
เลอ เฟย์ยกถ้วยชาขึ้นดื่มก่อนจะพึมพำเบาๆ
“ต้องกำจัดเจ้าพ่อมดเดรโกนั่นก่อน ต่อไปก็ถึงคราวของแก เมอร์ลิน”

...................................................................................................................................................................