ปัญญาสนิบาตชาดก ๕. คุตติลวิมาน ว่าด้วยผลบุญที่ทำให้ไปเกิดในคุตติลวิมาน
 
	[๓๓] พระมหาสัตว์นามว่าคุตติลบัณฑิต อันสมเด็จอัมรินทราธิราชทรงจำแลงองค์เป็น พราหมณ์โกสิยโคตร เสด็จเข้าไปหา
ทรงซักถามแล้ว ได้ทูลตอบแสดงความเจ็บใจของตนให้ ท้าวเธอทรงทราบ ด้วยคาถาความว่า
	"ข้าแต่ท้าวโกสีย์ ข้าพระองค์ได้สอนวิชาดีดพิณ ๗ สาย อันมีเสียง  ไพเราะมาก น่ารื่นรมย์ ให้แก่มุสิละผู้เป็นศิษย์ เขาตั้งใจ
จะดีดพิณ  ประชันกับข้าพระองค์บนกลางเวที ขอพระองค์ทรงเป็นที่พึ่งของข้าพระ องค์ด้วย."
	 สมเด็จอัมรินทราธิราช ทรงสดับคำปรับทุกข์นั้นแล้ว เมื่อจะทรงปลอบอาจารย์ จึงตรัส ปลุกใจด้วยคาถาความว่า
	" จะกลัวไปทำไมนะท่านอาจารย์ ข้าพเจ้าจะเป็นที่พึ่งของท่านอาจารย์ เพราะข้าพเจ้า
เป็นผู้บูชาท่านอาจารย์ ข้าพเจ้าผู้เป็น
ศิษย์จะไม่ปล่อยให้ ท่านอาจารย์ปราชัย ท่านอาจารย์ต้องเป็นผู้ชนะนายมุสิละผู้เป็นศิษย์  แน่นอน."
	เมื่อสมเด็จอัมรินทราธิราชตรัสปลอบใจเช่นนี้ คุตติลบัณฑิตก็โล่งใจ คลายทุกข์  พอถึงวันนัดก็ไปประลองศิลป์กันบนเวทีหน้า
พระโรง ในที่สุดคุตติลบัณฑิตผู้อาจารย์เป็นฝ่ายชนะ นายมุสิละผู้เป็นศิษย์เป็นฝ่ายแพ้ถึงแก่ความตายกลางเวที เพราะอาชญาของปวงชน 
สมเด็จ อัมรินทราธิราชทรงกล่าววาจาแสดงความยินดีด้วยคุตติลบัณฑิตแล้ว เสด็จกลับเทวสถาน 
	ครั้น  กาลต่อมา สมเด็จอัมรินทราธิราชตรัสใช้ให้พระมาตลีเทพสารถี นำเวชยันตราชรถลงมารับ คุตติลบัณฑิตไปยังเทวโลกเพื่อให้
ดีดพิณถวาย คุตติลบัณฑิตจึงกราบทูลท้าวโกสีย์ในท่ามกลาง  เทพบริษัท เพื่อไต่ถามถึงบุรพกรรมของเทพธิดาทั้งหลาย ณ ที่นั้น เป็นรางวัล
แห่งการดีดพิณ  เสียก่อน เมื่อได้รับพระอนุญาตแล้ว จึงไต่ถามถึงบุรพกรรมของเทพธิดาเหล่านั้นว่า
	" ดูกรแม่เทพธิดา ท่านมีวรรณะงามยิ่งนัก มีรัศมีส่องแสงสว่างไปทั่วทุกทิศ สถิตอยู่
เหมือนดาวประกายพฤกษ์ เพราะบุญ
กรรมอะไร ท่านจึงมีวรรณะงามเช่นนี้ ฯลฯ และมีรัศมีสว่างไสวไปทั่วทุกทิศ เพราะบุญกรรม อะไร?"
