ประวัติความเป็นมาของสหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศนั้นนับว่าเป็นสิ่งที่น่าสนใจควรจได้นำมาศึกษาเป็นอย่างยิ่งในนามของชมรม
แพ็คเก็ตเรดิโอแห่งประเทศไทย จะได้นำประวัติโดยย่อขององค์กรนี้มาเสนอ เพื่อเป็นแนวทางแห่งการศึกษาต่อไป เป็นทราบกันดีอยู่แล้วว่า
"สหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศ" นั้น เป็นองค์กรที่มีความสำคัญยิ่ง เพราะเกี่ยวเนื่องกันจัดระเบียบการสือสารโทรคมนาคมของโลก
ซึ่งกฏเกณฑ์ใด ๆ ที่กำหนดโดย ITU นี้จะได้รับการปฏิบัติจากประเทศสมาชิกทั่วโลก แม้ประเทศไทยเอง ก็มีผู้แทนใน" สภา TIU" อยู่
ซึ่งสภานี้มีหน้าที่พิจารณาเรืองราวต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในประเทศสมาชิกทุกประเทศ
การส่งโทรเลขครั้งแรก
หากจะมองย้อนอดีตไปเมื่อ 156 ปีมาแล้ว ซึ่งตรงกับวันที่ 24 พฤษภาคม ปีพุทธศักราช 2387 เป็นปีที่ Samuel Morse ได้ทำการส่งข้อ
ความผ่านสายโทรเลขติดต่อกันระหว่างกรุงWashington และ Baltimore กล่าวได้ว่าเป็นยุคเริ่มต้นแห่งการสือสารโทรคมนาคม
ในระยะนั้น การส่งโทรเลขทำกันในเฉพาะประเทศของตนเองเท่านั้น ทั้งนี้ก็เพราะแต่ละประเทศก็มีระบบเป็นของตนเองที่แตกต่าง
กันนั้นประการหนึ่ง ส่วนอีกประการหนึ่งก็เกี่ยวกับระหัสโทรเลขนั้นจะต้องเป็นความลับทางทหารและการเมืองของแต่ละประเทศ ดังนั้น
ข้อความโทรเลขจะต้องทำต้นฉบับก่อน แล้วทำการแปล เสร็จแล้วจึงจะทำการส่งข้ามสู่ประเทศเพื่อนบ้านใกล้เคียงกัน
เครือข่ายโทรเลข
ต่อมาประเทศต่าง ๆ ก็ได้มีทำข้อตกลงเชื่อมการติดต่อระหว่างกันขึ้น การเชื่อมการติดต่อแต่ละครั้งก็ต้องใช้ข้อตกลง
แยกกันไปหลายเรื่อง(ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดก็คือ การติดต่อกันระหว่างเมืองหลวงของประเทศในอ่าวเปอร์เชียกับประเทศเยอรมันต้องทำข้อตกลง
กันไม่น้อยกว่า 15 ฉบับ) การทำข้อตกลงของประเทศต่าง ๆ เป็นทั้งแบบทวีภาคีและแบบภูมิภาคทั้งนี้ก็เพื่อให้ครอบคลุมการติดต่อกันทาง
โทรเลขระหว่างประเทศต่าง ๆ นั่นเอง ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดได้แก่อนุสัญญาของภายภูมิภาคที่ได้รวมเอาข้อตกลงที่สามารถทำให้การติดต่อระหว่าง
กันเป็นแบบเครือข่ายระหว่างประเทศต่าง ๆ หลาย ๆ กลุ่มเข้าด้วยกันในปีพุทธศักราช 2407
การขยายเครือข่ายโทรเลขตัวและการเติบโตเป็นไปอย่างกว้างขวาง ประเทศต่าง
ๆ ในยุโรป 20 ประเทศได้จัดการประชุม
เพื่อจัดทำกรอบของข้อตกลง โดยพิจารณาจัดทำกฏระเบียบในการใช้อุปกรณ์ให้มีมาตราฐานเดียวกัน เพื่อเป็นหลักประกันว่าการติดต่อซึ่งกัน
และกันเป็นไปได้โดยไม่มีปัญหา ปรับปรุงรูปแบบการทำงานที่ต่างกันของแต่ละประเทศ(ให้สอดคล้องกัน)พร้อมกันนั้นก็ได้วางระบบบัญชี
