๒. อุจฉุวิมาน ว่าด้วยผลบุญที่ทำให้ไปเกิดในอุจฉุวิมาน
 	[๓๐]พระมหาโมคคัลลานเถระ ถามนางเทพธิดานั้นด้วยคาถาความว่า
	"ดูกรนางเทพธิดา ท่านมีศิริ มีผิวพรรณเปล่งปลั่ง มียศและเดช สว่างไสวไพโรจน์ทั่วแผ่นดินรวมทั้งเทวโลกเหมือน
กับพระจันทร์และพระอาทิตย์ เป็นผู้ ประเสริฐเหมือนท้าวมหาพรหม รุ่งเรืองกว่าเทพเจ้าเหล่าไตรทศพร้อมทั้ง อินทร์ 
	อาตมาขอถามท่านผู้ทัดทรงดอกอุบล ยินดีแต่พวงมาลัยประดับเศียร มีผิวพรรณเปล่งปลั่งดั่งทองคำ ประดับประดา
อาภรณ์สวยงามนุ่งห่มผ้าอย่างดี 
	ดูกรนางเทพธิดาผู้เลอโฉม ท่านเป็นใครมาไหว้อาตมาอยู่ เมื่อก่อน ครั้งเมื่อเกิดเป็นมนุษย์ในชาติก่อน ท่านได้
ทำกรรมอะไร ไว้ด้วยตน ได้ให้ทานหรือรักษาศีลอย่างไรไว้ ท่านได้เข้าถึงสุคติ มีเกียรติยศ เพราะกรรมอะไร 
	ดูกรนางเทพธิดา อาตมาถามแล้วขอจงบอกผลนี้แห่งกรรมอะไร?"
	นางเทพธิดานั้น อันพระมหาโมคคัลลานเถระถามแล้ว กล่าวตอบด้วยคาถาความว่า
	"ข้าแต่ท่านผู้เจริญ พระเถระรูปหนึ่งเข้ามายังบ้านของดิฉันเพื่อบิณฑบาต ในกรุงราชคฤห์นี้ ทันใดนั้น ดิฉันมีจิตเลื่อมใส 
เพราะปีติสุดที่จะหา สิ่งใดมาเทียมได้ จึงได้ถวายท่อนอ้อยแก่ท่าน 
	ภายหลังแม่ผัวได้ถามถึง ท่อนอ้อยที่หายไปว่า ท่อนอ้อยหายไปไหน จึงตอบว่า ท่อนอ้อยนั้น ดิฉันไม่ได้ทิ้ง ทั้งไม่ได้
รับประทาน แต่ดิฉันได้ถวายแก่ภิกษุผู้สงบระงับทันใดนั้นแม่ผัวได้บริภาษดิฉันว่า เธอหรือฉันเป็นเจ้าของท่อนอ้อยนั้นว่าแล้วก็คว้า
เอาตั่งฟาดดิฉันจนถึงตาย เมื่อดิฉันจุติจากมนุษยโลกนั้นแล้ว จึงมาเกิดเป็นนางเทพธิดา 
	ดิฉันได้ทำกุศลกรรมนั้นไว้อย่างเดียวเพราะกรรมนั้นเป็นเหตุ ดิฉันจึงมาเสวยความสุขด้วยตนเอง เพียบพร้อมด้วยเทพเจ้า
ผู้รับใช้ ร่าเริงบันเทิงใจอยู่ด้วยเบญจกามคุณ 
	อนึ่งดิฉันได้ทำกุศลกรรมนั้นเท่านั้น เพราะกรรมนั้นเป็นเหตุ ดิฉันจึงมาเสวย ความสุขด้วยตนเอง เป็นผู้ที่ท้าวสักกะ
จอมเทพคุ้มครองแล้ว และเป็นผู้ อันเทพเจ้าชาวไตรทศอารักขาด้วย จึงเป็นผู้เพียบพร้อมไปด้วยเบญจ กามคุณ ผลบุญเช่นนี้มิใช่น้อย 
การถวายท่อนอ้อยของดิฉันมีผลอัน ยิ่งใหญ่ ดิฉันเพียบพร้อมด้วยเทพเจ้าผู้รับใช้ ร่าเริงบันเทิงใจอยู่ด้วย เบญจกามคุณ ผลบุญ
เช่นนี้มิใช่น้อย การถวายท่อนอ้อยของดิฉันมีผลรุ่งเรืองมาก 
	ดิฉันเป็นผู้ที่ท้าวสักกะจอมเทพทรงคุ้มครองแล้ว ทั้งเทพเจ้าชาวไตรทศก็ให้อารักขาด้วย ดังท้าวสหัสสนัยน์ในสวนนันทวัน
ฉะนั้นข้าแต่ท่านผู้เจริญ ก็ดิฉันเข้ามานมัสการท่านผู้มีความกรุณา มีปัญญา รู้แจ้งและถามถึงความไม่มีโรคภัยด้วย เพราะฉะนั้น 
ดิฉันมีใจเลื่อมใส ด้วยปีติสุดที่จะหาสิ่งใดๆ มาเทียบเคียงได้ ได้ถวายท่อนอ้อยแก่พระคุณเจ้าในครั้งนั้น."
                จบ อุจฉุวิมานที่ ๒