	 นางเทพธิดานั้น อันคุตติลบัณฑิตถามเหมือนท่านพระมหาโมคคัลลานเถระถามแล้วมีใจยินดี ได้พยากรณ์ปัญหาแห่งผลกรรม
ที่ถูกถามนั้นว่าดิฉันเป็นสตรีผู้ประเสริฐในนระและนารีทั้งหลาย ได้ถวายผ้าอย่างดีผืนหนึ่งแก่ภิกษุรูปหนึ่ง ดิฉันได้ถวายผ้าอันน่ารักอย่างนี้ 
จึงมาได้ทิพยวิมานอันน่าปลื้มใจถึงเช่นนี้ เชิญดูวิมานของดิฉันนั้นเถิด ยิ่งกว่า นั้น ดิฉันยังเป็นนางฟ้าที่มีรูปร่างและผิวพรรณน่ารัก 
ทั้งยังเป็นผู้เลิศกว่านางอัปสรตั้งพันนางอีกด้วย เชิญดูผลแห่งบุญ คือ การถวายผ้าอย่างดีทั้งหลายนั้นเถิด เพราะบุญกรรมนั้น ดิฉันจึงมี
วรรณะงาม เช่นนี้ ฯลฯ และมีรัศมีสว่างไสวไปทั่วทุกทิศ เพราะบุญกรรมนั้น."

๔.วิมานที่จะกล่าวต่อไปนี้ มีความพิสดารเหมือนวัตถทายิกวิมาน.  
	(๑)พระมหาโมคคัลลานเถระถามว่า 
	"ดูกรแม่เทพธิดา ท่านมีวรรณะงามยิ่งนัก ฯลฯ และมีรัศมีสว่างไสวไปทั่ว ทุกทิศ เพราะบุญกรรมอะไร?"
	นางเทพธิดานั้น อันพระโมคคัลลานเถระถามแล้ว มีความปลาบปลื้มใจ ได้พยากรณ์ปัญหาแห่งผลกรรมที่ถูกถามนั้นว่า
	" ดิฉันเป็นสตรีผู้ประเสริฐในนระและนารีทั้งหลาย ได้ถวายดอกมะลิ อย่างดีแก่
ภิกษุรูปหนึ่ง ดิฉันได้ถวายดอกมะลิ
อันน่ารักอย่างนี้ จึงมาได้ ทิพยวิมานน่าปลื้มใจถึงเช่นนี้ นิมนต์พระคุณเจ้าดูวิมานของดิฉันนั้นเถิด ยิ่งกว่านั้น ดิฉันยังเป็นนางฟ้าที่มีรูป
ร่างและผิวพรรณน่ารัก ทั้งยังเป็น ผู้เลิศกว่านางอัปสรตั้งพันอีกด้วย นิมนต์พระคุณเจ้าดูผลแห่งบุญ คือ การถวายดอกมะลิอย่างดีทั้งหลาย
นั้นเถิด เพราะบุญกรรมนั้น ดิฉันจึงมี วรรณะงามเช่นนี้ ฯลฯ และมีรัศมีสว่างไสวไปทั่วทุกทิศเพราะบุญกรรมนั้น." 
	(๒)พระมหาโมคคัลลานเถระถามว่า 
	"ดูกรแม่เทพธิดา ท่านมีวรรณะงามยิ่งนัก มีรัศมีส่องสว่างไสวไปทั่วทุกทิศ สถิตอยู่เหมือนดาวประกายพฤกษ์เพราะ
บุญกรรมอะไร ท่านจึงมีวรรณะงามเช่นนี้ ฯลฯ และมีรัศมีสว่างไสวไปทั่วทุกทิศ เพราะ บุญกรรมอะไร?"