ศุลกากรให้ชัดเจน
อนุสัญญาโทรเลขระหว่างประเทศ
ในวันที่ 17 พฤษภาคม 2408 หลังที่ได้มีการเจรจากันเป็นเวลาสองเดือนครึ่ง ได้มีการลงนามในอนุสัญญาโทรเลขระหว่างประเทศขึ้น
โดยมีประเทศต่างๆ เข้าร่วมลงนามถึง 20 ประเทศ พร้อมกับได้จัดตั้งสหภาพโทรเลขระหว่งประเทศขึ้น ทำให้สามารถปรับปรุงแก้ไข
ข้อตกลงต่าง ๆ ที่ได้ทำก่อนหน้านี้ นี่เองก่อกำเนิด ITU ขึ้นเมื่อ 135 ปีมาแล้ว อันเป็นเหตุและผลนำไปสู่การก่อตั้งสหภาพนี้ขึ้นมา
ได้ใช้เป็นวัตถุประสงค์ขั้นมูลฐานขององค์กรมาตราบเท่าทุกวันนี้โดยไม่เปลี่ยนแปลง
นับตั้งแต่บัดนั้นจวบจนกระทั่งเดี๋ยวนี้ การพัฒนาการสือสารโทรคมนาคมได้เดินหน้าเรือยมา ประวัติความเป็นมาของ ITU
จะชี้ให้เห็นถึงความก้าวหน้าที่องค์กรนี้ได้ทำหน้าที่รับผิดชอบแต่สายตาโลกตลอดมา เพราะเหตุที่มีอนุสัญญาเกี่ยวกับโทรศัพท์พร้อม ๆ
กันการขายตัวของโทรศัพท์เอง สหภาพโทรเลชได้ออกพระราชบัญญัติโทรศัพท์ขึ้นในปีพุทธศักราช 2428
เนื่องจากมีอนุสัญญาว่าด้วยวิทยุโทรเลข ซึ่งเป็นการสือสารโทรคมนาคมทางวิทยุเป็นครั้งแรกในปีพุทธศักราช 2439
และเท็คนิคการใช้งานที่ให้ประโยชน์อย่างมากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการนำไปใช้งานสำหรับเรือเดินสมุทร จึงไดริเริมให้มีการจัดการ
ประชุมว่าด้วยเรืองวิทยุขึ้นในปีพุทธศักราช 2446 เพื่อศึกษาปัญหาอันเกี่ยวกับกฏระเบียบข้อบังคับการสือสารโทรคมนาคมวิทยุโทรเลข
ระหว่างประเทศ ดังนั้น การประชุมว่าด้วยเรื่องวิทยุโทรเลขระหว่างประเทศจึงได้จัดขึ้นเป็นครั้งแรกในปีพุทธศักราช 2449 หนังสือแนบ
ท้ายอนุสัญญาฉบับนี้ได้รวมเอากฏระเบียบวิทยุโทรเลขก่อนหน้าที่ไว้ด้วย กฏระเบียบต่าง ๆ เหล่านี้ ซึ่งก็ได้รับการแก้ไขปรับปรุง
และทบทวนใหม่ในการประชุมหลายครั้งเป็นเวลาหลายปีที่ผ่านมาเป็นที่รู้กันในนาม กฏระเบียบวิทยุ มาตราบเท่าทุกวันนี้
การส่งกระจายเสียง
ในปีพุทธศักราช 2463 ได้มีการเริ่มส่งกระจายเสียงจากสตูดิโอของบริษัทมาร์โคนี่ เมื่อถึงปีพุทธศักราช 2470 ก็ได้มีการตั้ง
คณะกรรมาธิการที่ปรึกษาวิทยุระหว่างประเทศ (CCIR) ขึ้น ซึ่งก่อนหน้านี้ก็ได้มีการตั้งคณะกรรมาธิการที่ปรึกษาโทรศัพท์ระหว่าง
ประเทศขึ้นในปีพุทธศักราช 2467 หนึ่งปีต่อมาก็ได้มีการตั้งคณะกรรมาธิการที่ปรึกษาโทรเลขระหว่างประเทศขึ้นในปีพุทธศักราช 2468
คณะกรรมาธิการที่ปรึกษาวิทยุระหว่างประเทศมีหน้าที่รับผิดชอบในการศึกษาและประสานงานเรื่องราวเกี่ยวกับเท็คนิคทางวิทยุตรวจสอบ
และวัดผล ทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับการสือสารโทรคมนาคมเพื่อให้อยู่ในมาตราฐาสากล
คณะกรรมาธิการระหว่างประเทศชุดต่าง ๆ ดังกล่าวแล้วมีหน้าที่จะต้องเข้าร่วมประชุมวางกฏระเบียบต่าง ๆ ของสหภาพ
