[๓๑]พระมหาโมคคัลลานเถระ ถามนางเทพธิดานั้นด้วยคาถาความว่า
"ดูกรนางเทพธิดาผู้มีอานุภาพมาก ท่านอยู่บนที่นอนใหญ่เป็นบัลลังก์อันประเสริฐ อันบุญกรรมตกแต่งให้วิจิตรด้วยแก้วมณี
และทองคำ โรยดอกไม้ไว้เกลื่อนกล่น อนึ่ง รอบๆ ตัวท่าน เหล่านางเทพอัปสรมีร่างสมทรงแผลฤทธิ์ได้ต่างๆ ฟ้อนรำ ขับร้อง ให้ท่านร่าเริง
บันเทิงใจอยู่เป็นนิจ ท่านเป็นนางเทพธิดาผู้ศักดิ์สิทธิ์มีฤทธิ์อานุภาพมาก
ครั้งเมื่อท่าน ยังเป็นมนุษย์อยู่ได้ทำบุญอะไรไว้ ท่านเป็นผู้มีอานุภาพอันรุ่งเรืองและมีรัศมีกายสว่างไสวไปทั่ว ทุกทิศอย่างนี้
เพราะบุญกรรมอะไร?"
นางเทพธิดานั้นตอบว่า
"ดิฉันเมื่อเกิดเป็นมนุษย์อยู่ในมนุษยโลก เป็นบุตรสะใภ้ในตระกูลอัน มั่งคั่งตระกูลหนึ่ง ดิฉันเป็นผู้ไม่โกรธ เป็นผู้ประพฤติ
อยู่ใต้บังคับบัญชาของสามี ไม่ประมาทในวันอุโบสถ เมื่อดิฉันยังเป็นสาวอยู่ เป็นผู้ภักดีด้วยการไม่ประพฤตินอกใจสามีหนุ่ม ดิฉันเป็นที่โปรด
ปรานของสามี เป็นอย่างยิ่ง ก็เพราะดิฉันมีน้ำใจผ่องใส ดิฉันได้ประพฤติตนให้เป็นที่ ชื่นชอบใจของสามีทั้งกลางวันและกลางคืน
ชาติก่อนดิฉันเป็นผู้มีศีล เป็นผู้บำเพ็ญในสิกขาบททั้งหลายอย่างครบถ้วน คือ เว้นขาดจากการฆ่าสัตว์ ไม่ลักทรัพย์ มีการงานทาง
กายบริสุทธิ์ ประพฤติพรมจรรย์ อย่างสะอาดไม่กล่าวคำเท็จ และเว้นขาดจากดื่มน้ำเมา
ดิฉันมีใจเลื่อมใสประพฤติตามธรรม ปลาบปลื้มใจ เข้ารักษาอุโบสถประกอบด้วยองค์ ๘ประการ ในวัน ๑๔ ค่ำ ๑๕ ค่ำ และวัน ๘ ค่ำ
แห่งปักษ์ และตลอดปาฏิหาริยปักษ์ ครั้นดิฉันสมาทานกุศลธรรมอันประกอบด้วยองค์ ๘ประการอย่างประเสริฐ เป็นอริยะ มีความสุขเป็นกำไร
เช่นนี้แล้ว ชาติก่อนดิฉันได้เป็นสาวิกของพระสุคตเจ้า ได้เป็นผู้อยู่ใต้บังคับบัญชาของสามีเป็นอันดี ครั้นดิฉันทำกุศลกรรมเช่นนี้
ในขณะที่ยังมีชีวิตอยู่ใน มนุษยโลก เป็นผู้มีส่วนแห่งภพอันวิเศษ
พอสิ้นชีพลงแล้ว ดิฉันจึงถึงความเป็นนางเทพธิดาผู้มีฤทธิ์ ในอภิสัมปรายภพ มาสู่สวรรค์ ห้อมล้อมด้วยหมู่นางเทพอัปสรในวิมานมี
ปราสาทอย่างประเสริฐ น่า รื่นรมย์ คณะเทพเจ้าและเหล่านางเทพธิดาทั้งหลาย ซึ่งมีรัศมีซ่านออกจากกายตน พากันมาชื่นชมยินดีกับดิฉัน
ผู้มีอายุยืน มาสู่เทพวิมาน."
จบ ปัลลังกวิมานที่ ๓. |