	นางเทพธิดานั้น อันพระโมคคัลลานเถระถามแล้ว มีความปลาบปลื้มใจ ได้พยากรณ์ปัญหาแห่งผลกรรมที่ถูกถามนั้นว่า
	" ดิฉันเป็นสตรีผู้ประเสริฐในนระและนารีทั้งหลาย ได้ถวายจุรณของหอมอย่างดีแก่ภิกษุรูปหนึ่ง ดิฉันได้ถวายจุรณ
ของหอมอันน่ารักอย่างนี้ จึง มาได้ทิพยวิมานอันน่าปลื้มใจเช่นนี้ นิมนต์พระคุณเจ้าดูวิมานของดิฉันนี้เถิด ยิ่งกว่านั้น ดิฉันยัง
เป็นนางฟ้าที่มีรูปร่างและผิวพรรณน่ารัก ทั้งยังเป็นผู้เลิศกว่านางอัปสรตั้งพันนางอีกด้วย นิมนต์พระคุณเจ้าดูผลแห่งบุญ คือ 
การถวายจุรณของหอมอย่างดีทั้งหลายนั้นเถิด เพราะบุญกรรม นั้น ดิฉันจึงมีวรรณะงามเช่นนี้ 
ฯลฯ และมีรัศมีส่องสว่างไปทั่ว
ทุกทิศเพราะบุญกรรมนั้น."  
	(๓)พระมหาโมคคัลลานเถระถามว่า
 	"ดูกรแม่เทพธิดา ท่านมีวรรณะงามยิ่งนัก มีรัศมีส่องสว่างไสวไปทั่วทุกทิศ สถิตอยู่เหมือนดาวประกายพฤกษ์ เพราะบุญ
กรรมอะไร ท่านจึงมีวรรณะงามเช่นนี้ ฯลฯ และมีรัศมีสว่างไสวไปทั่วทุกทิศ เพราะบุญกรรมอะไร?"
	นางเทพธิดานั้น อันพระโมคคัลลานเถระถามแล้ว มีความปลาบปลื้มใจ ได้พยากรณ์ปัญหาแห่งผลกรรมที่ถูกถามนั้นว่า
	" ดิฉันเป็นสตรีผู้ประเสริฐในนระและนารีทั้งหลาย ได้ถวายผลไม้อย่างดีแก่ภิกษุรูปหนึ่ง ดิฉันได้ถวายผลไม้อันน่ารักอย่างนี้ 
จึงมาได้ทิพยวิมาน อันน่าปลื้มใจถึงเช่นนี้ นิมนต์พระคุณเจ้าดูวิมานของดิฉันนั้นเถิด ยิ่งกว่านั้น ดิฉันยังเป็นนางฟ้าที่มีรูปร่างและผิว
พรรณน่ารัก ทั้งยังเป็นผู้เลิศกว่านางอัปสรตั้งพันนางอีกด้วย นิมนต์พระคุณเจ้าดูผลแห่งบุญ คือ การถวายผลไม้อย่างดีทั้งหลายนั้นเถิด 
เพราะบุญกรรมนั้น ดิฉันจึงมี วรรณะงามเช่นนี้ ฯลฯ และมีรัศมีสว่างไสวไปทั่วทุกทิศ เพราะบุญกรรมนั้น." 
	(๔)พระมหาโมคคัลลานเถระถามว่า
	" ดูกรแม่เทพธิดา ท่านมีวรรณะงามยิ่งนัก มีรัศมีสว่างไสวไปทั่วทุกทิศสถิตอยู่เหมือนดาวประกายพฤกษ์ เพราะบุญกรรมอะไร 
ท่านจึงมีวรรณะงามเช่นนี้ ฯลฯ และมีรัศมีสว่างไสวไปทั่วทุกทิศ เพราะบุญกรรมอะไร? นางเทพธิดานั้น อันพระโมคคัลลานเถระ
ถามแล้ว มีความปลาบปลื้มใจ ได้พยากรณ์ปัญหาแห่งผลกรรมที่ถูกถามนั้นว่า ดิฉันเป็นสตรีผู้ประเสริฐในนระและนารีทั้งหลาย ได้ถวาย
อาหารมีรส อย่างดีแก่ภิกษุรูปหนึ่ง ดิฉันได้ถวายอาหารอันน่ารักอย่างนี้ จึงมาได้ ทิพยวิมานอันน่าปลื้มใจถึงเช่นนี้ 
	นิมนต์พระคุณเจ้าดูวิมานของดิฉันนั้นเถิด ยิ่งกว่านั้น ดิฉันยังเป็นนางฟ้าที่มีรูปร่างและผิวพรรณน่ารัก ทั้งยังเป็นผู้เลิศ
กว่านางอัปสรตั้งพันนางอีกด้วย นิมนต์พระคุณเจ้าดูผลแห่งบุญคือการถวายอาหารมีรสอย่างดีทั้งหลายนั้นเถิด เพราะบุญกรรมนั้น 
ดิฉัน จึงมีวรรณะงามเช่นนี้ ฯลฯ และมีรัศมีสว่างไสวไปทั่วทุกทิศ เพราะ บุญกรรมนั้น."
