เมื่อพระวังคีสเถระจะไต่ถามถึงบุรพกรรมของนางเทพธิดานั้น จึงสรรเสริญวิมานของ เธอเสียก่อนเป็นปฐม ด้วยคาถา ๗ คาถา ความว่า
"[๓๕] ดูกรแม่เทพธิดา อาตมาได้เห็นวิมานของท่านนี้ อันมุงและบังด้วย ข่ายแก้วผลึก ข่ายเงินและข่ายทองคำ มีพื้นที่เต็ม
ไปด้วยต้นไม้มี ผลวิจิตรนานาพรรณเป็นระเบียบเรียบร้อย น่ารื่นรมย์ เป็นวิมาน ซึ่งเกิดกัสำหรับบุญ มีซุ้มประตูแล้วด้วยแก้ว ๗ ประการ ที่ลาน
วิมานเรี่ยรายไปด้วยทรายทองงดงามมาก มีรัศมีส่องสว่างไปทั่วทุกทิศ เหมือนพระอาทิตย์มีรัศมีตั้งพัน ซึ่งกำจัดความ
มืดมนได้เป็นปกติใน ยามสรทกาล หรือเหมือนกับแสงเปลวเพลิงซึ่งกำลังลุกอยู่บนยอด ภูเขาในเวลากลางคืน หรือคล้ายกับการ
ลืมตาขึ้นขณะที่ฟ้าแลบในโอกาส ฉะนั้น
วิมานนี้เป็นวิมานลอยอยู่ในอากาศ ก้องกังวาลไปด้วยเสียง ดนตรี คือ พิณเครื่องใหญ่ กลอง และกังสดาล ประโคม อยู่มิได้
ขาดระยะ สุทัสนะเทพนคร อันเป็นเมืองพระอินทร์ ซึ่ง มั่งคั่งไปด้วยสมบัติทิพย์ฉันใด วิมานของท่านนี้ก็ฉันนั้น
วิมานของ ท่านนี้ฟุ้งไปด้วยกลิ่นหอมอย่างยอดเยี่ยมหลายอย่างต่างๆ กัน คือ กลิ่นดอกปทุม ดอกโกมุท ดอกอุบล ดอกจงกลณี
ดอกคัดเค้าดอกพุดซ้อน ดอกกุหลาบ ดอกอังกาบ ดอกรัง ดอกอโศก แย้มกลีบ ส่งกลิ่นหอมระรื่น ทั้งตั้งอยู่ริมฝั่งสระโบกขรณี น่ารื่นรมย์
เรียงรายไปด้วยไม้หูกวาง ขนุนสำมะรอ และต้นไม้ กลิ่นหอม มีทั้งไม้เลื้อยชูดอกออกช่อหอมระรื่น ห้อยย้อยเกาะก่ายลงมา จากปลาย
ใบต้นตาล และมะพร้าว คล้ายกับข่ายแก้วมณี และแก้วประพาฬจัดเป็นของทิพย์ มีขึ้นสำหรับท่านผู้เรืองยศ
อนึ่ง ต้นไม้และดอกไม้ผลทั้งหลายซึ่งเป็นต้นไม้เกิดอยู่ในน้ำและบนบก ทั้ง เป็นรุกขชาติมีอยู่ในเมืองมนุษย์ และไม่มี
ในเมืองมนุษย์ ตลอดจนพรรณไม้ทิพย์ประจำเมืองสวรรค์ ก็ได้มีพร้อมอยู่ใกล้วิมานของท่าน ท่านได้สมบัติทิพย์ทั้งนี้ เป็นผลแห่งการ
ประพฤติทางกาย วาจา ใจและการฝึกฝนอินทรีย์อย่างไร เพราะผลกรรมอะไร ท่านจึงมาเกิดในวิมานนี้
ดูกรนางเทพธิดาผู้มีขนตางอนงาม ขอท่านจงตอบถึงผลกรรม เป็นเหตุได้วิมานที่ท่านได้แล้วนี้ เป็นไปตามที่อาตมาถาม
ท่านแล้วตามลำดับด้วย เถิด?"
ลำดับนั้น นางเทพธิดาตอบว่า
"ก็วิมานที่ดิฉันได้แล้วนี้ มีฝูงหงส์ นกกระเรียน ไก่ฟ้า นกกดและนกเขาไฟ เที่ยวร่อนร้องไปมา ทั้งเต็มไปด้วยหมู่นกนางนวล
นกกะทุง และพญาหงส์ทอง ซึ่งเป็นนกทิพย์ เที่ยวบินไปมา อยู่ตามลำน้ำ และอึงคนึงไปด้วยฝูงนกประเภทอื่นๆ อีก คือ นกเป็ดน้ำ
นกค้อนหอย นกดุเหว่าลาย นกดุเหว่าขาว มีทั้งต้นไม้ดอก ไม้ต้น ไม้ผล อันเกิดเองหลายอย่างต่างพรรณคือ ต้นแคฝอย ต้นหว้า ต้นอโศก
พระคุณเจ้าขา ดิฉันได้วิมาน เหตุนี้ด้วยเหตุผลอันใด ดิฉันจะเล่าเหตุผลอันนั้นถวายพระคุณเจ้า นิมนต์ฟังเถิด คือ
มีหมู่บ้านหมู่หนึ่งชื่อนาฬกคาม ตั้งอยู่ทางทิศ ตะวันออกของพระนครราชคฤห์ ดิฉันเป็นบุตรสะใภ้ประจำตระกูลของบ้านนั้น
อันตั้งอยู่ภายในบุรี ชุมนุมในหมู่บ้านนั้นเรียกดิฉันว่า เสสวดี ดิฉันมีใจชื่นบาน ได้ก่อสร้างกุศลกรรมไว้ในชาตินั้น คือได้บูชาพระธาตุ
พระธรรมเสนาบดี นามว่า อุปติสสะ ซึ่งเป็นที่บูชาของทวยเทพและมนุษย์ทั้งหลายผู้มากไปด้วยคุณความดีมีศีลเป็นต้น หาประมาณมิได้
ซึ่งนิพพานไปแล้ว ด้วยเครื่องสักการะหลาย อย่าง ล้วนแต่รัตนะและดอกคำ ก็แหละครั้นบูชาพระธาตุของพระผู้แสวงหาซึ่งคุณอย่างยอดยิ่ง
ผู้ถึงอนุปทิเสสนิพพานธาตุแล้ว ซึ่งในที่สุดยังเหลืออยู่แต่พระธาตุเท่านั้น
ครั้นดิฉันละกายมนุษย์นั้นแล้วจึงได้มาเกิดในดาวดึงส์สวรรค์ชั้นไตรทศ อยู่ประจำวิมานในเทวโลก."
จบ เสสวดีวิมานที่ ๗.
|