ซึ่งรวมถึงข้อตกลงระหว่างประเทศต่าง ๆ ทุกชนิดอันเกี่ยวกับโทรคมนาคม
ในปีพุทธศักราช 2470 สหภาพได้จัดทำผังการใช้ความถี่แบนด์ต่าง ๆ ของวิทยุที่ใช้ในกิจการต่าง ๆ ที่มีอยู่ในขณะนั้น
(กำหนดแบนด์สำหรับ เรือเดืนสมุทรและเดินอากาศ การกระจายเสียง วิทยุสมัครเล่น และวิทยุเพื่อการทดลองต่าง ๆ ) เพื่อให้เป็นที่มั่น
ใจว่า การใช้งานต่าง ๆ นั้นเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ เนืองจากมีการใช้บริการที่ต้องใช้ควมถี่มากขึ้น พร้อมกับเท็คนิคการใช้งาน
บริการในแต่ละอย่าง
กำเนิดสหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศ(international Telecommunication Union:ITU)
ในการประชุมที่กรุง Madrid ในปีพุทธศักราช 2475 สหภาพได้นำเมาอนุสัญญาโทรเลขระหว่างประเทศปี
พุทธศักราช 2408 และอนุสัญญาวิทยุระหว่างประเทศปีพุทธศักราช 2449 มาพิจารณาเพื่อรวมเป็นอนุสัญญาโทรคมนาคม
ระหว่างประเทศ พร้อมกันนั้นก็ได้ขนานนามให้ใหม่ว่า สหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศ(Internataional
Telecommunication Union:ITU) ในวันที่ 1 มกราคม 2477 เพื่อรับผิดชอบในหน้าที่ต่าง ๆ โดยสมบูรณ์แบบ นั่นก็คือ
การสือสารโทรคมนาคมทุกรูปแบบ โดยทางคลื่น ทางวิทยุ ระบบการสือสารที่เห็นด้วยตา หรือระบบการสือสารคลื่นแม่เหล็กอื่น ๆ
องค์กรชำนัญพิเศษแห่งสหประชาชาติ
หลังสงครามโลกครั้งที่สองสิ้นสุดลงในปีพุทธศักราช 2490 ITU ได้จัดการประชุมขึ้นอีกครั้งหนึ่ง ด้วยวัตถุประสงค์
เพื่อพัฒนาองค์กรให้ทันสมัยยิ่งขึ้นดังนั้น ภายใต้ข้อตกลงของสหประชาชาติ ได้กลายเป็นองค์กรชำนัญพิเศษของสหประชาชาติ
ในวันที่ 15 ตุลาคม 2490 ที่ประชุมได้พิจารณาย้ายสำนักงานใหญ่ขององค์กรซึ่งตั้งมาตั้งแต่ปีพุทธศักราช 2411 ย้ายจากกรุง Bern
มาที่กรุง Geneva จากนั้นก็ได้ตั้งคณะกรรมการทะเบียยความถี่ระหว่างประเทศ(International Frequency Registration Board:IFRB) ขึ้น
เพื่อทำหน้าที่รับผิดชอบเกี่ยวกับคลื่นวิทยุที่มีความสับสนมากเพิ่มมากขึ้น ตารางการใช้ความถี่ ซึ่งประกาศใช้งานเมื่อปีพุทธศักราช 2455
กลายเป็นอาณัติคำสั่งที่ทุกประเทศจะต้องประฏิบัติตามตราบเท่าทุกวันนี้ เป็นการกำหนดตารางคลื่นวิทยุคที่ใช้บริการประเภทต่าง ๆ
(มีประมาณ 40 ประเภทในปัขขุบัน) กำหนดแบนด์ของความถี่ต่าง ๆ ให้ชัดเจนทั้งนี้เพื่อหลีกเลี่ยงการรบกวนกันระหว่างสถานีต่าง ๆ
ในการติดต่อสือสารระหว่างอากาศยานและสถานีควบคุมภาคพื้นดิน โทรศัพท์ประจำรถยนต์ เรือเดินสมุทรกับสถานีชายฝั่ง
ระหว่างสถานีวิทยุต่าง ๆ หรือยานอวกาศกับสถานีที่ตั้งอยู่บนพื้นโลก
กำเนิดคณะกรรมาธิการที่ปรึกษาโทรศัพท์และโทรเลขระหว่างประเทศ (International Telephone and Telegraph Consultative Committee(CCIT)