	พระมหาโมคคัลลานเถระถามว่า
	" ดูกรแม่เทพธิดา ท่านมีวรรณะงามยิ่งนัก มีรัศมีสว่างไสวไปทั่วทุกทิศสถิตอยู่เหมือนดาวประกายพฤกษ์ เพราะบุญกรรมอะไร 
ท่านจึงมีวรรณะงามเช่นนี้ ฯลฯ และมีรัศมีสว่างไสวไปทั่วทุกทิศ เพราะบุญกรรมอะไร?"
	 นางเทพธิดานั้น อันพระโมคคัลลานเถระถามแล้ว มีความปลื้มใจ ได้ พยากรณ์ปัญหาแห่งผลกรรมที่ถูกถามนั้นว่า
	"ดิฉันได้นำของหอม ๕ อย่าง ไปประพรมที่องค์พระสถูปทองคำ สำหรับบรรจุพระบรมธาตุของพระกัสสปสัมมาสัมพุทธเจ้า 
นิมนต์พระคุณเจ้า ดูวิมานของดิฉันนี้เถิด ยิ่งกว่านั้น ดิฉันยังเป็นนางฟ้าที่มีรูปร่างและ ผิวพรรณน่ารัก ทั้งยังเป็นผู้เลิศกว่านางอัปสรตั้ง
พันนางอีกด้วย นิมนต์พระคุณเจ้าดูผลแห่งบุญคือการถวายของหอม ๕ อย่างนั้นเถิด เพราะบุญกรรมนั้น ดิฉันจึงมีวรรณะงามเช่นนี้ ฯลฯ 
และมีรัศมีสว่างไสวไปทั่ว ทุกทิศ เพราะบุญกรรมนั้น."

๔.วิมานที่จะกล่าวต่อไปนี้ มีเนื้อความพิสดารเหมือนกับคันธปัญจังคลิกวิมาน"  
	(๑)พระมหาโมคคัลลานเถระถามว่า
	" ดูกรแม่เทพธิดาท่านมีวรรณะงามยิ่งนัก มีรัศมีส่องสว่างไสวไปทั่วทุกทิศ สถิตอยู่เหมือนดาวประกายพฤกษ์ เพราะบุญ
กรรมอะไร ท่านจึงมี วรรณะงามเช่นนี้ ฯลฯ และมีรัศมีสว่างไสวไปทั่วทุกทิศ เพราะบุญ กรรมอะไร?"
	 นางเทพธิดานั้น อันพระโมคคัลลานเถระถามแล้ว มีความปลาบปลื้มใจ ได้พยากรณ์ปัญหาแห่งผลกรรมที่ถูกถามนั้นว่า
	" ดิฉัน ภิกษุและภิกษุณี ทั้งหลาย พากันเดินทางไกล ได้ฟังธรรมเทศนาของท่านเหล่านั้น ได้เข้ารักษาอุโบสถอยู่วันหนึ่ง 
	คืนหนึ่ง นิมนต์พระคุณเจ้าดูวิมานของดิฉันนั้นเถิด ยิ่งกว่านั้น ดิฉันยังเป็นนางฟ้าที่มีรูปร่างและผิวพรรณน่ารักทั้งยังเป็น
ผู้เลิศกว่านางอัปสรตั้งพันนางอีกด้วย นิมนต์พระคุณเจ้าดูผลแห่งบุญทั้งหลายเถิด เพราะบุญกรรมนั้น ดิฉันจึงมีวรรณะงามเช่นนี้ ฯลฯ
และมีรัศมีสว่างไสวไปทั่วทุกทิศ เพราะบุญกรรมนั้น." 
    	(๒)พระมหาโมคคัลลานเถระถามว่า
	" ดูกรแม่เทพธิดา ท่านมีวรรณะงามยิ่งนัก มีรัศมีส่องสว่างไสวไปทั่วทุก ทิศ สถิตอยู่เหมือนดาวประกายพฤกษ์ เพราะบุญ
กรรมอะไร ท่านจึงมี วรรณะงามเช่นนี้ ฯลฯ และมีรัศมีสว่างไสวไปทั่วทุกทิศ เพราะบุญ กรรมอะไร?"
	 นางเทพธิดานั้น อันพระโมคคัลลานเถระถามแล้ว มีความปลาบปลื้มใจ ได้พยากรณ์ปัญหาแห่งผลกรรมที่ถูกถามว่า
	" ดิฉันยืนอยู่ในน้ำ มีจิต เลื่อมใส ได้ถวายน้ำใช้และน้ำฉันแก่ภิกษุรูปหนึ่ง นิมนต์พระคุณเจ้าดูวิมานของดิฉันนั้นเถิด 
ยิ่งกว่านั้น ดิฉันยังเป็นนางฟ้าที่มีรูปร่างและผิวพรรณน่ารัก ทั้งยังเป็นผู้เลิศกว่านางอัปสรตั้งพันนางอีกด้วย 
	นิมนต์พระคุณเจ้าดูผลแห่งบุญทั้งหลายเถิด เพราะบุญกรรมนั้น ดิฉันจึงมี วรรณะงามเช่นนี้ ฯลฯ และมีรัศมีสว่างไสวไปทั่ว
ทุกทิศ เพราะบุญกรรมนั้น."  
	(๓)พระมหาโมคคัลลานเถระถามว่า
 	"ดูกรแม่เทพธิดา ท่านมีวรรณะงามยิ่งนัก มีรัศมีส่องสว่างไสวไปทั่วทุก ทิศ สถิตอยูเหมือนดาวประกายพฤกษ์ เพราะบุญกรรมอะไร 
ท่านจึงมี วรรณะงามเช่นนี้ ฯลฯ และมีรัศมีสว่างไสวไปทั่วทุกทิศ เพราะบุญกรรม อะไร?"
	 นางเทพธิดานั้น อันพระโมคคัลลานเถระถามแล้ว มีความปลาบปลื้มใจ ได้พยากรณ์ปัญหาแห่งผลกรรมที่ถูกถามนั้นว่า
	" ดิฉันไม่คิดมุ่งร้าย ตั้งใจปฏิบัติเป็นอย่างดี ซึ่งแม่ผัวและพ่อผัวผู้ดุร้าย ผู้มักโกรธง่ายและหยาบ คาย เป็นผู้ไม่ประมาท
ในการรักษาศีลของตน นิมนต์พระคุณเจ้าดูวิมานของดิฉันนั้นเถิด ยิ่งกว่านั้น ดิฉันยังเป็นนางฟ้าที่มีรูปร่างและผิวพรรณน่ารัก ทั้งยังเป็นผู้
เลิศกว่านางอัปสรตั้งพันนางอีกด้วย นิมนต์พระคุณเจ้า ดูผลแห่งบุญทั้งหลายเถิด เพราะบุญกรรมนั้น ดิฉันจึงมีวรรณะงาม เช่นนี้ ฯลฯ และมี
รัศมีสว่างไสวทั่วทุกทิศ เพราะบุญกรรมนั้น." 