ในปีพุทธศักราช 2499 ได้มีการนำเอา CCIT และ CCIF มารวมกันแล้วตั้งเป็นคณะกรรมาธิการที่ปรึกษาโทรศัพท์
และโทรเลขระหว่างประเทศที่เรียกว่า CCITT เพื่อทำหน้าที่รับผิดชอบงานต่าง ๆ ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
ทั้งนี้ก็เพื่อพัฒนาการสือสารโทรคมนาคมทั้งสองแบบนั่นเอง
ยุคดาวเทียม
ในปีต่อมาได้มีการส่งดาวเทียม SPUTNIK 1 ขึ้นสู่งวงโคจรในอวกาศ อันเป็นจุดเริ่มต้นแห่งยุคอวกาศ
สถานีดาวเทียมสถานีแรกเข้าสู่วงโคจรในปีพุทธศักราช 2506 ซึ่ง Arthur C.Clarke ได้ให้คำแนะนำไว้ตั้งแต่ปีพุทธศักราช 2488
เพื่อใช้ดาวเทียมส่งข้อมูลต่าง ๆ ซึ่งใช้ทั้งระบบถ่ายทอดทางวิทยุและส่งทางสายเคเบิลใต้น้ำ มาบัดนี้ ดาวเทียมได้กลายเป็นทางเลือก
อันสำคัญในการสือสารระยะไกล เพื่อเป็นการรองรับงานต่าง ๆ ในยุคอวกาศ CCIR จึงได้จัดตั้งกลุ่มการศึกษาขึ่นกลุ่มหนึ่งเพื่อ
ทำหน้าที่ศึกษาการสือสารอวกาศทางวิทยุขึ้นในปีพุทธศักราช 2503 พร้อมกันนั้นก็ได้จัดการประชุมวิสามัญการบริหารการสือสาร
อวกาศขึ้นในปีพุทธศักราช 2506 เพื่อกำหนดความถี่ที่ใช้กับการใช้งานด้ายอวกาศต่าง ๆ
คณะกรรมการพัฒนาโทรคมนาคม (Telecommunications Development
Burear(BDT)
เมื่อไม่นานมานี้เอง การประชุมของเอคอัคราชทูตผู้มีอำนาจเต็มแห่งสหประชาชาติได้จัดขึ้นที่เมือง NICE
ในปีพุทธศักราช 2532 เพื่อให้การรับรองการวางรูปแบบการให้ความช่วยเหลือด้านเท็คนิคแก่ประเทศกำลังพัฒนาทั้งหลายเหมือน
กันกับที่มีอยู่ใน ITU ให้มีการประสานงานที่มีพื้นฐานเดียวกัน มีกฏระเบียบมาตราฐานสากลเท่าเทียมกัน
นอกจากนั้นยังได้จัดตั้งคณะกรรมการพัฒนาการสือการโทรคมนาคมขึ้นมีชื่อว่า Telecommunication
Development Bureau(BDT) เพื่อดำเนินความพยายามในการที่จะพัฒนา(การสือสาร)ในประเทศโลกที่สาม คณะกรรมการชุดนี้
ได้เริ่มดำเนินงานมาตั้งแต่ต้นปีพุทธศักราช 2533
การรับใช้ประเทศสมาชิก
ความเปลี่ยนแปลงสำคัญ ๆ ในเรืองการสือสารโทรคมนาคมมีส่วนสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับสหภาพที่จะนำเอาสิ่งใหม่ ๆ
เข้ามาใช้ในเครือข่ายของโลกให้เป็นหนึ่งเดียว จัดหาทรัพยากรเพื่อสนองตอบความต้องการของประเทศสมาชิกอย่างมีประสิทธิภาพ
อย่างไรก็ตาม การเติบโตอย่างรวดเร็วของการสือสารโทรคมนาคมก่อให้เกิดปัญหาใหม่ ๆ
ตามมาอย่างมากมายเผชิญหน้า
ท้าทายความสามารถของสหภาพที่จะต้องเข้าไปแก้ปัญต่าง ๆ ตลอดเวลา
งานของสหภาพได้เพิ่มความสับสนขึ้นไปเรื่อย ๆ ขณะที่เวลาที่มีอยู่เพื่อเปิดโอกาศให้แก้ไขน้อยลงไปทุกที ๆ ขณะเดียวกัน
ก็ได้มีการเปลี่ยนแปลเกิดขึ้นในประเทศสมาชิกต่าง ๆ ของ ITU ซึ่งก่อให้เกิดผลกระทบต่อสหภาพเป็นอย่างมาก เท็คนิคต่าง ๆ ที่นำมา