	(๔)พระมหาโมคคัลลานเถระถามว่า
	" ดูกรแม่เทพธิดา ท่านมีวรรณะงามยิ่งนัก มีรัศมีส่องสว่างไสวไปทั่วทุกทิศสถิตอยู่เหมือนดาวประกายพฤกษ์ เพราะบุญ
กรรมอะไร ท่านจึงมี วรรณะงามเช่นนี้ ฯลฯ และมีรัศมีสว่างไสวไปทั่วทุกทิศ เพราะบุญกรรมอะไร?"
	นางเทพธิดานั้น อันพระโมคคัลลานเถระถามแล้ว มีความปลาบปลื้ม ใจ ได้พยากรณ์ปัญหาแห่งผลกรรมที่ถูกถามนั้นว่า
	" ดิฉันเป็นหญิงรับใช้ รับจ้างทำกิจการงานของคนอื่น ไม่เกียจคร้าน ไม่เป็นคนโกรธง่าย ไม่ถือตัว ชอบแบ่งปันสิ่งของ 
อันเป็นส่วนของตนที่ได้ มาแก่ปวงชนที่ต้องการ 
	นิมนต์พระคุณเจ้าดูวิมานของดิฉันนั้นเถิด ยิ่ง กว่านั้นดิฉันยังเป็นนางฟ้าที่มี
รูปร่างและผิวพรรณน่ารัก ทั้งยังเป็นผู้เลิศ 
กว่านางอัปสรตั้งพันนางอีกด้วย นิมนต์พระคุณเจ้าดูผลแห่งบุญทั้ง หลายเถิด เพราะบุญกรรมนั้น ดิฉันจึงมีวรรณะงามเช่นนี้ ฯลฯ 
และมีรัศมีส่องสว่างไสวไปทั่วทุกทิศ เพราะบุญกรรมนั้น."
	พระมหาโมคคัลลานเถระถามว่า
	" ดูกรแม่เทพธิดา ท่านมีวรรณะงามยิ่งนัก มีรัศมีส่องสว่างไสวไปทั่วทุกทิศสถิตอยู่เหมือนดาวประกายพฤกษ์ เพราะ
บุญกรรมอะไร ท่านจึงมี วรรณะงามเช่นนี้ ฯลฯ และมีรัศมีสว่างไสวไปทั่วทุกทิศ เพราะบุญ กรรมอะไร?"
	 นางเทพธิดานั้น อันพระมหาโมคคัลลานเถระถามแล้ว มีความปลาบ ปลื้มใจ จึงพยากรณ์ปัญหาแห่งผลกรรมที่ถูกถามนั้นว่า
	" ดิฉันได้ถวายข้าวสุกคลุกนมวัวสดแก่ภิกษุรูปหนึ่ง ผู้กำลังเที่ยวบิณฑบาตอยู่ นิมนต์พระคุณเจ้าจงดูวิมานของดิฉัน
นั้นเถิด ยิ่งกว่านั้นดิฉันเป็นนางฟ้าที่มีรูปร่างและผิวพรรณน่ารัก ทั้งยังเป็นผู้เลิศกว่านางอัปสรตั้งพันนางอีกด้วย เพราะบุญกรรมนั้น 
ดิฉันจึงมีวรรณะงามเช่นนี้ ฯลฯและมีรัศมีสว่างไสวไปทั่วทุกทิศ เพราะบุญกรรมนั้น.ในวิมานเหล่านั้น"

 ๒๕ วิมานที่จะกล่าวต่อไปนี้ มีเนื้อความพิสดารเหมือนกับขีโรทนทา  ยิกาวิมาน.

	พระมหาโมคคัลลานเถระถามว่า
	" ดูกรแม่เทพธิดา ท่านมีวรรณะงามยิ่งนัก ฯลฯ และมีรัศมีสว่างไสว ไปทั่วทุกทิศ เพราะบุญกรรมอะไร?"
	นางเทพธิดานั้น อันพระมหาโมคคัลลานเถระถามแล้ว มีความปลาบ ปลื้มใจ จึงพยากรณ์ปัญหาแห่งผลกรรมที่ถูกถามนั้นว่า
	" ดิฉันได้ถวาย
	๑) น้ำอ้อยงบ ฯลฯ 
	(๒) ผลมะพลับสุก ฯลฯ 
	(๓) อ้อยท่อนหนึ่ง ฯลฯ 
	(๔) แตงโมผลหนึ่ง ฯลฯ
	(๕) ฟักทองผลหนึ่ง ฯลฯ 
	(๖) ยอดผักต้ม ฯลฯ 
	(๗) ผลลิ้นจี่ ฯลฯ 
	(๘) เชิงกราน ฯลฯ
	(๙) ผักดองกำหนึ่ง ฯลฯ 
	(๑๐) ดอกไม้กำหนึ่ง ฯลฯ
	(๑๑) มัน ฯลฯ
	(๑๒) สะเดากำหนึ่ง ฯลฯ 
	(๑๓) น้ำผักดอง ฯลฯ
	(๑๔) แป้งคลุกงาคั่ว ฯลฯ 
	(๑๕) ประคตเอว ฯลฯ 	
	(๑๖) ผ้าอังสะ ฯลฯ 
	(๑๗) พัด ฯลฯ
	(๑๘) พัดสี่เหลี่ยม ฯลฯ
	(๑๙) พัดใบตาล ฯลฯ 
	(๒๐) หางนกยูงกำหนึ่ง ฯลฯ
	(๒๑) ร่ม ฯลฯ
	(๒๒) รองเท้า ฯลฯ
	(๒๓) ขนม ฯลฯ
	(๒๔) ขนมต้ม ฯลฯ 
	(๒๕) น้ำตาลกรวด แก่ภิกษุรูปหนึ่งผู้กำลังบิณฑบาตอยู่ 
	นิมนต์พระคุณเจ้าดูวิมานของดิฉัน นั้นเถิด ยิ่งกว่านั้น ดิฉันยังเป็นนางฟ้าที่มีรูป
ร่างและผิวพรรณน่ารัก ทั้งยังเป็นผู้เลิศกว่า
นางอัปสรตั้งพันนางอีกด้วย เพราะบุญกรรมนั้น ดิฉัน จึงมีวรรณะงามเช่นนี้ ฯลฯ และมีรัศมีสว่างไสวไปทั่วทุกทิศ เพราะ บุญกรรมนั้น."
	เมื่อนางเทพธิดาเหล่านั้น เฉลยผลกรรมที่ได้ทำมาเป็นอันดีอย่างนี้แล้ว คุตติลบัณฑิต  ร่าเริง บันเทิงใจ เมื่อจะแสดงความชื่นชม
ยินดีของตน จึงกล่าวว่า
	"ข้าพเจ้ามาถึงเมืองสวรรค์วันนี้ เป็นการดีแท้ เป็นฤกษ์งามยามดีที่ ข้าพเจ้าได้เห็นนางเทพธิดาทั้งหลาย ที่เป็นนางฟ้ามีรูปร่าง
และผิวพรรณน่ารักใคร่ ทั้งยังได้ฟังธรรมอันแนะนำทางบุญกุศลจากเธอเหล่านั้นด้วย แต่นี้ไป ข้าพเจ้าจักกระทำบุญกุศลให้มาก ด้วยการ
ให้ทาน ด้วยการประพฤติธรรมสม่ำเสมอ ด้วยการรักษาศีลสังวร และด้วยการฝึกอินทรีย์ ข้าพเจ้าจักได้ไปสู่สถานที่ๆ ไปแล้วไม่เศร้าโศก." 
                 จบ คุตติลวิมานที่ ๕.