ใช้ก็ใช้ไม่ได้ก็ด้วยเท็คนิคการพัฒนาที่ไม่อยู่ในร่องรอยนั่นเอง ทั้งผู้ให้บริการและผู้ใช้งานมีจำนวนเพิ่มขึ้นไปเรือย ๆ ตลอดเวลา
ทำให้มีการออกนอกลู่นอกทางไปเรื่อย ๆ ไม่ว่าด้านกฏหมาย โครงสร้างทางเศรษฐกิจและเทคนิคต่าง ๆ มีพื้นที่ฐานที่เปลี่ยนแปลงแตก
ต่างกันไปในแต่ละประเทศ
จำนวนประเทศสมาชิกเพิ่มขึ้นถึง 9 เท่าในช่วงระยะ 135 ปีที่ผ่านมา บทบาทการสือสารโทรคมนาคมสากล
ทั่วไปของสหภาพนั้น มีลักษณะที่ท้าทายที่ต้องเกี่ยวข้องกับอธิปไตยของประเทศต่าง ๆ ซึ่งมีสิ่งแวดล้อมหลากหลายทั้งความต้องการ
พื้นฐานและทรัพยากรทางการสือสารโทรคมนาคมที่กลายเป็นตลาดสากลมีกลักษณะการแข่งขันที่รุนแรง
การสือสารโทรคมนาคมกับความเปลี่ยนแปลง
เมื่อกาลเวลาผ่านไป ผู้ผลิตอุปกรณ์ใหญ่ ๆ สองสามแห่งที่มีตลาดจำกัดลงด้วยเหตุผลทางภูมิศาสตร์ ก็มักจะทำการ
ปกป้องผลิตผลของตนเองในระดับชาติ แต่ขอบเขตการสือสารโทรคมนาคมนั้นมีแนวโน้มใหม่ ๆ ที่เร่งด่วนเกิดขึ้น เป็นต้นว่า
เรืองโลกาภิวัต การละเมิดกฏระเบียบข้อบังคับต่าง ๆ
การปรับโครงสร้างใหม่ มูลค่าเพิ่มการบริการเครือข่าย การเบี่ยงเบนเข้าหากันของการบริการกับเทคโนโลยี่ต่าง ๆ
เครือข่ายสืบรายการลับและการจัดแจงระดับภูมิภาค การสือสารโทรคมนาคมกลายเป็นสิ่งสำคัญสามารถนำไปใช้เพื่อให้
บริกาาต่าง ๆ เป็นต้นว่าระบบธนาคาร การท่องเที่ยว การขนส่ง การให้คำปรึกษาและการบริการด้านข้อมูลข่าวสารต่าง ๆ
มากมายหลายชนิด
<
การสือสารโทรคมนาคมกับการค้าและบริการ
ขณะที่โลกการสือสารโทรคมนาคมกำลังเปลี่ยนไป บทบาทใหม่ก็กำลังเกิดขึ้น และมีการเปลี่ยนไปทุก ๆ วันพร้อม
กับการบริการแบบใหม่ ๆ เพิ่มเข้ามา สิ่งทั้งหลายเหล่าผลักดันให้ ITU เคลื่อนไปข้างหน้าเช่นกัน สิ่งแวดล้อมใหม่ ๆ ที่เกิดขึ้น
แตกต่างจากสิ่งที่เกิดขึ้นตอนที่ก่อตั้ง ITU ขึ้นมา ก่อให้เกิดความจำเป็นที่จะต้องเปลี่ยนค่านิยมโครงสร้าง การทำงาน ขบวนการ
ทรัพยากรที่มีอยู่เพื่อให้สามารถบรรลุวัตถุประสงคของสหภาพ์ให้จงได้
เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ที่วางไว้ ณ ที่ประชุมคณะเอคอัครราชทูตผู้มีอำนาจเต็ประจำองค์การสหประชาชาติได้พิจารณา
ตั้งกรรมการผู้เชี่ยวชาญขึ้นเ,เมือปีพุทธศักราช 2532 แต่การจะตัดสินใจอย่างไรนั้น ก็ขึ้นอยู่กับคณะเอคอัครราชทูตผู้
มีอำนาจเต็มประจำสหประชาชาติ ระรับรองอย่างไรถึงความเปลี่ยนแปลงเกี่ยวกับโครงสร้างและการปฏิบัติงาน ที่ทำให้ ITU
สามารถให้บริการประชาคมสือสารโทรคมนาคมระหว่างประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพตามความต้องการการประชุมนี้ได้
จัดขึ้นในเดือนธันวาคม 2535 ปรับปรุง ITU ให้มีวิถีชีวิตท่ามกลางความสับสน ความยุ่งเหยิงและการแข่งขันแห่งโลกปัจจุบัน.......
และในอนาคต |